เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 91: ทางเลือกของพระเอก 1
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 91: ทางเลือกของพระเอก 1
< < ก่อนเริ่มบท > >
ปกติเวลามีหลายบทต่อกันผมจะเขียนว่า ‘บลาๆ (1)’ แล้วก็ไป ‘บลาๆ (2)’ ซึ่งก็จะทำแบบนั้นไปต่อ แต่เฉพาะกับตอนที่มันอยู่ติดกับและจบในตัว แต่พวกตอนที่เขียนไว้ว่า ‘บลาๆ 1’ อย่างตอนนี้จะมีตอนต่อไปอีก แต่ไม่ใช่ตอนต่อไปแบบติดๆกัน อาจเป็นอีกสิบยี่สิบตอนให้หลังจะกลายเป็น ‘บลาๆ 2’ ครับ
ที่จะอธิบายก่อนเริ่มบทมีแค่นี้ครับผม
< < 74 > >
(มุมมองยูจิ)
คุณหนิงเรียกผมมาคุยด้วยเหตุอันใดก็ไม่ทราบ ท่ามกลางสถานการณ์ที่อาณาจักรฟัฟนิร์ถูกถล่ม การโดนเรียกคุนส่วนตัวมันชวนให้หวั่นใจพิลึก
ตอนนี้ผมและเธอยืนอยู่ที่สนามหญ้าอันเป็นสวนสาธารณะประจำอาณาจักร บรรยากาศเย็นเฉียบเพราะพระอาทิตย์ตกดิน ทำให้ไอเย็นโหมเข้ามา เป็นปกติของอาณาจักรฟัฟนิร์ ถือว่าเย็นกำลังดีด้วย ถ้าไปเทียบกับอาณาจักรค้างเคียงอย่างเนลยอนแล้วถือว่าที่นี่อากาศร้อนได้เลย
ผมไม่เคยไปก็จริง แต่ในหนังสือเรียนมันบอกมา
“นี่ยูจิ”
เธอเรียกผมพลางหยุดเดิน เธอนำผมมาจุดกลางสวนสารธารณะที่มีน้ำพุซึ่งถูกทำลายไป
สภาพเละเพราะเหตุการณ์โดนบุกโจมตี ..ผมหรี่ตาลงอย่างเศร้าใจ
ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ไม่ได้มีแค่ตัวเมือง ผู้คนเองก็ด้วย คนตายมีแน่นอน บางคนก็เสียเงินทองมากมายจนฐานะลำบาก
ผมโชคดีจริงๆที่เป็นแค่นักเรียนที่ย้ายมาเรียนในหอเฉยๆ
“คือฉันมีเรื่องต้องสารภาพน่ะ”
คุณหนิงพึมพำขึ้นมา เธอไม่มีท่าทีเขินอายตอนคุยกับผมแล้ว ตอนนี้เธอดูเป็นธรรมชาติตัวเองที่สุด
“เข้าใจแล้วครับ แต่ไม่เล่าให้ฟังพร้อมคุณเรเซอร์เหรอครับ”
ผมว่าคุณเรเซอร์ควรฟังคุณหนิงเล่าด้วยเหมือนกัน ยังไงซะเขาสำหรับคุณหนิงเองก็น่าจะมีค่ามากเหมือนกัน
“ให้ตายฉันก็ไม่เล่าให้ไอ้บ้านั่นฟังหรอก เรื่องส่วนตัวของฉันเกี่ยวกับเรเซอร์มันที่ไหน หมอนั่นมันจุ้นเรื่องชาวบ้านเยอะไปแล้ว ทำตัวได้น่ารำคาญแบบนั้น รู้เรื่องของฉันไปอีก ชีวิตฉันได้อยู่ไม่สุขแน่”
“พูดว่าคุณเรเซอร์แบบนั้นไม่ได้นะครับ”
ผมพูดอย่างจริงจัง คุณหนิงเห็นท่าทางของผมก็ยังยิ้มอยู่ ยื้มอย่างมีความสุข เหมือนดีใจที่ผมต่อว่าเธอที่พูดไม่ดีใส่คุณเรเซอร์
ทำไมกันนะ ไม่เข้าใจเลย
“อยากเล่าให้ฟังพร้อมกันอยู่หรอก แต่เวลาไม่พอน่ะ ฉันมีเวลาจำกัดอยู่นะ ไม่ได้ว่างตลอด เรเซอร์ที่ไม่ตื่นสักที ก็มีแต่ต้องจำใจปล่อยไปก่อนน่ะ เพราะฉะนั้นอย่างน้อยขอแค่ยูจิก็ได้ ..ฉันคิดอย่างนั้น”
..ที่จะพูดเป็นเรื่องจริงจัง
ผมรับความตั้งใจของคุณหนิง ยืนรอฟังเธอพูดอย่างจดจ่อ ..เธอพูด
“จริงๆแล้วฉันเป็นเจ้าหญิงมังกร”
“เห็นคุณหนิงเป็นมังกรอยู่ แต่เจ้าหญิงมังกรนี่..หรือว่า”
มีนิทานที่ผมเคยอ่านอยู่ เป็นเรื่องดังประจำอาณาจักรฟัฟนิร์ จะบอกว่าเป็นนิทานประจำอาณาจักรยังได้
เรื่องเกี่ยวกับ ‘เจ้าหญิงมังกรและเจ้าชาย’ เรื่องราวรักโรแมนติกที่สอนให้รู้ถึงคุณธรรมอันดีงาม และความรักที่บริสุทธิ์
เป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมชื่นชอบมาก ตอนเด็กๆ ..ตอนเด็ก ..เหรอ?
