เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN) - ตอนที่ 97 คลื่นลูกใหญ่
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN)
- ตอนที่ 97 คลื่นลูกใหญ่
ตอนที่97 : คลื่นลูกใหญ่
“ขอโทษที่มาช้านะ พอดีเตรียมตัวอยู่นิดหน่อย”
“ฉันชื่อ อามานัตสึ มาชิโระ จากห้อง 1-A ค่ะ วันนี้ฉันมาเพื่อช่วยงาน ริวสุเกะ ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
ในช่วงที่บรรยากาศในห้องเรียนกำลังหนักอึ้งเพราะความขัดแย้งระหว่างตัวเอกของเรื่อง ผมก็เดินเข้าไปในห้องพร้อมกับมาชิโระ
สายตาที่เคยจับจ้องไปที่ฟุเสะคาวะ ไรโตะ และเรโอะ ตอนนี้ได่เปลี่ยนมาจ้องที่พวกเราแทน ถึงอย่างงั้น ผมก็เงยหน้ามองตรงไปข้างหน้าโดยไม่หวั่นไหว
ฮิเมโนะเบือนหน้าไปอีกทางพร้อมส่งเสียง “ฮึ่ม” แต่สีหน้าของเธอดูสงบลงกว่าก่อนหน้า
ฟุเสะคาวะ ไรโตะทำหน้าเหมือนกลืนแมลงลงไป ส่วนฮานาซากิ ยูนะจ้องมองมาที่ผมด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ในตอนนั้นเองเรโอะก็ยังคงยกมือขึ้นพร้อมรอยยิ้มสดใสเหมือนเดิม
“อรุณสวัสดิ์ ริวสุเกะ คุณมาชิโระ ดูเหมือนการเตรียมขนมสำหรับไว้ให้ชิมจะเรียบร้อยดีนะ”
“อา มาชิโระช่วยฉันเอาไว้ล่ะน่ะ เลยทำทันเวลาพอดี”
“ฉันรอจนเบื่อแล้วนะ ชินโดะ แต่ก็นะ ถือว่าทำได้ดีแล้วล่ะ”
“ขอบคุณนะ ฮิเมโนะ ถ้าเธอพูดแบบนั้นฉันก็โล่งใจ”
“มะ… ไม่ได้จะชมอะไรหรอก อย่าเข้าใจผิดซะล่ะ”
“ฮะๆ ไม่หรอก ฉันคงไม่เข้าใจผิดอะไรแบบนั้นหรอกน่า”
“ยะะ… หยุดหัวเราะเลยนะ รู้สึกเหมือนโดนกวนยังไงไม่รู้”
ฮิเมโนะเบือนสายตาออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน ขณะที่ผมซึ่งไม่คิดว่าท่าทางแบบซึนเดเระที่เคยเห็นในเรื่องจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ทำให้เผลอยิ้มออกมา
(ฮิเมโนะนี่เป็นคนที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกจริงๆของตัวเอง แต่เพราะแบบนั้นแหละ เธอถึงน่ารักจนมีแฟนๆเยอะมาก)
ฮิเมโนะที่แสดงท่าทีเย็นชา แต่ที่จริงแล้วเป็นคนใจดีมาก
เธอคอยดูแลฟุเสะคาวะ ไรโตะ ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็กอยู่เสมอและเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา
ตอนนี้เธอกับผมก็ช่วยกันหาสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงของพระเอก
เพื่อฮิเมโนะ ผมต้องฝืนชะตากรรมที่กำหนดไว้ในเรื่องนี้
ด้วยความตั้งใจนั้น ผมจึงก้าวขึ้นไปบนแท่นหน้าชั้นเรียนพร้อมกับมาชิโระ
“ริวสุเกะ ไม่เป็นไรนะ ฉันจะอยู่กับนายเอง”
“ขอบคุณนะ มาชิโระ เธอเป็นกำลังใจที่ดีจริงๆ”
มาชิโระกระซิบเบาๆให้ได้ยินแค่ผม คำพูดนั้นทำให้ใจของผมสงบลง
แค่มีเธอยืนอยู่ข้างๆ แค่นี้ก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว
