< < 9 > >
เมือง ‘ชันไม’ เมืองแห่งการท่องเที่ยวซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ชันไมตั้งถิ่นฐานอยู่ใกล้กับป่ามหาภูตติ เมื่อผนวกสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันมันจึงกลายเป็นสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยว
ตอนนี้เองคณะทัวส์ของผมก็มาเยือนเมืองชันไมแล้ว
รถม้าส่วนตัววิ่งผ่านหน้าประตูเมืองไป ราวกับว่าผมได้เปิดกระจกออกในตอนเช้าตรู่——-แสงแดดและเสียงผู้คนเดินไปมาสะท้อนอัดเข้าหู และสลักภาพไว้ในดวงตาคู่นี้
‘โลกแฟนตาซี!’ ไม่มีคำใดที่นิยามได้ดีกว่านี้อีกแล้ว
—-
“สวยดีแหะ”
ผมพึมพำออกมา อันนาแขะมักเขม้น,เขม้นขะมักเซลพากันชะโงกหัวดูข้างนอกอย่างแตกตื่น พวกเราทั้งสามเปรียบได้ดั่งเด็กน้อยที่ตื่นเต้นกับการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก
-ต่างกับชินที่ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เขาทำเพียงมองไปข้างนอกด้วยดวงตาที่เศร้าสร้อย ..
หรือว่าชินจะได้ลงมือฆ่าเพื่อนตัวเอง ในภารกิจที่เมืองชันไมแต่ก่อนกัน? ไม่หรอกมั้ง ผมคงคิดมากไปเอง
“ชินฝากเป็นไกด์ให้ด้วยนะ” ผมยิ้มให้
เมื่อได้ยินผมทัก เขาก็รีบกลับมาปั้นยิ้มรับ
“ได้ขอรับ เริ่มจากตอนนี้เลยมั้ยครับ?”
“อ่า”
ชินหยิบแผนที่จากกล่องในรถม้าออกมา และกางให้ดู
“เมือง ‘ชันไม’ จะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสน่ะครับ มีสองทางเข้า สองทางออก” ชินผายมือให้เห็นนอกหน้าต่าง “อย่างที่เห็นระหว่างทางข้างๆทั้งสองฝั่งจะมีสายน้ำตีข้างไปด้วย สายน้ำจะมีอยู่ทุกที่ไม่ว่าจะทางออกหรือเข้า ทั้งสี่มุมคือทางเข้าที่จะไปบรรจบที่น้ำพุในเมืองขอรับ และน้ำทั้งหมดเมื่ออยู่ภายในเมืองก็จะสะอาดเพราะมีตัวกรองเวทย์อยู่ขอรับ”
ขนาดผังเมืองยังแฟนตาซีเลยแฮะ ไม่มีความจำเป็นต้องกลัวเรื่องขยะหรือสิ่งสกปรกในน้ำเลย
“เพราะเมืองถูกแยกกันด้วยสายน้ำ จึงมีการแบ่งโซนทั้งหมดสี่โซนขอรับ โดยไม่นับตรงแกนกลางบ่อน้ำร้อน ได้แก่ โซนตลาดชุมชน โซนท่องเที่ยว โซนสวนสาธารณะ และสุดท้ายโซนหมู่บ้าน แบ่งกันดังนี้ขอรับ”
มีการแบ่งพื้นที่อะไรต่างๆชัดเจนด้วย
“แต่ในโซนท่องเที่ยวจะเป็นกรณีพิเศษขอรับ ณ ที่แห่งนั้นจะเป็นที่อาศัยชั่วคราวสำหรับคนจากต่างเมืองอย่างท่านเรเซอร์ พวกเราจะไปพักอาศัยกันที่โรงแรมขอรับ”