คนที่ความจำเสื่อมอย่างผมมีวัยเด็กที่ไหนกัน แต่มันก็ชวนคิดถึงเรื่องตำนานเจ้าหญิงมังกรขึ้นมา ไม่ใช่แค่นั้น อะไรบางอย่างก็ไหลเข้ามาในหัว ไม่สามารถจับรูปความได้ แต่ความรู้สึกมันชัดเจน
ผม ..รู้สึกเจ็บปวด พอได้ยินชื่อเจ้าหญิงมังกรแล้ว ก็อยากร้องไห้ออกมา
คุณหนิงบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงมังกร นั่นคือเรื่องน่าเศร้าสำหรับผม
“ฟังนะ นี่เป็นเรื่องในอดีตของฉัน จะเล่าให้ยูจิฟังเป็นกรณีพิเศษ อย่าลืมเอาไปเล่าให้เรเซอร์ฟังต่อด้วยล่ะ”
“..ครับ”
ว่าแล้วคุณหนิงก็เล่าทั้งหมดให้ฟัง เรื่องตั้งแต่เกิดจนถึงความสูญเสียครั้งใหญ่ของเธอ และดำเนินมาถึงปัจจุบัน
มีเรื่องที่เคยพบผมและคุณเรเซอร์ด้วย แต่ผมจำอะไรไม่ได้เลย เพราะความจำเสื่อม
เธอเล่าอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับช่วงนั้นจนผมรู้สึกผิดที่ลืมความรู้สึกสนุกสนานนั้นไป ..แล้วก็เศร้าใจที่ปล่อยให้เธอเจอผมอีกครั้ง โดยที่ผมจำอะไรไม่ได้เลย
“เรื่องทั้งหมดก็แค่นี้แหละ ..ต้องขอบคุณทุกคนที่ทำให้ฉันเคลียร์บางอย่างในใจได้ ขอบคุณนะ”
..
