เกิดใหม่เป็นตัวร้ายในซีรี่ส์รอมคอมทั้งที ก็ขอใช้ชีวิตวัยรุ่นกับนางเอกคนโปรดก็แล้วกัน (WN) - ตอนที่ 109 พิธีปิด
ตอนที่109 : พิธีปิด
เวทีแห่งวัยเยาว์ที่เปล่งประกายระยิบระยับของงานวัฒนธรรม
วันพิเศษแบบนี้กำลังเดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย
อีกไม่นานพิธีปิดก็จะเริ่มขึ้น
เสียงเพลงที่เคยดังก้องผ่านการประกาศภายในโรงเรียนเริ่มเงียบหายไป โรงเรียนกำลังกลับสู่บรรยากาศปกติที่เคร่งขรึมและจริงจัง
สถานที่จัดพิธีปิดคือโรงยิมใหญ่
เหล่านักเรียนที่เรียงแถวในโรงยิมรอคอยให้พิธีปิดเริ่มต้นขึ้น แต่ละคนแสดงอารมณ์ออกมาแตกต่างกันไป ทว่าบรรยากาศที่อบอวลยังคงเต็มไปด้วยความคิดถึงงานวัฒนธรรมที่พึ่งผ่านพ้นไป
แน่นอนว่าท่ามกลางนักเรียนเหล่านั้นมีผม มาชิโระ รวมถึงเรโอะและคนอื่นๆอยู่ด้วย
แม้จะเหนื่อยล้าจากความสำเร็จของร้านเมดคาเฟ่ขนมหวาน แต่ในใจของผมกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกพึงพอใจและความภูมิใจ
เพราะผมได้สนุกกับวันวันนี้อย่างเต็มที่จนรู้สึกสดชื่นมาก
มีความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนมากมายเกิดขึ้น
ผมสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าวันวัฒนธรรมที่ดีที่สุดได้ผ่านไปแล้ว
ในตอนที่กำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้และรอพิธีปิดเริ่มขึ้น มาชิโระที่อยู่ข้างๆก็แตะไหล่ผมเบาๆ
เมื่อผมหันไปหามาชิโระ เธอก็มองมาด้วยสายตาอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้ม
“ริวสุเกะ วันนี้พยายามได้ดีมากเลย ขอบคุณนะ ที่สุดท้ายเราก็ช่วยกันทำจนสำเร็จ”
“มาชิโระก็พยายามได้ดีเหมือนกันนะ เธอเป็นเมดที่เก่งมากเลยล่ะ”
“เอะเฮะเฮะ~ บริการของเราทำให้ทุกคนพอใจกันหรือเปล่านะ?”
“อืม ทุกคนพูดเลยว่างานวัฒนธรรมในปีนี้เป็นความทรงจำที่ดีมาก ต้องขอบคุณมาชิโระเลยล่ะ”
มาชิโระยิ้มด้วยความดีใจ และเมื่อมองรอยยิ้มอันอ่อนโยนนี้ ผมรู้คุ้มกับที่ได้พยายามในวันนี้
ในช่วงสุดท้ายของงานวัฒนธรรม ผมสามารถอยู่เคียงข้างมาชิโระได้
ตอนที่กำลังรู้สึกดีใจ เรโอะและฮิเมโนะก็เดินเข้ามาทักพร้อมรอยยิ้มสดใส
“ริวสุเกะ คุณมาชิโระ ขอบคุณมากเลยนะ ถ้าสองคนไม่มาช่วยล่ะก็ เราคงทำกันไม่ทันแน่ๆ ต้องขอขอบคุณจริงๆนะ”
“นั่นน่ะสิ! ตอนช่วงท้ายๆคืองานยุ่งจนหัวหมุนไปหมดเลยล่ะ แต่ก็เพราะชินโดกับมาชิโระจังมาช่วย เราถึงรอดมาได้”
การที่มาชิโระใส่ชุดเมดถือป้ายโปรโมตในโรงเรียนได้ผลดีมาก ทำให้ช่วงหลังที่เราออกมาแล้ว ร้านยุ่งจนแทบไม่มีช่วงว่างเลย
