เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN) - ตอนที่ 81 รอยยิ้มราวกับดวงตะวัน
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN)
- ตอนที่ 81 รอยยิ้มราวกับดวงตะวัน
ตอนที่81 : รอยยิ้มราวกับดวงตะวัน
กาแฟเย็นสองแก้วถูกนำมาวางบนโต๊ะ
เสียงน้ำแข็งกระทบกันเบาๆดังขึ้น เราทั้งสองคนยื่นมือไปคว้าแก้วเย็นๆด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด
หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างดื่มไปหนึ่งอึก ผมเลยเริ่มพูดอย่างช้าๆ
“เธอบอกว่าท่าทีของฟุเสะคาวะดูแปลกไป แล้วมันแปลกยังไงล่ะ? ฉันเองไม่ได้เป็นเพื่อนกับเขาเลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอก”
“นั่นสินะ แม้แต่ยูนะหรือรุ่นพี่ซากุระมิยะที่อยู่ด้วยกันตลอดก็ยังไม่รู้ แต่ฉันรู้ เพราะฉันเป็นเพื่อนสมัยเด็กและอยู่ข้างเขามาตลอด ฉันถึงได้รู้….”
ฮิเมโนะ คาเร็นกำลังคนกาแฟเย็นด้วยหลอดอย่างเงียบๆพลางตั้งใจฟังเสียงน้ำแข็งกระทบกันในแก้ว
จากท่าทางของเธอ ทำให้รู้เลยว่าเธอมั่นใจในความเปลี่ยนแปลงของไรโตะ และผมก็คิดว่านี่อาจจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับผมเช่นกัน
“ช่วงที่ไรโตะเริ่มเปลี่ยนไป…คือตอนที่นายกลับมาโรงเรียนนั่นแหละ ก่อนหน้านั้นไรโตะยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่พอวันนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป”
“แล้วอะไรล่ะที่เปลี่ยนไปกันแน่?”
“อืม…มันไม่ใช่อะไรที่ชัดเจนแบบนั้นหรอก แต่ฉันรู้สึกได้จากสัญชาตญาณ ไรโตะดูจะกลายเหมือนกลายเป็นคนละคน”
“หรือพูดอีกอย่างคือ แค่คุณฮิเมโนะที่รู้สึกถึงความแปลกนี้เหรอ? เพราะฉันที่ไม่สนิทกับเขาคงไม่มีทางเข้าใจได้แน่”
ผมยักไหล่พร้อมยกมือขึ้นทั้งสองข้าง
ผมกับฟุเสะคาวะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันมากขนาดนั้น
เพราะงั้นมันคงแปลกถ้าผมจะรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่แม้แต่เพื่อนสมัยเด็กยังไม่เข้าใจ
แต่ความจริงแล้ว ผมเองก็สังเกตได้ถึงบางอย่าง
ความแตกต่างระหว่างไรโตะใน ‘Fusekoi’ ต้นฉบับที่ผมรู้จัก กับไรโตะที่ผมเห็นในโลกใบนี้
ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นผลมาจากอีเวนต์ที่ผมทำให้เรื่องราวผิดไปจากต้นฉบับ แต่พอเวลาผ่านไป ไรโตะกลับแสดงออกถึงความแปลกที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตอนที่เราเจอกันในการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด
