เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 96: หนึ่งวันก่อนบุกประสาทลอยฟ้า
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 96: หนึ่งวันก่อนบุกประสาทลอยฟ้า
< < 77 > >
นี่คือเรื่องราวเมื่อ 28 ปีก่อน
ราชาอัลเบโด้ในวัยเพียง 10 ขวบ เวลานั้นเขาเป็นเพียงองค์ชายเท่านั้น เขาได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับตำนานเจ้าหญิงมังกร และเข้าพบเธอ
เจ้าหญิงมังกรในแว๊บแรกที่อัลเบโด้เห็นคือ ‘เจ้าหญิงเย็นชา’ ใบหน้าของเธอไร้ซึ่งความรู้สึก ไร้ความยินดีหรือเสียใจต่อทุกสิ่ง เป็นเสมือนตุ๊กตาที่อาณาจักรแห่งนี้สร้างขึ้น เพื่อสร้างลูกหลานและอาวุธต่อๆกันไป ในคราวแรกที่เห็นอัลเบโด้รู้สึกรัเงกียจตุ๊กตาตัวนี้ถึงที่สุด เพราะนี่คือความเน่าเฟะของอาณาจักรฟัฟนิร์
แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ ในอนาคตราชาอัลเบโด้จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับตุ๊กตานี่ และให้กำเนิดตุ๊กตาตัวต่อไปที่ไม่มีสายเลือดของเขาอยู่
นั่นคือหน้าที่ในฐานะว่าที่ราชา เพราะคิดอย่างนั้นอัลเบโด้เลยฝืนใจเข้าไปคุยด้วย
และไม่ว่าจะคุยอะไรไปเธอก็ไม่ตอบ ..ไม่ใช่เพราะไม่อยากคุย หรือไม่ชอบใจอัลเบโด้ แต่เป็นเพราะเธอไม่เข้าใจภาษาคุย เธอคุยไม่เป็นนั่นเอง
จากความรังเกียจ ความรู้สึกของอัลเบโด้เริ่มเปลี่ยนไปเป็นความสงสารในโชคชะตา ความรู้สึกนี้ทำให้อัลเบโด้แอบเข้าไปสอนการพูดให้ตุ๊กตาไร้ความรู้สึก
นานวันเข้า ตุ๊กตาก็เริ่มมีสีหน้าและความรู้สึกเล็กน้อย อย่างตอนกินข้าวก็จะขมวดคิ้วบ้างเวลาเจอของเผ็ด อัลเบโด้รู้สึกยินดีกับสิ่งนี้ แต่เพราะอย่างนั้นมันเลยทำให้อัลเบโด้ผูกพันธ์กับเธอมากเกินไป และทำให้อัลเบโด้กลับอนาคตที่เลี่ยงไม่ได้
สองปีผ่านไป ทั้งสองอายุ 12 ปีเท่ากัน อัลเบโด้พยายามเว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกผูกพันธ์ ทว่าวันนั้นก็เกิดตัวแปรที่ทำให้ทั้งสองต้องคุยกันโดยเลี่ยงไม่ได้
‘คาลอส’ ทาสหนุ่มจอมวุ่นวัย 15 ปี ได้ลักลอบเข้ามาในประสาท
ไม่มีใครในประสาทจับได้ มีเพียงตุ๊กตาเจ้าหญิงมังกรและอัลเบโด้ที่รู้เห็น ทีแรกอัลเบโด้คิดจะจับคาลอสไปประหาร แต่คาลอสก็ไม่ยอมคิดจะฆ่าอัลเบโด้ทิ้งซะตอนนั้น เวลานั้นต้องมีใครคนใดคนหนึ่งต้องตาย และควรจะเป็นคาลอสที่ใช้เวทมนตร์ไม่เป็น ใช้ดาบไม่เป็น เป็นแค่ทาสแรงงาน เขาควรจะตายแต่ก็ถูกเจ้าหญิงมังกรช่วยเอาไว้