หลังจากได้รับการติดต่อจากเรโอะ พวกเราจึงรีบไปช่วย และแม้จะทำงานจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่มันก็เป็นความสำเร็จที่รู้สึกภูมิใจ
เมื่อทุกอย่างเริ่มสงบลง เรโอะก็เริ่มมองถึงเป้าหมายถัดไป
“ถ้ามาถึงขนาดนี้แล้ว ผมเองก็อยากได้รางวัลที่หนึ่งของงานเหมือนกันนะ ยอดขายน่าจะติดอันดับต้นๆแน่เลย”
“รางวัลที่หนึ่ง…เหรอ ถ้าได้ก็คงดีสุดๆเลยนะ”
ในต้นฉบับของ ‘Fusekoi’ ห้องปีหนึ่งห้องสองของพวกเราคว้ารางวัลที่หนึ่งของงานไป
แต่ครั้งนี้ ตัวเอกอย่างฟุเสะคาวะ ไรโตะไม่ได้เป็นศูนย์กลางของห้อง แต่กลับเป็นผมที่เป็นตัวร้าย ทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปมาก
รางวัลที่หนึ่งของงานไม่ได้พิจารณาจากยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการตกแต่งห้อง ความคิดสร้างสรรค์ของกิจกรรม บรรยากาศในชั้นเรียน และความพึงพอใจของผู้เข้าชม
การตัดสินขึ้นอยู่กับสภานักเรียน และในเมื่อเนื้อเรื่องได้เปลี่ยนไปจากต้นฉบับ พวกเราจะได้รับรางวัลที่หนึ่งรึเปล่าก็ยังไม่มีใครรู้
(ถึงเราจะไม่ได้รางวัลที่หนึ่ง… แต่ผมสามารถบอกได้ว่าพวกเราทำเต็มที่แล้ว)
ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่รวมถึงทุกวันที่ช่วยกันพยายามสำหรับงานวัฒนธรรมครั้งนี้
เวลาที่ผมได้ใช้ร่วมกับมาชิโระ เรโอะ ฮิเมโนะ และเพื่อนร่วมชั้นทุกคน
เพื่อสร้างความทรงจำที่ไม่มีวันลืม เราทุกคนได้ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถ เพื่อจารึกหน้าประวัติศาสตร์วัยเยาว์ที่เปล่งประกาย
สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตแรกของผมเลย แม้ว่าห้องเรียนของเราจะไม่ได้ที่หนึ่ง หรือผลลัพธ์จะไม่เหมือนในต้นฉบับก็ตาม แต่ผมก็ไม่มีความเสียใจเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่ผมกำลังรอพิธีปิดเริ่มขึ้นพร้อมความรู้สึกเหล่านี้ แสงไฟในโรงยิมก็ดับลง
ซากุระมิยะ มิยูกิ ประธานนักเรียน ขึ้นมายืนบนเวที ช่วงเวลาที่ม่านงานวัฒนธรรมกำลังจะปิดฉากลงมาถึงแล้ว
พิธีปิดนี้ประกอบด้วยคำกล่าวปิดงานจากประธานนักเรียน การมอบรางวัลสำหรับกิจกรรมแต่ละห้อง และคำกล่าวขอบคุณจากอาจารย์ใหญ่
เสียงปราศรัยที่น่าฟังของซากุระมิยะ มิยูกิ จบลงด้วยเสียงปรบมือจากนักเรียน
จากนั้นเธอเริ่มมอบรางวัลให้แก่แต่ละห้อง
ผมมองด้วยความลุ้นระทึก และข้างๆผม มาชิโระก็มองเวทีอย่างตั้งใจเหมือนกัน
รางวัลความคิดสร้างสรรค์ รางวัลความพยายาม รางวัลที่หนึ่งสำหรับการจัดแสดง… ตัวแทนจากห้องที่ได้รับรางวัลค่อยๆขึ้นไปบนเวที
“ริวสุเกะ คิดว่าเราจะได้รางวัลไหม?”
