เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 88: สัญญาสิ (2)
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 88: สัญญาสิ (2)
< < 72 Sec2 > >
นิยายไลท์โนเวลแห่งยุคสมัย ‘เป็นพระเอกศูนย์กลางโลกจืดๆแล้วทำไม!? ที่เจอแต่ล่ะอย่างมันไม่ได้ง่ายๆนะ!’ ด้วยความที่เป็นไลท์โนเวลเลยได้รับอิทธิพลชื่อยาวมาด้วย ไม่ว่าจะการเอาประโยคพูดเด็ด หรือ What-if ของเรื่อง หรืออย่างแย่ก็สปอยเนื้อหาในตัวเล่มมาตั้งเป็นชื่อ ทั้งหมดคือหนึ่งในเอกลักษณ์ของไลท์โนวเลที่ชวนตลกเล็กน้อย
ตัวผมในโลกก่อนก็ติดไลท์โนเวลเรื่องนี้เข้าไส้ เรียกได้ว่าเป็นแฟนพันธ์แท้เลยล่ะ ถ้าไปประกวดแฟนพันธ์แท้ผมคงชนะคนอื่นขาดลอย ความรักต่อไลท์โนเวลเรื่องนี้ของผมมันสูงขนาดนั้นเชียว
เพราะฉะนั้นตัวผมที่เข้ามาโลกนี้ย่อมรู้เนื้อหาดี และไม่อาจลืมเลืองตัวละครตรงหน้าได้
แหงล่ะ ก็ตรงหน้าผมมีตัวละครสำคัญที่สุดตัวหนึ่งของโลก ชายที่ถูกเรียกขานว่า ‘แข็งแกร่งที่สุด’ .. ‘เอเธอร์’ อยู่ตรงหน้าผมแล้ว
ผมคิดว่าสักวันต้องได้เจอกัน แต่ตอนนี้เนี่ยนะ? เร็วเกินไปไม่พอ ยังต่างจากเนื้อหานิยาย เหมือนกับตอนงานเทศกาลโลหิตมังกร
ความรู้ทั้งหมดที่มีเมื่ออยู่ต่อหน้าสถานการณ์อย่างนี้ก็เป็นได้เพียงความรู้ไร้ประโยชน์
เอเธอร์เข้ามาขัดจังหวะคุยเรื่องจริงจังของผมกับเบลลามี เป็นคนไร้มารยาทดีๆเลย
ถึงกระนั้นก็ดูจะไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองมาทักผิดจังหวะ ทำเหมือนตัวเองไม่ได้ผิด ..เป็นแบบนี้ตั้งแต่ตัวนิยายต้นฉบับแล้ว นิสัยพิลึกของเอเธอร์น่ะ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“..ครับ”
ผมตอบกลับเบาหวิว เบลลามีพยักหน้าให้ เอเธอร์เห็นก็ดูโล่งอก
“มีเรื่องอยากสอบถามพวกคุณหน่อยน่ะครับ”
“ถ้ารู้นะครับ”
“..คุณคนทางขวาใช่คนที่ปราบมังกรเพลิงหรือเปล่าครับ”
คุณคนทางขวาก็หมายถึงผมนั่นแหละ
ผมส่ายหัวให้โดยทันที
“ไม่ใช่หรอก พวกเราก็แค่นักเรียนจากวิทยาลัยเวทมนตร์ธรรมดา ไม่มีพลังพอจะไปชนะมหามังกรเพลิงหรอกครับ”
“เช่นนั้นแล้ว ..ทำไมถึงทราบล่ะครับว่าเป็นมหามังกร”
เอเธอร์พูดอย่างเรียบเฉย น้ำเสียงเย็นยะเยือกจนผมรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา
..เอ๊ะ
พลาดแบบโง่ๆเลย เรื่องแค่นี้ผมควรรู้ แต่ผมลืมสนิทเลย เพราะอยู่ต่อหน้าเอเธอร์ด้วยผมเลยทำตัวไม่ถูกจนพลาดพลั้งไป
แบบนี้เอเธอร์ก็จับได้แล้ว ถึงจะแถได้ว่าไม่ได้เป็นคนจัดการ แต่เบาะแสที่ว่าผมรู้ว่าเป็นมหามังกรก็มากพอทำให้รู้สึกสงสัยผม
ต่อให้ผมไม่ใช่คนโค่นมหามังกร แต่ผมก็เป็นคนน่าสงสัยอยู่ดี
ในกรณีที่เลวร้าย ผมอาจจะต้องสู้กับเอเธอร์ก็ได้
ผมถึงกับหน้าซีดเผือก ตัวสั่นด้วยความกลัว
จะขอภาวนาไม่ให้เป็นอย่างนั้น
“..เข้าใจผิดแล้ว”
“โกหกครับ เรื่องที่จะถามก็จบกันแค่นี้”
พูดจบเอเธอร์ก็ชี้นิ้วมาทางผมโดยที่อีกมือกุมข้อมือตัวเองไว้อยู่
..เอเธอร์..บ้าเอ้ย
ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน กัดฟันกรามแน่น ปล่อยให้เหงื่อไหล่จากศรีษะลงปลายคาง ..ผมตั้งท่าร่ายเวทมนตร์เข้าหาเอเธอร์
เอเธอร์เห็นก็ยิ้มอย่างนึกสนุก
เบลลามีมองซ้ายขวาไปมาอย่างไม่เข้าใจ
“เรเซอร์ ..”
