เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN) - ตอนที่ 92 มาชิโระกับการทำขนม
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN)
- ตอนที่ 92 มาชิโระกับการทำขนม
ตอนที่92 : มาชิโระกับการทำขนม
เช้าวันใหม่ที่สดชื่นและสดใส
ช่วงเวลาที่เร็วกว่าปกติที่เราสองคนจะเดินทางมาโรงเรียน
ในบรรยากาศยามเช้าที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงนกร้องขับกล่อม ผมกับมาชิโระมาถึงห้องคหกรรมของโรงเรียน
เพราะเป็นเวลาเช้าตรู่ มาชิโระเลยดูเหมือนจะง่วงนิดหน่อย เธอใช้มือขยี้ตาของตัวเองเบาๆ
แต่ถึงจะง่วงแค่ไหน ท่าทีที่เธอยิ้มละมุนเมื่อได้อยู่กับผมนั้นช่างดูเหมือนลูกหมาไม่ก็ลูกแมวตัวเล็กๆที่น่ารักซะเหลือเกิน
“หวาา~ เช้าแบบนี้ในโรงเรียนรู้สึกแปลกดีนะ มันเงียบสงบซะจนเหมือนไมได้อยู่โรงเรียนเลยอ่ะ”
“อืม ฉันเองก็เพิ่งเคยมาตอนเช้าขนาดนี้ครั้งแรกเหมือนกัน ทำเอารู้สึกสดชื่นดีจริงๆ”
“เอะเฮะเฮะ หลังจากขึ้น ม.ปลายมา ฉันก็ได้ทำอะไรๆครั้งแรกกับริวสุเกะตั้งหลายอย่างเลยเนอะ”
“นั่นสินะ นี่ก็ครั้งแรกเหมือนกันที่เราสองคนมาทำขนมด้วยกัน หรือแม้แต่ตื่นเช้าเพื่อมาโรงเรียนก็ด้วย ขอบคุณที่ยอมตามใจฉันวันนี้นะ”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ถ้าเป็นเรื่องครั้งแรกที่ได้ทำกับริวสุเกะล่ะก็ ฉันมีความสุขทุกอย่างนั่นแหละ! จะเรื่องอะไรก็ขอให้บอกมาได้เลย!”
“มาชิโระ… เธอนี่มัน…”
“อ๊ะ! ริวสุเกะทำหน้าเขินแล้ว นี่ไงๆ เก็บสีหน้าไม่อยู่แบบนี้ทุกทีเลย~”
“เงียบไปเลย มันผิดที่เธอน่ารักนั่นแหละ!”
พอผมหันหน้าหนีและพูดแบบนั้น มาชิโระก็หัวเราะคิกคักพลางพึมพำ “อะไรนะๆ~” อย่างน่ารัก
การหัวเราะของเธอทำเอาผมยิ่งแทบกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ จนต้องตบแก้มตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ
พอหยิบมือถือมาดูเวลา ตอนนี้ยังไม่ถึงเจ็ดโมงเช้าเลย
ที่เราต้องมาโรงเรียนแต่เช้าขนาดนี้ ก็เพื่อเตรียมงานสำหรับร้านขนมหวานที่จะเปิดในงานวัฒนธรรม
เพราะในการสำรวจความคิดเห็นเมนูขนมที่ ฟุเสะคาวะ ไรโตะ ทำในกลุ่ม RINE ของชั้นเรียน ผลโหวตกลับกระจายตัวเท่ากันจนไม่สามารถตัดสินใจได้เลยว่าเมนูไหนควรทำ
แม้คำอธิบายและสูตรที่ผมเตรียมไว้จะได้รับคำชมว่าดูเข้าใจง่ายดี แต่คะแนนที่กระจายเท่าๆกันในทุกเมนูกลับเป็นปัญหา
ผมเลยขอร้องหัวหน้าชมรมทำอาหารและที่ปรึกษาชมรมเมื่อวาน เพื่อขอใช้ห้องปฏิบัติการทำอาหารในการทำขนมทดลองชิม พวกเขาก็ตอบรับอย่างง่ายดาย
นี่คงเป็นผลลัพธ์จากการที่ผมตั้งใจทำตัวดีตั้งแต่หลังได้เกิดใหม่มา ถ้าผมยังคงเป็นเด็กเกเรเหมือนในต้นฉบับล่ะก็ พวกเขาคงไม่ยอมช่วยเหลือแบบนี้แน่
