< < 72 Sec3 > >
[ทวนสายฟ้า] พุ่งอัดร่าง โชคดีที่มันเข้าที่ไหล่อีกข้างทำให้ผมไม่ได้ตายทันทีที่ถูกเจาะร่าง—ร่างผมถูกทวยสายฟ้าพาไปชนกับพื้นและระเบิด
ความเสียหายรอบที่สองนี่แหละที่ทำให้ผมตายได้จริงๆ
สติเลือนหายไป ไม่ได้ยินเสียงของยูนาแล้ว นั่นอาจหมายความว่าวิญญาณของยูนาหลุดจากร่างผมแล้ว ผมหมดสิทธิ์ในฐานะผู้ใช้วิญญาณระดับเทพแล้ว
คิดว่าอย่างนั้น ..ในห้วงสุดท้ายของชีวิต คนเราจะนึกหลายๆเรื่องได้ ตัวผมเองก็เผลอนึกถึงเรื่องสมัยก่อนของตัวเอง เรื่องสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ในฐานะ ‘ยศ’ ไม่ใช่ ‘เรเซอร์’
****
ตั้งแต่จำความได้ผมก็อยู่ในสถานะเด็กไม่มีพ่อมีแม่ ไม่รู้หน้าของบิดาและมารดา เป็นเด็กที่เสมือนไร้ตัวตนบนโลก
เวลานั้นผมเป็นเด็กกำพร้าอยู่ที่สถานสงเคราะห์เด็ก
ในวัยเด็กผมจำอะไรไม่ได้เลย นอกซะจากว่าตัวเองเป็นเด็กไม่มีพ่อและแม่ แล้วก็เป็นเด็กธรรมดาทั่วๆไป ก็ใช้ชีวิตของตัวเองไปเรื่อยๆเหมือนเด็กปกติ จนกระทั่งผมถูกเพื่อนร่วมชั้นตอนประถมพูดขึ้นมาว่า ‘เด็กไม่มีพ่อมีแม่แบบแก คงขาดความอบอุ่นสิท่า!’
ความอบอุ่น? ตอนนั้นก็พอเข้าใจอยู่ เผลอคิดไปว่าถ้ามีพ่อแม่ผมก็น่าจะมีชีวิตที่ดีแล้วก็อบอุ่นด้วย ทว่าพอลองคิดดีๆ ต่อให้มีครอบครัวชีวิตมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะอบอุ่นเสียหน่อย
ผมคิดขึ้นมาได้ว่าไอ้คนที่พูดนี่ไร้เดียงสาจริงๆ จากนั้นก็ต่อยกันเพราะผมพูดไม่ดีใส่ เหมือนจะจี้ใจล่ะมั้ง วันนั้นโดนผู้ปกครองของเด็กคนนั้นเดินมาสวดยับเลย ต่างกับผมที่ไม่มีใครมาช่วยยืนเถียง เพราะเป็นเด็กกำพร้า แล้วก็โดนพูดเหมือนกับคนลูกเลย ‘เพราะแบบนี้ไงพวกเด็กกำพร้ามันเลยไร้คุณภาพ’
ผมพูดสวนกลับไปโดยไม่ทันคิดว่า ‘ขนาดลูกคุณมีครอบครัวแล้ว ยังไร้คุณภาพเลย’ น่ะนะ
นั่นทำให้เรื่องของผมเป็นคดีใหญ่ของโรงเรียน เพราะที่บ้านเด็กคนนั้นเป็นคนใหญ่คนโต ในประเทศไทยด้วย ย้ำว่าเป็นคนใหญ่คนโตในประเทศไทย ทำให้ต่อมาผมโดนไล่ออกจากโรงเรียน และไม่ได้เข้าเรียนอีกเลย
ผมรู้ดีว่าต่อให้มีครอบครัวก็ใช่ว่าจะได้ความอบอุ่น และมีชีวิตที่ดีเหมือนกันทุกคน แต่มันก็อดกลายเป็นปมด้อยในชีวิตหน่อยๆไม่ได้ ก็–ถ้าครอบครัวผมดี ผมก็จะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นไม่ใช่รึไง
แต่ว่าก็ว่าเถอะ พ่อและแม่ที่ทิ้งลูกตัวเองได้ลงคอ ครอบครัวแบบนั้นไม่อยากอยู่หรอก
เมื่อเติบใหญ่จนอายุเท่าเด็กมัธยมต้น ผมก็เริ่มเข้าหาพวกคนไม่ดี พวกหัวโจกประจำโรงเรียน เริ่มรู้จักการใช้ความรุนแรงแบบเกินการละเล่น เพราะไม่ได้เรียนอยู่แล้วด้วยเลยเล่นกับพวกโดดเรียนได้ตลอด เข้าไปเต๊าะสาวๆในโรงเรียนได้ด้วย
ชีวิตช่างมีความสุข อา มีความสุขก็จริง
แต่พอผมขี่รถจักรยานยนต์กับเพื่อนๆ พอหันไปมองเด็กมัธยมต้นที่เดินกันแค่สองคนแล้วเล่นอะไรด้วยกัน
มันดูสนุกมาก สนุกจนน่าอิจฉา-ผมหน้าซีดหันกลับมามองตัวเองที่หัวเราะอยู่บนความทุกข์ของคนอื่น พลางถามตัวเองว่าการหาความสุข ..มันจำเป็นต้องทำแบบที่ผมทำด้วยเหรอ?
