เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN) - ตอนที่ 95 กลยุทธ์ของ ฟุเสะคาวะ ไรโตะ
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN)
- ตอนที่ 95 กลยุทธ์ของ ฟุเสะคาวะ ไรโตะ
ตอนที่95 : กลยุทธ์ของ ฟุเสะคาวะ ไรโตะ
พอเดินไปตามทางเดินพร้อมกับมาชิโระ ผมก็ได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากห้องเรียนของชั้นปี1ห้อง2
มาชิโระที่ดูสงสัยกับเสียงนั้นหยุดเดินและหันมามองหน้าผม
“ริวสุเกะ เสียงอะไรในห้องน่ะ? ดูเหมือนจะค่อนข้างวุ่นวายอยู่นะ”
“เพราะการประชุมชิมอาหารหรือเปล่านะ? แต่…ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ตื่นเต้นธรรมดาแล้ว”
ผมขอให้เพื่อนๆในชั้นมารวมตัวกันตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมสำหรับการชิมอาหาร แต่เสียงที่ได้ยินกลับดูไม่เหมือนบรรยากาศตื่นเต้นรอชิมอาหาร แต่กลับดูเหมือนกำลังถกเถียงอะไรกันอยู่
“เหมือนว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่นะ?”
“คุยเหรอ…พวกเขาคุยเรื่องอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย?”
“ขอลองฟังจากตรงนี้หน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ลองฟังดูกันเถอะ”
ผมกับมาชิโระเร่งฝีเท้าตรงไปที่หน้าห้องเรียน
เสียงคุยกันดังแว่วออกมาจากในห้อง พร้อมกับเสียงของบุฟุเสะคาวะ ไรโตะที่โดดเด่นกว่าใคร
เขากำลังพูดอยู่หน้าชั้น ดูเหมือนกำลังอธิบายอะไรบางอย่างให้กับเพื่อนร่วมชั้นฟัง
ผมกับมาชิโระไม่ได้เข้าไปในห้อง แต่ยืนอยู่ใกล้ๆประตูแล้วเงี่ยหูฟังเท่านั้น
“ทุกคนคงเห็นผลโหวตแล้วนะ เมนูของชินโดที่เสนอไป โหวตมันกระจัดกระจายมากจนไม่สามารถตัดสินใจได้ ฉันเลยคิดอะไรขึ้นมาล่ะ”
ไรโตะพูดต่อหน้าเพื่อนในชั้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ภาพนี้เคยมีอยู่ในเนื้อเรื่องต้นฉบับ ฉากที่ไรโตะ ตัวเอกของเรื่อง เป็นหัวเรือและพยายามรวมใจเพื่อนร่วมชั้นเป็นหนึ่ง
“ฉันคิดว่าผลลัพธ์นั้นแสดงให้เห็นว่าความรู้สึกของทุกคนในชั้นยังไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน มันบอกว่าทุกคนยังลังเลอยู่ เพราะงั้นผลออกมาแบบนั้นไงล่ะ”
คำพูดของเขาทำให้ความกังวลในใจของผมเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง
ในต้นฉบับของ ‘Fusekoi’ การกระทำของชินโด ริวสุเกะที่เป็นตัวร้าย ได้ทำลายความสามัคคีของชั้นเรียนจนยับเยิน
ในตอนนั้น ไรโตะในฐานะตัวเอกต้องพยายามรวบรวมเพื่อนในชั้นอีกครั้ง เพื่อให้งานวัฒนธรรมประสบความสำเร็จ เขาเลยได้ทำงานร่วมกับเหล่านางเอกอย่างสุดความสามารถ
แต่ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในต้นฉบับของ ‘Fusekoi’
แน่นอนว่าผมยังคงเป็นตัวปัญหาในสายตาของเพื่อนๆและไม่ได้มีความสามารถพอที่จะนำพาทุกคนเหมือนไรโตะ
แต่ยังไงก็เถอะ ผมไม่ได้ขัดขวางอะไรเลย ในทางกลับกัน ผมกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้เทศกาลโรงเรียนสำเร็จอย่างราบรื่น
แต่ทำไมไรโตะถึงยังแสดงท่าทีเหมือนในต้นฉบับล่ะ?
ขณะตอนที่ผมกำลังสงสัยในพฤติกรรมของเขา พวกเราก็เงี่ยหูฟังการพูดของเขาต่อไป
“เพราะงั้นในฐานะกรรมการวัฒนธรรมของห้อง ฉันมีเรื่องที่อยากบอกทุกคนเถึงสิ่งที่ฉันกับยูนะทำเพื่อห้องเราจนถึงวันนี้”
พอผมแอบมองเข้าไปในห้อง ก็เห็นว่าฮานาซากิ ยูนะ ลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินไปหาไรโตะ
ฮานาซากิ ยูนะ ผู้มีผมสีแดงพลิ้วสลวย ยืนอยู่ข้างไรโตะด้วยท่าทีงดงาม รอยยิ้มอ่อนโยนของเธอที่เหมาะสมกับการเป็นนางเอกหลักของเรื่อง และดูดึงดูดความสนใจจากเพื่อนร่วมชั้น
“ทุกคน ขอโทษที่ต้องรบกวนเวลาของพวกคุณนะคะ ก่อนที่การชิมอาหารของชินโดคุงจะเริ่ม ฉันขอพูดอะไรสักหน่อยได้ไหม?”
