เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 129 ความยากลำบากในการแต่งงานกับภรรยาแสนดี
บทที่ 129 ความยากลำบากในการแต่งงานกับภรรยาแสนดี
สวี่ชิงคิดว่าโจวจินหนานกับเกาจ้านออกไปคุยเรื่องงาน เธอจึงไม่ได้สนใจมากนัก เก็บข้าวของและไปเคี่ยวเนื้อต่อ อีกทั้งยังคิดจะทำบะหมี่เพิ่ม ส่วนพรุ่งนี้เช้าค่อยลุกขึ้นมานึ่งหมั่นโถว
แต่ตอนนี้ยังไม่มีผงฟู เพาะฉะนั้นจะต้องเหลือแป้งไว้สำหรับทำให้ฟู ซึ่งขั้นตอนการทำให้แป้งฟูจะค่อนข้างยาวนาน
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนนึ่งหมั่นโถวจะต้องนวดแป้งด้วยน้ำด่าง ไม่เช่นนั้นหมั่นโถวจะมีรสออกเปรี้ยว
เฟิงซูฮวามองไปทางสวี่ชิง คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ย่าอยากกินซาลาเปา พรุ่งนี้เลยว่าทำซาลาเปาสักหน่อย”
สวี่ชิงยิ้มรับ “ได้ค่ะ มันจะต้องอร่อยมากแน่ ฉันยังจำรสชาติน้ำแกงซี่โครงแกะได้อยู่เลย”
เฟิงซูฮวาโบกมือด้วยความสุขใจ “ไม่ต้องรีบร้อน สองวันมานี้ย่ากินอิ่มมากแล้ว ไม่ได้อยากกินเนื้อนักหรอก”
ในตอนที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง นางได้กินเนื้ออยู่หลายครั้งภายในหนึ่งเดือน เดิมทีนางชื่นชอบการกินเป็นชีวิตจิตใจ และมักจะนึกถึงช่วงเวลาตอนที่เป็นคุณหนูคนโตของบ้าน ทั้งหมดที่ได้กินล้วนเป็นข้าวธัญพืช บะหมี่รสเลิศ มีทั้งเนื้อมีทั้งปลา
สวี่ชิงเกิดความคิดขณะมองดูเนื้อตุ๋นในหม้อ พรุ่งนี้เธอจะทำซาลาเปาเนื้อตุ๋น มันจะต้องมีกลิ่นหอมมากแน่
หลังจากตุ๋นเนื้อเอาไว้อย่างดีในตอนเย็น สวี่ชิงก็เอนกายลงหลังจากอาบน้ำเสร็จ อาจเป็นเพราะการงีบหลับระหว่างวัน จึงทำให้เธอไม่ง่วงนัก
เธอจับมือโจวจินหนาน และพูดว่า “ช่วงนี้คุณทำงานหนักมาก เอาไว้พรุ่งนี้เช้าฉันจะลุกขึ้นมาทำอาหารเอง คุณกับคุณย่าไม่ต้องไปที่ร้านหรอก”
โจวจินหนานไม่เห็นด้วย “ไม่ ผมจะไปกับคุณ หรือคุณจะอยู่บ้านก็ได้”
สวี่ชิงบีบนิ้วของเขา “คุณกลัวว่าจะมีคนมาแกล้งฉันเหรอ? ไม่หรอก ฉันแข็งแกร่งจะตาย ไม่มีใครมาแกล้งได้”
โจวจินหนานไม่ได้พูดอะไรออกไป ได้แต่ตัดสินใจอยู่ในใจ และจะไม่เปลี่ยนความคิดเด็ดขาด
สวี่ชิงลูบแก้มเขา “จริงๆ นะคะ ฉันไม่ใช่ประเภทที่จะยืนนิ่ง ๆ แล้วปล่อยให้คนมารังแกสักหน่อย คุณก็เห็นว่าถ้าใครมาทำให้ฉันโมโห แม้แต่พ่อของฉัน ฉันก็ยังกล้าตีเขาเลย”
โจวจินหนานเม้มปาก เขารู้ว่าสวี่ชิงเกลียดสวี่จื้อกั๋วมากจึงกล้าลงไม้ลงมือกับอีกฝ่าย
มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่พ่อแม่จะตีลูก แต่การที่ลูกตีพ่อแม่กลับนับว่าเป็นเรื่องที่แย่มาก
สวี่ชิงไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพียงลองคิดดูก็จะรับรู้ได้ว่าอะไรคือสาเหตุของความเกลียดชังในใจ?