“หลังจากนี้ ..พวกผมจะทดแทนส่วนที่ขาดหายไปให้เองครับ” ผมพูดทั้งน้ำตา “คุณหนิงจะต้องมีความสุขมากกว่านี้ได้แน่ๆครับ”
“ขอบใจนะ แล้วจะร้องไห้ทำไมเนี่ย”
“ขอโทษครับ คือเรื่องที่เล่ามัน ..ไม่ไหว ไม่ไหวจริงๆครับ”
เรื่องราวผู้เปรียบเสมือนแม่ของเธอ ความรู้สึกของเธอเวลานั้นผมพอเข้าใจได้ ผมเป็นเด็กกำพร้าถ้าเกิดมีแม่ที่ดีอย่างนั้นสักคน ผมคงรักเธอสุดหัวใจ และคงเสียใจร้องไห้ฟูมฟายแน่ๆ
ความจริงที่สูญเสียคนสำคัญที่สุดในชีวิตไป มันน่าเศร้า
“ก็อุตส่าห์เชื่อเรื่องที่ฉันเล่านะ”
“ทั้งหมดไม่ใช่แค่เรื่องโกหก ผมรู้ดีครับ เพราะผมเชื่อใจคุณหนิง”
เธอหน้าแดงอ่อนๆพอได้ยินผมพูดอย่างนั้น มือไม้ขยับไปมาเล็กน้อยพลางก้มหัวลงหน่อยๆ ท่าทางเธอเหมือนเด็กน้อยต่างกับภาพลักษณ์ที่สง่างามเกินกว่าจะเอื้อมได้
“เหรอ ..ได้ยินแบบนั้นก็..ไม่ได้ดีใจนะ บอกก่อน แค่จะชมว่าพูดได้ดีนี่ ยูจินี่คุยเก่งนะ เข้าใจคุยดี ไม่เลวเลย โตไปต้องเป็นเสือผู้หญิงแน่ ..ไม่สิ ตอนนี้ก็โตพอแล้ว แค่นี้ก็มากพอจะเป็นเสือผู้หญิงแล้ว คุยเก่งแบบยูจิต้องมีคนชอบเยอะแย่เลย”
“ไม่เลยครับๆ ที่เนื้อหอมเป็นคุณเรเซอร์ต่างหากล่ะครับ หลังความลือเสียๆหายๆเริ่มจางไป คุณเรเซอร์ก็ติดท็อป 10 ของผู้ชายที่ดีที่อยากได้เป็นแฟนเลยนะครับ เรย์เขาว่ามาแบบนั้นน่ะครับ”
ถ้าเนื้อหอมในหมู่ผู้ชาย ผมก็ถือว่าเข้าข่ายอยู่ แต่ในหมู่ผู้หญิงผมค่อนข้างโดนเมิน โดนมองในฐานะสิ่งน่ารักสิ่งหนึ่งมากกว่า ต่างกับคุณเรเซอร์ คุณเรย์ หรือคุณเคียวยะ ที่ดูแข็งแรงสมชายชาตรี มีพลังและสติปัญญาที่ล้ำเลิศ ยิ่งกว่านั้นภาวะความเป็นผู้นำของสามคนนั้นยังเยอะด้วย โดยเฉพาะคุณเรเซอร์
คุณเรเซอร์อาจไม่รู้ตัว แต่ตัวคุณเรเซอร์พักหลังๆมีผู้หญิงแอบชอบเยอะมาก และเขาไม่รู้แน่นอน เพราะเขาเป็นคนจำพวกทึ่มเรื่องความรัก ฮะๆ ประมาณนั้นเลย แต่หน้าอย่างผมว่าคุณเรเซอร์ได้ที่ไหน
“ไม่เลว ขนาดมีเบลลามีประกบแล้วยังได้ความนิยมขนาดนั้น มีแต่ผู้หญิงหน้าไม่อายที่โหวตสินะ”
“พะ พูดเกินไปแล้วครับ”
“เป็นฉัน ..ฉะ ฉันจะโหวตให้ยูจินะ ผู้ชายมีคนรักแล้วมีอะไรดีตรงไหน เลือกยูจิ..ที่เป็นเด็กทุน สอบได้ท็อปของชั้นตลอดดีกว่า อนาคตนี่อยู่สบายเลย ใช่ แค่คิดด้านทฤษฎีเฉยๆนะ ไม่ได้หมายความตามตัวเลย”
คุณหนิงพูดแบบตะกุกตะกัก เพราะที่พูดดูน่าอายหน่อยๆ ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ยังไงก็น่าจะเป็นการปลอบใจผมที่ไม่เนื้อหอม
“เลือกคุณเคียวยะไม่ก็คุณเรย์น่าจะดีกว่านะครับ”
“ไม่ล่ะ ลางสังหรณ์บอกว่าสองคนนั้นเป็นพวกไม่สนเพศตรงข้าม อย่างเรย์อาจจะ ‘จำไม่เห็นได้เลยว่าคบกันตอนไหน’ หนักกว่าก็เคียวยะ หมอนั่นเป็นคนจำพวก ‘ที่นี่ไม่มีอะไรให้เรียนรู้แล้ว จะขอออกเดินทางทั่วโลกล่ะ ลาก่อน’ ต่อให้แต่งงานมีลูกแล้วก็ไม่แคล้วพูดแบบนี้แน่ๆ ไม่นึกสงสารคนที่ต้องเป็นภรรยาหรือลูกเลยเหรอ ลูกอาจโดนล้อเด็กไม่มีพ่อก็ได้นะ”