เมื่อฮานาซากิเริ่มพูด ห้องเรียนก็เงียบสงัด ทุกคนตั้งใจฟังด้วยความสนใจ
“ในฐานะกรรมการวัฒนธรรมของห้องเรียน ฉันกับไรโตะคุงพยายามจะทำให้ดีที่สุด แต่เพราะเป็นงานวัฒนธรรมครั้งแรกของพวกเรา เลยมีหลายอย่างที่ไม่เป็นไปตามที่คิด ฉันรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถรวบรวมทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียวได้ และฉันก็คิดว่านั่นสะท้อนให้เห็นในรูปแบบของผลโหวตของแบบสอบถามที่ทุกคนตอบกลับมา”
ฮานาซากิพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง แต่ใบหน้าของเธอกลับแสดงความรู้สึกเสียใจ
“เพราะฉะนั้น ฉันอยากขอความเห็นจากทุกคน ที่จริงแล้ว ฉันกับไรโตะคุงได้คิดแผนสำรองเอาไว้ควบคู่ไปกับเมนูขนมหวานที่ชินโดคุงคิด เพื่อให้เทศกาลโรงเรียนครั้งนี้ทุกคนสามารถร่วมมือกันและเป็นหนึ่งเดียวได้ ฉันอยากให้ทุกคนลองฟังแผนการของเราดู”
หลังจากพูดจบ ฮานาซากิหันไปยิ้มให้ไรโตะ ซึ่งเขาก็พยักหน้าและก้าวออกมาพูดกับเพื่อนร่วมชั้น
“ทุกคนคงรู้ว่าฉันสนิทกับรุ่นพี่มิยูกิที่เป็นประธานนักเรียน จากการปรึกษากับเธอ วันนี้ฉันก็ได้คำตอบมาแล้ว”
ผมเห็นว่าไรโตะกับฮานาซากิไปที่ห้องสภานักเรียนบ่อยๆ ผมนึกว่าพวกเขากำลังเจรจาเรื่องงบประมาณหรือการอนุญาตทำอาหารในห้องเรียน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาเตรียมแผนสำรองเอาไว้แทน
ไรโตะหันไปสบตาฮานาซากิอีกครั้ง และเธอก็หยิบกระดาษออกมาแสดงต่อเพื่อนร่วมชั้น
“นี่คือคำตอบของเรา! พวกเราชั้นปี1ห้อง2จะได้ร่วมงานกับร้านขนม ‘ปาติ ปลาสซอดอร์’!”
ฮานาซากิประกาศเสียงดังพร้อมแจกโบรชัวร์ที่มีภาพขนมหวานน่ารับประทาน
“ร้านปาติ ปลาสซอดอร์? ที่เป็นร้านดังแถวสถานีใช่ไหม!”
“จริงเหรอ! ฉันชอบขนมร้านนั้นมากเลยนะ!”
“เจ๋งสุดๆ ฉันอยากลองกินดูจัง!”
เสียงดีใจของเหล่านักเรียนดังขึ้นพร้อมความตื่นเต้น ในขณะที่บางคนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับแผนนี้
“งั้นเมนูที่ชินโดคิดก็ไม่ต้องทำแล้วใช่ไหม?”
“แต่ถ้าต้องทำตามสูตรร้านดัง น่าจะยากกว่าสูตรของชินโดนะ”
“แต่เป็นปาติ ปลาสซอดอร์! ยังไงก็ดีกว่าอยู่แล้ว!”
ไรโตะอธิบายแผนการด้วยความมั่นใจ
“ร้านจะทำขนมให้เราล่วงหน้า งานของพวกเราก็แค่ตกแต่งห้อง ทำชุด แล้วก็เตรียมป้ายโฆษณา”
ฮานาซากิก็พูดเสริมด้วยน้ำเสียงมั่นใจเช่นกัน
“งบประมาณอาจมากขึ้น แต่ถ้าพวกเราร่วมมือกันจัดการเรื่องอื่นอย่างประหยัด มันก็เป็นไปได้แน่นอน!”
ความสนใจในแผนการนี้ทำให้ทุกคนตื่นเต้น พร้อมแสดงความคิดเห็นเชิงบวก
“แบบนี้ง่ายกว่าเยอะ!”
“ได้กินขนมจากร้านดังสุดๆในงานโรงเรียนด้วย ต้องสนุกมากแน่เลย!”
