เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 119 ฉันฝันว่าแท้งลูกของเรา
ตอนที่ 119 ฉันฝันว่าแท้งลูกของเรา
สวี่ชิงมองเฟิงซูฮวาด้วยความตกใจ “คุณย่าพูดว่าอะไรนะคะ?”
เฟิงซูฮวาขมวดคิ้ว “คนที่ส่งสิ่งนี้มานี่เลวจริง ๆ แม้ว่าพิษจะไม่แรงมาก แต่มันจะทำร้ายร่างกายของแม่ ถ้าตั้งครรภ์อยู่แล้วก็จะแท้งลูกได้”
ใบหน้าของสวี่ชิงเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที ดังนั้นที่เธอต้องเสียลูกไปในชาติก่อน ก็เป็นเพราะนมมอลต์นี่หรือ?
ตอนที่เธอเพิ่งตั้งครรภ์ เฉินหยิงได้นำนมมอลต์หนึ่งกระป๋องมาให้เธอ เพื่อบำรุงให้ลูกของเธอมีสุขภาพแข็งแรง เธอจึงชงดื่มวันละถ้วยทุกวัน มันเป็นเพราะนมมอลต์ที่ทำให้เธอแท้งลูกงั้นหรือ?
ไม่สิ ฟางหลานซินบอกว่าหล่อนเป็นคนทำให้เธอแท้งด้วยฝีมือตัวเอง
อีกอย่างคือทำไมเฉินหยิงถึงต้องการทำร้ายเด็กด้วย?
หรือว่าเธอถูกวางยาพิษมาตั้งแต่แรก แล้วฟางหลานซินก็เพิ่งมาลงมือทีหลัง
สวี่ชิงรู้สึกเหมือนสมองของเธอกำลังจะระเบิด เธอนึกถึงทารกในครรภ์ที่เริ่มเป็นรูปร่างนอนจมอยู่ในกองเลือด
หัวใจของเธอสั่นสะท้าน ความเจ็บปวดพรั่งพรูเข้ามา
เฟิงซูฮวาเห็นใบหน้าซีดเซียวกับดวงตาแดงก่ำราวกับกำลังจะร้องไห้ของสวี่ชิง นางจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ชิงชิง หลานเป็นอะไรไปจ๊ะ? ไม่ต้องกลัวนะ เจ้าสิ่งนี้ไม่ได้มีพิษร้ายแรงนัก และมันทำร้ายหลานในตอนนี้ไม่ได้ และย่าจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายหลานได้แน่นอน”
สวี่ชิงไม่อาจพูดถึงความเจ็บปวดในชีวิตก่อนหน้านี้ได้ เธอวางมือบนเข่าของเฟิงซูฮวา แล้วคุกเข่าร้องไห้เงียบ ๆ คนที่ทำร้ายเด็กที่ยังไม่ทันได้เกิดนั้นต้องโหดร้ายเพียงใด
เมื่อโจวจินหนานได้ยินเสียงสะอื้นของสวี่ชิง หัวใจของเขาก็ปวดร้าวโดยไม่มีเหตุผล เขาถามเฟิงซูฮวา “คุณย่า คุณย่าแน่ใจหรือครับว่านมมอลต์นี้มีสิ่งผิดปกติ?”
เฟิงซูฮวาพยักหน้า “มีแน่นอน ถ้าฉันแยกไม่ออก ฉันก็คงอยู่อย่างเปล่าประโยชน์มานานกว่าหกสิบปี”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง นางก็พูดว่า “แม้คุณย่าของเธอจะเป็นคนนำมันมาให้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหล่อนจะเป็นคนใส่ยาพิษลงไป ไม่มีใครโง่เขลาอย่างโจ่งแจ้งขนาดนั้นหรอก”
โจวจินหนานพยักหน้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
เฟิงซูฮวายิ้มและลูบหลังสวี่ชิง “ดูหลานสิ หลานร้องไห้ด้วยความตกใจได้ แต่หลานต้องไม่วิตกจนเกินไป อีกอย่างคือพิษทั้งหลายในโลกนี้ย่อมมีทางแก้ และวิธีล้างพิษก็มีหลายวิธี ดังนั้นหลานต้องเรียนรู้จากย่า”
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นแล้วปาดน้ำตาบนใบหน้า รู้สึกอายเล็กน้อย “คุณย่า ฉันแค่รู้สึกแย่มาก และรู้สึกกังวลด้วย”
เฟิงซูฮวายิ้ม “หลานยังไม่ได้เจอกับเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นจริง ๆ ดังนั้นยังไม่เป็นไรหรอก”
โจวจินหนานไม่ได้พูด เขาเม้มปากขบฟันแน่น มีร่องรอยของความโหดเหี้ยมในความเย็นชาของเขา
คนคนนั้นกล้าดีอย่างไรมาแตะต้องเขา ดูเหมือนจะไม่ได้สำนึกผิดเลย
สวี่ชิงสงบสติอารมณ์ และหยิบถุงตาข่ายไปวางบนพื้น “ฉันจะเอามันทิ้งไปให้หมด จะเปิดฝาแล้วเทมันลงในโถส้วมเพื่อไม่ให้ทำอันตรายใครได้”
เฟิงซูฮวายิ้ม “ไม่เป็นอะไรหรอก เก็บไว้ให้ย่าเถอะ ย่าดื่มมันได้ ย่าไม่กลัวสิ่งนี้”
เธออธิบายให้สวี่ชิงฟังว่า “มันเป็นอันตรายต่อสตรีมีครรภ์เท่านั้น แต่ไม่เป็นอันตรายต่อคนธรรมดา ทิ้งไปก็จะเสียของเปล่า ๆ“
สวี่ชิงรู้สึกสงสัย “จริงเหรอคะ?”