ผมโมโหตัวเองที่คิดอย่างนั้นขึ้นมา เลยพุ่งไปอัดไอ้สองคนนั้นที่เดินด้วยกันอย่างหงุดหงิด
ผมพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรไป ผมต่อยทั้งสองคนจนนอนกับพื้น มีคนที่เหยี่ยวแตกด้วย มีคนที่ร้องไห้ขอชีวิตด้วย ..นี่ผมทำอะไรไปนะ?
รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ ไม่ได้กลัวความผิด แต่ผม ..กลัวความรู้สึกที่กำลังเปลี่ยนไปในใจของตัวเอง
นี่เรา ..ขาดความอบอุ่นสินะ?
วันต่อมาก็มีคนอัดคลิปที่ผมต่อยสองคนนั้นได้ และเอาไปโพสต์ประจานลงอินเตอร์เน็ต ต่อมามันเลยกลายเป็นข้าวใหญ่ในหัวข้อ ‘เด็กกำพร้าคลั่ง ต่อยเด็กมัธยมต้นสองคนจมกองเลือด’
ประเด็นของผมมันทวีคูณขึ้นเรื่อยๆจนรู้ตัวอีกทีผมก็ได้ออกรายการ ในฐานะแขกที่น่ารังเกียจ
ผมถูกประนามในทุกๆสื่อ ชีวิตจริงเวลานั้นคนที่จำหน้าผมได้ก็มีเพียบ ผมถูกรังเกียจ โดนพวกนักเลงลากมาต่อยจนหน้าเยิน ทุกคนที่ผ่านมาถ่ายภาพผมลงกระทืบเอาไปลงอินเตอร์เน็ต และกลายเป็นว่ามีแต่คนชื่นชมผู้กระทำ
เข้าใจได้ เพราะคนแบบผมสมควรโดนแบบนี้
เพื่อนที่คิดว่าให้ชีวิตได้ทุกคนเริ่มตีตัวออกห่าง ทำมาเป็นพูดว่าผมทำเกินเหตุ ทั้งๆที่ตัวเองก็ทำแบบผมออกจะบ่อย แค่ไม่มีใครเห็น บอกว่าไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับผมแต่แรก แค่ผมเข้าหาเลยรับเฉยๆ ทั้งๆที่อีกฝ่ายเป็นคนเข้ามาทักก่อน แค่นั้นแล้วจบกัน ปล่อยผมทิ้งไว้ท่ามกลางพายุ
วันคืนผ่านไปอย่างเลวร้าย คนที่ดีกับผมอย่างพี่สาวที่อยู่สถานสงเคราะห์ก็โดนประนามไปด้วยว่าสอนผมยังไง สอนเด็กยังไงให้เป็นแบบนั้น ..ถูกต่อว่าทั้งๆที่เธอก็พยายามเต็มที่
ผมไม่มีใครเลย
ผมมันไร้ความอบอุ่นจริงๆด้วย เพราะว่าเป็นเด็กกำพร้าล่ะมั้ง
ตอนนั้นคิดอย่างนั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง
เขาคนนั้นเดินมาหาผม และยื่นมือมาให้
“ทักษะมวยของเอ็งดีไม่น้อย ถ้าคิดจะเปลี่ยนชีวิตก็ตามมา”
เป็นครั้งแรกที่มีคนต้องการผม
ผมจับมือนั้นโดยไม่ลังเล อย่างน้อยๆผมก็มีที่อยู่ให้
เขาที่ชวนผมเป็นนักมวยชื่อดังแห่งยุคคนหนึ่ง เป็นคนร่าเริงไม่ถือตัว ที่สำคัญก็ขยันซ้อมด้วย มีมิตรสหายดีๆอยู่รอบตัว เป็นที่เอ็นดูจากผู้ใหญ่วงการมวย เป็นที่เคราพจากเด็กๆ
เป็นมนุษย์ผู้มีความอบอุ่นอย่างแท้จริง เขามีทุกอย่างที่ผมไม่มี ไม่อยากเชื่อว่าคนที่สุดยอดขนาดนั้นจะยื่นมือมาให้ผมที่เปรียบเสมือนเดนสังคม
เพราะยื่นมือให้ผมนี่แหละ ต่อมาเขาถึงโดนประนามต่อ โดนสร้างข่าวลือเสียๆหายๆ คนในวงการมวยหลายคนบอกให้ทิ้งผมไป คนที่มีพรสวรรค์กว่าผมมีตั้งเยอะ ไม่เห็นต้องไปใส่ใจเด็กนี่เลย พูดประมาณนี้ ทว่าเขากลับพูดอย่างหนักแน่นว่าต้องเป็นผมเท่านั้น ..เหตุผลคืออะไรผมไม่รู้ ไม่มีใครรู้เลยสักคน