“ไม่รู้สิ… แต่เราทำเต็มที่แล้วล่ะ ภูมิใจไว้ได้เลย”
“อื้อ นั่นสินะ ถึงผลลัพธ์จะเป็นยังไงแต่เราก็ทำเต็มที่แล้วล่ะ”
มาชิโระมองไปยังเวทีพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
ใบหน้านั้นงดงามจนผมหลงใหล แต่ความรู้สึกของผมก็เหมือนกับมาชิโระ
ผมอยากพูดได้อย่างภูมิใจว่านี่คืองานวัฒนธรรมที่พวกเราได้ที่หนึ่งและอยากหัวเราะร่วมกับเพื่อนๆ
“เอาล่ะค่ะ ต่อไปเป็นการประกาศรางวัลที่หนึ่งของงานวัฒนธรรมปีนี้”
ด้วยคำพูดของซากุระมิยะ มิยูกิ บรรยากาศในโรงยิมตึงเครียดขึ้นทันที
แม้ว่าผมจะบอกตัวเองว่าไม่เสียใจหากไม่ได้รางวัลที่หนึ่ง แต่ผมก็ยังรู้สึกประหม่าไม่ได้
มาชิโระคงสังเกตเห็นความกังวลของผม เธอจึงวางมือของเธอบนมือผมพร้อมกับส่งยิ้มให้
ความรู้สึกของมาชิโระที่ส่งผ่านมาทางฝ่ามือเธอราวกับจะบอกผมว่า “ไม่เป็นไรนะ” ทำให้ความกังวลในใจผมค่อยๆคลายลง
แล้วเสียงใสของซากุระมิยะ มิยูกิก็ดังก้อง
“รางวัลที่หนึ่งของงานวัฒนธรรมปีนี้ได้แก่――”
เหมือนเวลาหยุดนิ่ง บรรยากาศในห้องเงียบงัน
ซากุระมิยะ มิยูกิกล่าวชื่อห้องที่ได้รับรางวัลด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“――รางวัลที่หนึ่งได้แก่ ร้านคาเฟ่เมดขนมหวานของปีหนึ่งห้องหนึ่งและปีหนึ่งห้องสองค่ะ!”
เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องดีใจดังก้องไปทั่วโรงยิม
รางวัลที่หนึ่ง
เป็นการยอมรับว่าเราทำผลงานได้ที่หนึ่งที่สุดในงานวัฒนธรรมครั้งนี้
มันคือบทสรุปที่ผมเคยเห็นในต้นฉบับของ ‘Fusekoi’
ตอนที่พระเอกทำงานร่วมกับเหล่านางเอกและเพื่อนร่วมชั้นจนคว้ารางวัลที่หนึ่งในงานวัฒนธรรมครั้งแรกได้สำเร็จ
แต่ครั้งนี้ คนที่ยืนอยู่ศูนย์กลางของปาฏิหาริย์นั้น ไม่ใช่ตัวเอก แต่เป็นตัวร้ายอย่างผม ชินโด ริวสุเกะ
“รางวัลที่หนึ่ง… เราได้จริงๆเหรอ?”
“ใช่แล้ว ริวสุเกะ! พวกเราได้รางวัลที่หนึ่งจริงๆแหละ!”
“ดะ เดี๋ยวสิ!? มาชิโระ!”
“เอะเฮะเฮะ ขอโทษนะ ตอนนี้ฉันหยุดดีใจไม่ได้เลยอ่ะ!”
มาชิโระกระโดดเข้ามากอดผมด้วยความตื่นเต้น
แม้ผมยังตกใจอยู่ แต่ความอบอุ่นของมาชิโระที่ส่งผ่านมาทำให้ผมรู้สึกตัว
เราคว้ารางวัลที่หนึ่งในงานวัฒนธรรมครั้งนี้ได้จริงๆ
ทุกคนในปีหนึ่งห้องสองและปีหนึ่งห้องหนึ่ง ต่างรวมพลังกันอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ร้านคาเฟ่เมดขนมหวานประสบความสำเร็จ
พวกเราสามารถสร้างปาฏิหาริย์นี้ได้เพราะทุกคน และเพราะมาชิโระที่อยู่เคียงข้างผม
“ขอบคุณนะ มาชิโระ งานวัฒนธรรมครั้งนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดเลย”
“อื้อ ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน ฉันมีความสุขที่สุดเลย ขอบคุณนะ ริวสุเกะ!”