“ชินโดคุง นายก็เห็นไรโตะในตอนนั้นใช่ไหม? ตอนที่เขาแข่งกับพวกเราที่งานวอลเลย์บอลชายหาดน่ะ”
“อืม จำได้สิ ไม่นึกเลยว่าพวกเราจะมาเที่ยวทะเลที่เดียวกันในวันเดียวกัน แล้วดันมาเจอกันในงานแข่งขันวอลเลย์บอลแบบนั้น”
“พวกเราก็ตกใจเหมือนกัน มันดูบังเอิญเกินไป แต่ช่างเถอะ ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น…มันอยู่ที่ท่าทางของไรโตะตอนแข่งต่างหาก เขาไม่เหมือนเดิมเลย เป็นคนละคนกับไรโตะที่ฉันรู้จัก”
ฮิเมโนะ คาเร็นกำหมัดแน่นและก้มหน้าลง
เธอพูดต่อด้วยเสียงที่เบาจนแทบฟังไม่ออก ราวกับบีบมันออกมาจากลำคอ…
“ฉันรู้นะว่าไรโตะเป็นคนไม่ชอบแพ้ แต่แค่กำลังจะเสียคะแนน เขากลับพูดจาแย่ๆกับพวกเราที่พยายามด้วยกัน หรือแม้แต่แสดงท่าทีเสียมารยาทกับทีมคู่แข่ง ทั้งหมดนี้มันไม่ใช่ไรโตะที่ฉันรู้จักเลย”
“อืม ตอนนั้นมันก็ดูรุนแรงจริงๆนั่นแหละ ฉันเองก็เห็นแล้วรู้สึกสงสารเธอกับคุณฮานาซากิเหมือนกัน”
ฟุเสะคาวะ ไรโตะยึดติดกับชัยชนะมากเกินไปจนละเลยนางเอกที่สำคัญในชีวิตของเขาไป
สำหรับตัวเอกแล้ว การกระทำแบบนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และถ้าเป็นฟุเสะคาวะ ไรโตะในต้นฉบับที่ผมรู้จัก เขาจะไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอน
ผมเองก็รู้สึกถึงความผิดปกตินั้นได้อย่างชัดเจน และสำหรับฮิเมโนะ คาเร็น เพื่อนสมัยเด็กของไรโตะ เธอคงรับรู้ถึงความผิดปกตินั้นยิ่งกว่าผมแน่
“แล้วก็อีกอย่าง การแข่งวอลเลย์บอลชายหาดทำให้ฉันได้รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับนายด้วยนะ ชินโดคุง”
“ฉันเหรอ? ฉันก็แค่สนุกกับวอลเลย์บอลปกติเอง ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปนี่นา…”
“จริงเหรอ? ตอนนั้นนายดูโดดเด่นมากเลยนะ จนฉันไม่อยากเชื่อว่านายเคยเป็นเด็กเกเรมาก่อน นายดูเป็นคนจริงจัง ซื่อสัตย์ และให้ความสำคัญกับคนรอบข้างจนแสดงออกผ่านรอยยิ้ม ตอนนั้นฉันถึงรู้สึกอิจฉานิดๆขึ้นมาเลย”
ฮิเมโนะ คาเร็นจ้องมองแก้วน้ำในมือ ฟังเสียงน้ำแข็งกระทบกันพร้อมเผยสีหน้าคิดหนัก
“ชินโดคุงในตอนนั้น…เหมือนไรโตะที่ฉันเคยรู้จักเลย เขาชอบรอยยิ้มของทุกคนรอบตัว ถ้าใครดูไม่มีแรงใจ เขาจะเป็นคนแรกที่สังเกตและพูดให้กำลังใจ เป็นคนมีน้ำใจและห่วงใยเพื่อนมาก”
“ตอนนั้นฉันแค่ต้องการให้มาชิโระ เพื่อนสมัยเด็กกับไม น้องสาวของฉันยิ้มได้ ฉันพยายามทำให้การแข่งสนุกมากกว่าเพื่อเอาชนะ ฉันอยากให้ทุกคนมีช่วงเวลาดีๆในช่วงหน้าร้อน แน่นอนว่าตอนแรกฉันเองก็อยากชนะจนออกนอกหน้า แต่พอฉันรู้ว่ามันมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้นอยู่เลยเปลี่ยนไปน่ะนะ”