แต่ต่อให้เป็นการกระทำที่ไร้เหตุผล แต่เวลานั้นผมได้รับการเติมเต็ม ความจริงที่ว่าไม่จำเป็นต้องมีครอบครัวก็มีความอบอุ่นได้คือความจริง ความเชื่อของผมมันไม่ใช่เรื่องปลอบใจตัวเอง
ตั้งแต่วันนั้นผมก็ฝึกหนัก พยายามเพื่อทดแทนบุญคุณให้ผู้มีพระคุณ
ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงไป กลุ่มเพื่อนที่ทิ้งไปก็เริ่มกลับมา แน่นอนว่าไม่คิดจะข้องแวะมากไปกว่านี้แล้ว เพราะผมเปลี่ยนไปแล้ว
กับคนที่ค่ายมวยก็เริ่มสนิทกัน ผมกลายเป็นน้องชายที่น่าเอ็นดูของหลายๆคน จากที่ตอนแรกโดนมองเป็นเด็กที่น่าสิ้นหวัง ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
วันหนึ่งตอนที่ผมอายุได้ 18 พึ่งเปิดตัวในฐานะนักมวยได้ไม่นาน เขาที่มอบความอบอุ่นให้ผมก็เดินมาหา และยื่นหนังสือนิยายที่รูปหน้าปกเป็นรูปผู้หญิง ..ที่กางเกงในเกือบจะโผล่ หน้าอกแทบทะลัก เป็นรูปปกที่จงใจโชว์แวบๆวับๆ
ผมแทบไม่สนใจชื่อเรื่องที่ยาวเป็นหางว่าวอย่าง ‘เป็นพระเอกศูนย์กลางโลกจืดๆแล้วทำไม!? ที่เจอแต่ล่ะอย่างมันไม่ได้ง่ายๆนะ!’ สายตาจ้องแต่รูปร่างตัวละครหญิง
ไม่ค่อยได้เห็นของพวกนี้ ผนวกกับโดนสอนเรื่องศีลธรรมมาตลอด ผมเลยเขินอาย ถามกลับว่า ‘หนังสือโป๊เหรอ’ ไม่รู้ทำไม แต่โดนตวาดใส่แล้วเหมือนจะโดนโกรธเป็นครั้งแรกเลย
หลังจากที่ผมเผลอพูดไปว่าเป็นหนังสือโป๊ เขาก็จับผมมานั่งฟังเรื่องราวในตัวเล่น ถึงความดีงามของพระเอก นางเอก เนื้อหาที่สุดจะแจ่ม อ่า ก็ ประมาณว่า-โดนสปอยหมดเปลือกเลย ไม่ใช่แค่เล่มแรกนะ โดนสปอยไปสามเล่นเต็มๆเลย พับผ่าสิ
เมื่อบรรยายความดีงามเสร็จหมด เขาก็ให้ผมยืมไปอ่าน แน่นอนว่าฟังขนาดนี้ไม่รับไว้ก็ยังไง
คืนนั้นผมกลับไปอ่าน ศึกษาข้อมูลนิดหน่อยก็พบว่ามันเป็นนิยายประเภท ‘ไลท์โนเวล’ พอลองอ่านก็—อิหยังฟร้ะ
เป็นเรื่องยังไงไม่รู้ ผมไม่เคยเสพแนวนี้เลย จู่ๆก็โดนลากมาดูแล้วก็-เนอะ พวกมืออาชีพที่อยู่วงการนี้มานาจะพูดประมาณว่า ‘สำหรับมือใหม่เริ่มจากดูอนิเมก่อนดีกว่า’ แล้วก็แนะนำเรื่องที่เนื้อหามันดูเข้าถึงได้กลุ่มคนทุกประเภท แต่เวลานั้นผมไม่รู้อ่ะนะก็เลยอ่านจบไปด้วยความอิหยัง
ตื่นเช้ามารีบไปค่ายมวย ไปบ่นให้ฟังว่าทำไมพระเอกต้องสะดุดล้มใส่ผู้หญิงบ่อยๆด้วย แล้วทำไมเวลาผู้หญิงล้มไปทับพระเอกเองถึงต้อบตบหน้าพระเอกด้วย แล้วทำไมนางเอกชอบพระเอกง่ายจัง แค่ช่วยแมวที่กำลังจะตกต้นไม้เองนะ ง่ายไปเปล่า? แล้วทำไม แล้วทำไม แล้วทำไม อีกเพียบ ผมพูดแบบนั้นใส่จนเขาคนนั้นหลั่งน้ำตา โดนบ่นว่าไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่านก็ได้ พูดว่าเรื่องที่ชอบขนาดนั้น มันน่าเจ็บใจนะ ราวๆนี้ มีทิ้งท้ายไว้ด้วยว่าอ่านเล่มหลังๆจะสนุกมาก ช่วงแรกแค่ปูบทเฉยๆ
