เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN) - ตอนที่ 110 บทส่งท้าย - จุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่ (ชนดิบแล้วจ้าา)
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN)
- ตอนที่ 110 บทส่งท้าย - จุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่ (ชนดิบแล้วจ้าา)
ตอนที่110 : บทส่งท้าย – จุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่
“ทุกคน วันนี้ขอบคุณที่เหนื่อยนะ! ชนแก้ว!”
“ชนแก้ว!!”
หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งใหญ่ของงานเทศกาลวัฒนธรรมมาได้ ผมก็ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองของห้องหนึ่งและห้องสองที่จัดร่วมกัน
สถานที่จัดงานคือร้านเนื้อย่างแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทลูกของตระกูลซากุระมิยะ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่บริหารโดยพ่อของซากุระมิยะ มิยูกิ
ร้านนี้มีชื่อเสียงในด้านราคาย่อมเยาสำหรับนักเรียน พร้อมด้วยโปรโมชั่นกินดื่มไม่อั้น ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยม และพวกเราได้จัดงานเลี้ยงฉลองหลังงานเทศกาลที่นี่โดยการรวมคนที่สนใจจะมาเข้าร่วม
ตอนนี้ เรโอะ ผู้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการงานเลี้ยงกำลังยืนอยู่หน้าทุกคนพร้อมกับแก้วน้ำผลไม้ในมือ เพื่อกล่าวคำอวยพรสำหรับการเริ่มงาน
จากนั้น ทุกคนก็ยกแก้วขึ้นชนกัน พร้อมดื่มน้ำผลไม้ในแก้วจนหมดอย่างสนุกสนาน
ย้อนกลับไปในชีวิตก่อนหน้า การเลี้ยงฉลองในช่วงชีวิตก่อนหน้าของผมในฐานะพนักงานบริษัท ส่วนใหญ่เป็นงานที่ต้องคอยบริการหัวหน้าหรือพบปะคู่ค้าทางธุรกิจ เป็นเหมือนการทำงานต่อเนื่องระหว่างการดื่ม
บางครั้ง งานเลี้ยงพึ่งจบ ก็ต้องกลับไปทำงานต่อที่บริษัท ไม่มีเวลาชื่นชมอาหารหรือเครื่องดื่มอร่อยๆเลย
แต่ตอนนี้ ผมได้ใช้เวลาที่สนุกสนานกับเพื่อนร่วมห้องหลายคน พร้อมกับอิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมือนฝันสำหรับผมในอดีต
“นี่ ริวสุเกะ เนื้อที่ย่างสุกกำลังดีมาแล้วนะ”
“อ๊ะ ขอบคุณนะ มาชิโระ…อื้ม…อร่อยจัดเลย!”
“ดีจังเลย~ ฉันดีใที่นายชอบนะ”
มาชิโระซึ่งเป็น MVP ในการบริการลูกค้าในงาน นั่งอยู่ข้างๆผม เธอส่งยิ้มอย่างมีความสุขพร้อมวางเนื้อที่ย่างเสร็จแล้วลงในจานของผม
เนื้อที่มาชิโระย่างให้มีความสุกพอดีและเข้ากันได้ดีกับซอส รสชาติที่แผ่ซ่านเต็มปากทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