เฟิงซูฮวายกยิ้ม “ย่าจะหลอกหลานเหรอ วางมันลงก่อนแล้วรีบไปกินข้าวเถอะ หลังอาหารเย็นหลานต้องตุ๋นหมูอีกไม่ใช่เหรอ”
สวี่ชิงวางมันลงและนั่งกินข้าว
เธอยังคงรู้สึกอึดอัดในใจราวกับว่ามีบางอย่างแหลกสลาย เธอจึงไม่รู้สึกเจริญอาหารเลย และกินข้าวต้มได้เพียงครึ่งชามก่อนจะไปตุ๋นหมู
เฟิงซูฮวาเหลือบมองสวี่ชิงที่เข้าไปทำงานในห้องครัว และกระซิบกับโจวจินหนานที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ ว่า “ผู้หญิงคนนี้ต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่ในใจแน่ ๆ พวกเธอเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เธอต้องมีความอดทนและความเข้าใจให้มาก”
โจวจินหนานพยักหน้า “คุณย่า ผมสงสารชิงชิงครับ”
เฟิงซูฮวาลูบไหล่โจวจินหนานด้วยความเอ็นดู ดวงตาที่หรี่ลงฉายแววฉลาดเฉลียว “เธอมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ไม่จำเป็นต้องพูด เพียงแค่ดูแลชิงชิงให้ดี”
โจวจินหนานรู้สึกเสมอว่าเฟิงซูฮวารู้อะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรอีกและกินข้าวเงียบ ๆ
สวี่ชิงยุ่งมากจนถึงเที่ยงคืน แล้วเธอก็ทำหมูตุ๋นแสนอร่อยหนึ่งหม้อเสร็จ หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว เธอก็ไปอาบน้ำก่อนเข้านอน
เมื่อคิดว่าโจวจินหนานหลับสนิทแล้ว เธอก็ปีนขึ้นไปบนเตียงอย่างแผ่วเบา ทันทีที่เธอล้มตัวลงนอน โจวจินหนานก็เอื้อมมือออกไปคว้าตัวเธอมากอดไว้แน่น
สวี่ชิงตกตะลึงครู่หนึ่ง และถามเสียงเบาว่า “ทำไมยังไม่นอนอีกคะ”
โจวจินหนานลูบหลังเธอเบา ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนเขากำลังปลอบโยนแมว “ไม่ต้องกลัวนะ ผมแน่ใจว่าจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณ”
สวี่ชิงคาดไม่ถึงว่าโจวจินหนานจะยังคงครุ่นคิดเรื่องนมมอลต์อยู่ เธอเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเขา “ฉันสบายดี แค่จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจมากในตอนนั้น คุณเชื่อไหมคะว่าความฝันบางอย่างอาจจะเป็นจริงได้?”
