เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 107 เหตุกระต่ายตื่นตูม
บทที่ 107 เหตุกระต่ายตื่นตูม
สวี่ชิงตกใจกลัวเมื่อเห็นเลือดบนพื้น จนปล่อยมือโจวจินหนานและวิ่งเข้าไปในบ้านพลางตะโกนเรียก “คุณย่า…”
น้ำเสียงของเธอสั่นพร่า
แต่ไม่ทันเข้าไปในบ้านก็เห็นเฟิงซูฮวายันไม้เท้าเดินออกมา นางดูแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าแตกตื่นของสวี่ชิง “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงหน้าซีดไร้สีเลือดขนาดนั้นล่ะ”
สวี่ชิงถอนหายใจโล่งอก เธอจับมืออีกฝ่ายพลางมองสำรวจหัวจรดเท้า “คุณย่า เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมเลือดถึงเต็มลานบ้านเลย ฉันกลัวแทบแย่”
เฟิงซูฮวาหัวเราะ “ไม่ต้องกลัวไป เลือดหมูที่ย่าตั้งใจเทเอาไว้น่ะ พอดีเจอรอยงูที่ลานบ้านเมื่อสองวันก่อน ไม่รู้ว่าได้กลิ่นหนอนแมลงเลยอยากกินหรือเปล่า ถึงได้เข้ามาในบ้าน”
สวี่ชิงรู้สึกขนลุก ที่นี่ร่มรื่นมาก พวกเขาอยู่แถวชานเมืองซึ่งมีที่นาอยู่ไม่ห่างจากภูเขา ทำให้เจองูได้บ่อยครั้ง
แต่ยากที่จะเจอในบ้าน เพราะตามปกติงูก็กลัวคนเช่นกัน
แค่คิดว่างูเข้าบ้านก็ทำให้หวาดกลัวขึ้นมา
“มีพิษไหมคะ”
เฟิงซูฮวาพยักหน้า “อืม ถ้าได้กลิ่นแมลงกู่ก็คงเป็นงูมีพิษ แต่งูมีพิษที่นี่ก็ไม่ได้มีพิษร้ายแรงมากนักหรอก ย่าเองก็ไม่รู้ว่ามันจะโผล่มาหรือเปล่า”
พูดจบนางก็หรี่ตา “ส่วนใหญ่งูที่กล้ามากินหนอนแมลงกู่ก็มักเป็นงูแปลกๆ”
สวี่ชิงเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินเช่นนั้น เมื่อนึกถึงงูพวกนั้น เธอก็หวาดหวั่นจากก้นบึ้งจิตใจ
“ย่าคะ ต่อไปฉันคงไม่ต้องเรียนเรื่องพวกนี้ใช่ไหมคะ”
เธอรับได้แค่ซากแมลงมีพิษน่าเกลียดและซากงูเท่านั้น แต่คงทนเห็นมันแบบตัวเป็นๆ ไม่ไหวแน่
เฟิงซูฮวาเงยหน้ามองเธอ “ต้องเรียนอยู่แล้วสิ การฝังเข็มมันแค่ผิวเผิน ยังมีอีกหลายเรื่องที่หลานต้องเรียน”
ด้วยสภาพร่างกายที่เหมาะสมแบบนี้ คงน่าเสียดายนักหากไม่ได้เรียน
สวี่ชิงท้อใจทันที “ย่าคะ อีกไม่นานฉันก็จะเริ่มทำธุรกิจแล้ว ต้องยุ่งมากแน่ อาจจะไม่มีเวลามาเรียนน่ะค่ะ”
เฟิงซูฮวาเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ไม่เป็นไร ถึงตอนนั้นย่าจะย้ายไปหาเอง หลานเรียนตอนกลางคืนก็ได้ คงไม่งานยุ่งตอนกลางคืนหรอกนะ”
พูดจบนางก็มองหน้าโจวจินหนานที่อยู่ด้านหลัง “ต้องเร่งมือแล้ว ทำไมของที่เตรียมเอาไว้ยังไม่มาถึงนะ คงต้องใช้เวลาเลี้ยงหนอนแมลงกู่นานเลย”
โจวจินหนานพยักหน้า “ครับ เดี๋ยวผมจะบอกเกาจ้านให้”