พอเห็นท่าทีของผม มาชิโระก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขพร้อมเริ่มย่างเนื้อชิ้นต่อไป
ในตอนที่ผมเพลิดเพลินกับเสียงเนื้อที่ย่างและช่วงเวลาสบายๆ เรโอะที่เพิ่งกล่าวคำอวยพรตอนชนแก้วก็เดินมานั่งตรงข้ามกับผมและมาชิโระ
“ริวสุเกะ คุณมาชิโระด้วย ขอบคุณสำหรับความพยายามของทั้งสองคนนะ เพราะพวกนาย ห้องของพวกเราถึงได้รับรางวัลที่หนึ่งจากงานวัฒนธรรม อย่างกับฝันไปเลยล่ะ”
“ฉันเองก็รู้สึกเหมือนฝันเหมือนกันแหละ ไม่นึกเลยว่าเราจะได้รางวัลที่หนึ่งในงานนี้”
เรโอะยิ้มอย่างมีความสุขจากใจจริง แค่เห็นรอยยิ้มของเขา ผมก็รู้สึกยินดีไปด้วย
ในช่วงที่ผ่านมาก่อนจะถึงวันเทศกาล เรโอะได้ช่วยผมไว้มากมาย
ด้วยบุคลิกที่ดีและความน่าเชื่อถือของเขา ทำให้ผมสามารถยืนอยู่ในจุดศูนย์กลางของห้องได้ ถ้าไม่มีเขา งานวัฒนธรรมคงจะไม่ราบรื่นแบบนี้แน่นอน
“เรโอะ ขอบคุณมากจริงๆนะ เพราะมีนายนี่แหละ รอบนี้พวกเราถึงได้รางวัลที่หนึ่งในงานวัฒนธรรม”
“คนที่ควรขอบคุณคือผมต่างหาก ผมแค่ช่วยสร้างบรรยากาศให้ทุกคนสนุกกันแค่นั้นเอง ที่สุดท้ายเรามาถึงตรงนี้ได้ก็เพราะริวสุเกะช่วยนำทางให้ทุกคนนั่นแหละ ขอบคุณมากจริงๆนะ”
“ไม่หรอก… อืม ขอบคุณนะ”
พอถูกเรโอะชมตรงๆแบบนี้ ผมก็รู้สึกอายและเกร็งขึ้นมาทันที คำพูดของเขาไม่มีความหมายแฝงเลยสักนิด มันตรงไปตรงมาทุกคำพูด และนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกพูดอะไรไม่ออก
ผมพยายามกลบเกลื่อนความเขินด้วยการหยิบเนื้อที่ทาซอสไว้ขึ้นมากิน ตอนนั้นเอง มาชิโระที่นั่งข้างๆก็ส่งเนื้อที่ย่างใหม่มาวางในจานผม
มาชิโระนั่งแล้วยิ้มอย่างสดใสตามปกติ เสียงอันนุ่มนวลของเธอเปล่งออกมาอย่างร่าเริง
“ริวสุเกะ อันนี้ก็อร่อยนะ กินเยอะๆเลย!”
“งั้นฉันขอลองเลยละกันนะ… อื้ม อร่อยจริงๆแฮะ”
“เอะเฮะเฮะ~ ย่างไว้อีกเพียบเลย กินให้เต็มที่ไปเลยนะ!”
ผมกับมาชิโระหัวเราะกันอย่างสนุกสนานพลางลิ้มรสเนื้อที่เธอย่างให้
ระหว่างนั้น ฮิเมโนะก็เดินเข้ามาจากโต๊ะข้างๆพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอมาหยุดข้างผมก่อนจะยิ้มพลางตบไหล่ผมเบาๆ
“ฟุฟุ จริงๆเลยนะ ชินโดกับมาชิโระจัง เป็นยังไงก็เป็นอย่างงั้นเหมือนเดิม ขนาดในงานเลี้ยงยังตัวติดกันขนาดนี้ สนิทกันจนน่าอิจฉาเลยนะ”
“ฮิเมโนะ ขอบคุณนะ วันนี้เธอช่วยได้มากจริงๆ ถ้าไม่มีเธองานคงไม่ราบรื่นขนาดนี้แน่”
“คาเร็นจัง~ มานั่งด้วยกันสิ!”
“ขอบคุณนะ มาชิโระจัง ถ้างั้นฉันขอนั่งด้วยเลยละกัน!”