..ก็จริง
“ว่าก็ว่าเถอะ แต่ผมก็ไม่ได้สนเหมือนกันนะครับ ผู้หญิงน่ะ ฮะๆ”
ไม่รู้ทำไม พูดแบบนั้นแล้วหัวเราะต่อ คุณหนิงถึงตัวแข็งทื่อ มีน้ำตาปริ่มๆออกมา
“เอ่อ คือ”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น อย่าใส่ใจเลย”
ผมพูดอะไรไม่ดีไปสินะ..ช่างมันๆ
“ถ้านั้นก็กลับกันเถอะครับ”
ไม่มีอะไรต้องคุยต่อแล้วก็กลับดีกว่า
“ไม่ล่ะ”
คุณหนิงพูดเสียงแข็ง ผมหันไปถาม
“มีเรื่องจะคุยอีกเหรอครับ”
“ไม่มีแล้ว แค่มีเรื่องที่ฉันต้องทำเฉยๆ”
“นั้นเหรอครับ มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ”
“เป็นเรื่องที่ฉันทำได้คนเดียวเท่านั้น ยูจิกลับก่อนเถอะ”
..ตำนานเจ้าหญิงมังกร
ต่อให้เจอเรื่องแสนลำบากมากมายแค่ไหน แต่ในตอนจบเจ้าหญิงมังกรจะได้สมหวังกับเจ้าชาย เจ้าชายจะช่วยเธอและพิสูจน์ให้เห็นถึงความถูกต้องที่แท้จริง เป็นเรื่องราวที่แฮปปี้และสวยงาม ทว่า..ตำนานเจ้าหญิงมังกรมีช่องโหว่อยู่
รักกันแล้วยังไงต่อ เจ้าหญิงมังกรก็ต้องตายแล้วส่งพลังให้ลูก แล้ว-ลูกของเจ้าหญิงมังกรจะเป็นยังไงต่อ จะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยหรือไม่
เจ้าหญิงมังกรคนถัดๆไปจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง ..ทุกคนมีความสุขได้จริงๆเหรอ?
“เจ้าหญิงมังกรอย่างคุณหนิง ..หาเจ้าชายได้หรือยังครับ”
“หาได้แล้วสิ แค่ ..เจ้าชายไม่ได้มีม้าขาวเหมือนในนิทานเท่านั้น”
ในเมื่อไม่มีม้าขาว เจ้าชายก็ไม่สามารถฝ่าดงทหารเข้าไปได้ สุดท้ายก็ไม่มีใครช่วยเจ้าหญิงมังกรได้เหมือนในนิทาน
“ผมไม่ให้ไปครับ”
ผมพูดเสียงแข็ง ดูเป็นการกระทำที่ไร้สาระ เพราะเป็นการฝืนบังคับใจคุณหนิง แต่ผมจะปล่อยให้เธอไปไม่ได้เด็ดขาด
“ถ้านั้นก็พิสูจน์สิ ..ช่วยพิสูจน์ที่นะยูจิ ว่าช่วยฉันได้หรือเปล่า”
เธอยิ้มให้ผม—เหมือนกับเวลาได้หยุดลง ชายร่างสูงและใหญ่ก้าวเท้าเข้ามา
เขาสวมชุดเกราะสีเงินสง่าไร้รอยขีดข่วน ข้างหลังมีดาบขนาดยักษ์เทียบเท่าร่างที่สูงไม่รู้กี่เมตร
“มารับแล้วครับ องค์หญิง”
“อืม รออยู่เลย ‘คาลอส’”
‘คาลอส’ ชื่อของแม่ทัพใหญ่แห่งอาณาจักรฟัฟนิร์ เขาน่าจะมารับคุณหนิงไป เรื่องที่เธอต้องทำหมายถึงตามชายคนนี้ไป ซึ่ง ..ผมวางใจไม่ได้
ได้ยินผมก็รีบวิ่งไปแทรกกลางระหว่างทั้งสอง เผชิญหน้ากับคาลอสคนนั้นผู้แข็งแกร่ง
แม้จะสบตาแต่ผมไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งนั้น เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด ผมคิดว่าตัวเองต้องกลัวจนขาขยับไม่ไหว แต่ไม่ใช่
เพราะอะไรกันนะ ..เพราะวิญญาณระดับเทพในตัวผมตอนนี้หรือเปล่า
“..องค์หญิง”
“จัดการตามที่สมควรเถอะ”
“รับทราบครับ”
คาลอส—เขาชักดาบออกมาวางไว้บริเวณท้ายทอย
เวลาผ่านไปไม่รู้กี่วิ ผมสัมผัสได้ถึงความตายจึงตะโกนชื่อที่คุ้นเคยออกมา
“อลัน!!!!!!!!”