เจ้าหญิงมังกรขอร้องให้อย่าฆ่าคาลอส เลยทำให้คาลอสรอดชีวิต อัลเบโด้ไม่มีทางเลือกจึงแต่งตั้งให้คาลอสเป็นอัศวินข้างตัวโดยไม่สนคำเตือนของคนอื่น ตอนนั้นอัลเบโด้ไม่รู้ว่าตัวเองทำไปทำไม กับอีแค่คำขอของตุ๊กตาไม่มีเหตุผลที่อัลเบโด้จะต้องยอมรับเลย ..อัลเบโด้แค่อยากตามใจเจ้าหญิงมังกรเท่านั้น ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบ
มันอาจจะเป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก อัลเบโด้รู้แค่ตัวเองควรออกห่างจากเจ้าหญิงมังกรได้แล้ว
ทว่าคาลอส อัศวินข้างตัวกลับไปหาเจ้าหญิงมังกรตลอด ทำให้อัลเบโด้เลี่ยงที่จะไปด้วยไม่ได้ และการมาเยี่ยมเจ้าหญิงมังกรก็เหมือนกิจวรรตประจำวันไปเสียแล้ว
นานวันเข้า เจ้าหญิงมังกรก็เริ่มถูกพาออกจากกรงขัง พาไปเดินเล่นรอบประสาทบ้างเป็นประจำ รู้จักกับอัศวินและจอมเวทย์ราชสำนักมากมาย ทุกคนเมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มสนิทกับเจ้าหญิงมังกร
ในประสาทแห่งนี้ทุกคนเป็นมิตรกับเจ้าหญิงมังกร
5 ปีต่อมา คาลอสเติบใหญ่ขึ้นเป็น ‘นักดาบขั้นบรรลุ’ ได้สมญานามว่า ‘ดาบคลั่งคาลอส’ ตำแหน่งราชาเข้าใกล้อัลเบโด้เข้าทุกทีๆ และอีกแค่ 1 ปี เจ้าหญิงมังกรก็จะต้องมีทายาทและจากโลกนี้ไป
คาลอส อัลเบโด้ และเจ้าหญิงมังกร ช่วงเวลาที่ผ่านมาทั้งสามได้สนิทชิดเชื้อกันมากๆ ทำให้การเตรียมใจจะสูญเสียนั้นหนักมากเกินไป
วันๆหนึ่ง คาลอสได้ลอบเข้าหาเจ้าหญิงมังกรและชวนเธอหนีจากประสาทลอยฟ้าแห่งนี้ ไปที่ไหนก็ได้ ที่ๆเธอจะไม่ต้องตายเพื่อใคร แต่ตายเพื่อตัวเอง
เวลานั้นไม่ได้มีแค่คาลอสที่อยู่กับเจ้าหญิงมังกรสองคน ราชาอัลเบโด้เองก็อยู่ด้วย เพียงแต่เขาแอบฟังอยู่ที่ที่ห่างไกล
อัลเบโด้คาดหวังให้เจ้าหญิงมังกรตอบตกลง อยากให้เธอหนีไปกับคาลอสซะเดี่ยวนี้เลย ทว่า–เจ้าหญิงมังกรกลับไม่หนี
เธอยิ้มตอบคาลอสอย่างจริงใจว่า—เธอจะอยู่ที่นี่
คาลอสชักถาม เซ้าซี้ให้เธอหนีไปกับตน แต่เธอยังยืนกรานปฎิเสธ ..เพราะเธอรักอัลเบโด้ และรักทุกคนในประสาทแห่งนี้
เธออยากจะปกป้องทุกคนในประสาทแห่งนี้ และอยากเคียงข้างอัลเบโด้
คาลอสหมดคำจะพูด เขาก่นด่าใส่เจ้าหญิงมังกร หาว่าเธอเป็นคนเห็นแก่ตัวและคนขี้ขลาด หลังจากที่เธอตายไปลูกของเธอก็จะต้องลำบากต่อ หลานของเธอด้วย ทุกคนจะมีชีวิตอยู่เพื่อทุกคนและตายไป ชีวิตแบบนั้นมันไม่ใช่ความสุขหรอก รุ่นของเจ้าหญิงมังกรก็แค่รุ่นโชคดีที่มีเจ้าชายที่ดี ที่ทุกคนในประสาทเป็นมิตร เจ้าหญิงมังกรคนก่อนๆไม่ได้มีความสุขแบบนี้หรอก
ถึงอย่างนั้นเจ้าหญิงมังกรก็จะอยู่ที่นี่ เธอเชื่อว่าสักวันอัลเบโด้จะแหกกฎการสืบต่อสายเลือดนี้ทิ้ง และทำให้ลูกหลายของเธอมีความสุข
คาลอสไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้าหญิงมังกร เขาตัดสินใจลากับประสาทราชาแห่งนี้