“โรงแรมห้าดาวที่อยู่ข้างบ่อน้ำพุร้อนใหญ่สินะ”
“ใช่ขอรับ”
อนึ่งที่เมืองชันไมขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำพุร้อนยักษ์ด้วย ว่ากันว่ามันเป็นบ่อน้ำพุที่ใหญ่และสวยสุดบนโลก
แถมที่ผมอยู่ดันคือข้างบ่อน้ำพุที่ว่านั่นอีก ราคาคงแพงระดับที่ผมจินตนาการไม่ออกเลยละ
ผมถอนหายใจพลางเสพบรรยากาศโดยรอบ
เมื่อถึงที่หมายแล้ว ชินก็ลงไปเปิดประตูให้ผมและอันนากับเรเซล ด้วยท่างท่าสมสุภาพบุรุษ
สัมภาระทั้งหมดพนักงานโรงแรมก็ยกพวกมารุมยกของให้พวกผม พวกเราจึงเดินแบบลอยตัว เรเซล และอันนาดูจะเกร็งหน่อยๆ
ส่วนคนขับรถม้าก็โบกมือ บาย และกลับศูนย์รถม้าทันที
เอาเถอะ
“ยินดีที่ได้พบครับ ท่าน เขม่น ”
คุณพนักงานที่ดูแต่งตัวดีกว่าพนักงานคนอื่น เขาเดินมาทักทายผม
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ อย่างที่ทราบกันผม เรเซอร์เอง ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะครับและขออภัยที่รบกวนหลายอย่างเช่นกันครับ”
เขาแปลกใจกับการแนะนำตัวเล็กน้อย
“ไม่หรอกครับๆ เชิญทางนี้เลยขอรับ” เขาค่อยๆปั้นยิ้ม “เช่นนั้นกระผมจะเริ่มนำทางนะครับ”
ว่าแล้วเขาก็นำทางผมจนมาถึงห้องพักที่น่าจะใหญ่สดในโรงแรม
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบกับห้องที่กว้างเทียบเท่าสนามเด็กเล่น มากไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก เตียงขนาดใหญ่ยักษ์เท่าคอนโด4×4 …ห้องนอนของราชาชัดๆ คนรวยนี่สุดยอดไปเลย
เล่นเอาผมประหม่าไปเลยละ
“แล้วห้องของทั้งสามคนละ”
หมายถึง เรเซล อันนา และ ชิน
“ทั้งสองคนจะได้พักผ่อนที่ห้องคนรับใช้น่ะขอรับ ส่วนท่านชินทางนี้จะนอนอยู่ข้างท่านเรเซอร์ในฐานะผู้คุ้มกัน”
ผมหันไปทางทั้งสองคน ทั้งๆที่ผมผู้อายุเท่ากับทั้งสอง แต่ได้นอนห้องสุดหรูคนเดียว ต่างกับพวกเธอที่ได้นอนเพียงห้องของคนใช้ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?…ผมเนี่ยคิดฟุ้งซ่านจังนะ
“เข้าใจแล้ว หลังจากนี้ฝากเรเซลกับอันนาด้วยนะ”
“ขอรับ เดี่ยวกระผมจะนำทางให้พวกเธอเอง”
เรเซลกับอันนาเดินตามพนักงานโรงแรมไปอย่างสงบนิ่ง ส่วนผมกับชินก็เข้ามาในห้องนอน
“…ห้องไม่ใหญ่ไปหน่อยเรอะนั่น?”