แม้สวี่ชิงจะพูดคุยเป็นเวลานาน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้โจวจินหนานผู้ดื้อรั้นเปลี่ยนใจ ก่อนที่เขาจะหาวและพูดว่า “ง่วงจัง ผมจะรีบเข้านอนก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าจะตื่นขึ้นมานึ่งซาลาเปาให้พวกคุณ”
โจวจินหนานพลิกตัวและผล็อยหลับไปในทันที เมินเฉยต่อเธอที่กำลังลูบคลำแผลน้ำร้อนลวก
เช้าตรู่วันถัดมา สวี่ชิงก็ตื่นขึ้นมาด้วยพลังงานเต็มเปี่ยม รีบห่อซาลาเปาไส้เนื้อตุ๋นอย่างว่องไว จากนั้นจึงห่อซาลาเปาไส้เต้าหู้ผัดทรงเครื่องให้โจวจินหนาน
เครื่องปรุงรสมีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่มีน้ำมันมาก แต่ถึงอย่างนั้นรสชาติก็ไม่ได้แย่
เมื่อผางเจิ้งหัวมาถึง สวี่ชิงก็ยกซาลาเปาออกจากหม้อนึ่ง
เมื่อมองดูซาลาเปาอวบอ้วนนวลขาวที่ส่งกลิ่นหอมของเนื้อจนฟุ้งกระจาย ผางเจิ้งหัวก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ทั้งที่กินอาหารเช้าแล้ว “พระเจ้า ซาลาเปาเธอน่ากินมาก เธอห่อมันยังไงให้ออกมาสวยแบบนี้?”
สวี่ชิงยิ้มตาหยี “เร็วเข้า มาลองชิมดูสิ ไม่ได้น่ากินอย่างเดียวนะ รสชาติอร่อยด้วย”
บนสรุปของธุรกิจอาหารของบ้านสกุลสวี่ในชาติที่แล้วประกอบไปด้วยอาหารแช่แข็งและอาหารจานด่วน มีผลิตภัณฑ์หลอกหลาย อาทิ ซาลาเปาแช่แข็ง เกี๊ยวแช่แข็ง หุนทุน*(1) บัวลอยน้ำขิงและอื่น ๆ อีกมากมาย
ซาลาเปาไส้เนื้อตุ๋นก็เป็นหนึ่งในนั้น และต่อมาก็มีร้านอาหารเช้าตั้งเรียงรายให้เลือกรับประทาน
อีกทั้งเธอยังมีความสนใจในการเรียนรู้ขั้นตอนการนึ่งซาลาเปาจากพ่อครัวที่สำนักงานจ้างมาในราคาสูง
ผางเจิ้งหัวไม่เกรงใจ เขานั่งลงและหยิบซาลาเปาขึ้นมากิน แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจ “สวี่ชิง ซาลาเปาอร่อยมาก อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมาเลย”
สวี่ชิงยิ้มขณะยื่นซาลาเปาไส้เต้าหู้ให้โจวจินหนาน “ถ้าอร่อยก็กินเยอะ ๆ นะ”
เธอรู้ว่าผางเจิ้งหัวพูดออกมาจากใจจริง ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเต็มใจจะใช้เนื้ออย่างเดียวมาทำซาลาเปา โดยปกติจะใช้เนื้อหนึ่งชั่ง ผักกาดขาวสองต้น และน้ำมันอีกจำนวนมาก
หากพูดถึงซาลาเปาเนื้อแล้ว ด้านในล้วนเป็นผักไปเสียหมด
ดังนั้นใครที่ได้กินเนื้อกับน้ำมันเยอะ ๆ จะรู้สึกว่ามันอร่อย
หลังจากผู้คนเห็นว่ามีไส้มากก็ยิ่งกินมากกว่าเดิม และกลิ่นหอมที่มาจากการปรุงอาหารด้วยเครื่องปรุงรสต่าง ๆ ก็ค่อนข้างแตกต่างออกไป
เป็นครั้งแรกที่โจวจินหนานได้ลิ้มลองซาลาเปาไส้เต้าหู้ มันนุ่มฟูมาก กลิ่นหอมของเต้าหูออกเค็มและฉุนเล็กน้อย ทำให้ผู้คนไม่อาจหยุดกินได้
ผางเจิ้งหัวกินสามชิ้นติดต่อกัน และมองดูสวี่ชิง “สวี่ชิง เธอทำซาลาเปาอร่อยมาก ลองขายดูก็ดีนะ”
สวี่ชิงส่ายหัว “ถ้าขายซาลาเปาเราจะขาดทุนเอาได้ ใส่เนื้อไปไม่พอมันก็จะไม่อร่อย แล้วเนื้อมีราคาตั้งเท่าไหร่? ไม่ต้องห่วง เราค่อย ๆ ทำมันทีหลังก็ได้ ตอนนี้ทำธุรกิจอาหารจานด่วนก่อน”
ไม่เพียงแต่จะต้องทำตามเวลาเท่านั้น แต่จะต้องดำเนินการทีละขั้นตอนด้วย
