เกิดใหม่เป็นนางร้ายในโลกเกมจีบหนุ่มที่ฉันเกลียดซะได้.. แต่ตัวประกอบสาวๆ ในเกมนี้พวกเธอน่ารักกันทุกคนเลยอ่ะ - ตอนที่ 75
บทที่ 75 – หนึ่งปี
ฝูงยุงจำนวนมากบินพุ่งผ่านอากาศมุ่งหน้ามายังทางที่พวกอนาสตาเซียกับเซเลน่าอยู่ภายใน ที่ตอนนี้เหมือนบาดแผลพวกเธอจะหายสนิทแล้ว
แถมในระยะสามสิบเมตรรอบตัวเหมือนจะมีการไหลเวียนจองมวลอากาศที่แตกต่างจากที่อื่นอีกด้วย
แต่ถึงแบบนั้นฝูงยุงก็ไม่อาจทราบถึงความผิดปกตินี้ มันพุ่งชนเข้าใส่โดยไม่สนอะไรทั้งสิ้นส่งผลให้พวกมันถูกบดขยี้และสลายหายไปทันทีที่เข้ามาในระยะดังกล่าว
แน่นอนว่ามันไม่ได้ฉลาดพอที่จะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้น่ากลัวต่อให้เป็นมันก็ตาม.. มันจึงพุ่งเข้าใส่สุดแรงและผลลัพธ์ก็คือทุกสิ่งอย่างที่สัมผัสกับเขตที่มองไม่เห็น
ล้วนถูกลบให้หายไปจากโลกใบนี้ ถ้าจะพูดให้ถูกคือบดขยี้จนไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวนั่นแหละ
ในทางกลับกันพวกอนาสตาเซียที่มองสิ่งนี้อยู่ สำหรับพวกเธอแล้วไอ้เจ้ายุงนี่มันช้าเสียจนนั่งทำนั่นทำนี่ได้
อันที่จริงเวลาขนาดนี้แทบจะใช้ชีวิตอยู่ได้มากกว่าครึ่งชีวิตแล้ว เจ้าฝูงยุงยังไม่ตายหมดเลย เพราะในความจริงแล้ว
เวลาภายในนี้ไหลเร็วขึ้นหลายร้อย หลายพันเท่า.. นั่นหมายความว่าการรับรู้ของพวกเธอเร็วขึ้นจนทุกอย่างช้าลง
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเธอนั้นต้องนั่งเบื่ออยู่ในนั้นเป็นสิบๆ ปี.. ยังไงซะนี่ก็คือตำตนอีกตัวตนหนึ่ง ด้านนอกมิติแห่งนี้มีอีกตัวตนเช่นกัน
ทำให้การรับรู้ของพวกเธอแม้จะเร็วขึ้นจนเห็นทุกอย่างช้าลง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเธอไม่ได้เห็นตัวเองเร็วกว่าคนอื่นเลยสักนิด
เพราะพวกเธอรู้สึกชัดเจนว่าเวลาภายในนี้ไหลเร็วเกินไปอยู่ แต่ยังดีที่เพราะร่างกายนี้ไม่มีอายุขัย
พูดอีกแบบหนึ่งก็คือตราบใดที่ยังมีอีกตัวตนที่อยู่ด้านนอก ภายในนี้ก็ไม่มีทางส่งผลกระทบอะไรโดยไม่สนตัวตนอีกตัวตนได้นั่นเอง
ทำให้เกิดต้นเหตุที่มีการเร่งเวลาก็จริง แต่ผลลัพธ์ของอายุขัยกลับไม่ถูกทำงานนั่นเอง พวกเธอจึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น
แน่นอนว่าบาดแผลทั่วร่างก็หายเช่นกัน เพราะมันฟื้นคืนเองตามธรรมชาตินั่นแหละ แต่มองดูด้านนอกที่ช้าซะจนไม่หมดไม่สิ้นสักทีก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา
ทำให้ทั้งสองคนไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งอยู่เฉยๆ เพราะตอนนี้ไม่เห็นเดือน ไม่เห็นตะวันแล้ว เพราะมีฝูงยุงจำนวนมากกลบทุกอย่างเอาไว้
โชคยังดีที่แม้แต่เสียงก็ยังเล็ดลอดผ่านกำแพงที่มองไม่เห็นเข้ามาไม่ได้ ไม่งั้นคงรำคาญจนเป็นบ้าแน่แท้
และทั้งสองคนก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ที่ทะเลาะกันก่อนหน้าจนดูเหมือนสนิทกันก็เป็นเพราะหนีเอาตัวรอด
พอกลับมาปกติแล้ว.. ทั้งคู่ก็นั่งกันคนละมุมพื้นที่เลยก็ว่าได้ อนาสตาเซียนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งพร้อมกับพิงต้นไม้
เซเลน่าเองก็พิงกำแพงที่มองไม่เห็นอยู่อีกมุมหนึ่งเช่นกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบจนน่าอึดอัดเลยก็ว่าได้
สำหรับอนาสตาเซียแล้ว เซเลน่าคือผู้หญิงที่น่ากลัวที่สุดคนหนึ่งหากไม่นับความน่ากลัวที่เต็มไปด้วยพลังอันล้นหลามอย่างเลทิเซีย
บางทีคนที่อนาสตาเซียกลัวสุดคงเป็นยัยฉลาดนี่นั่นแหละ แต่ก็นะเพราะรู้จักยัยนี่ดีจากตอนเป็นเกมสำหรับอนาสตาเซียเลยดูไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น
แต่ถึงแบบนั้นการแสดงออกของเซเลน่าแตกต่างจากความเข้าใจของอนาสตาเซียโดยสิ้นเชิง เมื่อพ้นความตายมาติดอยู่ในนี้นานวันเข้า
เธอถึงได้มีเวลาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น..