“สำหรับท่านเรเซอร์แล้วถือว่าเล็กด้วยซ้ำขอรับ”
-ว เว่อร์ไปมั้ยนั่น
ผมลงไปนอนกับโซฟาที่ขนาดเท่าเตียงนอนคน
“ให้ฉันนอนแค่ห้องเล็กๆก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ แบบนั้นมันสบายใจกว่าด้วยซ้ำ”
หมายถึงโลกเก่าละนะ
“เกรงว่าจะไม่ได้น่ะขอรับ”
“คงจะอย่างนั้นสินะ”
……
……15 นาทีผ่านไป
…..30 นาทีผ่านไป
….1 ชั่วโมงผ่านไป
“ไปข้างนอกกันเถอะชิน”
ผมลุกขึ้นออกจากโซฟาด้วยท่าทางขะมักเขม้น——1 ชั่วโมงมานี้ไม่มีอะไรทำเลยนอกจากชมวิวจากกระจก และนอนบิดขี้เกียจไปมาเหมือนพวกที่ไม่มีอะไรทำนอกจากหายใจ บอกตามตรง น่าเบื่อโว้ย!! ชีวิตวัยรุ่นใครเขานั่งทำอย่างนั้นบ้างกันถามจริงเถอะ
“มีแผนไปไหนหรือเปล่าครับ?”
“…มีที่ไหนดีๆบ้างละ?”
ชินครุ่นคิดเล็กน้อย
“มีร้านหนังสือขึ้นชื่ออยู่ขอรับ”
“ไปที่นั่นละกัน อยู่โซนท่องเที่ยวสินะ”
“ใช่ขอรับ ไม่ไกลจากนี้มากนัก”
โอเค
ผมเตรียมข้าวของเล็กน้อยเท่านั้น ชินที่เห็นว่าผมเตรียมตัวเสร็จแล้วก็เริ่มเป็นไกด์ให้
*******
ผมเดินผ่านผู้คนตามทั้ฝ่าฟันถนน ทุกคนใส่เสื้อดูมีฐานะ สมแล้วที่เป็นโซนท่อน
ถ้าให้สมองน้อยๆของผมลองวิเคราะห์ดู ในโลกใบนี้นอกจากพวกคนรวยแล้วคนอื่นๆแทบไม่มีสิทธิ์เที่ยวเลย การท่องเที่ยวนับว่าเป็นกิจกรรมของคนรวยด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ทุกคนควรจะเที่ยวได้เหมือนกัน
สภาพโดยรอบของชันไมดูสวยงาม แต่ภายในค่อนข้างดำมืด
ชินนำผมมาที่ร้านหนังสือขนาดยักษ์ราว 3 ชั้น
“ที่นี่ขอรับ”
เมื่อเดินไปข้างในแล้วบรรยากาศเงียบสงบถาโถมเข้ามาทันที
ภายในร้านแม้จะหรูหราแต่ก็ไร้ผู้คน อย่างกับกิจกรรมของคนตังค์เหลือที่เปิดร้านเล่น
“ท่านเรเซอร์เล็งหนังสือแนวไหนไว้บ้างหรือครับ?”
ชินโค้งตัวมายิ้มให้
“อยากได้เกี่ยวกับตำนานน่ะ พวกมังกรสี่ธาตุหรือวีรสตรีที่โด่งดังในตำนานก็ได้”
“…ถ้าหนังสือบันทึกเรื่องราวท่านมังกรเพลิงฟัฟนิร์มีอยู่เพียบเลยนะขอรับ”
“อันนั้นมันก็แค่เรื่องแต่งไม่ใช่รึไง ที่เคยถล่มโลกแต่กลับถูกแต่งเรื่องให้เป็นพ่อพระเนี่ยมันก็แค่นิทานหลอกเด็กเอง”
“…ตระกูลดราแคล์มีหลักสูตรสอนตามประวัติศาสตร์จริงสินะขอรับ ฮะๆ”
ชินเองก็รู้ถึงหน้าประวัติศาสตร์ที่แท้จริง ยังไงเสียเขาก็เป็นถึงอัศวินที่เข้าใกล้ตำแหน่งเดียวกับเซบาสเตียนที่สุดคนหนึ่ง
ความจริงของโลกนี้อยู่แค่ระดับข่าวลือโคมลอย
ผมยิ้มให้ชินและถามเขาเพิ่มเติมถึงเรื่องที่สนใจจริงๆ
“แล้วของยูนาละๆ?”
“ท่านวีรสตรียูนา …ของหมดแน่นอนขอรับ”
“โห่ ขายดีขนาดนั้นเลยรึ?”
ชินพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“สำหรับที่นี่ท่านยูนาเปรียบได้ดั่งสุดยอดสัญลักษณ์น่ะครับเกิดไร้ชื่อของเธอเมืองแห่งนี้คงไม่โด่งดังไปทั่วสารทิศถึงเพียงนี้” ชินเอือมหน่อยๆ “เพราะฉะนั้นหนังสือเกี่ยวกับเธอถึงถูกกวาดซื้อไปหมดเลย โดยเฉพาะกับชาวต่างทวีปและนักโบราณคดีครับ”
อารมณ์ประมาณซีรีส์นิยายขายดีติดชาร์จกระมัง
“น่าเสียดายแฮะ”
“ถ้าไม่รังเกียจท่านเรเซอร์ลองไปเดินโซนตลาดชุมนุมดีมั้ยครับ? บางทีมันอาจจะมีของเก่าหลุดขายที่นั่นก็ได้นะขอรับ”
“ตามนั้นเลยละกัน”
“รับทราบขอรับ”
ผมเดินไปทั่วตลาด แม่ค้าส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นกันเอง อีกส่วนก็จะเกร็งหน่อยๆเพราะผมเป็นถึงชนชั้นสูง แต่ถ้าตัดเรื่องเกร็งๆไปบ้างก็ชวนให้นึกถึงตลาดในโลกเก่าชอบกล
..เอาเถอะ
ผมหันไปมองชิน และพบว่าดวงตาของเขาชั่งเศร้าเหลือเกิน เหมือนกับโหยหาในบางอย่างอยู่
ผ่านไปไม่นาน พระอาทิตย์กำลังตกดิน
“…นี่ชิน”
“ขอรับ?”
“นายดูเศร้าๆ รึเปล่ากับสถานที่แห่งนี้น่ะ?”
…..ชินถึงกับเงียบไป เขาไม่สามารถปั้นยิ้มได้
เขาคงงงว่าจู่ๆ ผมจะถามทำไม
ตลอดทางชินดูไม่ร่าเริงพิลึก ไม่สิ คงจะเป็นการวางมาดสำหรับอัศวิน อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ ผมแค่คิดมากไปเอง
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดถามไม่ได้จริงๆ
ชินครุ่นคิดอยู่หลายวิก่อนจะปั้นยิ้ม
“สถานที่แห่งความทรงจำมันก็คงประมาณนี้นั่นแหละครับ”
“สถานที่แห่งความทรงจำ?”
“ท่านเรเซอร์เองก็ไม่ใช่แค่เด็กใสซื่อสินะครับ ท่านรู้เบื้องลึก เบื้องหลังดี”
“ก็ใช่ แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกรู้มากหรอกนะ”
“ในที่แห่งนี้คือที่ที่เพื่อนร่วมงานของผมเสียชีวิตน่ะครับ”
….เดาถูก? ไม่สิ ไม่น่าเกี่ยวกัน ยังไม่ได้บอกเลยว่าได้ฆ่าคนไปรึเปล่า—-
“ผมต้องไปฆ่าคนคนหนึ่งน่ะครับ แล้วผมดันทำพลาดทำให้เพื่อนต้องตายแทนกระผม”
—–ขอโทษครับที่ไปเดาอะไรเสียมารยาทเช่นนั้น!