มาชิโระตบเบาะที่นั่งข้างๆเธออย่างเชื้อเชิญ ฮิเมโนะก็ยิ้มรับแล้วนั่งลงพร้อมหยิบที่คีบเนื้อขึ้นมาเริ่มย่าง
ดูเหมือนเธอจะหิวสุดๆจากการทำงานในฐานะเมด เธอย่างเนื้อกินอย่างไม่หยุด ทั้งย่างและกินซ้ำไปมา
“ไม่อยากเชื่อเลยนะ ว่าพวกเราจะได้รางวัลที่หนึ่ง คุณมิยูกิก็ตกใจเหมือนกันที่คาเฟ่เมดของพวกเราประสบความสำเร็จขนาดนี้”
“โดยเฉพาะช่วงท้ายๆน่ะนะ คนแน่นสุดๆ ขนาดฉันกับมาชิโระแค่เดินประกาศในโรงเรียน ดันกลายเป็นช่วยดึงคนมาได้ขนาดนี้เลย”
“นั่นสิ แล้วลูกค้าทุกคนก็พอใจสุดๆกลับไปด้วย เพราะมาชิโระจังบริการดีมาก น่ารักแล้วยังเก่งอีก ทำเอาพวกผู้ชายในโรงเรียนหลงกันหมดเลยล่ะ”
“วะ… หวาา ถ้าชมกันขนาดนี้ ฉันคงให้ได้แค่เนื้อย่างแล้วล่ะ คาเร็นจัง”
มาชิโระหน้าแดงด้วยความเขิน เธอรีบหยิบเนื้อที่ย่างอยู่ใส่จานของฮิเมโนะเรื่อยๆเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน
(ชมแล้วจะได้เนื้อย่างงั้นสินะ…)
ผมนั่งมองเนื้อที่ค่อยๆท่วมจานฮิเมโนะ ในขณะที่เรโอะนั่งหัวเราะเบาๆ
พวกเราทุกคนใช้เวลาที่สนุกสนานกับเนื้อย่างที่นุ่มและหอมกรุ่น บวกกับข้าวสวยร้อนๆทำให้กินเพลินจนหยุดไม่ได้
ทุกคนหัวเราะและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ
(สนุกจัง… สนุกจริงๆแฮะ)
ช่วงเวลานี้ เป็นชีวิตมัธยมปลายที่ผมเคยวาดฝันไว้ในชาติก่อน และตอนนี้มันกลายเป็นความจริงแล้ว
เวลาที่แสนสนุกแบบนี้ ผมไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว ผมดื่มด่ำกับความสุขที่ได้หัวเราะจากใจจริง
มาชิโระ เรโอะ และฮิเมโนะต่างก็มีความสุข และผมเองก็อยากลิ้มรสช่วงเวลาที่ได้หัวเราะไปกับทุกคนแบบนี้ต่อไป ผมปล่อยตัวให้ไหลไปตามบทสนทนาในขณะที่คีบเนื้อย่างเข้าปาก
พอมองไปยังรอยยิ้มอันแสนบริสุทธิ์และงดงามของมาชิโระ ผมก็คิดขึ้นมาอีกครั้ง
ช่วงเวลาอันแสนพิเศษนี้ เกิดขึ้นได้เพราะมาชิโระที่อยู่เคียงข้างผม
(ขอบคุณนะ… มาชิโระ)
ผมเอ่ยคำขอบคุณในใจ และเหมือนเธอจะได้ยินสิ่งที่ผมคิดอยู่ในใจ มาชิโระหันมามองผมพอดี
ดวงตาของผมประสานกับดวงตาสีฟ้าสดใสของเธอ ก่อนที่เธอจะยิ้มซุกซนออกมา
“อ๊ะ หรือว่าริวสุเกะอยากได้เนื้อเพิ่มอีก? ก็เป็นคนกินจุขนาดนั้นนี่นา”
“จะบ้าเหรอ… ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ฉันก็แค่… ขอบคุณนะ มาชิโระ”
“ฮิฮิ ไม่เป็นไรน่า ฉันเองก็ขอบคุณเหมือนกัน เพราะริวสุเกะ ฉันถึงมีความสุขขนาดนี้”
“อืม ฉันเองก็มีความสุขได้เพราะมาชิโระเหมือนกัน”
การที่เธอยู้เคียงข้างผมแบบนี้ ให้ขอบคุณเท่าไหร่ก็คงไม่พอ
ราวกับว่าเธอเข้าใจความรู้สึกของผม มาชิโระยิ้มหวานก่อนจะคีบเนื้อย่างวางในจานของผม
“เอ้านี่! เนื้อย่าง!”
“ขอบคุณนะ… แต่เยอะเกินไปแล้วมั้ง!? ฉันกินไม่หมดหรอก!”