รอยยิ้มที่เปี่ยมสุขของมาชิโระทำให้หัวใจผมอบอุ่น
เพื่อนร่วมชั้นทุกคนต่างดีใจและร่วมเฉลิมฉลองกัน
นี่คือความทรงจำที่ผมจะไม่มีวันลืม
ในตอนที่ความตื่นเต้นยังไม่จางหายไป เรโอะและฮิเมโนะก็เดินเข้ามาใกล้พร้อมตบไหล่ผมเบาๆ
ทั้งสองคนได้เห็นความพยายามของผมและมาชิโระ รวมถึงความสำเร็จของงานวัฒนธรรมครั้งนี้ด้วยตาของตัวเอง พวกเขายิ้มอย่างดีใจจริงๆ
“ริวสุเกะ นายเป็นตัวแทนทุกคนขึ้นไปรับรางวัลนะ เอ้า ขึ้นไปสิ”
“เรโอะ แต่นายโอเคเหรอ? แบบว่า ฉันน่ะ เรื่องข่าวลือ…”
“นอกจากนายแล้วจะให้ใครขึ้นไปอีกเล่า! ไปเลย นายคือฮีโร่ของนักเรียนทั้งโรงเรียนเลยนะ! แล้วก็ อย่าลืมตัวซะล่ะ!”
“ฮิเมโนะ… แม้แต่เธอเองก็ด้วยหรอ…”
การขึ้นเวทีไปรับรางวัลนี้ จริงๆแล้วควรเป็นหน้าที่ของตัวเอกอย่าง ฟุเสะคาวะ ไรโตะ
ผมลังเลว่าตัวร้ายอย่างผมเหมาะสมที่จะทำหน้าที่นี้รึเปล่า อยู่ๆ สายตาของผมก็สบกับฟุเสะคาวะ ไรโตะที่มองมาจากไกลๆ
“…ชินโด ขึ้นไปรับสิ นายเป็นคนที่นำพาทุกคนเองไม่ใช่เหรอ”
“ฟุเสะคาวะ…”
ฟุเสะคาวะ ไรโตะพูดเพียงประโยคสั้นๆก่อนจะเบือนสายตาไปและเดินกลับไปหานางเอกอย่าง ฮานาซากิ ยูนะ
ผมไม่รู้ว่าเขายอมรับผมในฐานะเพื่อนร่วมชั้นรึเปล่า แต่คำพูดของเขาก็เหมือนกับผลักดันให้ผมก้าวไปข้างหน้า
เรโอะและฮิเมโนะพยักหน้าให้กำลังใจ ส่วนมาชิโระก็ส่งยิ้มกว้างที่สุดเพื่อส่งผม
“ไปเถอะ ริวสุเกะ ให้ทุกคนได้เห็นเลยว่านายเท่แค่ไหน”
“มาชิโระ… อืม เข้าใจแล้ว ฉันไปล่ะ!”
ได้รับกำลังใจจากมาชิโระและเพื่อนร่วมชั้นทุกคน ผมก้าวออกไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกสดใส
เสียงปรบมือและเสียงแสดงความยินดีดังก้องไปรอบๆ
เพื่อปิดฉากงานวัฒนธรรมที่แสนวิเศษนี้ ผมเดินขึ้นเวทีไปทีละก้าวอย่างมั่นคง
เมื่อผมยืนอยู่ต่อหน้าซากุระมิยะ มิยูกิ เธอได้อ่านคำประกาศรางวัลเพื่อยืนยันว่าพวกเราคือผู้ชนะรางวัลที่หนึ่ง
ผมรับใบประกาศรางวัลนั้นไว้ในมืออย่างมั่นคง และเต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจจากก้นบึ้งของหัวใจ
นี่คือจุดสิ้นสุดที่แสนสุขในงานวัฒนธรรมที่ดีที่สุดครั้งนี้