เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN) - ตอนที่ 48 การหยอกกันเบาๆ
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN)
- ตอนที่ 48 การหยอกกันเบาๆ
ตอนที่48 : การหยอกกันเบาๆ
“ริวสุเกะ ขอบคุณสำหรับอาหารเช้าน้า อร่อยมากเลยอ่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันดีใจที่มาชิโระชอบนะ”
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ มาชิโระก็พนมมือด้วยรอยยิ้มสดใสแสดงความพึงพอใจ การที่เธอชมอาหารที่ผมทำ มันทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ
ในตอนที่ผมกินอาหารเสร็จและกำลังจะลุกขึ้นเพื่อเก็บจาน มาชิโระก็รีบหยิบจานที่ผมใช้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เรื่องล้างจานเนี่ย ปล่อยให้ฉันจัดการเอง ริวสุเกะไปนั่งรอบนโซฟาเถอะ”
“จะดีเหรอ? ให้ฉันช่วยก็ได้นะ”
“ไม่ได้ๆ ที่นี่บ้านฉันนะ อีกอย่าง ริวสุเกะก็เป็นแขกด้วย”
“งั้นก็ ขอรับไว้ด้วยความเต็มใจแล้วกัน ขอบคุณนะ”
“ไว้ใจได้เลย เดี๋ยวล้างให้เสร็จแล้วจะไปนั่งด้วยนะ”
ผมลูบหัวมาชิโระเบาๆ ส่วนเธอก็หัวเราะ “เอะเฮะเฮะ” ด้วยสีหน้าดูมีความสุข ก่อนจะเดินไปที่อ่างล้างจาน
หลังจากมองเธอเดินไป ผมก็นั่งลงบนโซฟานุ่มๆในห้องนั่งเล่น
จริงๆแล้วหลังจากเก็บล้างเสร็จ ผมกะว่าจะกลับบ้าน แต่เพราะมาชิโระขอร้องให้ผมอยู่ต่อ ผมเลยปฎิเสธไม่ลง
ถึงผมจะเกรงใจเพราะคิดว่าอยู่ต่ออาจจะรบกวนเธอ แต่มาชิโระกลับดูไม่ใส่ใจเรื่องนั้นเลย ที่สำคัญ ตอนที่ผมพูดว่าจะกลับ เธอกลับทำหน้าเศร้าด้วยแววตาอ้อนวอนพร้อมจับชายเสื้อผมแน่นแล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งไปเลยนะ…” ทำเอาผมล้มเลิกความคิดที่จะกลับบ้านไปเลย
(อยู่คนเดียวคงเหงาน่าดู…)
มาชิโระอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์นี้กับแม่ของเธอ แต่แม่ของเธอแทบไม่ได้กลับมาบ้านเลย พ่อของมาชิโระก็เสียชีวิตตั้งแต่เธออยู่ม.ต้น สุดท้ายเธอเลยต้องอยู่เพียงลำพังมาตลอด
ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนแบบนี้ ไม่มีโรงเรียนให้ไปหรือเพื่อนให้พูดคุยด้วย ถ้าผมกลับไป มาชิโระก็คงต้องกลับไปอยู่คนเดียวอีกครั้ง ซึ่งสำหรับเธอคงจะเหงามาก
เพราะแบบนั้น พอเธอขอร้องให้ผมอยู่ด้วย ผมก็ปฏิเสธไม่ลงหรอก แม่เองก็เข้าใจแล้วบอกว่า “ไม่ต้องห่วงทางนี้ อยู่เล่นกับหนูมาชิโระไปเถอะ” ผมเลยตัดสินใจจะอยู่กับเธอจนกว่าเธอจะพอใจ
ตอนที่ผมกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย มาชิโระก็ล้างจานเสร็จแล้วเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น
เธอค่อยๆเดินมานั่งข้างผมบนโซฟาแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนด้วยความสุข
“ริวสุเกะ ฉันกลับมาแล้ว ล้างจานเสร็จหมดแล้วล่ะ”
“ยินดีต้อนรับกลับ ขอบคุณนะมาชิโระ”
“เอเฮะเฮะ”
ผมลูบหัวมาชิโระเบาๆเธอก็หลับตาลงด้วยความสุขพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
มาชิโระช่างน่ารักจริงๆ ทุกการกระทำ ทุกคำพูด ทุกสีหน้าของเธอ ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย
ตอนที่ผมกำลังลูบผมนุ่มๆของมาชิโระไปเรื่อย เธอก็ช้อนตามองขึ้นมาด้วยดวงตาที่ดูง่วงนอนเล็กน้อย
“ริวสุเกะ ง่วงรึเปล่า?”
