เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN) - ตอนที่ 82 เตรียมตัวกับงานโรงเรียน (2)
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN)
- ตอนที่ 82 เตรียมตัวกับงานโรงเรียน (2)
ตอนที่82 : เตรียมตัวกับงานโรงเรียน (2)
หลังจากพูดคุยกับฮิเมโนะ คาเร็นจบ ผมก็ออกจากร้านกาแฟและมุ่งหน้ากลับไปที่โรงเรียน
เพื่อจะไปหามาชิโระที่กำลังเตรียมงานเทศกาลงานโรงเรียนอยู่ในห้องเรียนหลังเลิกเรียน
‘งั้นฝากด้วยนะ ชินโด แล้วก็ไม่ต้องเรียกฉันแบบมีคำนำหน้าก็ได้ เอาแบบสบายๆดีกว่า’
ก่อนแยกกัน ฮิเมโนะ คาเร็น—หรือจะเรียกว่าฮิเมโนะเฉยๆดีล่ะ? เธอได้บอกให้ผมพูดแบบเป็นกันเองแล้วก็โบกมือลาเดินกลับไป
ถึงจะกังวลกับการที่สถานการณ์ไม่เป็นไปตามเนื้อเรื่องเดิมจนไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ แต่การที่ได้มีโอกาสสนิทกับฮิเมโนะก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ในฐานะแฟนๆของผลงานต้นฉบับอย่าง “Fusekoi” ผมไม่ได้ไม่ชอบฮิเมโนะเลย การได้กลายมาเป็นเพื่อนกับนางเอกที่ควรจะเป็นศัตรูนับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการหลุดพ้นจากบทตัวร้ายแล้วล่ะ
“แต่ปัญหาก็คือ…การเปลี่ยนไปของฟุเสะคาวะ ไรโตะ”
ไรโตะ พระเอกของเรื่อง ที่แสดงท่าทีแตกต่างจากต้นฉบับโดยสิ้นเชิง
เหตุผลที่เขาทำตัวออกห่างจากภาพลักษณ์ของพระเอกในเรื่องราวรอมคอม
ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นผลจากสถานการณ์ที่ผมทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไป แต่จากเรื่องที่ฮิเมโนะเล่า ดูเหมือนจะมีสาเหตุอื่นอยู่เบื้องหลัง
ผมต้องค้นหาว่าความรู้สึกที่ฮิเมโนะสัมผัสได้นั้นคืออะไรและช่วยให้เธอกับไรโตะกลับมาคืนดีกันให้ได้ ในตอนที่คิดว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี ผมก็เปิดประตูห้องเรียนของห้องหนึ่งเข้าไป
ผมสีดำเป็นประกายงดงามภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็น ดวงตาของฉันจับจ้องไปที่เด็กสาวที่ทั้งน่ารักและสง่างาม หรือก็คือมาชิโระ
มาชิโระกำลังตั้งใจทำงานอย่างจริงจังบนโต๊ะเรียนพร้อมพูดคุยกับเพื่อนสนิทของเธอ ฮายามูระ ยุย
ยุยเป็นเด็กสาวที่อดีตเคยเป็นสาวแกลซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ผมสั้นสีเทาและแว่นตา แต่ตอนนี้บรรยากาศกลับต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
ยุยกับมาชิโระอยู่ห้องเดียวกันและสนิทกันมาก พวกเธอมักจะอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาพัก ซึ่งผมก็เห็นจนชินตา แต่วันนี้บรรยากาศดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย
“ฉันว่าดีไซน์นี้ไม่เลวเลย…นะ ยุย เธอคิดว่าไงบ้าง?”