ทำให้เธอรู้สึกว่าบางทีเซเลน่าที่เธอรู้จักตรงหน้านี้อาจจะไม่ใช่เซเลน่าที่เป็นเกม.. แต่ถึงแบบนั้นเหตุการณ์ตลอดเวลาที่ผ่านมามันก็ทำให้อนาสตาเซียรู้สึกว่ายัยนี่ไม่น่าคบหาอยู่ดี
ในทางตรงกันข้าม เซเลน่าเองก็กลัวอนาสตาเซียเหมือนกัน.. เพราะนางร้ายที่เธอเข้าไปพัวพันด้วยมากที่สุดตั้งแต่เกิดใหม่.. ไม่สิ ตั้งแต่เข้าเรียนมาคืออนาสตาเซีย
แถมไปฉกคู่หมั้นเขามาอีก.. แน่นอนเธอรู้ดีว่าต้องโดนอนาสตาเซียเกลียดแน่ๆ ตามเกมน่ะนะ ดังนั้นเวลาเจออนาสตาเซีย
เซเลน่าจะไม่ค่อยทำตัวปกติ เพราะกลัวเธอจะมาหาเรื่อง แต่ถึงแบบนั้นเจ้าตัวก็ไม่ค่อยจะมาหาเรื่องแบบในเกมสักเท่าไหร่
ถึงจะมีบ่อยครั้งที่เจ้าตัวทำท่าเหมือนเกลียดชังตัวเอง แต่ก้ไม่เคยมารังแกหรืออะไรแบบในเกมเลย
นั่นจึงทำให้เซเลน่าสับสนและมีความกลัวต่ออนาสตาเซียไม่มากก็น้อย และด้วยเหตุนี้ตลอดเวลาที่อยู่ในนี้ทั้งสองก็แทบไม่คุยกัน
นั่งอยู่คนละมุมเงียบๆ
แน่นอนว่าการอยู่แบบเงียบๆ ไม่มีอะไรทำเลยสักอย่างมันก็คือความทรมานรูปแบบหนึ่งเช่นกัน อย่างที่บอกว่าที่นี่เร่งเวลาเร็วขึ้นกว่าปกติหลายร้อย หลายพันหมื่นเท่า
และเพราะมีตัวตนด้านนอกเลยทำให้พวกเธอไม่ได้รู้สึกเหมือนเห็นทุกอย่างช้าลงเป็นหมื่นเท่าเช่นกัน..
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าการรับรู้เวลาของพวกเธอจะเท่าคนอื่นเช่นเดียวกัน.. ตอนนี้หากเวลาด้านนอกผ่านไปสักหนึ่งนาที เวลาภายในนี้ก็คงผ่านไปสักหนึ่งปีนั่นแหละ
และความจริงที่ว่านี้พวกเธอไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพราะการจะสร้างบาเรียนี้ขึ้นมาได้ต้องทำให้เวลาไหลเร็วมากกว่าปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
ภายใต้การอดทนรอที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ ก็ผ่านมาแค่เดือนเดียวเท่านั้นเวลาที่พวกเธออยู่ในนี้
การรับรู้เวลาของพวกเธอหายไปตั้งแต่ครึ่งเดือนแรก พวกเธอไม่รู้และไม่อยากจะนับด้วยว่าผ่านไปกี่วันที่ติดอยู่ในนี้
ยังดีที่พวกอาหารหรืออะไรก็ไม่จำเป็น ไม่งั้นพวกเธอคงทนอยู่ไม่ได้ แต่ถึงแบบนั้นการรอที่ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่มันสร้างความเหนื่อยล้าทางจิตของทั้งสองมาก
กล่าวคือทั้งสองในตอนนี้ สภาพจิตใจกำลังย่ำแย่ลงไปทุกที.. เดือนที่หนึ่ง… ตามมาด้วยเดือนที่สอง.. ตามมาด้วยเดือนที่สาม
ทั้งสองซูบผอมลงเพราะความเหนื่อยล้าด้านจิตใจ.. แถมยังไม่ได้เปิดปากพูดอะไรมาตั้งนานแล้วด้วยทำให้จิตใจถูกบั่นทอนไปทีละนิด
แต่ในตอนนั้นเอง..
