เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN) - ตอนที่ 99 ช่วงเวลาอันแสนหวานบนดาดฟ้า
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN)
- ตอนที่ 99 ช่วงเวลาอันแสนหวานบนดาดฟ้า
ตอนที่99 : ช่วงเวลาอันแสนหวานบนดาดฟ้า
หลังจากเก็บของจากการทดลองชิมอาหารเรียบร้อยแล้ว คาบโฮมรูมก็ดำเนินไปตามปกติ
เมื่อจิตใจกลับมาเป็นปกติ ผมก็เข้าเรียนด้วยความโล่งใจ และเวลาพักเที่ยงก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
เพราะเช้านี้ต้องรีบเตรียมตัวสำหรับการทดลองชิมอาหาร ผมจึงไม่มีเวลาจัดเตรียมข้าวกล่อง สุดท้ายจึงได้แค่ไปซื้อขนมปังที่โรงอาหารและมานั่งกินบนดาดฟ้าของโรงเรียน
ที่นี่เป็นสถานที่ที่ตัวเอกกับเหล่านางเอกมักจะมากินข้าวกลางวันด้วยกัน และในต้นฉบับพวกเขามักใช้เวลาร่วมกันที่นี่อย่างมีความสุข
แน่นอนว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนช่วงเวลาเหล่านั้น แต่สาเหตุที่ผมมาที่นี่วันนี้ก็เพราะไม่มีใครอยู่ที่นี่ต่างหาก
พระเอกเอกกับเหล่านางเอกไปที่ห้องสภานักเรียนเพื่อประชุมเกี่ยวกับเทศกาลวัฒนธรรม ฮิเมโนะก็ไปที่นั่นด้วยและผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกเขากำลังพูดคุยเรื่องอะไรกัน
บางทีพวกเขาอาจกำลังวางแผนใหม่เพื่อให้เรื่องราวดำเนินไปตามต้นฉบับ หรือไม่ก็เตรียมกำลังพลโดยการสร้างพันธมิตรกับสภานักเรียนที่มีรุ่นพี่ซากุระมิยะ มิยูกิเป็นหัวเรือก็ได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงไร สิ่งที่ผมต้องทำก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เพื่อสร้างความทรงจำที่ดีที่สุดร่วมกับเพื่อนในห้อง ผมจะทุ่มเททุกอย่างให้เต็มที่
ด้วยความตั้งใจนั้น ผมพิงรั้วบนดาดฟ้าพร้อมมองท้องฟ้าสีครามที่ปลอดโปร่ง
ในมือซ้ายถือขนมปังที่ซื้อจากโรงอาหาร ส่วนมือขวาถือสมาร์ทโฟน
และที่ข้างๆผมก็มีมาชิโระนั่งอยู่ เธอจ้องมองผมด้วยดวงตาสีฟ้าเปล่งประกาย
“ริวสุเกะ ดูอารมณ์ดีจังเลยนะ?”
“ดูออกเลยเหรอ? ก็นะ วันนี้ฉันอารมณ์ดีสุดๆไปเลยล่ะ”
“อื้อ ต้องดูออกอยู่แล้ว การทดลองชิมอาหารสำเร็จได้ด้วยดีนี่นา ขอบคุณสำหรับความพยายามนะ”
“ขอบคุณมากเธอจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีแค่นั้นนะ ฉันอยากให้เธอดูนี่หน่อย มาชิโระ”
ผมหันหน้าจอโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือขวาให้มาชิโระดู
บนหน้าจอเป็นแชทกลุ่มของห้องเรียนปี 1 ห้อง 2 ที่มีชื่อของผมถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่ม
“ห้องริวสุเกะก็ใช้ RINE ทำกลุ่มด้วยสินะ แล้วไงต่ออ่ะ?”
“ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ถูกเชิญเข้ากลุ่มเลย แต่วันนี้ฉันได้รับคำเชิญและถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มจนได้”
ก่อนหน้านี้ผมถูกกันออกจากแชทกลุ่มของห้องเรียนปี 1 ห้อง 2
แต่ด้วยความสำเร็จของการทดลองชิมอาหารในวันนี้ ทำให้เพื่อนร่วมชั้นยอมรับผมในที่สุด ด้วยความช่วยเหลือจากเรโอะและฮิเมโนะ ผมก็ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มอย่างเป็นทางการ
แค่ได้มองหน้าจอที่แสดงแชทกลุ่มนี้ ผมก็มีความสุขจนบอกไม่ถูก
เหมือนกับว่าในที่สุดผมก็ได้เป็นเพื่อนกับเพื่อนร่วมชั้นและรู้สึกได้ว่าชะตากรรมในฐานะตัวร้ายกำลังห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
ในตอนที่ผมมองหน้าจอและยิ้มออกมา มาชิโระก็เอนหัวมาพิงไหล่ของผม
กลิ่นหอมหวานราวกับดอกไม้จากเส้นผมของเธอทำให้หัวใจของผมเต้นแรง
เธอเงยหน้ามองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเผยรอยยิ้มบางๆ
“ฉันดีใจจริงๆนะที่เห็นริวสุเกะที่เคยโดดเดี่ยวแบบนั้น ได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆและปรับตัวเข้ากับห้องเรียนได้”
“มาชิโระ…”
“ตอนนี้มีคนมากมายที่เข้าใจริวสุเกะ ทั้งเรโอะคุงแล้วก็คุณคาเร็นเองก็เห็นความพยายามของริวสุเกะด้วย ฉันดีใจจริงๆที่ริวสุเกะมีเพื่อนมากมายแบบนี้”
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธอนะ มาชิโระ ถ้าไม่มีเธอ ฉันก็คงโดดเดี่ยวเหมือนเดิม ขอบคุณมากจริงๆ”
“เอะเฮะเฮะ ริวสุเกะชมฉันซะแล้วสิ แต่สำหรับฉัน ชีวิตทุกวันมันสดใสมากขึ้นเพราะริวสุเกะนะ ทุกวันเหมือนฝันไปเลยล่ะ”
“ฉันเองก็เหมือนกัน เพราะเธอ ทุกวันของฉันมีความสุขมาก”
มาชิโระยิ้มหวานพร้อมกับจับมือผมไว้ นิ้วของเธอสอดประสานกับนิ้วของผม ความอบอุ่นเล็กๆนั้นทำให้ผมรู้สึกดี และผมจับมือเธอตอบเช่นกัน
มาชิโระเป็นคนที่ห่วงใยผมที่สุดในช่วงที่ผมถูกเพื่อนร่วมชั้นเมินเฉย
เธอคอยสนับสนุนและให้กำลังใจผมเสมอ ทำให้ผมยืนหยัดเผชิญหน้ากับทุกปัญหาได้จนถึงตอนนี้
เพื่อเป็นการตอบแทนความใจดีของมาชิโระ ผมจะต้องพยายามให้มากขึ้น และในที่สุดผมจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมของตัวร้ายให้เป็นตอนจบที่มีความสุขที่สุดให้ได้
เมื่อผมส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอเพื่อแสดงความตั้งใจ มาชิโระก็ยิ้มตอบกลับมาอย่างอ่อนโยนเช่นกัน
เราจ้องมองกันและกันราวกับเวลาของโลกนี้หยุดหมุนอยู่เพียงเราสองคน
สายลมเย็นสดชื่นของฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านเราเบาๆทำให้เส้นผมสีดำของมาชิโระปลิวไสว
ผมเอื้อมมือไปลูบเส้นผมนุ่มของเธออย่างแผ่วเบา มาชิโระหลับตาและยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมจับนิ้วของผมเราวกับจะออดอ้อน
“เอะเฮะเฮะ ลูบอีกสิ”
“มาชิโระเนี่ยขี้อ้อนจริงๆเลยนะ เอ้าๆ ลูบให้ๆ”
“ฟุฟุ เพราะริวสุเกะตามใจฉันมากเกินไปน่ะสิฉันถึงได้ยิ่งขี้เกียจขึ้นทุกวัน”
เธอพูดพร้อมกับยิ้มกว้างอย่างอ่อนโยน