เดิมทีสวี่ชิงอยากจะช่วยเฟิงซูฮวาถอนหญ้าที่แปลงผัก แต่เมื่อได้ยินเรื่องงู และยังอาจเป็นงูมีพิษ เธอก็ไม่กล้าไป ทำเพียงนั่งคุยกับเฟิงซูฮวาที่ลานบ้าน
“ถ้าเพื่อนบ้านมาเห็นเลือดในบ้านเข้าล่ะคะ ขนาดฉันเห็นยังตกใจเลยค่ะ”
เฟิงซูฮวายิ้มพลางโบกมือ “ไม่เป็นไรหรอก ย่าไปซื้อเลือดหมูมาตอนเช้า บอกไปว่าอยากทำเลือดหมูแล้วก็เผลอทำหกเลอะพื้นก็ได้ อีกอย่างนอกจากหลานแล้วก็ไม่มีใครแวะมาหรอก”
สวี่ชิงอยู่คุยกับนางพักหนึ่งก็ไปทำก๋วยเตี๋ยว พร้อมทั้งแป้งทอดโรยงาดำ ที่ทั้งเหลืองทองสวยทั้งสองด้านและกรอบ ซึ่งทำเป็นของว่างให้ย่าตนเอง
เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็กลับบ้านกับโจวจินหนาน
พวกเขามาถึงบ้านก็เห็นซูฮุ่ยหรูยืนอยู่หน้าประตู ในมือหิ้วตะกร้าและมองมาเป็นระยะ ดูท่าจะมารอนานแล้ว
สวี่ชิงงุนงงเล็กน้อย ตั้งแต่พวกเขาแต่งงานและย้ายออกมาอยู่ข้างนอก ซูฮุ่ยหรูไม่เคยถามว่าบ้านอยู่ที่ไหน ทั้งยังปั้นสีหน้าเหมือนโศกเศร้าเต็มที แล้วอยู่ๆ หล่อนมาที่นี่ได้อย่างไร
เธอจึงกระซิบบอกโจวจินหนาน “แม่ของคุณมาที่นี่ค่ะ ยืนอยู่หน้าประตูบ้านเรา”
โจวจินหนานตัวแข็งทื่อทันที ในใจนึกโกรธอยู่บ้าง
เขายังจำบาดแผลของเจ้าไป๋หลางได้
ซูฮุ่ยหรูเห็นสวี่ชิงกับโจวจินหนานจับมือกันอยู่ห่างออกไป ท่าทางดูใกล้ชิดไม่น้อย ความอิจฉาก่อตัวขึ้นในใจหล่อน ลูกชายเห็นหล่อนเป็นศัตรู แต่กลับเปิดใจให้กับผู้หญิงคนอื่น
โดยไม่แยแสชื่อเสียงฉาวโฉ่ของสวี่ชิงด้วยซ้ำ!
หล่อนพยายามข่มความไม่พอใจของตนระหว่างรอให้ทั้งสองก้าวเข้ามา ก่อนฝืนยิ้มให้ “ไปไหนกันมา ฉันมารอตั้งนานเลย”
เมื่อเห็นโจวจินหนานไม่คิดจะตอบคำถาม สวี่ชิงจึงเอ่ย “ฉันไปบ้านคุณย่ามาค่ะ คุณมาหามีอะไรหรือเปล่าคะ”
ซูฮุ่ยหรูไม่สบอารมณ์กับท่าทางของหล่อน แต่ไม่อาจพูดต่อหน้าลูกชายได้จึงยิ้มให้ “ไปคุยกันในบ้านเถอะ”
สวี่ชิงคิดว่าคงเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกจะพูดหน้าประตู หากชาวบ้านได้ยินและนำไปซุบซิบกัน เรื่องจะแพร่สะพัดไปไกลอีก
ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องวุ่นวายในครอบครัว
เธอจึงเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้ามาในบ้าน
ซูฮุ่ยหรูมองลานบ้านเล็ก ขนาดไม่ถึงครึ่งของที่บ้าน แม้จะสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย ก็ยังเทียบกับที่บ้านไม่ได้
เมื่อมองสำรวจจนทั่วก็ละสายตามองโจวจินหนานที่พุ่งตรงไปนั่งบนเก้าอี้หวาย “น้องชายลูกจะแต่งงานวันพุธหน้า ลูกกับชิงชิงอย่าลืมกลับไปร่วมงานด้วยล่ะ”
สวี่ชิงแปลกใจ โจวจินซวนจะแต่งงานแล้วหรือ