“มาชิโระจิ เซนส์ดีมากเลยนี่นา วาดภาพเก่งขนาดนี้ ฉันว่าเธอเป็นนักวาดภาพประกอบได้นะ”
ดูเหมือนพวกเธอกำลังพูดคุยเกี่ยวกับการออกแบบชุดเมดที่จะใช้ในงานเทศกาลโรงเรียน ซึ่งมาชิโระกำลังร่างแบบชุดลงในสมุดโน้ต
ถึงจะเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่การที่ชุดเมดที่ใช้ในงานไม่ได้ซื้อหรือเช่ามาแต่เป็นฝีมือการตัดเย็บของมาชิโระเองทำให้ผมประทับใจสุดๆ
มาชิโระเป็นเด็กสาวที่มีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะทำอาหาร ซักผ้า เย็บปักถักร้อย เธอทำได้ทุกอย่าง แถมยังมีความละเอียดอ่อนในงานฝีมืออีกด้วย ผมมั่นใจว่าเธอจะทำชุดเมดออกมาได้อย่างสวยงามแน่ๆ
มาชิโระวางดินสอกดไว้ที่ริมฝีปากพลางครุ่นคิด เธอร่างแบบชุดที่จินตนาการในหัวให้ยุยดู
ยุยมองแบบร่างด้วยสีหน้าเปี่ยมความมั่นใจพร้อมพยักหน้า
“นี่ๆ มาชิโระจิ แบบที่มีระบายเยอะๆนี่น่ารักมากเลย ฉันชอบชุดเมดแบบนี้นะ”
“เอะเหะเหะ น่ารักใช่มั้ยล่ะ ฉันคิดว่ามันดูเหมือนชุดเจ้าหญิงดีน่ะ”
“แต่แบบธรรมดาก็สวยนะ ดูเข้ากับทุกคนดี คะแนนตรงนี้ก็น่าสนใจ”
“พวกเราต้องใส่กันทุกคนเนอะ เรื่องนี้ก็สำคัญเหมือนกัน…อืม ตัดสินใจยากจัง”
“มาชิโระจิเนี่ย เวลาเธอออกแบบอะไรแบบนี้ เธอมีอะไรเป็นแรงบันดาลใจเหรอ? หรือคิดว่าตัวเองอยากใส่แบบนี้? หรืออยากทำงานที่คาเฟ่เมด?”
“เอ่อ… ฉันแค่จินตนาการถึงคนที่จะได้เห็นแล้วชอบน่ะ… คือ ฉันอยากให้คนที่ใส่ชุดนี้มีความสุขด้วยเหมือนกัน”
มาชิโระยิ้มอายๆพร้อมแก้มที่แดงเล็กน้อย เธอใช้มือลูบเบาๆบนแบบร่างชุดเมดที่เธอวาด
บางทีเธออาจกำลังจินตนาการถึงคนที่ดีใจเมื่อได้ใส่ชุดนี้ ใบหน้าของเธอแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนเต็มไปด้วยความสุข
“มาชิโระจิ ทำหน้าเขินน่ารักเชียว คิดถึงใครอยู่กันแน่นะ? หรือว่า…เป็นคนๆนั้นใช่มั้ย?”
“มะ…ไม่ใช่นะ… ยุย! อย่ามาล้อเล่นกันแบบนี้สิ…”
มาชิโระพูดด้วยน้ำเสียงเขินอาย ขณะที่ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ
ยุยยิ้มขำบางๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาของมาชิโระที่ดูตกใจและพยายามเลี่ยงสายตา
“มาชิโระจิเนี่ยน่ารักเกินไปแล้วนะ ระวังล่ะ เดี๋ยวหมาป่าในตัวฉันจะตื่นขึ้นมา!”
“ว้ายย! ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ากอดฉันแบบนี้… อ๊ะ!”
ยุยกระโดดกอดมาชิโระด้วยความสนุกสนาน
ผมรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อมองภาพเด็กสาวสองคนที่กำลังหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม แต่อยู่ๆสายตาของมาชิโระก็หันมาสบตากับผมที่ยืนอยู่ตรงประตู
ผมตั้งใจจะรอจังหวะที่เหมาะสมเพราะไม่อยากรบกวนการเตรียมงานของพวกเธอ แต่พอสายตาของเราเจอกันแบบไม่ทันตั้งตัว ผมก็พูดอะไรไม่ออก
คิดแล้วก็นึกถึงตอนที่ผมเคยเจอสองคนนี้เล่นกันแบบนี้มาก่อน มาชิโระในตอนนั้นพอเห็นผมเธอก็แสดงท่าทีเหมือนหมาที่เจอเจ้าของ แล้วตอนนี้ก็เหมือนกัน อย่างกับมาชิโระกำลังแกว่งหางด้วยความดีใจอยู่เลย
ยุยเองก็สังเกตเห็นผมแล้ว เธอปล่อยมาชิโระและหันมาทักทายผม
“ไง ไง ริวสุเกะคุง! นายจะมาช่วยออกแบบชุดเมดสำหรับงานเทศกาลด้วยรึเปล่า?”