ความน่ารักและขี้อ้อนของมาชิโระเป็นสิทธิพิเศษที่มีให้แค่ผมเท่านั้น
มาชิโระยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเสมอ เธอพิงร่างเล็กๆนั้นไว้กับผม
มาชิโระช่างน่ารักเหลือเกิน ทั้งอ่อนโยน บริสุทธิ์ ใจดี และอบอุ่น
ด้วยความรักที่มีต่อมาชิโระอย่างเต็มเปี่ยม ผมค่อยๆใช้นิ้วลูบเบาๆที่ลำคอขาวเนียนของเธอ
พอปลายนิ้วสัมผัสเบาๆคล้ายการหยอกเย้า มาชิโระก็ตัวสั่นเล็กน้อยพร้อมส่งเสียงหายใจแผ่วเบาออกมา
“อือออ มันจั๊กจี้นะ ริวสุเกะ…”
“ขอโทษๆ แต่ว่าขอลูบอีกสักหน่อยนะ”
“เฮ้อ… เอาเหอะ จะทำอะไรก็ทำเถอะ”
แม้จะจั๊กจี้จนบิดตัวไปมา แต่มาชิโระก็ยังมองผมด้วยดวงตาที่เป็นประกายพลางส่งยิ้มเหมือนนางฟ้า
ริมฝีปากสีซากุระเปล่งประกายพร้อมผิวขาวผ่องที่ค่อยๆแดงระเรื่อ ผมหลงใหลในภาพที่งดงามเกินบรรยายตรงหน้านี้สุดๆ
ในระหว่างที่กำลังมีช่วงเวลาที่แสนสุขร่วมกัน อยู่ๆเสียงเปิดประตูดาดฟ้าก็ดังขึ้น
เมื่อหันไปมองตามเสียงนั้น ก็เห็นว่าเรโอะกับนิชิคาว่ายืนอยู่ ผมและมาชิโระเลยรีบผละออกจากกัน
เพราะความรู้สึกเขินอายที่บรรยากาศแสนหวานของเราสองคนถูกคนอื่นเห็น หัวใจของผมก็เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ส่วนมาชิโระก็ก้มหน้าจนใบหน้าขึ้นสีแดงจัด
เรโอะโบกมือพร้อมส่งยิ้มสดใสมาตามปกติ ส่วนนิชิคาว่าก็เดินเข้ามาอย่างสบายๆ
“สวัสดีทั้งสองคน เอ่อ… ผมมาขัดจังหวะรึเปล่านะ?”
“มะ… ไม่ใช่อย่างนั้นนะ เรโอะ! เมื่อกี้มันแบบว่า เอ่อ…”
“อะไรน่ะ ริวสุเกะ ทำไมดูตื่นเต้นจนพูดจาไม่รู้เรื่องแบบนี้เล่า? อีกอย่างหน้าแดงมากเลยนะ?”
นิชิคาวะพูดพลางหัวเราะเบาๆ
แม้ว่าผมพยายามอธิบายอะไรบางอย่าง แต่ก็ทำได้เพียงแค่พูดตะกุกตะกักเท่านั้น
ระหว่างนั้นมาชิโระก็ยังคงเอามือปิดหน้า แต่เห็นได้ชัดว่ามีสายตามองลอดช่องนิ้วมาอยู่
ผมกระแอมเบาๆแล้วพยายามรวบรวมสมาธิแล้วพูดกับเรโอะ
“เรโอะกับนิชิคาว่ามาหาฉันตอนกลางวันแบบนี้มันแปลกจริงๆนะ มีอะไรรึเปล่า?”
“ก็ช่วงเช้าน่ะมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นใช่ไหมล่ะ? ผมเลยคิดว่าจะมากินข้าวด้วยกันพร้อมพูดคุยเรื่องพวกนั้นไปด้วย จะเป็นการรบกวนรึเปล่านะ?”
“ฉันเองก็อยากมาขอบคุณนายโดยเฉพาะเลย ริวสุเกะ วาฟเฟิลที่นายกับมาชิโระจังทำมันอร่อยมากเลยล่ะ!”
นิชิคาวะพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“อย่างงี้นี่เอง ฉันไม่ติดอะไรหรอก แล้วมาชิโระล่ะ?”
“ฉันก็ยินดีมากๆเลย! กินข้าวด้วยกันมันอร่อยกว่าอยู่แล้ว!”
ดูเหมือนมาชิโระจะปรับตัวได้แล้ว เธอจึงยิ้มสดใสตอบรับคำชวน
รอยยิ้มที่แสนจริงใจและน่ารักของมาชิโระทำให้เรโอะกับนิชิคาว่านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มกลับมาอย่างอบอุ่น
จากนั้นพวกเราสี่คนก็เริ่มรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
ม้านั่งบนดาดฟ้ามีพื้นที่กว้างพอสำหรับพวกเรานั่งเรียงกัน การได้พูดคุยสนุกสนานระหว่างทานอาหารทำให้บรรยากาศคล้ายกับการปิกนิกเล็กๆ
เวลาช่วงพักกลางวันบนดาดฟ้าในวันนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและความสุขอย่างแท้จริง