‘รับทราบครับ’
มือสีน้ำเงินแหวกอากาศพุ่งออกไป—-อย่างที่สังหรณ์ใจไว้ มือของอลันได้เข้าชนตรงๆกับดาบของคุณคาลอส
คนที่ชนะคือผม ดาบของคุณคาลอสลอยขึ้นฟ้าไปด้วยพลังการหักล้าง พลังเชิงกายภาพไม่สามารถต่อกรกับหักล้างได้ตรงๆ
“วิญญาณระดับเทพสินะ”
พูดจบเขาก็แวบหายไป มีเพียงสายลมที่โหมกระหน่ำจนทำให้ร่างของผมแทบจะล้ม เพียงแค่ใช้แรงกายเขยื่อนก็สร้างแรงกดอากาศได้ขนาดนี้แล้ว
ผมกัดฟันแน่นใช้อลันหักล้างรอบตัวเอง ทว่า—–มีจุดให้เล่นงานได้อยู่ เพราะแขนสองข้างไม่สามารถปิดร่างผมได้มิด
ตึง!!!! ผมถูกเตะเข้าต้องลิ้นปี่
“อั้ก!”
ผมกระอักเลือดออกมา และปลิวไปตามแรงเตะของแม่ทัพใหญ่แห่งฟัฟนิร์
ขณะที่ร่างผมลอย เขาก็กระโดดมาหยิบร่างที่อยู่บนฟ้าของตัวเองและพุ่งเข้าใส่ผม
ไม่ทัน—-ผมตอนนี้ไม่สามารถต่อกรกับคุณคาลอสไว้
“อ๊ากกกกกกกก!!!!!!!!”
แต่จะย้อมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ผมใช้ความคิด วิเคราะห์การเคลื่อนไหวเพื่อใช้อลันป้องกันได้ถูกจุด
แขนของอลันพุ่งออกไป หักล้างอากาศเพื่อทำให้การเคลื่อนไหวของคุณคาลอสเป็นไปตามที่ผมตั้งใจ
สำเร็จ ร่างของคุณคาลอสโผล่ไกลออกไป ทำได้แล้ว——-ทันทีที่คิดอย่างนั้นผมก็ถูกคุณคาลอสพุ่งมาใช้ศอกกระแทกเข้าหน้าจนพุ่งลงพื้น
ร่างกระเด้งกับพื้นหินจนลอยฟ้า แทบหมดสติทั้งๆอย่างนั้น แต่ยังไม่จบ คุณคาลอสพุ่งมาจับข้อมือผมและเหวี่ยงขึ้นฟ้า
กระดูกหักเป็นท่อนๆ วิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง
ผมพ่ายแพ้แล้ว
นักดาบอย่างเขายังไม่ได้ออกดาบแม้แต่ครั้งเดียว ผมก็พ่ายแพ้แล้ว ระดับต่างกันเกินไป ต่อให้มีวิญญาณระดับเทพแต่ถ้าผมตามศัตรูไม่ทัน ผมก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
คิดเช่นนั้นจบร่างผมก็ตกลงพื้น เป็นอันจบการต่อสู้
คุณหนิงมองผมจากที่สูง เธอมีสีหน้าที่เศร้าสร้อย เธอก้มลงปล่อยเพลิงสีทองเข้าร่างผม ร่างกายค่อยๆดีขึ้น ทำให้ผมไม่ตายแน่ๆ แต่ก็อยู่ระดับที่ไม่สามารถขยับร่างได้อยู่ดี เธอจงใจทำเช่นนั้น เพื่อไม่ให้ผมลุกขึ้นไปสู้ต่อ
ผมคว้ามือเธอไว้ ..เธอแกะมือผมออกอย่างนุ่มนวลด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ไหวหรอก ตัดใจเถอะนะ”
คุณหนิงกล่าวจบก็ผละตัวออกจากผม เดินไปกับคุณคาลอส …
“[หักล้าง]-[ฟื้นฟู]”
แขนสีฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างผมและดึงร่างผมออกจากกัน ร่างกายที่แหลกจึงกลับมาเป็นปกติ เหมือนตอนก่อนที่จะแพ้
ผมลุกขึ้นยืน ทั้งสองคนพากันหยุดเดินอย่างพร้อมเพรียง
“สมกับเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ ต่อให้จะปางตาย แต่ก็ฟื้นฟูร่างกายกลับคืนมาได้ทันที วิธีฆ่ามีแค่ทำลายวงจรเวทย์ไม่ให้ส่งมานาเป็นค่าตอบแทนวิญญาณระดับเทพเท่านั้น” คาลอสพูด
“..จะฆ่าเหรอ”
หนิงซ้อนตามองอย่างคาดหวัง คาลอสเห็นก็ถอนหายใจ
“ขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายขอรับ”
คาลอสหันกลับไปจ้องหน้ายูจิ และจะเอ่ยปากพูด ทว่า ..