ผมมองชินอย่างห่วงๆ
“อย่าคิดมากเลยครับ การที่บางสิ่งเปลี่ยนและกลายเป็นเพียงความทรงจำ ถึงมันจะดูเหงาแต่ก็ไม่ได้น่าเศร้าขนาดนั้นหรอกขอรับ”
“…คนคนนั้นสำคัญมากสินะ”
ชินหลุดเล็กน้อย เขาดูอึ้งและเมื่อคิดกับตัวเองเรียบร้อย
“คงจะเช่นนั้นขอรับ”
เขากล่าวออกมา———ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชินเลย
….ทั้งผมและชินต่างเงียบกันทั้งคู่
“กลับกันเถอะ” +ที่พอพูดได้คงมีแค่นี้แหละ
***
ตกดึก———-
“———-น่าเบื่อชิบ”
ผมบ่นออกมาระหว่างที่นอนฟุบหน้าเข้าเตียงนอนนุ่มๆ โดยมีชินยืนหลังตรงไม่มีเบื่อข้างเตียง
ชินยิ้มร่าขึ้นมา
“เช่นนั้นแล้วท่านเรเซอร์สนใจมาเล่นโป๊กเกอร์กับผมไหมครับ?”
“โป๊กเกอร์มันคืออารยธรรมชั่วร้าย ของแบบนั้นเด็กน่ารัก 12 ขวบไม่เล่นกันหรอก ที่เล่นน่ะก็แค่พวกคนแก่!”
—เป๊ง! ชินช็อกทันทีที่ถูกว่าอย่างนั้น
ช่วยไม่ได้นี่นา ก็ไอโป๊กเกอร์น่ะมันเป็นเพียงอารยธรรมชั่วร้ายเท่านั้น …ในโลกใบเก่าเพราะโป๊กเกอร์นี่แหละเลยทำให้เงินที่ผมเก็บมันต้องหายไปกลางวงเหล้าประจำ!!
ในโลกใบนี้ผมจะไม่ทำผิดซ้ำสองเด็ดขาด
“คนแก่ …กระผมเป็นคนแก่นั้นหรือครับ”
เขาหัวเราะแห้งๆ
“ขอโทษด้วยละกัน แต่ไอตระกูลไพ่ๆ โพแดง ดำ อะไรนั่นฉันไม่คิดจะเล่นมันหรอก”
“น่าเสียดายนะครับแบบนี้”
“ทำไมรึ มีอะไรจะโชว์ให้ดูรึไง?”
ชินพยักหน้าให้เบาๆ
“ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยโดยกินเลยน่ะครับ”
“———-กะมาแดกฉันคนนี้สินะ ชิน!!”
เจ้าบ้านี่มันกล้านัก!
“เอ๊ะ อา -ป เปล่านะครับ!”
เมื่อรู้สึกตัวได้ว่าโพ่งอะไรออกมา ชินใช้สองมือปัดข้อต้องหาไม่หยุด
“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย เจ้าอัศวินคิดแทงข้างหลังผู้เป็นนาย—-เงินเป็นของมีค่านะเฟ้ย!”
“-ข ขออภัยด้วยขอรับ ขออภัยด้วยจริงๆ!”
ชินก้มหัวรัวๆ ราวกับเรเซล(ลูกไก่)
ผมที่เห็นชินกระอักกระอ่วนแบบนั้นก็เผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว โดยที่ยังวางมาดโมโหกอดอกไว้อยู่ แน่นอนว่าเป็นการกลั่นแกล้งเท่นั้น
“ฮะๆ ครั้งนี้จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ให้ละกัน”
“-ข ขอบพระคุณมากขอรับ!”
“อย่าก้มหัวบ่อยนักสิมันชวนรู้สึกผิดนะ”
…….
…..
“น่าเบื่อแฮะ พอไม่ได้ทำอะไรเลยเนี่ย”
“..ถ้านั้น..ตรงใต้ตู้เสื้อผ้าของโรงแรม มีเครื่องเล่นเกมจำลองชีวิตอยู่น่ะขอรับ”
“เกมจำลองชีวิต เกมทอยลูกเต๋าสินะ”
…แต่เกมแนวนี้มันเล่นแค่สองคนจะไปสนุกอะไร ….อ่า คิดออกละ
“ชิน”
“ขอรับ?”
“ไปตามเรเซลกับอันนามากันเถอะ”
“……เอ่อ แต่ว่านะขอรับ”
“น่าๆ ระดับนายทำได้อยู่แล้ว สุดยอดอัศวินของผม”
“—รับทราบขอรับ!”