นักมวยผู้เก่งกาจประจำยุคสมัยร้องไห้เพราะโดนผมวิจารย์นิยายเรื่องโปรด ..เฉยเลย
ตอนนั้นเลยสนใจหน่อยๆแล้วไปขอเขามาอ่านเพิ่ม แต่ก็โดนไล่ไปดูสิ่งที่เรียกว่าอนิเมก่อน
ผมเริ่มดูอนิเม แล้วก็เริ่สนุกกับนิยายแนวๆนั้น
ไม่เลว แต่นิยายเรื่องโปรดของเขาคนนั้น ว่าตามตรงอย่างห่วย ก็แค่นิยายตลาดที่ดังได้เพราะตัวละครหญิง ไม่เห็นมีดีอะไรเลย
แน่นอนไม่กล้าพูด ไม่นั้นเขาที่แข็งแกร่งคนนั้นจะร้องไห้ เลยอุบเงียบไว้แล้วด่าเรื่องนี้ในใจ
วันคืนผ่านไป รู้สึกตัวอีกทีผมก็เริ่มคุยเรื่องอนิเม ไลท์โนเวล มังงะ กับเขาคนนั้นได้บ่อยขึ้น โดนลากไปงานอีเว้นท์บ่อยๆ โดยเฉพาะพวกงานหนังสือ
ตั้งแต่วันที่ผมตอบรับมือของเขา ทุกวันของผมก็ ..ไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเองเลย ว่าตัวเองเป็นคนขาดความอบอุ่นหรือเปล่า
และวันหนึ่งศึกชิงแชมป์โลกสถาบัน WBC รุ่น มิดเดิ้ลเวท ของเขาคนนั้นก็มาถึง
ก่อนจะไปเขาบอกว่าจะซื้อของที่ละลึกมาฝาก และนั่งเครื่องบินไป
วันเดียวกันนั้นก็เกิดข่าวใหญ่ดังทั่วประเทศ ..เขาคนนั้นที่มอบความอบอุ่นให้ผมเสียชีวิต เพราะเครื่องบินตก
…คนเราตายได้ง่ายๆ คนที่อยู่วงการมวยรู้กันดี เพราะแค่ออกอาวุธให้ถูกจุดก็มากพอจะฆ่าคน
เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ก็จริง แต่มันก็ช่วยไม่ได้เหมือนกันที่ผมจะเสียใจ และสูญเสียเป้าหมายไป ..จนกระทั่งเจ้าของค่ายมวยเดินมาหาผม จับไหล่ผมและขอให้ผมทำความฝันของเขาคนนั้นให้เป็นจริงต่อแทนที
นี่แหละเป้าหมายในการมีชีวิตของผม ทำเพื่อเขาคนนั้นที่มอบทุกอย่างให้ผม
ตั้งแต่วันนั้นวันๆผมก็ซ้อมแต่มวย นั่งเรียนศึกษามวยแต่ล่ะค่ายแต่ละแขนงอย่างละเอียดเพื่อปรับใช้กับตัวเอง ไม่ปล่อยให้ชีวิตตัวเองว่าง ฝึกฝนตลอดเวลา จนไม่ได้อ่านนิยาย ดูหนัง ซีรีย์ อนิเม ที่เขาคนนั้นแนะนำให้ทั้งหมด
ผมลืมเลือนทุกอีเว้นท์ จากที่แต่ก่อนจะจำวันแล้วรอคอยวันงานอย่างกับเด็ก ..ชีวิตเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามวัย
ผมกลายเป็นที่รู้จักในฐานะนักมวย แต่ก็ได้แค่นั้น ไปไกลกว่านี้ไม่ได้ ไม่นานก็แพ้อย่างยับเยิน และแพ้แล้วแพ้อีก ทั้งๆที่พยายามมากกว่าทุกคน
ถูกความสิ้นหวังกลืนกิน เริ่มหน้ามืด พยายามอย่างหน้ามืด และอยากยอมแพ้