“ขอร้องล่ะครับ ..คุณเป็นแม่ทัพใหญ่ไม่ใช่หรือครับ เป็นคนที่มีอยู่เพื่อปกป้องประชาชนนี่ครับ คุณยืนยัดต่อสู้กับทุกสิ่งก็เพื่อรอยยิ้มของทุกคน”
ผมหายใจเข้าปอด และโพล่งออกไป
“คุณที่เปรียบเสมือนโล่ของอาณาจักร ไม่มีหน้าที่ที่จะพรากความสุขไปจากคุณหนิงครับ!! เธอกำลังมีความสุขอยู่ เธอได้ค้นพบความสุขของตัวเองพร้อมไปกับพวกผมทุกคน หลังจากนี้เองก็น่าจะมีความสุขยิ่งกว่านี้ จะมีความสุขไปตลอดชีวิตครับ!”
“รู้แล้ว”
“รู้ทั้งรู้อยู่แล้ว ..แล้วทำไมไม่ช่วยเธอล่ะครับ”
“เจ้าหนู แกชื่ออะไร”
“..ยูจิ”
คาลอสพยักหน้ารับ
“ฟังไว้ซะยูจิ คนที่ฉันต้องปกป้องไม่ใช่องค์หญิง แต่เป็นอาณาจักรนี้ต่างหาก”
—กึก!!!! ผมกัดฟันกรามแน่น
“ความสุขของอาวุธ ความสุขของเจ้าหญิงมังกร นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องนึกถึง และไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะต้องทำตาม เธอเกิดมาเพื่อส่วนร่วม จำเป็นต้องอยู่และตายเพื่อทุกคนในอาณาจักร—ถ้าหากต้องการจะช่วยเธอ ก็จงเป็นศัตรูกับอาณาจักรฟัฟนิร์ และโค่นฉันซะ จากนั้นก็โค่นคนที่แข็งแกร่งทัดเทียมกับฉัน และฆ่าราชาต่อ” คาลอสพูดอย่างจริงจัง “แต่ปัญหาใหญ่สุดคือระบบในอาณาจักร เช่นนั้นก็ทำลายอาณาจักรฟัฟนิร์ต่อ ทำให้ทุกคนไร้บ้าน ทำให้หลายคนตายจากสงครามต่อ ทำให้ทุกชีวิตต้องสูญเสียอะไรบางอย่าง ถ้าความต้องการของแกคือช่วยองค์หญิง ก็ทำลายความสุขของทุกคนในอาณาจักรนี้ด้วยมือตัวเอง ..ความสุขของทุกคนจงทำลายมันซะถ้าต้องการ”
..นั้นเองเหรอ
ยังพอมีโอกาสอยู่สินะ
ได้ยินแค่นี้ก็พอใจแล้ว
“แค่ทำลายอาณาจักรฟัฟนิร์ก็พอสินะ”
ผมพูดออกไปจากใจจริง จากจิตใต้สำนึก ..คุณคาลอสส่งสายตาน่ากลัวมา รอบตัวของเขามีจิตสังหารพวยพุ่ง
“แบบนั้นแหละ..!”
คุณคาลอสชักดาบออกพุ่งออกมา เข้าปะทะกับผม———————-ฮึย!!!!!
ผมใช้หักล้างย่นระยะทาง และพยายามเล็งเพื่อปัดป้องดาบของศัตรู พร้อมกันกับเตรียมเวทมนตร์โจมตี
“ย๊ากกกกกกกกกกก-อึ้ก!!!”