ชินทุบอกตัวเองตอบรับด้วยดวงตาที่เป็นประกาย …เจ้าหมอนี่คงเป็นประเภทที่ถูกยอแล้วจะอารมณ์ดีสินะ ฮะๆ
ไม่นานนัก
“-ส สวัสดีคะท่านเรเซอร์”
“สายัณห์สวัสดิ์คะ”
ทั้งเรเซลและอันนามากันพร้อมหน้าแล้ว
“อ่า ครับ เนื่องในโอกาสอันดีเราจะมาจัดปาร์ตี้เกมจำลองชีวิตกันนะครับ”
“…….”
“….เอ่อ ปาร์ตี้?”
“คืนนี้มาเล่นเกมจำลองชีวิตที่ต้องทอยลูกเต๋ากันเถอะ ไหนๆ ก็ว่างอยู่แล้วนี่?”
ผมกล่าวอย่างเรียบเฉยพลางจัดบอร์ดเกมให้เข้าที่ และชินที่เห็นผมจัดก็เข้ามาออกรับตัวจัดบอร์ดเกมให้แทน
เมื่อเตรียมบอร์ดเกมเรียบร้อยแล้วทุกคนก็นั่งประจำที่กัน
แต่เรเซลกับอันนายังงงๆ อยู่
“เอาเป็นว่าอย่าคิดมากเลยเล่นเอาสนุก ..ฉันคนแรกนะ”
ตึง ตึง ตุ้บ … ได้ 7
——— ‘ตั้งแต่เกิดพ่อแม่ก็ถูกโจรฆ่าตายจนคุณถูกเสือดำรับไปเลี้ยง ทำให้คุณไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นผู้หญิง’
“ “ “…” ” ”
“ฮะๆ”
ควรขำมั้ยนั่น?
“..อืม เรเซลต่อสินะ”
“ค่ะ …อึบ!”
ต่อไปเป็นคราวของเรเซล——– ‘คุณเกิดมาในฐานะเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรยักษ์ใหญ่เพศหญิง’
“โชคดีชะมัด”
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ!”
ขอโทษกันทั้งๆ ที่เป็นแค่เกมเหมือนโดนกวนตีนอย่างไรอย่างนั้นเลย หากเอาไปผนวกกับการเกิดของตัวผมเนี่ย
ต่อไปเป็นชิน ——- ‘คุณเป็นบุตรของอัศวินมากฝีมือ’
“…-ด ดีเลยนะครับแบบนี้!”
“ยินดีด้วยนะคะ”
อันนากล่าวยินดี และเมื่อถึงตาเธอ…
‘คุณคือบุตรของจอมปราชญ์ ที่มีชะตากับเจ้าหญิงเรเซล’
“..อ๊ะ -น นี่มัน …..มีชะตานี่หมายถึงยังไง”
เรเซลมองสิ่งที่เกิดขึ้นและแก้มแดง อันนาเองก็แก้มแดงนิดๆ
“-น น่าจะแค่โชคชะตาเชิงคนข้างกายเท่านั้นค่ะ ไม่มี อะไรในกอไผ่แน่นอนคะ ”
“นั่นสินะคะ นั่นสินะคะ”
“พวกหล่อนไปจีบกันที่อื่นไป”
“ “-ม ไม่ใช่นะค่ะ!” ”
ตาของผม ผมจึงทอยด้วยความตั้งใจอีกครั้ง
‘เวรละ เสือดำที่เลี้ยงคุณมาตลอดถูกนายพรานฆ่าตาย คุณก็เลยกลายเป็นเด็กทารกวัย 7 ขวบ’
“ไอเรเซอร์นี่มันซวยเช็ดจริงๆ”
หลังจากนั้นก็ราวกับสงคราม
‘เรเซอร์พลันตัวไปเป็นโจรและเป็นคู่ปรับกับอัศวินชิน! ในการสู้กันครั้งแรกเรเซอร์แขนขาดจากการปะทะ’
“ไอคนล้มนาย!!”