ตั้งแต่วันนั้นคาลอสก็หายตัวไป
และวันคืนผ่านไป วันที่เจ้าหญิงมังกรจะต้องร่วมสัมพันธ์ก็มาถึง
อัลเบโด้ ..ทำมันทั้งน้ำตา ไม่มีความสุขแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นเจ้าหญิงมังกรก็ขอชื่อจากอัลเบโด้ ตั้งแต่เกิดเธอมีแค่ชื่อเจ้าหญิงมังกร อัลเบโด้จึงมอบนามว่า ‘ไอเน่’ ให้กับเธอ
บุตรของเจ้าหญิงมังกรก็ได้ถือกำเนิด และชีวิตของเจ้าหญิงมังกรก็สูญสิ้นไป
ในวินาทีสุดท้ายเจ้าหญิงมังกรได้พูดบางอย่างกับอัลเบโด้ และนั่นก็ทำให้อัลเบโด้..รังเกียจในตัวหนิง
****
“แล้วคำพูดสุดท้ายของแม่คืออะไรเหรอ?”
ฉันชักถามคาลอส
“..เพราะเด็กคนนี้ฉันเลยตายทั้งๆที่ฉันไม่อยากตาย ..เธอพูดอย่างนั้น จากที่ได้ยินมาจากอัลเบโด้”
ได้ยินแล้วก็อยากหัวเราะ ไม่สิ หัวเราะไปแล้วต่างหาก
“ไม่ใช่แค่พ่อ แต่ฉันโดนแม่เกลียดด้วยสินะ เธอเหมือนกับพ่อของฉัน เป็นแม่ที่รักพ่อจนเกลียดฉันที่ทำให้ต้องแยกจากกัน ..ทำเหมือนฉันอยากเกิดอย่างนั้นน่ะ”
ฉันพูดอย่างเศร้าใจพลางกอดเข่าตัวเอง
“แล้วทำเป็นพูดว่าอัลเบโด้นั่นจะดูแลฉันดี จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง อะไรล่ะนั่น? ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนเลย มันใช้ได้ที่ไหน เก่งแค่พูดแต่ตอนตายจริงก็ไม่กล้า ..แม่ของฉันนี่มันห่วยสุดๆเลย เป็นผู้หญิงใจร้ายที่หักอกคนดีอย่างนายได้ลงคอด้วยน่ะนะ”
ฉันยิ้มให้คาลอสอย่างเป็นกันเอง คาลอสได้ยินก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
“จะว่าไปนายหายไปไหนเหรอหลังจากอกหักมา”
“ก็ไปฝึกฝนตัวเองครับ ผมฝึกอย่างนั้นโดยหวังว่าจะชิงตัวท่านหนิงมา ..แต่ก็พลาดท่าถูกจับได้ และเกือบจะตายครับ โชคยังดีที่อัลเบโด้สั่งไม่ให้ฆ่าผม จากนั้นผมเลยต้องทำงานชดใช้ส่วนที่บุกรุกประสาท จนรู้ตัวอีกทีก็ขึ้นเป็น ‘ราชาอัศวิน’ แล้วน่ะครับ พอเป็นราชาอัศวินจึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับท่านได้บ้าง”
แต่กว่าจะถึงตอนนั้นได้ ฉันก็เริ่มโตแล้ว บอกได้ว่าคาลอสช้าเกินไปล่ะมั้ง
“น่าเสียดายนะ”
ถ้าเกิดว่าตอนนั้นคาลอสช่วยฉันได้ ฉันก็น่าจะเป็นอิสรจากอาณาจักรแห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องแบกรับอะไรทั้งนั้น มีชีวิตตามที่ใจอยาก ..เรื่องอาณาจักรน่ะช่างมันสิ โตไปฉันจะเปิดร้านอาหารที่ใจกลางสี่ทวีป ใช้ชีวิตอย่างวุ่นวายแต่ก็เปี่ยมด้วยความสุข
อยากได้แบบนั้น ..เหมือนกับในหนังสือที่เคยอ่าน
“แต่ถึงพาตัวท่านออกมาได้ ไม่นานก็คงโดนจับได้ครับ”
“นายแข็งแกร่งจะตาย”
คาลอสได้ยินก็หยักไหล่ให้อย่างอ่อนล้า
“นั่นสินะ ..เช่นนั้นก็”
“จะไปแล้วเหรอ?”