เป้าหมายเดียวในชีวิตของผมกำลังจะหลุดมือไป ผมต้องคว้าไว้ให้ได้ แต่ก็ไม่ไหว ..คืนนั้นผมคิดจะยอมแพ้ทุกอย่าง ไม่สิ ต้องบอกว่าตัดสินใจยอมแพ้แล้วต่างหาก เพราะผมเดินไปบอกว่าจะเลิกชกมวยตลอดชีวิต
ความผิดหวังมันมากระดับนั้นเลยล่ะ
เพราะยอมแพ้แล้วมุมมองหลายอย่างเลยกว้างขึ้น พอไม่ได้ซ้อมมวย พอไม่มีอะไรทำ ก็เริ่มกลับมาหาสิ่งที่เคยทิ้งไป
นิยายเรื่องโปรดแสนห่วยของเขาคนนั้นมีเพิ่มมาอีกหกเล่ม ตั้งสามปี แต่ออกมาแค่หกเล่ม เป็นนิยายขายดีจริงๆหรือเนี่ย ตั้งคำถามเช่นนั้นขึ้นมาก็หัวเราะกับตัวเอง
ผมซื้อเล่มต่อ แต่เริ่มอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น
มีแต่ตัวละครหญิงนิสัยไม่ดี ทำตัวน่ารำคาญ มีแต่พระเอกห่วยๆจืดๆ มีแต่พระรองตัวประกอบกระสอบทราย มีแต่ตัวร้ายกระจอกจอมอวดดี
ในเรื่องไม่มีอะไรดีเลยหรือไงนะ?
ผมคิดเช่นนั้น อยากจะพูดด่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟัง ซึ่งผมอยากพูดด่าให้เขาคนนั้นฟัง อยากเอาให้ใจสลายเลย อยากย้อนกลับไปทำอย่างนั้นน
..ผมอ่านจนถึงช่วงที่เลิกอ่านไป ตอนนั้นลังเลว่าจะอ่านต่อดีมั้ย สุดท้ายก็เลือกอ่านต่อ
ตอนนั้นผมก็ได้ ‘นางอวย’ ..นางฟ้าชัดๆ วินาที่แรกที่เธอโผล่ผมก็ถูกขโมยหัวใจไป
ลำดับแรก เธอไม่ซึน
ลำดับที่สอง เธอไม่ด่าโดยไม่มีเหตุผล
ลำดับที่สาม เธอปฎิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม
ลำดับที่ห้า เธอมีผมสีดำ
ลำดับที่หก เธอเป็นคนขยัน
ลำดับที่เจ็ด เธอตาสีแดง
ผมสามารถพูดได้เป็นร้อยๆข้อเลย ข้อดีของเธอที่ชื่อ ‘เบลลามี’
นิยายเรื่องนี้เริ่มสนุกขึ้น ตัวละครหลายตัวได้เห็นมุมมองใหม่ๆตั้งแต่ที่เบลลามีโผล่มา จากนางเอกตอนแรกที่เหม็นขี้หน้า ตอนนี้ผมเริ่มสงสารแทน จากพระเอกที่ผมหมันไส้ ตอนนี้ผมชื่นชมแทน จากหลายๆตัวละครที่ผมไม่ชอบ เริ่มจะเปลี่ยนไป
ผมตกหลุมรักนิยายเรื่องนี้เหมือนกับที่เขาคนนั้นตกหลุมรักนิยายเรื่องนี้ ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของเขา ..อยากจะบอกความสนุกในตอนนี้ให้เขาคนนั้นฟัง แต่ไม่ทันแล้ว
ระหว่างที่อ่านผมก็ได้พบคำพูดที่ทำให้ผมมีแรงฮึดกับชีวิตอีกครั้ง ..เพียงประโยคพูดง่ายๆ ประโยคพูดที่เบลลามีพูด เป็นเพียงประโยคห่วยๆที่คนพูดไม่เก่งอย่างเธอจะพุดได้ แค่นั้นแท้ๆ แต่ผม–ก็เปลี่ยนไป
..จะพยายามอีกสักตั้ง
ผมได้รับความกล้าจากนิยายเรื่องนี้ ถูกนิยายเรื่องนี้ผลักดันโดยไม่รู้ตัว จนความฝันกลายเป็นจริง รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเหล่าตัวละครในบทนิยายและตัวผู้เขียนจากใจจริง