“ใช่ ตอนนั้นพวกนายดูสนิทกันมากเลยนะ ทุกครั้งที่ทำคะแนนได้ พวกนายก็ยิ้มและแปมือกันอย่างดีใจ ถึงจะเสียคะแนนก็ยังให้กำลังใจกันต่อไป นั่นแหละที่สำคัญกว่าชนะหรือแพ้ มันคือสิ่งที่ฉันกับไรโตะเคยทำมาตลอด และตอนนี้นายกับคุณมาชิโระกำลังทำมันแทน ฉันเลยอิจฉา…”
ฮิเมโนะ คาเร็นยิ้มบางๆ แต่รอยยิ้มนั้นดูมีความเหงาซ่อนอยู่ เธอเหมือนกำลังมองความทรงจำที่แสนไกลผ่านตัวผม
มันอาจเป็นเรื่องธรรมดาที่ฮิเมโนะ คาเร็นจะอิจฉาการกระทำระหว่างผมกับมาชิโระ
ผมพยายามทำตัวเหมือนพระเอกในเรื่องราวรอมคอมที่ผมรู้จัก เพื่อหาทางออกจากชะตากรรมของตัวร้ายที่ผมเป็นอยู่
ผมพยายามอยู่เคียงข้างคนสำคัญของผม และทำให้ผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมมีความสุข ผมต้องการเปลี่ยนแปลงชะตาอันเลวร้ายและไขว่คว้าความสุขในอนาคตมา
สิ่งที่ผมทำอาจดูเหมือนภาพลักษณ์ของพระเอกในสายตาของฮิเมโนะ คาเร็น นางเอกของ ‘Fusekoi’
แสงสว่างที่ควรจะเปล่งออกมาจากตัวเอกอย่างฟุเสะคาวะ ไรโตะ ตอนนี้กลับเปล่งประกายออกมาจากผมที่เป็นตัวร้ายแทน
สำหรับฮิเมโนะ คาเร็น ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดตัวเอกอย่างฟุเสะคาวะ ไรโตะมาตลอด นี่คือความผิดปกติที่แสดงออกอย่างชัดเจน และเธอปรากฏตัวต่อหน้าผมเพื่อหาสาเหตุที่มันเกิดขึ้น
เธออาจคิดว่ามีความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างการที่ไรโตะสูญเสียแสงสว่างของตัวเอก และผมที่เริ่มเปล่งประกายในแบบตัวเอก
และทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่ผมเริ่มกลับมาที่โรงเรียน ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เธอต้องการหาคำตอบว่าทำไมผมถึงตัดสินใจกลับมาเรียน
แต่ผมควรจะเล่าเหตุผลที่แท้จริงรึเปล่า?
วันนั้นคือวันที่ผมได้กลับชาติมาเกิดในฐานะชินโด ริวสุเกะ ตัวร้ายของเรื่อง ตั้งแต่นั้นมาผมก็กลายเป็นตัวตนใหม่ที่หลอมรวมอดีตของผมกับตัวร้ายคนนั้น
ถ้าผมพูดความจริงไป เธอจะเชื่อไหม? หรือมันจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่เลวร้ายขึ้นแทน?
ในตอนที่ผมกำลังลังเล ฮิเมโนะ คาเร็นก็นั่งรอคำตอบอย่างเงียบๆ
หลังจากความเงียบครู่หนึ่ง เธอถอนหายใจยาวก่อนจะยืดตัวตรงและพูดขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ
“…ฮะๆ ฉันนี่มันบ้าจริงๆเลยนะ พอเห็นว่าตอนที่ชินโดคุงเปลี่ยนไปตรงกับช่วงที่ไรโตะเริ่มแปลกไป ฉันก็คิดไปเองว่ามันต้องมีความเกี่ยวข้องกันแน่ๆทั้งที่มันไม่มีทางเกี่ยวข้องกันได้เลย”
“คุณฮิเมโนะ…?”