โจวจินหนานไม่ได้พูดและยังคงลูบหลังสวี่ชิงซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนกำลังส่งสัญญาณให้เธอเล่าต่อ
สวี่ชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เมื่อสองวันก่อนฉันฝัน ฝันว่าท้อง แต่พอฉันท้องได้ห้าเดือน จู่ ๆ ก็แท้งลูก ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นเพราะอะไร แล้วคุณก็คิดว่าเป็นเพราะฉันไม่อยากมีลูก เลยจงใจทำให้เป็นแบบนั้น แล้วคุณก็ทำตัวเย็นชากับฉัน…”
ขณะที่เธอพูด ความรู้สึกในชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอก็หวนกลับมา เธอจึงสะอื้นเล็กน้อย
โจวจินหนานกอดเธอแน่นขึ้นอีก เขาแทบรอไม่ไหวที่จะโอบกอดสวี่ชิงให้แนบชิดกับร่างกายของเขา และจูบเรือนผมของเธอ “จะไม่เป็นแบบนั้น ต่อให้ลูกจะจากไปจริง ๆ ผมก็จะไม่โทษคุณ ตราบใดที่คุณสบายดี อย่างอื่นก็ไม่สำคัญ”
สวี่ชิง “…”
ลูกถือเป็นอย่างอื่นด้วยหรือ?
อยู่ดี ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือสงสารลูกต่อดี
คนในอ้อมแขนของเขาลูบแก้มเขาอย่างเสน่หา “มันดึกมากแล้ว ฉันง่วงมาก ฉันอยากนอน”
มันเป็นวันที่วุ่นวายทั้งวัน ดังนั้นแม้ว่าจะเกิดเรื่องขึ้นเล็กน้อยก็ไม่ส่งผลต่ออาการง่วงนอนของสวี่ชิง หลังจากหาวไม่กี่ครั้งเธอก็ผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของโจวจินหนาน
โจวจินหนานนอนไม่หลับด้วยเหตุผลบางอย่าง ความฝันที่สวี่ชิงเล่าให้เขาฟังทำให้เขาตื่นตระหนก
เหมือนมีบางอย่างที่อยากจะคว้าเอาไว้ แต่ไม่อาจคว้าไว้ได้
สวี่ชิงรู้สึกดีที่ตนยังเป็นสาวอยู่ เธออยู่จนถึงตีสองแต่ยังตื่นหกโมงครึ่งตรงเวลา และยังคงรู้สึกสดชื่นได้
เธอกอดโจวจินหนานและจูบเขาอย่างมีความสุข “อรุณสวัสดิ์ เริ่มต้นวันใหม่แล้วนะคะ ฉันจะตั้งใจทำงาน”
หลังจากพูดโดยไม่รอให้โจวจินหนานตอบสนอง เธอก็ลุกขึ้นสวมรองเท้าแล้วออกไปแปรงฟันและล้างหน้า ก่อนจะเตรียมอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว
หัวใจที่หม่นหมองของโจวจินหนานได้รับการเยียวยาด้วยรอยจูบของสวี่ชิง เขาแตะแก้มตัวเองแล้วหัวเราะเบา ๆ
เฟิงซูฮวาตื่นแต่เช้าและนั่งบนเก้าอี้หวายในสวนแต่เช้า เธอถือกล่องดำที่มีกู่ไว้ในอ้อมแขนของเธอ ขณะโยกตัวไปมาด้วยรอยยิ้ม
สวี่ชิงคิดว่ามันค่อนข้างตลก คนอื่นมักจะกอดแมวและสุนัขไว้ในอ้อมแขนของพวกเขา
แต่เฟิงซูฮวากอดกู่ไว้ในอ้อมแขนของนางในฐานะสัตว์เลี้ยง ซึ่งมันเป็นสัตว์ประหลาดตัวน้อยที่มีพิษร้ายแรง
คิดแล้วก็รู้สึกขนลุก
ขณะล้างหน้า เธอถามเฟิงซูฮวาว่า “คุณย่า เช้านี้อยากกินอะไรคะ?”
เฟิงซูฮวาหรี่ตาครุ่นคิดถึงวันเก่า ๆ “ตอนที่ย่ายังเป็นเด็ก ย่าชอบกินซุปเนื้อแกะกับแป้งทอดในตอนเช้า”
สวี่ชิงทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “เกรงว่าจะยังทำไม่ได้นะคะ ตอนบ่ายฉันต้องไปซื้อเครื่องใน พรุ่งนี้เช้าฉันจะทำให้คุณย่าแล้วกันค่ะ เช้านี้ให้ฉันทำแป้งทอดต้นหอมใส่ไข่ให้ย่าดีไหมคะ?”
เหมือนกับแป้งทอดต้นหอมใส่ไข่ที่เคยกินในชีวิตก่อนหน้านี้
สวี่ชิงกินครั้งเดียวก็รู้สึกว่ารสชาติดีมาก
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชาตินี้จะไม่เหมือนชาติก่อนแล้วนะชิงชิง เหตุการณ์น่าจะเปลี่ยนไป จากร้ายอาจกลายเป็นดีก็ได้ค่ะ
ไหหม่า(海馬)