ต้านได้แค่ไม่กี่วิผมก็ถูกดาบฟันเข้าที่กลางท้อง ยังไม่ทันได้รวบรวมมานา ร่างของผมก็ถูกดาบยักษ์สลักรอยแผลขนาดใหญ่เอาไว้
แต่ร่างกายยังขยับไหวอยู่
ผมฝืนตัวเอง ขยับร่างเพื่อสู้ต่อ—แต่ไม่ทันการ
ดาบที่ใหญ่นั้นเร็วมาก และกำลังจะสะบั้นหัวผมจนขาด
ตายแน่ๆ
ทว่าวินาทีความตาย แขนบางๆของคุณหนิงก็รับดาบของคุณคาลอสไว้ได้อยู่หมัด
ดาบถูกหยุดไว้ได้ มีเพียงแรงลมที่เป็นควันย้อนหลังกระแทกเข้าหน้าผม
“..ขอร้องล่ะยูจิ”
คุณหนิงมองหน้าที่ซีดของผมก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
เพราะผมฝืนใช้หักล้างตอนวงจรเวทย์เสียหาย ซึ่งมันเป็นการฝืนร่างกายตัวเอง อันตรายระดับที่ผมสามารถตายไปเองได้เลย อยู่ในสภาวะคล้ายเลือดไหลเวียนไม่ดี มีโอกาสเป็นโรคที่อันตรายต่อจากนี้
คุณหนิงพูดกับผมโดยที่หลบหน้า
“ช่วยปล่อยฉันไปเถอะนะ”
ช่วยปล่อยเหรอ..ที่ทำคือการรั้งเธอไว้เหรอ
พอรู้สึกว่าที่ตัวเองทำมันสูญเปล่า มันไม่ได้ทำเพื่อช่วยเธอจริงๆ ร่างของผมก็ไร้แรง ความเจ็บปวดย้อนหลังโหมเข้าใส่ร่างกายที่อ่อนแอของผม
ผมลงไปทรุดกับพื้น หายใจติดๆขัดๆ รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย เธอเห็นก็ใช้เพลิงสีทองรักษาผมเบื้องต้น อย่างน้อยก็ไม่ตาย ..
“แค่นี้นะ คาลอสฉันขอกลับก่อน”
“เข้าใจแล้วครับ”
พูดจบเธอก็เดินไป หายจากระยะสายตา
แต่คุณคาลอสยังยืนอยู่ข้างๆผม ไม่ได้เดินตามคุณหนิงไป ยิ่งกว่านั้นยังมองมาที่ผม อาจจะโดนฆ่าก็ได้ คิดอย่างนั้น แต่ก็มาไม่ถึงสักที เขาคงไม่คิดจะฆ่าผมแล้ว
“ยังต้องให้คนที่อยากปกป้องคอยช่วยอยู่เลย แล้วบอกว่าจะทำลายอาณาจักรฟัฟนิร์อีก นั่นไม่ใช่คำพูดที่คนอ่อนแอจะพูดได้หรอกนะ”
“..ผมอ่อนแอสินะครับ”
“ใช่แล้วยูจิ แกน่ะอ่อนแอ”
“ที่เธอพูด..คือใจจริงรึเปล่าครับ ที่อยากให้ปล่อยเธอไปน่ะ ..เธอไม่ต้องการให้ผมช่วยจริงๆเหรอครับ ..ผมแค่ยุ่งไม่เข้าเรื่องเหรอครับ”
ไม่รู้ทำไม แต่คุณคาลอสกลับหัวเราะ ใบหน้าที่ดูดุร้ายของเขาหายไป เขากลายเป็นคุณลุงที่อ่อนโยน
“จะไปรู้ได้ไง ยูจิแกนี่เหมือนกับฉันเลย ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย แถมยังอ่อนแออีก ..เพราะอย่างนั้นแหละจึงได้ปกป้องใครไม่ได้ ทำเอานึกถึงสมัยก่อนเลย”
“แม้แต่คุณคาลอสก็ช่วยใครไม่ได้เหรอ..”