แม้ว่าสุดท้ายตัวละครที่ผมอวยจะตาย แต่ ..จุดจบของเรื่องราวนั้นช่างสวยงาม จนผมไม่กล้าปริปากด่า
ชีวิตได้ถูกเติมเต็มแล้ว ต่อให้ตายก็ไม่เป็นไรแล้ว—พอคิดอย่างนั้นก็โดนรถชน ส่งมาที่ต่างโลกที่เป็นโลกเดียวกับนิยายที่เคยอ่านไป
ชีวิตของผมเหมือนวัฐจักรตอบแทนบุญคุณ ผมตอบแทนบุญคุณให้เขาคนนัั้นเสร็จ ก็คิดริเริ่มจะทดแทนบุญคุณให้เหล่าตัวละครที่มอบความกล้าให้ผม
ผมกำเนิดใหม่ในฐานะ ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างบนโลกนี้ และ..กำลังจะตาย โดยที่ไม่สามารถทดแทนบุญคุณได้ตามเป้าหมาย
****
สติเฮือกสุดท้ายถูกส่งมาที่โลกปัจจุบัน ผมแหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างสิ้นหวัง ..เพราะกำลังจะตาย อีกไม่นานก็น่าจะตายแล้ว
…
แต่เวลานั้นก็ไม่มาถึง กลับกัน ร่างกายที่แหลกเริ่มกลับมาดีขึ้นหน่อยนึง ทำให้ผมหายใจได้ และอาจพูดได้ สติก็เริ่มกลับมาทำให้เห็นทิวทัศน์ที่กว้างกว่าเดิม
นางอวยในฝันกำลังช่วยชีวิตผมอยู่ เธอให้ผมนอนหนุกตัวและใช้มือสัมผัสที่ร่างกายผม คงจะใช้เวทมนตร์รักษา
เธอรักษาผมสุดตัว แผดเสียงร้องดังลั่นต่างกับบุคลิก เหมือนกับใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา
“[ฮิลลิ่ง] ..! [ฮิลลิ่ง] ..! [ฮิลลิ่ง!!]”
เบลลามีพยายามสุดตัวเพื่อยั้งชีวิตผมไว้ เธอร้องไห้ใจแทบจะขาด ทำเอานึกถึงตอนที่ผมสูญเสียเขาคนนั้นไป ..ร้องไห้แบบนั้นอย่างกับเสียคนสำคัญไป
ใช่ เบลลามีกำลังเสียคนสำคัญไปเหมือนกับผม เธอเลยร้องไห้เหมือนกับผม
ผมเป็นอะไรสำหรับเบลลามีกัน นอกจากคนที่สนใจในฐานะเพศตรงข้ามแล้ว มีนอกเหนือจากนั้นรึเปล่านะ?
ร้องไห้ใหญ่เลย สภาพดูไม่ได้เลยสักนิด ..ผมน่าจะตายๆไปซะก็ดี ให้เห็นภาพตรงหน้าแบบนี้น่ะ-ขอตัวไปยังจะดีกว่า ตายไปเหมือนเขาคนนั้นเลยคงดีต่อตัวผมมากกว่า
เจ็บ ..ใจ..ทำไมไม่หนีไป ปล่อยให้ผมตายไปดีๆเถอะ ผมไม่อยากเห็นหน้าของเธอเลยสักนิด อันนี้พูดจากใจจริง ไม่อยากเห็นหน้าของเบลลามีเวลานี้เลยสักนิด
ผมโกรธตัวเองที่ทำให้เบลลามีร้องไห้ ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะปกป้องผู้มีพระคุณ แต่ก็คว้าน้ำเหลวตามเคย
“..ทำไมไม่หนีไป”
“อย่ามาสั่งกันนะ”
..เอ๊ะ?
หายากที่เบลลามีจะพูดอย่างนี้ ทำเอาอยากหัวเราะเลย
“คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! เป็นแค่เพื่อนก็อยู่ในฐานะเพื่อน อย่ามาบงการชีวิตเรานะ!”
โดนด่าซะแล้ว
“ชีวิตของเรา เราจะทำอะไรก็เรื่องของเรา อย่ามาจุ้น อย่ามายุ่งให้เกินความจำเป็น! เป็นแค่ไอ้คนนิสัยเสียที่ยุ่งเรื่องชาวบ้านไปทั่วแท้ๆ! อย่ามาตายเอาดื้อๆนะ!”