ความน่ารัก ความสวย และความอ่อนโยนของมาชิโระที่เป็นสุดยอดนางเอกในเรื่องนี้ ทำให้เพื่อนร่วมชั้นทุกคนจับจ้องมาที่เธอและดูเหมือนความเป็นปรปักษ์ที่เคยมีต่อผมจะลดลงไปบ้าง
มาชิโระที่ยืนอยู่ข้างผมคือคนที่สวยและใจดีที่สุดในโลกนี้และเป็นนางเอกที่ดีที่สุดสำหรับผม
ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้ก้าวต่อไปพร้อมกับเธอแบบนี้
แม้ว่าเรโอะและฮิเมโนะที่เป็นคนดังในห้องจะยืนอยู่ฝั่งผม แต่ก็ยังมีเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ยอมรับผมอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ในช่วงปลายเทอมหนึ่ง ผมสามารถพิสูจน์ได้ว่าผมไม่ได้เป็นนักเลงเหมือนที่เคยเป็นมาก่อนอีกต่อไป แต่การกระทำเลวร้ายในอดีตของผมก็ไม่ได้หายไปอยู่ดี
นอกจากนี้ เพื่อนร่วมชั้นที่เป็นตัวประกอบต่างก็ยืนอยู่ข้างตัวเอกเป็นธรรมดา
การที่เรโอะและฮิเมโนะอยู่ข้างผมก็ถือเป็นสถานการณ์ที่ผิดปกติ ผมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อโน้มน้าวพวกเขา
ผมสาบานว่าจะไม่ปล่อยให้โอกาสที่เรโอะและฮิเมโนะสร้างขึ้นสูญเปล่า ก่อนจะก้มหัวให้เพื่อนร่วมชั้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอบคุณที่มารวมตัวกันตั้งแต่เช้าอย่างนี้นะ ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าวันนี้เราตั้งใจจะจัดงานชิมเพื่อเลือกเมนูของร้านขนมหวานในงานวัฒนธรรม”
ผใมองไปที่ถาดอลูมิเนียมที่วางอยู่บนแท่น
ขนมที่ผมกับมาชิโระทำด้วยกันถูกจัดวางไว้อย่างสวยงาม
“แต่… ฉันได้ยินเรื่องก่อนหน้านี้ มีคนพูดว่าร้านขนมชื่อดังจะมาสนับสนุนขนมให้กับห้องเราและเมนูที่ฉันเตรียมไว้ก็ไม่จำเป็นแล้ว ฉันเลยไม่มีประโยชน์อะไรอีก”
ห้องเรียนเงียบกริบ
คำพูดเย็นชาที่เพื่อนร่วมชั้นพูดใส่ผม ซึ่งพยายามทำเพื่อให้งานวัฒนธรรมประสบความสำเร็จยังคงเป็นความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ และพวกเขาก็ตระหนักดีว่าคำพูดเหล่านั้นร้ายแรงแค่ไหน
เพื่อนร่วมชั้นที่เคยพูดจาดูถูกผมหลบสายตาไปอย่างไม่สบายใจ หลังจากมองพวกเขาครู่หนึ่ง ผมก็พูดต่อ
“แต่ฉันไม่ได้คิดจะต่อว่าคนที่พูดแบบนั้นหรอก เพราะมันเข้าใจได้ ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครในห้องนี้ชอบอยู่แล้ว และถูกทุกคนรังเกียจ คนแบบฉันที่พยายามเข้ามามีส่วนร่วมในงานสำคัญที่อาจชี้ชะตาห้องเรียน มันก็ไม่แปลกที่จะมีคนไม่พอใจ”
คำพูดของผมทำให้เพื่อนร่วมชั้นแสดงสีหน้าประหลาดใจ
พวกเขาอาจคาดไม่ถึงว่าผมจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆโดยไม่แสดงความโกรธหรือกล่าวโทษใคร
แน่นอนว่าผมเองก็รู้สึกเสียใจ
คำพูดที่เย็นชาจากทุกคนทำให้ผมเจ็บปวด