“มีเรื่องต้องคุยกับอัลเบโด้น่ะครับ”
“เหรอ ..คาลอส”
“ครับ?”
อย่างน้อยๆ
“ถ้าเป็นนายคงให้ความรักได้ ..นายเป็นคนดี ดียิ่งกว่าราชาอัลเบโด้ ดีที่สุดในประสาทแห่งนี้ที่ฉันรู้จัก แถมยังเข้าถึงตัวฉันได้ด้วย เพราะอย่างนั้น ถ้าเป็นนาย ..นายคงจะมอบความรักให้ลูกของฉันได้สินะ”
ฉันรวบรวมความกล้าพูดออกไป อย่างน้อยฉันก็ไม่อยากเป็นเหมือนแม่ตัวเอง ไม่อยากให้ลูกเจอเหมือนตัวเอง ..
คาลอสนิ่งไป ก่อนเอื้อมมือมาลูบหัวฉันอีกครั้ง
“ขอสาบานครับ ด้วยเกียรติของราชาอัศวิน ลูกของท่านจะต้องมีความสุขครับ”
“..ขอบคุณนะ”
หลังจากนี้ฉันคงไม่ได้คุยกับคาลอสอีกแล้ว ..
****
ราชาอัลเบโด้นั่งอยู่บนบังลังค์ในห้องที่ถอดยาวออกไปนี้ไร้ผู้คน มีเพียงอัลเบโด้และภาพหลอนในหัวของเขา
ภาพความสุขในอดีตย้อนกลับมาไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ อัลเบโด้เมื่อสัมผัสได้ถึงภาพหลอนเขาจำเป็นต้องขยี้ตาตัวเองเพื่อสลัดความรู้สึกไร้สาระออกไป ..
“ชีวิตดูน่าเศร้านะอัลเบโด้”
ภาพหลอนสลายไปทันทีที่คาลอสเดินเข้ามา
“..คาลอสรึ”
ราชาอัลเบโด้ใช้สายตาที่เลืองลางมองไปยังคาลอส
“ใช่”
“แล้วมีอะไรล่ะ”
“อยากคุยเรื่องทั่วไปด้วยหน่อย”
..อัลเบโด้ได้ยินก็หัวเราะพึมพำ
“เรื่องทั่วไปสินะ ..โกหกไม่เนียนเลยนะ คาลอส”
“คงจะอย่างนั้น”
*****
(มุมมองเรเซอร์)
หลังจากที่ประชุมแผนการณ์กันเสร็จแล้วเมื่อคืน ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปถึงสองวันจนเหลือเวลาเตรียมตัวแค่วันเดียว
ระหว่างเตรียมตัวเอเธอร์ก็ช่วยอธิบายกองกำลังของทหารในประสาท และแนวทางการรับมือทั้งหมดให้พวกเรา ผมเองก็ได้ความช่วยเหลือจากเอเธอร์ไม่น้อยเลย
เอเธอร์มักจะลากผมไปฝึกสู้แบบตัวต่อตัว เพราะผมไม่จำเป็นต้องมีอะไรที่พัฒนาเป็นพิเศษ ด้านพลังโจมตีค่อนข้างจะตันแล้ว มีสอนแค่ทักษะการรับมือกับคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง แน่นอนว่าบางครั้งก็สอนวิชาไสยศาสตร์และเล่นแร่แปรธาตุให้ผมเพื่อความหลากหลาย แต่เวลาไม่พอทำให้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่างเดียว
ที่ได้เยอะสุดคงเป็นการต่อสู้จริงกับคนที่แข็งแกร่งกว่าอย่างเอเธอร์ เอาไว้รับมือในกรณีที่เจอพวกความเร็วสูงหรือแกร่งกว่าผมพอตัวอย่างเอเธอร์