เธอที่อยู่ๆก็หัวเราะออกมาก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายและเผยยิ้มสดใส แต่ก็แฝงไปด้วยความไม่มั่นคงในอารมณ์ ผมทำได้เพียงมองเธอโดยไม่พูดอะไร…
“ฉันยังไม่ได้ทำให้ไรโตะคืนดีกับฉันเลยนะ เพื่อนร่วมชั้นอย่างเรโอะคุงต่างหากที่พยายามทำให้เราสองคนคืนดีกัน แต่ตอนนั้น แค่ตอนนั้นที่ฉันคิดว่าเราคืนดีกันได้แล้ว… แต่พอวันถัดมาที่ไปเที่ยวกับไรโตะ ฉันก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันยังมีความผิดปกติอยู่ ยูนะกับรุ่นพี่ซากุระมิยะก็ยังยิ้มเหมือนเดิม แค่ฉันคนเดียว… ที่กลับไม่สามารถยิ้มได้เลย”
ฮิเมโนะ คาเร็นยกมือทั้งสองข้างมาที่ริมฝีปาก แล้วพยายามยิ้มให้ได้
มันเป็นรอยยิ้มที่เธอไม่เคยแสดงให้เห็นในต้นฉบับของ “Fusekoi” ที่ผมรู้จัก มันดูไม่ธรรมชาติเลยสักนิด
“ขอโทษนะ… ขอโทษที่มาพูดเรื่องนี้ให้คนที่ไม่เกี่ยวฟัง คงเป็นเพราะตอนที่อยู่กับคุณมาชิโระ ฉันเห็นนายกับไรโตะทับซ้อนกันจนทำให้ฉันพูดแบบนี้ออกมา…”
ฮิเมโนะ คาเร็นบ่นเบาๆพร้อมกุมหน้าอกแน่น ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีตอนที่เห็นเธอทำแบบนั้น
เธอคงต้องทรมาณอยู่คนเดียวมาตลอด คิดหนักจนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป จนต้องมีปัญหาเพื่อนสมัยเด็กและยังคงรู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องนั้นอยู่
เธอไม่รู้จะเข้าหาฟุเสะคาวะ ไรโตะที่ดูเหมือนเป็นคนละคนได้ยังไง และในที่สุด เธอก็มาหาผมด้วยความหวังเล็กๆว่าผมอาจจะสามารถช่วยหาคำตอบได้
เธออยากรู้ว่าทำไมไรโตะถึงเปลี่ยนไป และอยากจะทำให้เขากลับมาเหมือนเดิม ซึ่งเธอไม่ยอมแพ้กับความหวังนั้นเลย
“…ฉันจะกลับแล้วล่ะ ขอโทษจริงๆนะที่ทำให้เสียเวลา ฉันจะจ่ายค่ากาแฟให้เอง”
ฮิเมโนะ คาเร็นดื่มกาแฟที่เหลือจนหมดแล้วรีบหยิบกระเป๋าขึ้นจากโต๊ะพร้อมลุกขึ้น
แต่ผมรีบยื่นมือออกไปก่อน
ในตอนที่เธอกำลังจะเดินออกไป ผมจับข้อมือเธอเอาไว้
ฮิเมโนะ คาเร็นหันกลับมามองฉันด้วยความตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัวที่ผมจะจับข้อมือเธอกระทันหัน
สำหรับผม นี่อาจจะเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ ถ้าผมทำผิดพลาดไปอาจจะมีผลเสียตามมา
แต่ผมคิดว่าการปล่อยให้เด็กสาวที่กำลังทุกข์ทรมานไปโดยไม่ได้ช่วยเหลือมันคงเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุด เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจหยุดเธอไว้
“ฉันจะช่วยเอง ฉันก็อยากรู้ว่าฟุเสะคาวะเปลี่ยนไปได้ยังไง แล้วก็อยากช่วยให้พวกเธอคืนดีกันด้วย”
“นาย…เอาจริงเหรอ? การที่นายช่วยฉันมันไม่มีประโยชน์หรอกนะ”
“มีสิ ฉันได้เพื่อนเพิ่มขึ้นไง”
“…บ้าจังนะ นายน่ะ”
ฮิเมโนะ คาเร็นยักไหล่และหัวเราะ
รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นเป็นรอยยิ้มที่สดใสราวกับดวงตะวัน รอยยิ้มที่ฮิเมโนะ คาเร็นเคยมีในเรื่องต้นฉบับ