“ไม่เป็นไรหรอก ริวสุเกะกินได้อยู่แล้ว นี่คือรางวัลสำหรับการที่นายพยายามเต็มที่ไงล่ะ!”
มาชิโระพูดพร้อมรอยยิ้มสดใสน่ารัก
ผมจ้องมองรอยยิ้มนั้นอย่างหลงใหล และสุดท้ายก็ปฏิเสธเธอไม่ลง ทำให้ต้องกินเนื้อที่เธอให้จนหมด
แต่เมื่อกินมากเกินไป ผมก็เริ่มรู้สึกอยากพักหายใจสักหน่อย
“ฉันจะออกไปสูดอากาศข้างนอกสักหน่อย ทุกคนกินกันต่อไปเถอะ”
“อ้าว ยังไหวอยู่ไหมเนี่ย? อิ่มแล้วเหรอ?”
ฮิเมโนะถามขึ้นในขณะที่กำลังเคี้ยวเนื้อ ผมจึงตบที่ท้องของตัวเองเบาๆเพื่อบอกว่ายังเหลือพื้นที่ว่างอีกเยอะ
“ไม่มีทาง เด็กวัยรุ่นอย่างฉันจะอิ่มเร็วขนาดนั้นได้ไง? แค่ไปสูดอากาศเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับมา”
“เข้าใจแล้ว ฉันก็ว่าจะไปห้องน้ำเหมือนกัน ดื่มชามากไปหน่อยน่ะ”
“ห้องน้ำอยู่สุดทางเดินลงบันไดไปทางขวานะ ระวังด้วยล่ะ”
“ขอบคุณนะชินโด แล้วก็ อย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันไว้ล่ะ สัญญาไว้แล้วต้องทำให้ได้นะ”
“อืม ไว้ใจได้เลย สัญญาต้องเป็นสัญญาอยู่แล้ว”
“ฟังแบบนี้แล้วก็โล่งใจ ฉันคาดหวังกับนายไว้อยู่นะ ชินโด”
สัญญาที่ให้ไว้กับฮิเมโนะ
สิ่งนั้นคือการค้นหาความผิดปกติของฟุเสะคาวะ ไรโตะ ที่ทำตัวไม่เหมือนพระเอกในเรื่อง
ในงานครั้งนี้ ผมในฐานะตัวร้ายได้สร้างความเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง ทำให้งานประสบความสำเร็จและได้รับรางวัลยอดเยี่ยม
สถานการณ์นั้นเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายสำหรับไรโตะที่ควรเป็นพระเอก เขาแสดงอาการสับสนอย่างเห็นได้ชัด
ทุกครั้งที่ผมสร้างความเปลี่ยนแปลงนอกบท ไรโตะมักจะทำตัวไม่เหมือนพระเอก
ผมหวังว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในครั้งนี้จะช่วยให้ผมค้นพบความจริงเบื้องหลังของเขาได้
และพอผมเข้าใจสิ่งนั้น ผมก็จะหาโอกาสช่วยให้ฮิเมโนะและไรโตะคืนดีกันให้ได้
นั่นคือคำสัญญากับฮิเมโนะ และสิ่งที่ผมสามารถทำให้ได้ในฐานะเพื่อนของเธอ
เพราะงั้น หลังจากงานเลี้ยงครั้งนี้ ผมตั้งใจจะไปคุยกับฟุเสะคาวะ ไรโตะ
การออกมาสัมผัสลมเย็นภายนอกครั้งนี้ ก็เพื่อเรียบเรียงสิ่งที่อยากพูดกับเขาในใจ
จากนั้น ฮิเมโนะก็ลุกออกจากที่นั่ง และผมก็โบกมือลามาชิโระกับเรโอะเล็กน้อย
“งั้น ฉันจะออกไปพักสักหน่อยนะ เดี๋ยวกลับมา”
“อืม ไปดีมาดีนะ ระหว่างที่ริวสุเกะไม่อยู่ ฉันจะย่างเนื้อไว้ให้เต็มจานเลย!”
“จ้าๆ ฝากด้วยนะ ฉันตั้งตารอเลย”
“เอะเฮะเฮะ ไว้ใจได้เลย!”