“เมื่อคืนฉันกอดมาชิโระไว้แทนหมอนข้างนี่นะ ก็เลยหลับสบาย ตื่นมาสดชื่นสุดๆเลยล่ะ”
“แต่ฉันน่ะ พออยู่ใกล้ริวสุเกะที่ไรก็จะรู้สึกง่วงตลอดเลย ก็ริวสุเกะทั้งอุ่น แล้วก็ทำให้รู้สึกปลอดภัยด้วย ฉันอยากนอนต่อจัง…”
เธอยิ้มบางๆแล้วเอนตัวลงนอนหนุนตักผม ผมสีดำยาวของเธอพลิ้วไปมาบนขาของผมอย่างอ่อนโยน
มาชิโระใช้สายตาอ้อนๆมองมาที่ผมพร้อมซุกแก้มลงกับตักของผมไปมาอย่างเอาแต่ใจ นี่มัน ที่เขาเรียกว่า “หมอนตัก” ใช่ไหมนะ?
ผมรู้สึกเขินเลยใช้นิ้วชี้ดีดหน้าผากเธอเบาๆเป็นเชิงเตือน แต่มาชิโระกลับทำหน้ามุ่ยแล้วพองแก้มขึ้นอย่างน่ารัก
“เดี๋ยวเถอะ อย่าหนุนตรงนั้นสิ”
“อ๊ะ… ริวสุเกะใจร้าย ดีดหน้าผากฉันอีกแล้ว!”
พอผมยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มที่ป่องของมาชิโระเบาๆอีกครั้ง เธอถึงกับดิ้นพล่านอย่างจั๊กจี้
“โธ่ ไม่เอาสิ ห้ามจิ้มแก้มฉันนะー”
“ช่วยไม่ได้นี่ ก็แก้มน่ารักๆของมาชิโระอยู่ตรงนี้พอดี คราวนี้ลองดึงดูบ้างดีกว่า”
“อ่าาอึงอ้าาー”
(อย่าดึงน้าา)
ผมลองจับแก้มมาชิโระแล้วดึงไปมา เธอพูดไม่ชัดจนเสียงที่ออกมาฟังดูน่ารักปนตลก ถึงเธอจะพยายามบอกให้หยุดดึง แต่ท่าทางแบบนั้นกลับยิ่งทำให้ผมสนุก
ผมทั้งดึงทั้งจิ้มแก้มของมาชิโระเหมือนกำลังเล่นกับมาร์ชแมลโลว์นุ่มๆ ความรู้สึกนี้ชวนให้ติดใจจนผมเผลอเล่นต่อไปเรื่อยๆ
มาชิโระเหมือนจะเริ่มคิดจะโต้กลับ เธอเลยยื่นมือมาหาผม
“เดี๋ยวสิ! ตรงนั้นมันไม่ยุติธรรมเลยนะ!”
“หุหุ นี่แหละเป็นการแก้แค้นของฉัน!”
มาชิโระยิ้มซุกซนก่อนจะเอามือไปที่รักแร้ของผมแล้วเริ่มจั๊กจี้ ผมถึงกับสะดุ้งตัวสั่นและดิ้นพล่าน
สมแล้วที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก เธอรู้ดีว่าจุดอ่อนของผมอยู่ตรงรักแร้ การโจมตีของเธอไม่มีหยุดจนผมทบจะกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่
“มะ… มาชิโระ ถ้าเธอเล่นแบบนี้ ฉันก็จะโต้กลับเหมือนกันนะ?”
“เอะเหะเหะ ก็ลองดูสิ! ริวสุเกะจะเอาชนะฉันได้รึเปล่าน้าา?”
“พูดแบบนี้ก็สวยสิ เตรียมตัวให้ดีล่ะ”
ผมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วเลื่อนมือไปที่สีข้างของมาชิโระ
เหมือนที่มาชิโระรู้จุดอ่อนของผม ผมเองก็รู้จุดอ่อนของเธอเหมือนกัน เพราะเราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กไงล่ะ
และจุดอ่อนที่สุดของมาชิโระก็คือสีข้าง ตอนเด็กๆแค่แตะครั้งเดียวเธอก็หน้าแดงจนตาแทบมีน้ำตา
ตอนนี้ก็เหมือนกัน ผมแค่แตะปลายนิ้วเบาๆมาชิโระก็สะดุ้งจนตัวลอย
ผมมั่นใจว่าจุดอ่อนของเธอยังไม่เปลี่ยนไป และผมก็เริ่มจู่โจมสีข้างของเธอทันที
ผมลูบไปมาเบาๆบนเสื้อยืดบางๆ นั่นทำให้มาชิโระสะดุ้งและหัวเราะไม่หยุด เธอเป็นคนจั๊กจี้ง่ายเหมือนผม แค่ขยับนิ้วหน่อยเธอก็ถึงกับดิ้นพล่าน
“ฮ่าๆๆ เจ้าบ้า เจ้าบ้า! ตะ ตรงนั้นมันขี้โกงー!”
