เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 101 ขนมพอผสมกับน้ำยาไปอีกแบบ
ตอนที่ 101 ขนมพอผสมกับน้ำยาไปอีกแบบ
ซูฮุ่ยหรูตะลีตะลานเข้ามา โดยไม่ได้เห็นว่าโจวจินหนานนั่งอยู่ด้านหลังเธอ
หล่อนไม่ทันได้สังเกตสวี่ชิงด้วยซ้ำ ขณะรีบโผไปหาติงชางเหวิน
สวี่ชิงนึกแปลกใจ เมืองเอกมณฑลออกจะกว้างขวาง ถึงจะเล็กก็คงไม่มากนัก แต่ทำไมคนรู้จักเหล่านี้ถึงได้วนเวียนมาเจอกันได้
เธออดกระซิบกับโจวจินหนานไม่ได้ “ฉันเห็นแม่คุณมาถึงก็พุ่งไปหาติงชางเหวินด้วย พวกเขารู้จักกันด้วยนี่เอง”
โจวจินหนานพ่นลม “ผมรู้ ติงชางเหวินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฟิสิกส์ เขาตีพิมพ์บทความสำคัญในวารสารระดับชาติมาหลายครั้ง มีอำนาจในมหาวิทยาลัย พ่อผมก็ใช้สิทธิ์ที่มีเลือกเขาเป็นรองคณบดี”
สวี่ชิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง “หรือแม่คุณตั้งใจจะใช้วิธีสกปรกคะ”
โจวจินหนานส่ายหน้า “ผมว่าไม่หรอกครับ บางทีน่าจะเป็นอย่างอื่น”
สวี่ชิงชำเลืองมองติงชางเหวิน เขามีอายุมากและทรงภูมิ หากแต่นิสัยมีปัญหา เธอยังรู้สึกได้ถึงแววละโมบเปี่ยมล้นในดวงตาของเขา
เสียงแค่นในลำคอดังขึ้นเบาๆ “พวกหนอนแมลงทั้งนั้น มีความรู้แล้วยังไงล่ะ”
โจวจินหนานไม่พูดต่อ “กินกันเถอะครับ บ่ายนี้เราต้องไปเจอเจ้าไป๋หลางไม่ใช่เหรอ เรากลับไปพักผ่อนกันเถอะครับ”
สวี่ชิงจึงก้มหน้าก้มตากินข้าว ระหว่างนั้นก็ได้คอยระวังก้างปลาให้โจวจินหนานด้วย
ด้านซูฮุ่ยหรูยังไม่เห็นโจวจินหนานกับสวี่ชิง เมื่อเห็นติงชางเหวิน หล่อนก็นั่งลงด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “คุณมีเรื่องอะไรกับฉันอีก?”
ติงชางเหวินหรี่ตามองหล่อน แม้อีกฝ่ายจะอายุเข้าห้าสิบแล้วแต่ดูแลตนเองอย่างดี ทั้งตลอดทั้งชีวิตยังไม่เคยทำงานหนัก กาลเวลาจึงทำอะไรหล่อนไม่ได้
ผิวพรรณทั้งเนียนละเอียดดูผุดผ่องเป็นยองใย
ซูฮุ่ยหรูนึกรังเกียจสายตาน่าสะอิดสะเอียนของติงชางเหวิน ขณะข่มความเดือดดาลเอาไว้ในใจ “ถ้าคุณไม่มีอะไร ฉันขอตัวก่อนแล้วกันค่ะ”
ติงชางเหวินยกยิ้มและลดระดับเสียงลง “อย่าเพิ่งรีบไปสิครับ ถ้าคุณรีบขนาดนี้ผมเองก็ไม่รับประกันว่าจะออกไปพูดเรื่องไร้สาระอะไรเหมือนกันนะ หึ ลูกสะใภ้กับพี่ชายสามี คนคงฟังเรื่องนี้กันสนุกเชียว”
ซูฮุ่ยหรูหน้าเสียทันที มือที่สั่นเทาเล็กน้อยของหล่อนพยายามกำหมัดเพื่อสงบใจลง ขณะมองหน้าติงชางเหวิน “คุณสัญญากับฉันแล้วว่าจะไม่บอกใคร และฉันก็ให้เงินคุณไปเยอะแล้วด้วย”
ติงชางเหวินไล้เลียไรฟันก่อนบอก “เงินแค่นั้นจะไปพออะไร คุณเห็นผมเป็นขอทานเหรอ อีกอย่างเรื่องมันก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ผมก็ปิดปากเงียบมาตลอดเลยนะ”