แม้สวี่ชิงจะได้มาเกิดใหม่ แต่เธอก็ยังอยากจะใช้เงินที่หามาได้อย่างยากลำบากให้เกิดประโยชน์สูงสุด
หลังจากกินซาลาเปาไส้เนื้อตุ๋นเอาไว้แล้ว ผางเจิ้งหัวยังอยากจะลิ้มลองซาลาเปาไส้เต้าหู้ และนึกไม่ถึงว่าเต้าหู้ธรรมดาจะสามารถเอาทำมาให้มีรสชาติอร่อยได้
เขารู้สึกทึ่งครั้งแล้วครั้งเล่า “สวี่ชิง เธอเก่งมากจริง ๆ”
โจวจินหนานที่กำลังกินซาลาเปาคิดหาวิธีออกกำลังกายอยู่ในใจเงียบ ๆ หากกินไขมันเยอะแบบนี้ เขาคงจะวิ่งต่อไม่ไหวแน่
…………
ครอบครัวของสวี่ชิงกำลังรับประทานอาหารอยู่ในลานกว้างอย่างมีความสุข ในขณะที่บ้านสกุลโจวถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำทะมึน
ในตอนเย็น ซูฮุ่ยหรูเอาอาหารไปส่งให้โจวจินซวน และพบกับใบหน้าที่บวมเป่ง จมูกชอกช้ำ หล่อนรับไม่ได้จนยืนกรานที่จะพาลูกชายกลับไปรักษาตัวที่บ้าน
ไม่ว่าจะซักถามอย่างไร โจวจินซวนก็ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนทำร้ายเขา
ทว่าซูฮุ่ยหรูคิดว่าสวี่หรูเยว่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หล่อนจึงรีบเข้าไปฟ้องโจวเฉิงเหวินตั้งแต่เช้าตรู่ “คุณเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับโจวจินซวนหรือยังคะ? ไม่คิดจะสนใจลูกบ้างหรือไง?”
ถึงอย่างนั้นโจวเฉิงเหวินกลับคิดว่าโจวจินซวนหาเรื่องใส่ตัว “อยู่บ้านเฉย ๆ ดีๆ ไม่ว่าดี แส่วิ่งออกไปเอง แล้วจะโทษใครได้?”
ซูฮุ่ยหรูเอ่ยด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “ถ้าคุณไม่สนใจ งั้นฉันจะไปถามด้วยตนเอง ถามบ้านนั้นว่ามีกฎหมายอยู่ในสายตาบ้างหรือเปล่า ถึงได้กล้าลงไม้ลงมือกันแบบนี้”
เฉิยหยิงรู้สึกเศร้าใจต่อหลานชาย และเห็นด้วยกับซูฮุ่ยหรู “ไปถามเลย เราต้องรู้ให้ได้ว่าทำไม”
โจวเฉิงเฉียนกินข้าวต้มขณะมองดูซูฮุ่ยหรู จากนั้นจึงมองไปที่โจวเฉิงเหวิน “เฉิงเหวิน นายก็เป็นพ่อที่ประมาทเกินไป ถ้ามีใครมาทำให้ลูกชายฉันบาดเจ็บ ฉันคงจะไปหักขาไอ้คนทำสักข้าง!”
โจวเฉิงเหวินย่นคิ้ว “หยาบคายเกินไปครับ”
โจวจินซวนกลัวว่าแม่ของเขาจะบุกไปเอาคืนที่บ้านของหลี่ต้าหย่งโดยไม่ถามคู่กรณีก่อน แค่นี้เขาก็รู้สึกอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
เขาพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “พอเถอะครับ หยุดเดากันสักที พี่ใหญ่เป็นคนทำ”
ซูฮุ่ยหรูตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะตะเบ็งเสียงดัง “อะไรนะ? โจวจินหนานตีลูกเหรอ? ทำไมพี่เขาถึงมาตีลูกได้?”
โจวเฉิงเหวินรู้สึกเหลือเชื่อเช่นกัน “ทำไมพี่ใหญ่ลูกถึงได้ลงไม้ลงมือหนักแบบนี้?”
โจวจินซวนแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พอพี่ใหญ่มาถึง เขาก็เอาแต่ทุบตีผม”
ซูฮุ่ยหรูตื่นตระหนก โจวจินหนานพยายามจะทำอะไร?
ต้องการเอาคืนหล่อนเหรอ?
……………………………………………………………………………………………………………………….
*(1) หุนทุน เป็นเกี๊ยวประเภทหนึ่งที่มีลักษณะการห่อเป็นรูปสี่เหลี่ยม แตกต่างจากเกี๊ยวที่จะถูกห่อเป็นรูปวงรี เช่นเดียวกันพระจันทร์เสี้ยว
สารจากผู้แปล
ร้อนตัวล่ะสิคุณแม่ ถามไปถามมาปรากฏตัวเป็นลูกตัวเองตีกันเอง เกือบไปมีเรื่องกับบ้านนู้นแล้วไหมล่ะ
ไหหม่า(海馬)