“แกรก..”
ภายใต้ความเหนื่อยล้าทางจิตเสียงปริศนาก็ดังขึ้น ภายในหัวเซเลน่าก็มีเสียงของทูจังดังขึ้น
“แจ้งเตือน ด้วยเพราะกฎกาลเวลาของที่นี่ไม่เสถียรทำให้การเร่งเวลาอาจจะถูกทำลาย.. จำเป็นต้องเพิ่มพลังอีก”
“อะไรนะ ฉันไม่มีพลังเวทมากกว่านี้หรอกนะ”
“คำตอบ อนาสตาเซียมีพลังเวทมากพอที่จะเร่งเวลาได้เร็วกว่านี้หลายเท่า”
“……”
เซเลน่าหันไปอนาสตาเซียที่สภาพย่ำแย่เหมือนกัน.. หากเร่งเวลามากกว่านี้ หมายความว่าการรับรู้ของพวกเธอจะเร็วขึ้นไปอีก
และเวลาที่ต้องอยู่ภายในนี้ก็นานไปอีก.. แต่นั่นก็ไม่มีทางเลือก
“เอ่อ.. คุณอนาสตาเซีย..คือว่า”
“อยากได้พลังเวทเหรอ?”
ไม่ใช่ว่าอนาสตาเซียไม่ได้ยินที่เซเลน่าพูดกับตัวเองว่าพลังเวทไม่พอหรืออะไรสักอย่าง ดังนั้นเธอจึงพูดดักขึ้นก่อนได้
เซเลน่าพยักหน้า.. อนาสตาเซียจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับเดินมาทางเซเลน่าด้วยความเหนื่อยล้า
พอเดินมาถึงเซเลน่าก็บอกให้อนาสตาเซียปล่อยพลังเวทเข้าไปในกำไล แน่นอนว่าอนาสตาเซียก็ทำตามพอทำแบบนั้นดวงตาของพวกเธอก็พร่าเลือน
ทุกอย่างรอบนอกดูเหมือนกับหยุดนิ่งลง.. แต่ก็ยังเคลื่อนไหวแค่มันช้ามากๆ
“อุ้บ”
อนาสตาเซียอ้วกออกมาเพราะการเร่งเวลาที่ไม่ปกติทำให้การรับรู้พวกเธอเร็วขึ้นไปอีกจนเกิดอาการเวียนหัว แน่นอนว่าเซเลน่าเช่นกัน
ขณะที่อนาสตาเซียกำลังจะดึงมือออกจากกำไล เซเลน่าก็จับมืออนาสตาเซียเอาไว้
“อย่าปล่อยมือนะ.. ไม่งั้นกำแพงเวลาหายไปแน่ๆ”
“…….”
อนาสตาเซียไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่นั่งลงข้างๆ เซเลน่าด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก.. ทั้งคู่ยังไม่ได้พูดอะไรกันจนผ่านพ้นไปอีกหลายเดือน
นับตั้งแต่ติดอยู่ในนี้ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งปี.. แน่นอนว่าทั้งสองไม่รู้เรื่องนั้นเลย.. ทำได้เพียงมองไปยังกำแพงด้านหลังที่พิงอยู่ซึ่งเป็นเหมือนพื้นที่ทอดยาวออกไป
ตรงนี้เป็นที่เดียวที่ไม่ใช่สีดำถึงของฝูงยุง..
“นี่มันผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว…”
อนาสตาเซียพึมพำขึ้นคนเดียว
“หนึ่งเดือน.. ถึงสองเดือนละมั้ง”
เซเลน่าตอบลอยๆ เช่นกัน
อันที่จริงนับแต่นั้นเสียง ‘แกรก’ ก็ดังขึ้นอยู่นานๆ ครั้งและทุกครั้งที่ดังอนาสตาเซียต้องใส่พลังเวทเข้าไปมากกว่านั้นอีก..
ยังดีที่เธอมีมณีคอยเพิ่มพลังเวทให้.. เลยทำให้เธอมีพลังเวทเพียงพอที่จะเร่งเวลาเร็วขึ้นอยู่ตลอดนั่นเอง…