คุณคาลอสดูมือที่แข็งกระด้างของตัวเอง เพียงแค่มือของเขาก็ดูพึ่งพาได้
“แน่นอนว่ามือนี้ช่วยได้หลายชีวิต แต่ชีวิตที่อยากจะปกป้องมากที่สุดมันคว้าไปไม่ถึง ..แกเองก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน แต่องค์หญิงสามารถช่วยไว้ได้ เพื่อความต้องการขององค์หญิงแล้วก็จงลืมเรื่องวันนี้ไปซะ อย่าได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับอาณาจักรเลย อย่าได้พรากความสุขของใครอีกหลายคนไปเลย องค์หญิงจำเป็นต้องอยู่เพื่อสร้างความสุขให้กับทุกคน ..นั่นอาจไม่ใช่ความปารถนาของตัวเธอเอง แต่มันก็เป็นสิ่งที่อาณาจักรฟัฟนิร์ขาดไม่ได้”
เขาจะบอกว่าคุณหนิงเป็นอาวุธ เป็นอาวุธที่ใช้สร้างความสงบสุขให้อาณาจักรฟัฟนิร์ ผมรู้ดีว่าเธอจำเป็นต่ออาณาจักร การมีอยู่ของเธอทำให้หลายแสนชีวิตใช้ชีวิตได้ภายใต้แสงอาทิตย์ที่อบอุ่น แต่ แต่ว่ามันไม่แฟร์เลย มันไม่ถูกต้อง ในความคิดของผมมันไม่ใช่
“ทุกคนเองก็ไม่มีสิทธิ์พรากความสุขไปจากเธอ …เธอก็เป็นมนุษย์นะครับ เธอไม่จำเป็นต้องแบกรับอะไรไว้สักหน่อย ..เธอควรมีความสุขกับชีวิตของตัวเองครับ!”
“เพราะเกิดมาเป็นเจ้าหญิงมังกรไงล่ะ ถ้าอยากให้มีความสุขนักก็ช่วยเธอและมอบชื่อที่ไม่ใช่เจ้าหญิงมังกรให้เธอซะ ..อย่างหนิงที่เรียกกันอยู่ตอนนี้ก็ไม่เลว”
..ทำไมคนที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของอาณาจักรถึงพูดอย่างนั้น ทำไมทำเหมือนชี้โพรงให้กระหลอกอย่างนั้น
“จะปล่อยแกไป ถ้าอยากจะกลับมาท้าทายเพื่อช่วยองค์หญิงอีกก็จงมา จะเป็นคู่มือให้เอง จะไม่มีการออมมือให้ในครั้งต่อไป ครั้งต่อไปถ้ายังบังอาจมาในสภาพนี้ แกได้ตายจริงๆแน่ยูจิ แกจะทำให้ความต้องการขององค์หญิงสูญเปล่า และช่วยใครไม่ได้ทั้งนั้น”
นั้นเองเหรอ
“จริงๆแล้วคุณคาลอสก็อยากช่วยสินะครับ ..คุณหนิงน่ะ”
“ไม่ใช่เธอ ที่อยากช่วยคือความปารถนาของแม่เธอต่างหาก”
“แม่บุญธรรมของคุณหนิงเหรอครับ”
“ไม่ใช่เธอ แม่ที่ให้กำเนิดเธอต่างหากที่อยากจะช่วย ..เจ้าหญิงมังกรคนก่อนหน้า”
..แม่จริงๆของคุณหนิงคือคนที่คุณคาลอสอยากช่วย แต่ก็ช่วยไว้ไม่ได้ เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง เจ้าหญิงมังกรทุกคนไม่ได้มีความสุขเหมือนกับในนิทาน
เพราะอย่างนั้นเลยพูดเหมือนอยากให้ผมมาช่วยเธอสินะ อย่างน้อยก็อยากช่วยลูกของเธอคนนั้นให้ได้ แต่ภาระหน้าที่คล้ำคอเอาไว้อยู่
“จะมารึไม่มาก็แล้วแต่ แต่ถ้ามาฉันก็จะทำตามหน้าที่คือฆ่าแก แค่นั้นแหละ”
พูดจบคุณคาลอสก็ถือลูกแก้วและบีบมันจนแตก เป็นอันวาปหายไปโดนสมบูรณ์
ในที่นี้ ที่สวนสาธารณะจึงเหลือแค่ผมคนเดียว
ผมฝืนลุกขึ้นยืน มองขึ้นไปบนฟ้าและสาบานกับตัวเอง
จะช่วยให้ได้ ..ทุกคนเลย จะช่วยให้ได้ ขอสาบานกับตัวเองว่าจะช่วยให้ได้ จะไม่ทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง
ต้องรีบไปฝึกฝน ต้องวางแผน ต้อง..
สติวูบดับไป ผมล้มลงกับพื้น และภายหลังก็ได้รับความช่วยเหลือจากคุณเรเซอร์
เวลาต่อมาแผนการณ์ช่วยคุณหนิง ‘ของพวกเรา’ ก็ได้เริ่มขึ้น