เธอพูดบ่นผม แต่ใบหน้าไม่มีความโกรธเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความเศร้าใจ
“ชอบแบกทุกอย่างไว้หลังตัวเองตลอด ทำตัวจุ้นจ้าน เอาตัวเองไปพัวพันกับเรื่องคนอื่นจนโดนทุกคนเกลียด ทำทั้งหมดโดยไม่บอกใคร ช่วยเหลือทุกคนด้วยตัวคนเดียว และซวยอยู่คนเดียว ..แค่ฟังก็รู้แล้ว ที่โง่น่ะมันแกต่างหาก โง่ที่สุดเลย!” เบลลามีพูดทั้งน้ำตา “แต่ก็ต้องขอบคุณ เพราะแบบนั้นเราเลยได้รู้จักเคียวยะและโซเฟียด้วย ทำให้เรามีเพื่อนที่สนิท ..แต่โง่ก็คือโง่!!”
การพูดของเบลลามีมันฝืนสุดๆจนผมอยากจะหัวเราะ
“จู่ๆก็เริ่มตีสนิทกับเรา เริ่มพาไปไหนด้วย เข้าหากันตลอด พารู้จักเพื่อนๆ ..ทำเป็นมาพูดเท่ๆให้เราฟัง ทำตัวอย่างกับบรรลุธรรมทุกประการ ..ทำให้เราได้รับการเติมเต็ม แล้วจูงมือเราไปให้สนุกกับชีวิต ทำให้เราตกหลุมรัก”
ดีใจหน่อยๆที่เบลลามีบอกว่าตกหลุมรักผม
“รู้ตัวอีกที ..เวลาถูกทักว่าชอบเรเซอร์เหรอ..เราก็..เขิน..อับอายขายขี้หน้า..กังวล รู้สึกแปลกๆในอก หึงในบางครั้ง อิจฉาคนอื่นบ้างเป็นระยะๆ เพราะเรเซอร์เข้าหาคนไปทั่ว เป็นหมาที่ไม่มีเจ้าของ” เบลลามีก้มหน้าลง “จู่ๆก็มาบอกว่ามีว่าที่ภรรยาแล้วสองคน แค่นั้นไม่พอ ยังปลอมตัวเป็นคนที่โซเฟียชอบตลอดอีก ..นั่นน่ะ แย่มากเลยนะ เลวที่สุดเลย เรากะจะบ่นให้หูชา อยากลากไปขอโทษโซเฟีย แต่ใจจริงเราตอนนั้นก็รู้สึกไม่ต่างกับโซเฟีย ..เพราะอย่างนั้น..ขอโทษเราด้วยสิ รู้สึกผิดด้วยสิที่ทำให้เราเป็นแบบนี้”
เบลลามีรักษาผมต่อ พลางพูดบ่นผมไปด้วย..
“พอคิดว่าได้โอกาสคุยดีๆแล้ว เราอยากเคลียร์ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องความรักของเราและเรื่องที่ชอบแบกทุกอย่างไว้เอง อยากคุยให้จบๆ ..ก็ดันเกิดเรื่องขึ้น แล้วพูดด่าเราสารพัด ทำเหมือนว่าเราผิด—–แย่ที่สุดเลย!!”
“..ขอโทษ”
“เราไม่ให้อภัย..เรารับคำขอโทษแค่การกระทำ”
“ขอโทษด้วยที่ขอโทษด้วยการกระทำให้ไม่ได้ ..รักษาไม่ไหวหรอก”
“เรเซอร์นี่ ..ไม่ได้รู้จักเราเลยนะ”
แสงสีขาวพวยพุ่งมาจากฝ่ามือของเบลลามี
นั่นคือ ..พลังของจอมมาร ไม่ใช่สีดำ แต่เป็นสีขาวที่เสมือนอยู่คนล่ะมิติกับโลกใบนี้
เบลลามีใช้พลังของจอมมารได้เหรอ? ไม่มีทาง ดูแค่หน้าเบลลามีก็รู้แล้ว สถานการณ์น่าจะคล้ายกันกับจู่ๆพลังก็ตื่นมากกว่า
พลังของจอมารตื่นเล็กน้อยช่วงสิ้นหวัง พบเห็นได้บ่อยๆในฐานะตัวเอก แต่ในฐานะลาสบอสแล้วนี่ไม่ไหวแฮะ สอบตก
แสงสีขาวปกคลุมร่างของผม .. ‘การสะบั้บกฎแห่งโลก’ ได้เริ่มขึ้นแล้ว
จอมมารคือตัวตนผู้แหกกฎ คือตัวตนที่เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูของโลก ครอบครองพลังที่มีไว้เพื่อทำลายกฎทุกประการของโลก และสังหารทวยเทพโดยเฉพาะ