หลังจากนั้นผมก็แวะซุปเปอร์มาร์เก็ตซื้อวัตถุดิบที่ต้องใช้ แล้วเตรียมตัวมาจนถึงเช้านี้
(การให้ทุกคนได้ชิมแล้วตัดสินว่าชอบเมนูไหนที่สุด คงเป็นวิธีที่ยุติธรรมและสร้างความพอใจให้ทุกคนได้ล่ะนะ)
งานนี้ไม่ได้ช่วยให้ทุกคนตัดสินใจเลือกเมนูได้ง่ายขึ้นอย่างเดียว แต่ยังทำให้พวกเขามีแรงจูงใจในการเตรียมงานวัฒนธรรมมากขึ้น
ในตอนที่มองไปรอบห้องคหกรรมสายตาผมก็สะดุดกับมาชิโระในชุดผ้ากันเปื้อน
ผ้ากันเปื้อนสีขาวที่มีลายปักรูปแมวดำดูน่ารักเข้ากับมาชิโระจนผมเผลอมองอย่างหลงใหล
(มาชิโระในชุดผ้ากันเปื้อน… น่ารักเกินไปแล้ว)
วันนี้เธอรวบผมด้วยยงมัดผมสีฟ้าเป็นหางม้าสูง ดูเป็นการเปลี่ยนลุคที่พิเศษเพราะปกติแล้วเธอมักปล่อยผมยาวสีดำดูเรียบร้อย
แสงแดดยามเช้าที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างยิ่งทำให้ลำคอขาวเนียนของเธอดูเปล่งประกาย
พอเธออ่านสูตรขนมจากเอกสารที่ผมยื่นให้ หางม้าของเธอก็แกว่งไปมาราวกับหางสัตว์อย่างน่ารัก และกลิ่นหอมหวานที่อบอวลรอบตัวเธอก็ทำให้บรรยากาศห้องนี้ดูอบอุ่นและมีความสุข
ในตอนผมที่กำลังดื่มด่ำกับความน่ารักของเธอ มาชิโระในชุดผ้ากันเปื้อนก็หมุนตัวกลับมาพร้อมส่งยิ้มให้ผม
“สูตรที่ริวสุเกะคิดมา ดูเข้าใจง่ายแล้วก็น่ากินทุกอย่างเลยนะ จะเริ่มทำอะไรก่อนเหรอ?”
“ก่อนอื่นต้องแช่เม็ดไข่มุกก่อนล่ะนะ เพราะมันต้องต้มราวๆ 30 นาที แล้วก็อบไว้ให้ความร้อนเข้าถึงด้านในอีก 30 นาที ใช้เวลานานพอสมควรเลย”
“ไม่ได้เอามาใส่แค่ชานม แต่จะใช้เป็นท็อปปิ้งให้วาฟเฟิลกับแพนเค้กด้วยใช่ไหม?”
“ถูกต้อง ถ้าแช่เม็ดไข่มุกไว้ล่วงหน้า เราก็เก็บในช่องฟรีซได้นานด้วย แถมความหนึบหนับของมันก็เข้ากับแพนเค้กหรือวาฟเฟิลได้ดีเลยล่ะ”
“รู้สึกหรูจังที่งานวัฒนธรรมของโรงเรียนจะได้ชิมไข่มุกของจริงแบบนี้อ่ะ”
“ดีใจที่เธอคิดอย่างนั้นนะ สาวๆชอบไข่มุกใช่ไหมล่ะ? ต้องใช้ความนิยมตรงส่วนนี้ให้คุ้มที่สุด”
ความนิยมของชานมไข่มุกในหมู่ผู้หญิงนั้นยังคงมีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถใช้ไข่มุกหลากสีเป็นท็อปปิ้งเพิ่มความน่าดึงดูดใจให้เมนูได้อีก
ด้วยการเน้นความสวยงามนี้ น่าจะช่วยดึงดูดนักเรียนหญิงได้มากขึ้น นอกจากนี้การที่เก็บรักษาง่ายและใช้งานสะดวกก็ถือว่าเป็นข้อดีที่สำคัญ
ผมเริ่มต้มน้ำในหม้อ แล้วใส่เม็ดไข่มุกลงไปต้ม จากนั้นปิดฝาและตั้งไฟกลางไว้ แล้วจึงเริ่มทำเมนูอื่นต่อ
“งั้นระหว่างที่ไข่มุกกำลังต้มอยู่ เรามาทำวาฟเฟิลกันเถอะ ฉันตั้งใจจะทำวาฟเฟิลแบบอเมริกัน ใช้เบกกิ้งพาวเดอร์เป็นส่วนผสม ตัวแป้งจะเน้นเรียบง่าย”
“อะ…อเมริกัน… อเมริกาเหรอ?”