“ขออภัยขอรับ!!”
‘อันนาได้พบรักกับเรเซลเมื่องานเลี้ยงฉลอง 10 ขวบ’
“…เป็นฉันจะดีหรือคะ?’
“แค่เกมอย่าอินสิคะ!!”
“โว้ยยยยยย เรเซอร์ฉันขาขาดแล้วนะเฟ้ย พวกเอ็งหยุดเลิฟๆกันได้แล้ว เข้าช่วงสงครามจริงจังกันได้แล้ว!”
‘เรเซลและอันนาฝ่าฟันอุปสรรค จากเรเซอร์จอมโจรไปได้ หลังเหตุการณ์นี้เรเซอร์ตาบอดหนึ่งข้าง และเกือบถูกอัศวินชินฆ่า’
‘ชินพบรักกับเด็กสาวน่ารักและแต่งงานกัน—-หลังจากที่จัดการเรเซอร์ได้แล้ว’
“…แค่เกมๆ”
“ขออภัยขอรับ”
‘อันนาขี่ไม้กวาดวิเศษพาเรเซลท่องดวงดาว และสารภาพรักกับเธอ——-ทั้งคู่ได้แต่งงานกันและมีลูก จบ..’
“-ค คุณอันนา!!”
“-ค -ค แค่เกมค่ะ แค่เกมมม!!!”
ยัยพวกนี้น่าหมั่นไส้ชะมัด!!
ชินเช็ดน้ำตาตัวเองเมื่อเห็นว่าเกมจบแล้ว
“เป็นเรื่องราวที่งดงามมากจริงๆ ขอรับ”
“ไอเนื้อเรื่องอะไรต่างๆ มันก็ซึ้งอยู่หรอก แต่ทำไมเรเซอร์อย่างฉันต้องเจอแต่บทรันทดละนั่น!?”
ไม่มีใครตอบผมเลยสักคน …..เฮ้อ
“เอาเถอะ เล่นกันต่อเถอะ”
“-ค ครั้งหน้าเบาๆ หน่อยนะคะคุณอันนา”
“ก็บอกว่าแค่เกมไงคะ!!!”
หลังจากนั้นพวกเราก็เล่นกันยาว โดยมีรูปแบบเดิมๆตลอด อย่างผมคือตัวร้าย เรเซลกับอันนาคือพระเอกนางเอก และชินเป็นตัวละครเทพทรูคอยมาตบตัวร้ายขี้แพ้อย่างผม …..ผ่านไปหลายชั่วโมง รู้ตัวอีกทีทุกคนก็นอนกันหมดแล้ว แม้แต่ชินก็ถูกความอ่อนล้ามากมายถาโถมจนหลับไป
เหลือผมคนเดียวที่นั่งอยู่บนโซฟาดูทุกคนหลับกันบนพื้นที่ถูกปูด้วยขนของหมี ซึ่งพื้นเรียบและนุ่มระดับนอนได้เลยละ
เรเซลกับอันนาแม้แต่ตอนนอนยังเผลอไปกุมมือกันเลย ….ยัยพวกนี้
ส่วนชินตอนนอนก็ยังคงหลังตรง สง่า สมกับเป็นยอดอัศวินจริงๆ
…ให้ตายสิ มานอนก่อนเจ้านายได้ไงกันนะ ไอ้พวกนี้ …
ผมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหลับตามไปเพราะความอ่อนล้า
—————–โดยที่ผมหารู้เลยว่าคนในโรงแรมเขาเอาเรื่องผมไปลือกันว่า ผมเล่นสนุกกับเด็กสาวเมดสองคน ทั้งๆ ที่อายุยังแค่ 12 ปีเท่านั้น เหตุเกิดเพราะเสียงดังของอันนากับเรเซลสองแง่สองง่าม
MANGA DISCUSSION