น้ำเสียงสั่นสะท้านด้วยโทสะของหล่อนดังขึ้น “แล้วคุณต้องการอะไร”
เขาเหลือบมองหล่อน “ง่ายๆ เลย ให้โจวจินซวนแต่งงานกับสวี่หรูเยว่”
ซูฮุ่ยหรูพลันส่ายหน้า “ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้สวี่หรูเยว่ฉาวโฉ่ขนาดไหน คนจะไม่หัวเราะเยาะจินซวนที่แต่งงานกับหล่อนเหรอ”
แค่ลูกสะใภ้ใหญ่ของหล่อนที่มีมลทินก็เป็นที่ขายหน้าชาวบ้านอยู่แล้ว
จะแต่งสะใภ้ที่ไม่ดีเท่าสะใภ้ใหญ่เข้าบ้านไม่ได้เด็ดขาด
ติงชางเหวินจิบเหล้าหนึ่งคำ “เรื่องนี้คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจหรอกนะ ถ้าคุณไม่ตกลง ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะหลุดปากพูดเรื่องไร้สาระหรือเปล่า โจวจินซวนเป็นลูกชายโจวเฉิงเหวินหรือเปล่า คุณเองรู้ดีที่สุดนี่”
หล่อนเงียบในทันใดและไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด เพราะกลัวว่าจะขึ้นเสียงดังเกินไปจนดึงดูดความสนใจจากคนอื่น
เขายิ้ม “ผมไม่กลัวเรื่องน่าขันของคุณหรอก สวี่หรูเยว่เป็นลูกสาวฟางหลานซินกับผม และผมก็มีลูกสาวแค่คนเดียว ถ้าคุณให้แต่งงานกับลูกชายคุณคงไม่มีทางเสียหายหรอก”
ซูฮุ่ยหรูมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ที่บอกว่าสวี่หรูเยว่เป็นลูกสาวคุณหมายความว่ายังไง”
ติงชางเหวินพยักหน้า “ใช่ ผมจำเธอได้ตั้งแต่ตอนหย่าขาดกับภรรยาที่บ้าน”
ซูฮุ่ยหรูนิ่วหน้าทั้งยังฝืนใจ
ลูกชายของเธอทั้งหมดอยู่เหนือกว่าใคร โดยเฉพาะโจวจินซวนที่ตอนนี้เป็นคนที่ทางมหาวิทยาลัยปลุกปั้น และมีอนาคตสดใสในภายภาคหน้า
จะให้มาแต่งงานกับผู้หญิงที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ได้อย่างไร
ติงชางเหวินมีท่าทางสบายอารมณ์ เขาโยนถั่วเข้าปากเคี้ยว ก่อนเอ่ยขึ้นเมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง “กลับไปคิดให้ดีก่อน อย่าทำเรื่องที่คุณจะนึกเสียใจเลย”
ว่าจบเขาก็เรอและโบกมือไล่ซูฮุ่ยหรูไป
หล่อนลุกขึ้นขณะบ่นอุบก่อนหันหลัง เพียงสองก้าวต่อมาหล่อนก็แข็งทื่อไปทั้งร่าง เพราะโจวจินหนานกับสวี่ชิงนั่งอยู่ตรงหน้าไม่ห่างออกไป!
สวี่ชิงกำลังตักอาหารให้โจวจินหนาน รอยยิ้มสดใสดูน่าหลงใหลเป็นพิเศษ
ซูฮุ่ยหรูรู้สึกผิดและไม่กล้าไปทักทาย ทว่าสวี่ชิงกลับเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาแสนเย็นชา ราวกับจำหล่อนไม่ได้ก่อนละสายตาไป
ซูฮุ่ยหรูโล่งใจ และหันหลังเดินจากไปโดยเร็ว
สวี่ชิงไม่ต้องการทักทายซูฮุ่ยหรูก่อน แต่สีหน้าผงะหงายของอีกฝ่าย รวมถึงความตื่นตระหนกและรู้สึกผิดที่ฉายชัดในดวงตาก็ทำให้เธอนึกสงสัยว่าหล่อนละอายใจกับสิ่งที่ทำกับติงชางเหวินหรือไม่
เช่นนั้นติงชางเหวินคนนี้ก็คงมีอิทธิพลมาก!