“อ่า จริงๆแล้ววาฟเฟิลมีอยู่สองแบบนะ แบบแรกคือเบลเยียมวาฟเฟิลที่ใช้ยีสต์หมักแป้งให้ฟู อีกแบบคืออเมริกันวาฟเฟิลที่ไม่ต้องหมักแป้งแบบแพนเค้ก”
“อ๋อ! พอเป็นงานวัฒนธรรมที่ต้องรีบทำ อเมริกันวาฟเฟิลก็เลยดูเหมาะเพราะใช้เวลาน้อยสินะ”
“ถูกต้อง เพราะมันง่ายจนแม้แต่คนที่ไม่เคยทำก็ทำได้ง่ายๆ แถมเรายังเพิ่มท็อปปิ้งด้วยการใส่ครีมสดหรือผลไม้ต่างๆได้ด้วย”
“การทำด้วยกันเป็นกลุ่มก็คงสนุกมากเลยนะเนี่ย นี่แหละเสน่ห์ของงานวัฒนธรรม!”
“ยิ่งกว่านั้นนะ ฉันตั้งใจจะเสิร์ฟวาฟเฟิลแบบที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ กลิ่นหอมของมันจะลอยออกไปนอกห้อง ต้องเรียกลูกค้ามาเพิ่มได้แน่ แถมวาฟเฟิลก็อร่อยที่สุดตอนเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆด้วย”
“อิอิ ริวสุเกะดูสนุกมากเลยนะ หน้าตาดูสดใสเชียว”
“ก็นะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ทำอะไรแบบนี้กับเพื่อนๆ แล้วมาชิโระก็ดูตื่นเต้นกับการทำขนมครั้งแรกด้วยเหมือนกันนี่นา”
“ใช่ๆ! ฉันเคยฝันถึงอะไรแบบนี้มาตลอดเลยล่ะ สนุกมากจริงๆนั่นแหละ!”
มาชิโระยิ้มสดใสราวกับแสงแดดยามเช้าในระหว่างเราทั้งคู่ทำขนมด้วยกันอย่างเพลิดเพลิน
ผมเริ่มใส่วัตถุดิบลงในชามผสมเพื่อทำแป้งวาฟเฟิล มาชิโระก็ฮัมเพลงเบาๆพร้อมใช้ที่ตีไข่คนส่วนผสมไปด้วย
จากนั้นเราก็เตรียมวัตถุดิบสำหรับทำขนมอื่นๆ เช่น พุดดิ้งฟักทอง และมันหวานงเป็นขนมที่ใช้วัตถุดิบฤดูใบไม้ร่วงอย่างเต็มที่
มาชิโระยังคงยิ้มอย่างมีความสุขไม่หยุด การได้อยู่เคียงข้างเธอและทำขนมด้วยกันแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเราเป็นคู่แต่งงานใหม่ๆที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตร่วมกัน ช่างอบอุ่นหัวใจจริงๆ
ช่วงเวลาที่ได้เตรียมงานวัฒนธรรมพร้อมกับมาชิโระแบบนี้ เป็นช่วงเวลาที่ทำให้หัวใจของผมเต็มไปด้วยความสุขจริงๆ