“ว่าไงล่ะ มาชิโระ ยอมแพ้รึยัง?”
“ยังหรอก ฉันเองก็รู้อีกจุดอ่อนของริวสุเกะเหมือนกัน”
“เหรอ? งั้นมาลองดูไหมว่าจุดอ่อนของฉันอยู่ตรงไหน?”
“ตรงนี้แหละ!”
“หืม!? ดะ เดี๋ยว มาชิโระ!”
มาชิโระยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วล้วงมือเข้าไปในเสื้อผม แตะที่ท้องโดยไม่ฟังเสียงห้ามของผม
ผมสะดุ้งสุดตัวพร้อมหลุดเสียงแปลกๆออกมา
57’ฉันจะพยายามหยุดเธอ แต่มาชิโระก็ไม่ยอม เธอเริ่มจั๊กจี้ผมตรงที่ท้อง นิ้วเล็กๆของเธอลูบวนไปมา ทำให้ทั้งจั๊กจี้และรู้สึกดีไปพร้อมกัน
ผมดิ้นพล่านระหว่างที่มาชิโระหัวเราะด้วยความสนุก ใบหน้าของเธอดูเหมือนปีศาจตัวน้อยที่เจ้าเล่ห์
ในที่สุด ผมก็ทนไม่ไหวจนหลุดหัวเราะออกมา ตอนนั้นเองมาชิโระก็หัวเราะเยาะด้วยความสนุกสนาน
“ฮ่าฮ่า ริวสุเกะเนี่ยจั๊กจี้ง่ายจริงๆเนอะ? จะเอาอีกไหม?”
“พอเถอะ… ขืนโดนมากกว่านี้ฉันคงหัวเราะจนตายแน่ๆ…”
“เอะเหะเหะ เห็นไหม? ถ้าจะแกล้งฉันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ จำไว้ให้ดีเลยนะ!”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว…”
พอผมยอมแพ้ มาชิโระก็ยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะปล่อยมือจากผม
ผมหมดแรงจนทิ้งตัวลงพิงพนักโซฟาอย่างหมดท่า พร้อมกับพยายามปรับลมหายใจให้กลับมาปกติ มาชิโระกลับนั่งเชิดหน้าอย่างภูมิใจ แถมยังยิ้มแบบผู้ชนะอีกด้วย
แต่ถึงเธอจะดูมีท่าทางภูมิใจแค่ไหน เจ้าตัวก็ยังอยู่ในท่าที่ใช้ตักของผมเป็นหมอนอยู่ดี สำหรับผมแล้ว นั่นทำให้เธอดูน่ารักสุดๆ
ไม่นานนัก มาชิโระก็ยิ้มอ่อนโยนอย่างนุ่มนวลแล้วถูแก้มเข้ามาที่ต้นขาของผมเหมือนกำลังอ้อน
“พอเล่นกันสนุกๆแล้ว ฉันรู้สึกตาสว่างขึ้นมาเลย ริวสุเกะล่ะ จะทำอะไรต่อดี?”
“อืม… ไม่ได้คิดอะไรไว้เลยแฮะ วันนี้ก็เป็นวันหลังจากคั้งแคมป์ เลยไม่ได้วางแผนอะไรไว้”
“แล้วไมจังกับคุณแม่ของริวสุเกะบอกอะไรไว้บ้างเหรอ?”
“ฉันคุยกับพวกเธาก่อนกินข้าวเช้าแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรมากหรอก พวกเขาบอกว่าถ้าฉันอยู่กับมาชิโระก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“งั้นวันนี้เราอยู่ด้วยกันเฉยๆแบบนี้ทั้งวันเลยดีไหม?”
“ก็ดีเหมือนกันนะ เอาแบบนั้นก็แล้วกัน”
ผมตอบพลางลูบหัวมาชิโระเบาๆ เธอก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขแล้วเอียงศีรษะเข้ามาใกล้มือผมมากขึ้นราวกับแมวตัวน้อยที่กำลังอ้อนเจ้าของ
ตอนที่ผมปล่อยตัวตามสบายไปกับความน่ารักของมาชิโระ พวกเราก็ใช้เวลาในห้องนั่งเล่นอย่างผ่อนคลายและสบายใจ