ตรงคอของเบลลามีมีสร้อยคอรูปกุญแจอยู่ ไม่รู้ว่าเอามาใส่ตอนไหน สิ่งนั้นเป็นสื่อสำคัญในการใช้พลังของจอมมาร ซึ่งเบลลามีตอนที่รักษาผม อาจจะบังเอิญสวมใส่พอดีด้วย ทำให้พลังของจอมมารได้ตื่นขึ้น
ร่างกายของผมกลับมาสมบูรณ์ กลับมาแข็งแรงร้อยทั้งร้อย ด้วยการสะบั้นกฎความตาย
น่าเศร้าที่พลังสุดจะขี้โกงนี้ใช้ได้แค่กับการช่วยเหลือผู้อื่น ไม่สามารถใช้ฆ่าคนได้ ใช้ฆ่าได้ก็กับแค่ทวยเทพที่เป็นกฎของโลกโดยตรง …
เบลลามีเงยหน้ามายิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ดูอวดดี เหมือนจะบอกว่า ‘เป็นไงล่ะ’ เธอยิ้มอย่างกับเด็กน้อย
“ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเราเลยแท้ๆ อย่ามาพูดจาอวดรู้นะ”
น้ำเสียงของเธอไม่ได้ตำหนิติเตียนอะไรผมเลย เธอรู้สึกดีใจที่ช่วยผมได้มากกว่า แล้วก็สะใจหน่อยๆล่ะมั้ง? เล่นหักหน้าผมซะขนาดนี้
“ไร้ประโยชน์เหรอ? ช่วยไม่ได้เหรอ? ลองพูดอีกครั้งดูสิ เราหวังว่าจะไม่กระดากปากตัวเองนะ”
ถ้าพูดทั้งๆที่เบลลามีช่วยรักษาร่างกายของผมให้ นั่นน่ะกระดากปากแน่ๆ ผมหน้าแตกโดยสมบูรณ์เลย
“เห็นรึยัง”
“..เห็นแล้ว”
“ในเมื่อเราพิสูจน์แล้วก็สัญญาสิ”
“ว่าอะไรเหรอ”
รู้อยู่แล้วว่าสัญญาเรื่องอะไร แล้วจะถามไปทำไมกันนะตัวผม
“จากนี้ก็ช่วยพึ่งพอเราด้วย พึ่งพาทุกคน ..นะ”
พอฟังเบลลามีพูด พอนึกย้อนกลับไป ทำให้…ผมลืมไปแล้วล่ะมั้ง
วันที่เกิด ผมก็ต้องทุกคนที่รับผมไปเลี้ยงดู
วันที่ผมถูกรังเกียจ ผมก็ต้องพึ่งพาเขาคนนั้น
วันที่สูญเสียเขาคนนั้นที่สำคัญไป ผมก็ต้องพึ่งพาทุกคนที่อยู่ข้างๆ
วันที่สูญเสียความฝัน ผมก็ต้องพึ่งพาเหล่าตัวละครในนิยาย
แม้แต่วันที่มาต่างโลก ผมก็ยังพึ่งพาเหล่าคนสำคัญของตัวเอง
ชีวิตผมตลอดมาจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นแท้ๆ พื่งพาคนอื่นมาตลอดชีวิต ทั้งอย่างนั้นจะมาดื้อพยายามอยู่คนเดียวทำไมกันเล่า ทั้งๆที่ทุกคนที่ผมพึ่งพา ก้พึ่งพาผมเหมือนกัน
ทำไมต้องให้คนอื่นพึ่งพาฝ่ายเดียว ทำไมไม่พึ่งพาคนอื่นบ้าง
ตัวเองไม่ได้เก่งรอบด้านเหมือนเอเธอร์สักหน่อย ไม่ได้มีแรงเหลือเฝือเหมือนมหามังกร ไม่ได้เกิดมามีพลังที่อยู่จุดสูงสุดแบบจอมมาร เกิดมาเป็นแค่เด็กธรรมดาที่มีพรสวรรค์ มีแค่นั้นเองแท้ๆแตกก็รั้นกับเรื่องไร้สาระ ..อวดดีเกินไปแล้ว เป็นตัวร้ายที่อวดดีไม่ได้เปลี่ยนไปเลยผมน่ะ
แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
“ช่วยฉันด้วย”
ผมจะขอร้องความช่วยเหลือจากพวกเขา และกลับกัน ผมจะให้พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือจากผม
จะไม่เป็นเหมือนพระเอก แต่จะเป็น ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ ที่ตัวผมต้องการจะเป็น
เบลลามียิ้มอย่างมีความสุข
“อือ..จะช่วยเอง ..สัญญาเลย”
ผมได้ถูกเบลลามีช่วยไว้อีกแล้วเป็นครั้งที่สอง ถ้านั้นทางผมจะตอบแทนโดยการ—-สู้กับเอเธอร์อีกครั้งให้ชนะ
MANGA DISCUSSION