ส่วนเคียวยะ โดนเอเธอร์สอนมวยซะยับ ด้วยความที่ตัวเคียวยะเป็นพวกบ้าบิ่นด้วยทำให้เคียวยะสู้อย่างกับคนคลั่ง และเจ็บตัวตลอด
เคียวยะได้ฝึกการรีดเวทมนตร์เร็วๆในเวลาเพียงสามวัน และเวทย์โจมตีระยะไกล
เบลลามีก็ไม่มีอะไรมาก เคียวยะแค่ช่วยหาวิธีเรียกพลังสีขาวเมื่อตอนนั้นออกมา และเหมือนจะทำได้แต่แค่วันล่ะครั้งเท่านั้น เป็นเหมือนไผ่ตายการคืนชีพคนๆหนึ่งเลยล่ะ
ยูจิเองก็ ..ว่าแล้วก็มาเลย
ขณะที่ผมยืนเช็ดเหงื่อตัวเองยูจิก็เดินออกจากบริเวณฝึกด้วยร่างที่ท่วมไปด้วยเหงื่อและมือที่กำดาบไม้เอาไว้
ร่างของยูจิเหมือนกับมีไอร้อนละอุตลอดเวลา สายตาของยูจิตอนนี้ไม่ได้มองผมเลย
เห็นแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาหน่อยๆ ตามมาด้วยเรย์ที่ตามหลังยูจิด้วยท่าทางอ่อนล้าทางกาย
เหมือนเรย์จะเป็นคู่ซ้อมดาบให้ยูจิ และยูจิก็เรียนเวทมนตร์กับเอเธอร์ด้วย
ต้องบอกเลยว่ายูจิมีพรสวรรค์สุดยอด ดูจากสภาพเรย์ตอนนี้ยับเยินสุดๆต่างกับยูจิได้เลย
ยูจิเดินผ่านผมไปอย่างแน่วแน อาจจะตรงไปฝึกเวทมนตร์ต่อก็ได้เลยไม่มีเวลาทักทาย ..
“ระ เรเซอร์ วิญญาณกำลังโดนดูด วิญญาณของฉันกำลังถูกยูจิดูด”
เรย์เดินขาสั่นมาเกาะไหล่ผม
“ลำบากหน่อย”
“มะ ไม่หน่อยแล้วเฟ้ย ยูจิมันกะฆ่าฉันชัดๆ!”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ชักเป็นห่วงหน่อยๆแล้วสิ
“เออสิ! ยูจิมันแรงดีไม่มีหมดเลย เป็นนักเวทย์แท้ๆแต่ด้านขีดจำกัดพลังกายสูงลิ่ว ถึงด้านดาบจะยังสู้ฉันไม่ได้ก็เถอะ แต่ก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆทุกทีแล้ว”
สมกับเป็นยูจิผู้ครอบครองสุดยอดพรสวรรค์ไว้ ในฐานะนักเวทย์ยูจิมีมานาเยอะสุดบนโลก ในฐานะนักดาบยูจิมีพลังกายที่ไร้ขีดจำกัด หรือในฐานะผู้ใช้วิญญาณระดับเทพยูจิสามารถครอบครองกี่ตนก็ได้เพราะตัวเองเป็นเทพที่เกิดใหม่
ถ้าบอกว่าเอเธอร์คือตัวบัคของโลกนี้ ยูจิในอนาคตก็บัคไม่แพ้กัน ต่างกับเรย์ที่ต่อให้พัฒนาไปจนสุดขีดแล้วก็ไม่น่าจะก้าวข้ามสองคนนี้ได้เพราะขีดจำกัดในฐานะมนุษย์
เพราะอย่างนั้นในเนื้อเรื่องต้นฉบับเรย์จึงเป็นได้แค่กระสอบทราย
“แล้วด้านดาบยูจิเป็นไงบ้างล่ะ”
“ทำเอาอยากให้ยูจิเลิกเป็นนักเวทย์แล้วมาเอาดีด้านดาบเลยล่ะ”
นั่นสินะ นั่นแหละยูจิ
“แค่สองสามวันยูจิก็พัฒนาจนทำให้ฉันหืดขึ้นคอได้แล้ว อีกหน่อยคงก้าวข้ามฉันได้ และถ้ายังพยายามแบบนี้อีกสักปี คงขึ้นเป็น ‘นักดาบขั้นบรรลุ’ ได้เลยล่ะ ไม่สิ อาจเร็วกว่านั้นก็ได้ถ้าได้คู่ฝึกซ้อมที่ดีกว่านี้”