เพื่อนร่วมชั้นที่เคยมีความเห็นขัดแย้งเริ่มรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว และไรโตะกับฮานาซากิก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจจากผลลัพธ์นั้น
(งั้นหรอ… สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นไปตามเนื้อเรื่องต้นฉบับสินะ)
นี่คืออีเวนต์เดียวกันกับที่ผมเคยเห็นใน “Fusekoi”
พระเอกกับเหล่านางเอกช่วยเหลือกัน เพื่อหาคำตอบสำหรับการทำให้งานวัฒนธรรมประสบความสำเร็จ
พวกเขาเอาชนะอุปสรรคอย่างชินโด ริวสุเกะ เพื่อนวบรวมชั้นเรียนให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ โดยที่ไรโตะร่วมมือกับเหล่านางเอกในการเจรจากับร้านขนม ผ่านสายสัมพันธ์อันแข็งแกร่งของซากุระมิยะ มิยูกิ ประธานนักเรียน ซึ่งเป็นเจ้าของเส้นสายขนาดใหญ่ ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากร้านขนมในที่สุด
พอเพื่อนร่วมชั้นได้ยินข่าวนั้น ทุกคนต่างก็ดีใจ
เสียงโหวดแผนการร่วมมือกับร้านขนมเป็นเอกฉันท์ คนในห้องรวมตัวกันแล้วเริ่มเตรียมงานโดยมีศูนย์กลางเป็นไรโตะและเหล่านางเอก
ส่วนชินโด ริวสุเกะในเนื้อเรื่องต้นฉบับ ก็ถูกผลักออกจากกลุ่มและโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
(แต่ผมเองก็พยายามอย่างหนักเหมือนกันนะ)
ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับตัวเอกเหมือนในต้นฉบับ ผมทำทุกอย่างเท่าที่พอทำได้เพื่อชั้นเรียนและงานวัฒนะธรรม
ถึงจะไม่ได้รับการยอมรับจากทุกคน แต่ผมก็หวังว่าจะมีคนที่มองเห็นความพยายามของผม แต่ผลลัพธ์กลับเป็นแบบนี้ซะได้
มีบางคนถึงกับพูดขึ้นมาว่า “ชินโดไม่มีประโยชน์แล้ว” ความพยายามของผมไม่ได้แม้แต่จะเข้าไปสัมผัสในอีเวนต์ที่ตัวเอกสร้างสายสัมพันธ์กับเพื่อนในชั้นเรียนด้วยซ้ำ
ความรู้สึกเศร้าถาโถมเข้ามาอย่างกระทันหัน ทำให้ผมเผลอก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว
“ริวสุเกะ…”
เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้นจากมาชิโระ
เธอดึงแขนเสื้อฉันเบาๆ ด้วยดวงตาสีฟ้าเปี่ยมไปด้วยน้ำตา
สีหน้าของเธอดูเหมือนกำลังพยายามกลั้นความรู้สึกเศร้าและความกลัวเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
มาชิโระเห็นผมพยายามทำเต็มที่ในฐานะคนของชั้นเรียน และเธอก็เฝ้ารอให้ผมที่โดดเดี่ยวเปลี่ยนแปลงตัว
เพราะเธอหวังจะให้ผมได้รับการยอมรับจากทุกคน เธอจึงอยู่ข้างผมมาตลอด
แต่เมื่อทุกอย่างจบลงด้วยการที่ผมถูกกีดกันออกไป มันเลยทำให้เธอเจ็บปวดเช่นกัน
พอเห็นสีหน้าของมาชิโระ ผมก็รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัด
ผมไม่อยากให้ความรู้สึกของมาชิโระสูญเปล่า ผมอยากตอบแทนที่เธออยู่เคียงข้างผมมาตลอด
แต่ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
ความรู้สึกของเราจะส่งไปถึงคนอื่นไหม หรือมันจะจบลงด้วยความล้มเหลวทั้งหมด ความกังวลถาโถมเข้ามาจนหัวใจผมแทบแตกสลาย
ในตอนที่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะมืดลง—แต่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“――ไรโตะ ผมไม่เห็นด้วยกับแผนนี้ ผมทนฟังอยู่เงียบๆมาสักพักแล้ว แต่เห็นชัดเลยว่านายกำลังมองข้ามความพยายามของริวสุเกะที่ทำเพื่อห้องมาตลอด”
“จริงด้วย เรโอะคุง ฉันก็คิดแบบนั้น จะตัดสินใจเองโดยไม่ปรึกษาใครแล้วมาทำเหมือนชินโดไม่มีตัวตนเนี่ย แบบนี้มันไม่ตลกเลยนะ”
เสียงที่มั่นคงดังก้อง และผมก็เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว
คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือเรโอะและฮิเมโนะ
เรโอะซึ่งเป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมมีในชั้นเรียน และฮิเมโนะที่ผมเริ่มจะสนิทด้วยในเทอมนี้
ทั้งสองยืนอยู่ตรงหน้าไรโตะและยูนะราวกับปกป้องผมอยู่