แต่งงานกับใครกัน
โจวจินหนานบอกปัดทันที “ผมไม่ไปครับ”
ซูฮุ่ยหรูชะงักไปครู่หนึ่ง “ถึงยังไงก็เป็นน้องชาย เขาแต่งงานทั้งทีจะไม่ไปได้ยังไง”
โจวจินหนานนิ่วหน้า “เขาแต่งงานแล้วผมต้องไปร่วมงานด้วยเหรอ ผมไม่สะดวก ตอนนี้สภาพผมเป็นแบบนี้ ถึงยังไงก็ไม่สะดวกที่จะไปไหนโดยไม่มีไป๋หลาง”
ซูฮุ่ยหรูถึงกับปวดใจขึ้นมา “ลูกหมายความว่ายังไง”
โจวจินหนานเอ่ยเสียงเรียบไร้อารมณ์ “อย่าคิดว่าผมไม่เอาความตอนนี้แล้วเรื่องจะจบนะครับ ผมไม่ปล่อยผ่านเรื่องที่ไป๋หลางบาดเจ็บแน่”
ซูฮุ่ยหรูเผลอก้าวถอยหลัง “ลูกคิดว่าแม่ทำร้ายไป๋หลางเหรอ แม่จะทำแบบนั้นไปทำไม”
น้ำเสียงหล่อนสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
สวี่ชิงเห็นแววตื่นตระหนกบนใบหน้าของซูฮุ่ยหรู ก็นึกชื่นชมโจวจินหนานที่สามารถคาดเดาว่าเป็นฝีมือของอีกฝ่ายได้
โจวจินหนานเพียงขมวดคิ้วและไม่คิดพูดอะไรอีก
ซูฮุ่ยหรูพลันรู้สึกร้อนตัว “ลูกเกลียดแม่เลยโทษแม่ แต่ไม่คิดว่าแม่จะปวดใจบ้างเลยเหรอ พ่อของลูกแต่งงานกับแม่แต่ในนามเท่านั้น เขามีสาวนักศึกษาคนนั้นอยู่ในใจตลอดเวลา”
“ตอนแรกถ้าไม่ได้ลุงช่วย ลูกจะได้ไปโรงเรียนเหรอ พ่อส่งเงินมาทุกเดือนก็จริง แต่ก็ไม่พอยาไส้เลย แล้วผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างแม่จะทำอะไรได้”
พูดจบหล่อนก็ปล่อยโฮออกมา และทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งข้างตัว ปาดน้ำตาไปพลางตัดพ้อไปพลาง “แม่ก็รู้ว่าตัวเองทำผิด แต่จะทำอะไรได้ แม่ทนมองลูกอดตายไม่ได้หรอกนะ”
สวี่ชิงมองหล่อนร่ำไห้ปาดน้ำตาแล้วยังไม่เข้าใจนัก หล่อนเลี้ยงโจวจินหนานมาได้ตั้งแต่เด็ก แล้วจะไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างไร
เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงข้ออ้าง ทั้งหมดเป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น
โจวจินหนานเผยท่าทางไม่พอใจชัดเจน “ถ้าพูดจบแล้วก็รีบกลับไปได้แล้วครับ แต่ถ้าอยากให้ความสัมพันธ์ของเรามันแย่ลงก็พูดต่อสิ”
ซูฮุ่ยหรูยังมีคำมากมายในใจ แต่กลับพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น
ท้ายที่สุดจึงจำใจจากไปพร้อมดวงตาแดงก่ำ
ในขณะสวี่ชิงยังสงสัยว่าทำไมโจวจินซวนถึงได้แต่งงานเร็วนัก
เพียงแค่เธอนึกไม่ถึงเลยว่าที่แท้โจวจินซวนจะแต่งงานกับสวี่หรูเยว่!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คุณย่าอะ ตกใจหมดเลย นึกว่ามีคนบุกทำร้าย
แม่พี่หนานมาทำอะไรเนี่ย มากลบหลักฐานที่ทำร้ายไป๋หลางเหรอ
ส่วนจินซวนกับหรูเยว่แต่งงานกันเฉย
ไหหม่า(海馬)