มาชิโระยิ้มอย่างสดใสพร้อมชูกำปั้นเล็กๆขึ้นมาอย่างมุ่งมั่น
ด้วยรอยยิ้มอันน่ารักนั้น ผมรู้สึกอบอุ่นในใจ และเมื่อเรโอะส่งสายตาให้ ผมก็เดินออกไปข้างนอกของร้านเนื้อย่าง
ผมเดินไปนั่งที่ม้านั่งซึ่งอยู่ข้างๆทางเข้า ปล่อยให้สายลมเย็นยามค่ำคืนปะทะใบหน้า
ในตอนที่ผมแหงนมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ผมก็เริ่มคิดว่าจะพูดอะไรกับฟุเสะคาวะ ไรโตะดี —แต่ในตอนนั้นเอง
“—ชินโด ริวสุเกะ ขอเวลาหน่อยได้ไหม?”
ตอนนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อ ทำให้ผมเผลอตัวนั่งหลังตรงทันที
ผมรีบหันไปทางต้นเสียง และนั่นคือฟุเสะคาวะ ไรโตะ พระเอกของเรื่อง “Fusekoi”
ไม่นึกเลยว่าเขาจะมาหาผมก่อน… ผมยังไม่ได้เตรียมใจเลยทำได้แค่ยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น
แต่ไรโตะกลับมีสีหน้าที่เคร่งเครียด ผมไม่อาจซ่อนท่าทีสับสนของตัวเองได้
ราวกับเป็นสัญญาณบอกว่าเรื่องราวใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นระหว่างพระเอกกับตัวร้าย… ผมกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า
ไรโตะยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะเอ่ยปากพูดกับผมว่า
“—ชินโด ริวสุเกะ ในงานครั้งนี้ ฉันมั่นใจแล้ว ฉันเคยสงสัยมาก่อน แต่ตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วว่าฉันไม่ได้คิดผิด”
“…หา?”
คำพูดกะทันหันของไรโตะทำให้ผมเผลอหลุดเสียงงงงวยออกมา
ผมสงสัยว่าเขาพูดเรื่องอะไร แต่ก่อนที่ผมจะได้ถามอะไร ไรโตะก็ชิงพูดต่อโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของมเลย
“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตอนนี้นายไม่มีทางปฏิเสธได้แล้ว บอกมาซะ นายเป็นใครกันแน่?”
“เป็นใคร… ฉันก็ชินโด ริวสุเกะไง อยู่ปีหนึ่ง ห้องหนึ่งเดียวกับนาย…”
“ไม่ใช่ นายไม่ใช่ชินโด ริวสุเกะที่ฉันรู้จัก”
คำพูดนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่ที่ไม่เคยมีในต้นฉบับ
“นายเป็นใครกันแน่ คนที่ทำให้เรื่องราวใน ‘Fusekoi’ ของฉันพังเละเทะน่ะ?”
(TL : วันนี้ลงให้ตั้งแต่เที่ยงเลย เพราะชนดิบแล้วครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมฝึกแปลก ถ้ามีตอนไหนที่อ่านแล้วแข็งๆหรือแปลกๆก็ขอโทษด้วยครับ)
(TL2 : ขอบคุณที่อ่านกันมาถึงตอนนี้จริงๆครับ ทั้งคนที่โดเนทมาหรือจะคนที่ไม่ได้โดเนทก็ตาม รวมถึงคอมเมนต์ในตอนเก่าๆด้วย ทุกความคิดเห็นเลยครับ ทั้งชอบและไม่ชอบอะไรในเรื่องนี้หรือเมนต์ให้กับความหวานของคู่พระนางก็ด้วยมันทำให้ผมมีกำลังใจแปลต่อจริงๆครับ)
(TL3 : ว่าจะสร้างเพจไว้ลงงานด้วย จะมีใครตามไหมนะ? ฮา)
(TL4 : ไว้พบกันในเรื่องใหม่นะ! อาจจะนานหน่อยเพราะผมไม่ค่อยว่างด้วย แต่ยังไงขอบคุณมากครับ บัย!!!)