พูดราวกับตำหนิตัวเองที่อ่อนแอ ..เรย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“พวกนายนี่ดีจังนะ มีพรสวรรค์ที่คนอื่นไม่มีกันหมด เอาจริงๆฉันไม่จำเป็นด้วยซ้ำมั้งการบุกประสาทนั่นน่ะ”
เรย์เย้ยหยันตัวเอง ไม่แปลกที่จะเกิดความรู้สึกแบบนี้คิดมา เทียบกับผมหรือยูจิแล้ว เรย์ค่อนข้างด้อยกว่าตั้งแต่ฐานแล้ว
อย่างผมก็มีวิญญาณระดับเทพ พรสวรรค์ด้านเวทมนตร์
อย่างเคียวยะก็ดวงตามหาปราชญ์ พรสวรรค์ด้านเวทมนตร์
อย่างยูจิก็มีวิญญาณระดับเทพ มานามหาศาล พลังกายไร้ขีดจำกัด อำนาจของหนึ่งในสิบเทพ พรสวรรค์ในทุกๆด้าน แล้วยังเซนส์การพัฒนาตัวเองที่สูง ดูได้จากการที่เสียความทรงจำไปก็ยังเรียนรู้และเป็นนักเรียนทุนได้ในเวลาไม่กี่ปี
กลับกัน เรย์มีแค่วิชาดาบเท่านั้น แถมยังอยู่แค่ขั้นสูงที่เทียบแล้วชั้นตรงๆแล้วด้อยมาก ถึงจะชนะเคียวยะได้ แต่ลูกไม้เดิมๆก็ใช้ซ้ำไม่ได้กับดวงตามหาปราชญ์ ไม่ช้าก็เร็วเคียวยะจะถีบตัวเหนือกว่าเรย์ได้ไกลโข แค่ตอนนี้ยูจิก็พัฒนาจนนำเรย์ไปแล้ว
นั่นแหละความจริง
ทว่าเรย์นั้นจำเป็นต่อโลกนี้ นั่นก็คือความจริง
ในอนาคตเรย์จะคิดค้นวิชาดาบใหม่ขึ้นมา และนั่นเป็นวิชาดาบที่ขี้โกงสุดๆ ต่อให้เรย์จะตายโดยที่มีคนที่ใช้ดีกว่าตัวเอง แต่เรย์คือตัวต้นคิดวิชานี้และพัฒนาจนมันสมบูรณ์
เป็นผู้ริเริ่มที่จะทำให้วิชาดาบโลกไปได้ไกลกว่าตอนนี้ ถึงตัวเองจะไม่ได้มีพรสวรรค์เหมือนคนอื่นก็ตามที แต่เรย์ก็เป็นผู้ให้กำเนิดระบบมากมายในวงการดาบ
ตอนนี้วิชาดาบไม่มีสไตล์ที่ชัดเจนเหมือนเวทมนตร์ มีเพียงวิชาสำนักแต่ล่ะสำนัก แต่นักดาบที่แบ่งประเภทได้เป็นสามแบบอย่าง นักดาบสายรุก นักดาบสายรับ และนักดาบสายกลาง
แต่ในอนาคต เพราะเรย์เลยจะเกิดสไตล์ดาบขึ้นเป็นธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ หลักๆสี่สไตล์ และแยกย่อยเป็นแต่ล่ะสำนักไปอีกที
แน่นอนว่าเป็นเรื่องอนาคต แต่ตอนนี้เทียบอายุกับเด็กทั่วไปแล้วเรย์ก็เก่งเกินคนล่ะนะ
“นายเก่งนะเรย์”
ต่อให้เป็นกระสอบทรายแต่ก็เก่งอยู่ดี ตบมุกแบบเพื่อนพระเอกก็เก่งด้วย
“จริงใจชะมัด”
เรย์ถอนหายใจอัดหน้าผม และผละตัวออกกำดาบเดินไปที่ฝึกอีกครั้ง
น่าจะกลับไปฝึกอีกรอบกระมัง
เอาเถอะ ผมเองก็เหมือนกัน
เหลืออีก 1 วัน ก่อนบุกประสาทลอยฟ้า