“พวกเธอกำลังเตรียมงานอยู่สินะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอเข้าร่วมด้วยได้ไหม?”
“ยินดีต้อนรับมากๆเลย! พวกเรากำลังอยากได้ความเห็นจากผู้ชายอยู่พอดี มาเลยๆ!”
ยุยจับแขนผมแล้วลากไปยังที่นั่งข้างๆมาชิโระ
มาชิโระดูตกใจเล็กน้อย เธอรีบลุกขึ้นยืนจัดแต่งผมของเธอเบาๆก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
“ริวสุเกะ ขอบคุณที่มานะ ไข้หายดีแล้วใช่ไหม… ฉันดีใจจัง”
“อืม หายดีแล้วล่ะ เรื่องเมื่อวานขอบคุณมากนะ เธอช่วยดูแลฉันไว้เยอะเลย”
“ไม่หรอก ฉันแค่ไม่อยากปลุกนายที่กำลังนอนพักอยู่ในห้อง… ขอโทษนะที่แอบเข้าไป แต่ฉันโล่งใจที่นายดูหายดีแล้ว”
มาชิโระพูดด้วยความโล่งใจพร้อมลูบอกเบาๆ
สองวันที่ผ่านมาผมทำให้มาชิโระเป็นห่วงมากจริงๆ
เพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับสิ่งที่เธอทำให้ ผมเลยตัดสินใจจะช่วยเตรียมงานเทศกาลกับพวกเธอ
ผมวางกระเป๋าลงบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆมาชิโระ แล้วนั่งลงพลางมองดูสมุดโน้ตที่เธอใช้ร่างแบบชุดเมด
สมุดโน้ตเต็มไปด้วยแบบร่างชุดเมดที่วาดอย่างตั้งใจ มันแสดงให้เห็นถึงความพยายามของมาชิโระที่มีมาตลอด
“ทั้งหมดนี่มาชิโระออกแบบเองเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ ฉันคุยกับยุยไปด้วยแล้วก็ออกแบบชุดหลายแบบเลย ตอนนี้กำลังเลือกแบบที่ดีที่สุดอยู่ อันนี้เป็นเมดแบบดั้งเดิม ส่วนอีกอันมีระบายเยอะหน่อย น่ารักใช่ไหม?”
ชุดเมดที่มาชิโระออกแบบมาทั้งหมดล้วนสวยงามและน่ารัก อีกทั้งยังดูใส่ใจเรื่องการใช้งานจริงด้วย ไม่ว่าจะเลือกแบบไหนก็น่าจะทำให้ลูกค้าที่มางานเทศกาลยิ้มได้แน่นอน
“มาชิโระเซนส์ดีมากเลยนะ ดูแล้วเหมือนจะเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าได้เลย รายละเอียดทุกจุดถูกใส่ใจจนมันออกมาน่ารักสุดๆ ฉันว่าชุดพวกนี้เหมาะกับมาชิโระมากๆเลย”
“เอะเหะเหะ ขอบคุณที่ชมนะ แล้วริวสุเกะล่ะคิดว่าชุดเมดแบบไหนดูดีกว่ากันอ่ะ? ฉันอยากฟังความเห็นของริวสุเกะด้วย จะได้เอามาประกอบการตัดสินใจ”
มาชิโระถามพร้อมกับยิ้มเขินเล็กน้อย
ผมก้มมองสมุดโน้ตพลางใช้ความคิด
ชุดเมดแบบดั้งเดิมและแบบมีระบายเยอะต่างก็มีเสน่ห์ในตัวเองจนเลือกยาก
ถึงอยากจะบอกว่าดีทั้งสองแบบ แต่ด้วยงบประมาณของห้องเรียนและเวลาที่เหลืออยู่ก่อนถึงงานเทศกาล คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำทั้งสองแบบ
นอกจากนี้ยังต้องคิดถึงเรื่องที่ว่าแบบไหนจะดึงดูดคนได้มากกว่า หรือแบบไหนจะช่วยเพิ่มรายได้ รวมถึงการประหยัดต้นทุน ฯลฯ
ในตอนที่ผมกำลังคิดหนัก ยุยที่อยู่ข้างๆก็ชูนิ้วชี้ขึ้นมาและเสนอไอเดีย
“ริวสุเกะคุง ลองคิดง่ายๆ ว่านายอยากเห็นมาชิโระจังใส่ชุดเมดแบบไหนมากที่สุดสิ ไม่ต้องคิดเยอะ ตามใจตัวเองไปเลย!”