หลังมื้อเที่ยง สวี่ชิงพาโจวจินหนานเดินเล่นกลับบ้าน
ทั้งสองล้างหน้าและชำระล้างร่างกาย ก่อนเตรียมนอนงีบ
เมื่อเอนหลังลงนอน โจวจินหนานพลันเอ่ย “ที่ผมเกลียดแม่เพราะเคยเห็นหล่อนกับคุณลุงกำลัง…”
หลังจากนั้นเขาก็ดูลำบากใจจะกล่าว
ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่เรื่องของคนอื่น แต่เป็นแม่ของเขาเอง
สวี่ชิงยังคงตกใจ เธอรีบกอดโจวจินหนานเอาไว้ “เอาละ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลยค่ะ ฉันไม่สงสัยอีกต่อไปแล้วค่ะ”
โจวจินหนานลูบหลังเธอ “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากปิดบังเรื่องนี้กับคุณ ตอนนั้นที่ผมรู้เรื่องนี้ก็เพราะโจวเฉิงเฉียนเอาเนื้อหมูมาฝาก ปีนั้นผมไม่ได้กินเนื้อมากนักแม้จะอยู่ช่วงปีใหม่ ผมเลยดีใจมาก แม่ให้ผมกับจินซวนไปผ่าฟืน บอกว่าเราจะกินเกี๊ยวกันคืนนี้”
“ระหว่างทางนึกได้ว่าลืมเอาเคียวมาด้วย พอกลับไปก็เห็นทั้งสองคนทำเรื่องไร้ยางอายกัน”
พูดถึงแล้วเขายังรู้สึกคลื่นไส้ไม่หาย
สวี่ชิงไม่รู้จะปลอบเขาอย่างไร เธอทำได้เพียงเอื้อมแขนออกไปกอดเขา
มันน่าขยะแขยงไม่น้อย ถึงอย่างไรคนหนึ่งก็เป็นแม่ ในขณะอีกคนเป็นลุง
เมื่อคิดได้เช่นนี้เธอก็เกลียดชังซูฮุ่ยหรูเข้ากระดูกดำ
ทำตัวชั่วช้าขนาดนี้ ยังมีหน้ามาดูถูกเธออีกหรือ
เมื่อโจวจินหนานเล่าจบ เขาก็แตะหน้าสวี่ชิง “อืม ผมไม่เป็นไรแล้ว ต่อไปคุณไม่ต้องเก็บเรื่องนี้มาคิดมาก โจวเฉิงเฉียนเองก็ถูกผมเล่นงานไปแล้ว แล้วโจวจินซวนก็เป็นลูกของพวกเขา”
สวี่ชิง “…”
ครอบครัวนี้ช่างซับซ้อนวุ่นวายนัก!
เทียบกับเรื่องในครอบครัวของเธอแล้ว มันก็ขนมพอผสมกับน้ำยาไปอีกแบบไม่ใช่หรือ
เธอกอดและลูบเขาราวกับลูกแมวทั้งในใจยังคิดฟุ้งซ่าน “ต่อไปฉันจะเป็นครอบครัวให้คุณเองค่ะ เราจะมีลูกแล้วก็จะใช้ชีวิตตามทางของตัวเองกัน”
โจวจินหนานไม่กล้าคิดไกลเพียงนั้น เขาลูบผมอีกฝ่ายอย่างหวังว่าเธอจะได้ใช้ชีวิตสงบสุข
ทั้งสองตื่นขึ้นจากพักผ่อนช่วงบ่าย เกาจ้านเองก็ขับรถไปเยี่ยมเจ้าไป๋หลางด้วยกัน
สวี่ชิงแวะซื้อซาลาเปาเนื้อสองลูกข้างทาง ตั้งใจจะเอาไปปลอบขวัญเจ้าไป๋หลาง
เดิมทีคิดว่าไป๋หลางจะถูกคนธรรมดารับเลี้ยง นึกไม่ถึงว่าจะมันจะมาอยู่ที่ศูนย์ฝึกสุนัขมืออาชีพ
เมื่อขับรถเข้าไปด้านในก็เห็นทหารกำลังฝึกสุนัขตำรวจและสุนัขทหารอยู่ แต่ละตัวทั้งน่าเกรงขามและพละกำลังล้นเหลือ
พอได้เห็นเจ้าไป๋หลาง สวี่ชิงก็อดหัวเราะไม่ได้…
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อืม เกี่ยวข้องกับติงชางเหวินในฐานะเป็นพยานรู้เห็นเรื่องชั่วนี่เอง
ว่าแต่วางแผนไม่ทันแล้วไหมคะ นังหรูเยว่แต่งงานกับต้าหย่งไปแล้วนี่
ปล.ชิงชิงอย่าบู้บี้ไป๋หลางสิ ๕๕๕
ไหหม่า(海馬)