แต่เพราะมาชิโระยืนอยู่ข้างๆและเฝ้ามองผมด้วยสายตาอ่อนโยน ผมจึงสามารถเผชิญหน้ากับทุกคนโดยไม่ให้อารมณ์มาครอบงำ
พอผมเหลือบมองมาชิโระที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็มองผมด้วยดวงตาสีฟ้าสดใส
เธอยิ้มบางๆและกระซิบอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรนะ ริวสุเกะ”
คำพูดของเธอช่วยปลอบโยนและทำให้ผมมีกำลังใจ เพราะแบบนั้น ผมจึงหันกลับไปพูดกับทุกคนอีกครั้ง
“ฉันเข้าใจดีว่าข้อเสนอของฟุเสคาวะน่าสนใจแค่ไหน ถ้าทำสำเร็จ ชั้นเรียนของเราคงประสบความสำเร็จในงานวัฒนธรรมแน่นอน แต่… ขอให้โอกาสฉันอีกครั้งเถอะ ฉันจะทำเต็มที่เพื่อให้งานวัฒนธรรมครั้งนี้กลายเป็นความทรงจำที่ยอดเยี่ยมของทุกคน”
ผมก้มศีรษะลงลึกเพื่อแสดงความจริงใจ
มาชิโระที่อยู่ข้างๆผมก็ก้มศีรษะลงพร้อมทั้งประสานมือราวกับกำลังอธิษฐาน
เรโอะและฮิเมโนะมองดูเราอย่างเงียบๆ ในขณะที่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆจับตามองอย่างเคร่งเครียด
ในห้องเรียนตอนนี้มีแต่ความเงียบวัน
แต่ไม่ใช่ความเงียบที่หนักอึ้งและน่าอึดอัด มันเหมือนพวกเขากำลังรออะไรบางอย่างอยู่
ความเงียบนั้นถูกทำลายด้วยเสียงของใครบางคน
“ก็ดีนะ ในเมื่อชินโดะพยายามซะขนาดนี้นี่นา… ใช่ไหม?”
เด็กสาวที่สวมแว่นและนั่งใกล้ทางเดินพูดขึ้นมาเบาๆ
คำพูดของเธอก็เริ่มกระจายไปราวกับระลอกคลื่น
“ฉะ… ฉันก็เห็นด้วยนะ คิดว่าชินโดะพูดก็มีเหตุผล อีกอย่าง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เราลองช่วยกันทำให้มันสำเร็จดีกว่าไหม?”
“ฉันก็เหมือนกัน ไม่ได้คัดค้านอะไรหรอก เข้าใจความรู้สึกของชินโดะดีเลยล่ะ”
“ยังไม่สายเกินไปที่จะชิมก่อนตัดสินใจนี่ จริงๆแล้วฉันก็ตั้งตารออยู่เหมือนกัน”
เสียงสนับสนุนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆและแผ่ขยายไปทั่วทั้งห้อง
ในที่สุดมันก็กลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยวขนาดใหญ่ที่มุ่งมาที่ผม
ตรงกลางของกระแสน้ำนั่น ผมรู้สึกเหมือนจะร้องไห้แต่ก็พยายามกลั้นเอาไว้
เสียงจากเพื่อนร่วมชั้นอบอุ่นกว่าที่ผมคิดไว้มาก และผมก็รู้สึกว่าหัวใจเริ่มอุ่นขึ้น
ผมเงยหน้าขึ้นช้าๆ ละมองมาชิโระที่ยืนอยู่ข้างๆ
“มาชิโระ… ฉันทำได้แล้วล่ะ”
“ใช่ นายทำได้ดีมากเลยนะ ริวสุเกะ”
มาชิโระยิ้มและวางมือเล็กๆที่อบอุ่นลงบนมือของผม
ความอบอุ่นและความรู้สึกจากเธอช่วยย้ำเตือนผมให้ยืนหยัดสู้ต่อไป
สายตาที่เพื่อนร่วมชั้นมองมาที่ฉันตอนนี้ไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เรโอะและฮิเมโนะก็ยิ้มอย่างโล่งใจ ผมเลยหันมองมาที่มาชิโระก่อนจะก้มหัวให้เพื่อนร่วมชั้นอีกครั้ง
นี่คือก้าวแรกที่สำคัญ และผมก็รู้สึกขอบคุณจากใจที่ได้รับความร่วมมือจากทุกคนในห้องแบบนี้