“ตามใจตัวเองงั้นเหรอ…”
ผมลองคิดตามอย่างจริงจัง
ชุดเมดแบบดั้งเดิมมีความเรียบง่าย สง่างาม ด้วยกระโปรงยาวและผ้ากันเปื้อนสีขาวบริสุทธิ์ที่ช่วยเสริมความน่ารักแบบคลาสสิก ใครใส่ก็ดูดีได้แน่
ส่วนชุดแบบมีระบายเยอะจะเด่นด้วยริบบิ้นใหญ่ที่หน้าอกและกระโปรงยาวถึงเข่าที่เต็มไปด้วยระบายฟูฟ่อง ดูนุ่มนวลและมีชีวิตชีวา ถ้าใส่ที่คาดผมสีขาวเพิ่มเข้าไปอีก ความน่ารักกับความดูหรูหราจะลงตัวแบบไร้ที่ติ
ทั้งสองแบบน่าดึงดูดใจจนยากจะเลือก แต่ถ้าตามใจตัวเอง ผมคิดว่าชุดแบบมีระบายเยอะเหมาะกับมาชิโระมากที่สุด
“ถ้างั้นก็คงเป็นแบบมีระบายเยอะนี่แหละ เหมาะกับมาชิโระดีด้วย”
“ใช่เลย ฉันก็คิดว่ามาชิโระจิในชุดแบบนี้ต้องน่ารักมากแน่ๆ”
ผมและยุยพยักหน้าหลายครั้งด้วยความเห็นตรงกัน
ดูเหมือนว่าทั้งผู้ชายและผู้หญิงต่างก็คิดคล้ายๆกันในเรื่องนี้ ถึงผมจะไม่ได้คุยกับยุยมาก่อน แต่เราก็มีความคิดเห็นตรงกัน
มาชิโระยิ้มอย่างโล่งใจเมื่อได้ยินคำพูดของเรา
“ดีจังเลย! จริงๆฉันก็ชอบแบบมีระบายเยอะนี้เหมือนกัน”
“งั้นก็แปลว่าคนที่นี่สามคนเห็นตรงกันสินะ”
“ใช่เลย! มาชิโระจิ พรุ่งนี้ลองเสนอแบบนี้ให้ทุกคนดูสิ”
หลังจากพูดคุยกันในช่วงหลังเลิกเรียน เราก็สามารถเลือกชุดเมดที่จะใช้ในงานเทศกาลได้สำเร็จ แม้ว่าผมจะเพิ่งมาร่วมตอนกลางทาง แต่การได้ช่วยเหลือมาชิโระบ้างก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
ห้องเรียนที่มาชิโระอยู่ดูเต็มไปด้วยความตั้งใจในการเตรียมตัวสำหรับงานเทศกาล
ผมคิดว่าห้องเรียนของเราก็ควรเอาอย่างบ้าง ก่อนที่เราทั้งสามคนจะเริ่มเก็บของเพื่อเตรียมกลับบ้านพร้อมกัน