“หนีไปเบลลามี”
“หนี ..ทำไมล่ะ”
เธอไม่เข้าใจว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังจะ–ต้องเผชิญหน้ากับเอเธอร์โดยไม่อาจเลี่ยง
ทันทีที่เบลลามีพูดจบปลายมือของเอเธอร์ก็ปรากฏแสงสีขาวมันพุ่งออกมาด้วยความเร็วที่ผมมองไม่ทัน แต่เพราะเอเธอร์ตั้งท่า-เพราะเอเธอร์จงใจให้ผมรู้ ผมถึงรับมือไว้ได้ทัน
ปลายมือของผมปรกาฏ [เวทมนตร์ความมืด] ขึ้นมา แสงสีขาวถูกความมืดกลืนกินไว้ได้ทันท่วงที
ผมกล้าพูดเลยว่าตัวผมในร่างที่ไม่ได้ใช้ ตัดมิติ-ถลายขีดจำกัด ผมไม่สามารถรับการโจมตีด้วยเวทย์แห่งแสงได้แน่ๆ เพราะมันคือเวทย์ที่เร็วยิ่งกว่าการลงดาบของนักดาบ
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่และส่งสายตาคุกคามใส่เอเธอร์อย่างไม่ปิดบัง
“ไม่เลวเลยนะครับ ใช้เวทมนตร์ความมืดได้แบบนี้เนี่ย”
เวทมนตร์ประเภทความมืดและแสง เป็นเวทมนตร์ที่ใช้ได้ยากที่สุด และหาที่เรียนยากด้วย การที่ผมใช้ได้เป็นการยืนยันแล้วว่าผมมีฝีมือในฐานะจอมเวทย์
“เป้าหมายคืออะไร” ผมถาม
“ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหามังกรเพลิงในคราวนี้จำเป็นต้องถูกประหาร”
“ประหาร? บ้าชัดๆ ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นลูกของใครน่ะ”
ดูอวดเบ่งหน่อยๆแต่มันควรเป็นอย่างนั้น ผมเป็นลูกของขุนนางสูงสุดในอาณาจักรฟัฟนิร์ การตัดสินใจปิดปากผมไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เพราะสถานนะค้ำคออยู่
ทว่าเอเธอร์กลับไม่ใส่ใจใยดี
“นั่นสินะครับ ทำไมกันนะครับ”
..ต่อให้อ้างเรื่องตระกูลตอนนี้ก็คงไม่รอด อ่า พอมาคิดดีๆแล้วเนี่ย ผมเป็นตัวที่ครอบครัวอยากกำจัด บางทีพ่อของผม ไอ้บ้านั่นอาจจะยินยอมให้ปิดปากผมก็ได้
ตัวตนของผมไม่ได้สำคัญต่ออาณาจักรนี้เลยสักนิด ถ้าเป็นแองเจลิน่าก็ว่าไปอย่าง แต่ผมอยู่ในสถานะเด็กเปรตตัวเสื่อมเสียของตระกูล
รู้งี้น่าจะเพิ่มค่าชื่อเสียงตัวเองสักหน่อย
“เข้าใจแล้ว แต่ขออย่างหนึ่งสิ”
“ถ้าทำได้นะครับ”
ผมพยักหน้าให้
“ช่วยปล่อยเธอคนนี้ไปได้รึเปล่า”
หมายถึงเบลลามี ..เบลลามีมองมาทางผมอย่างสับสน
เอเธอร์กุมคางมองไปทางเบลลามี
“ไม่ได้หรอกครับ เธอคนนั้นก็ได้ยินที่คุยกันไปแล้วนี่ครับ เรื่องมหามังกรน่ะ” เอเธอร์ยิ้ม “คำสั่งของราชาถือเป็นที่สุดครับ”
คงจะอย่างนั้น
ราชาที่ว่าคงหมายถึงพ่อของหนิง ราชาอัลเบโด้ ไอ้สถุลที่ผมอยากจะต่อยหน้ามันจังๆสักที
ผมหันไปหาเบลลามี
“ไม่มีเวลาอธิบายอะไรมาก ตอนนี้ฉันและเบลลามีกำลังจะถูกฆ่า” ผมพูด “เพราะฉะนั้นช่วยหนีไปที ไปให้ไกลเลย ออกจากเมืองนี้ ไปชนบทหรือที่ไหนก็ได้ที่เกินมือคนจากอาณาจักรฟัฟนิร์ ..ถ้าฉันรอดฉันจะกลับไปหา”
แน่นอนเบลลามีไม่มีทางหนีได้ไกลอยู่แล้ว คนเราไม่ได้สู้กันยาวเป็นสิบๆวัน ยิ่งกับผมที่ยังเป็นมนุษย์ด้วยย่อมมีปัจจัยหลายอย่างในร่างกาย
“เข้าใจแล้วก็หนีไปเถอะนะ”
“ไม่เอา ..เราทำใจทิ้งเรเซอร์ไม่ได้”
เบลลามีพึมพำเสียงสั่น ทางผมเองก็เจ็บปวดที่จะพูดเหมือนกัน
“มีทางเลือกไม่มากหรอก ขอโทษด้วย”
“เดี่ยวสิ!”
เบลลามีคว้าปลายเสื้อผมไว้ เธอตะโกนร้องสุดเสียง
“ฟังก่อน! ช่วยบอกเราที เราจะช่วยเรเซอร์เอง จะไม่ปล่อยให้เรเซอร์พยายามคนเดีย..”
“อย่างเธอจะช่วยอะไรได้”
..เอ๊ะ
เบลลามีนึกในใจ เธอแหงนหน้ามองอย่างตะลึง
ไม่มีใครคิดว่าผมจะพูดแบบนั้น แม้แต่ผมตัวคนพูดเองก็คิดอย่างนั้น
ไม่อยากจะพูดเลยสักนิด
“เธอมีอะไรบ้างล่ะ พลังเหรอ สติปัญญาเหรอ มีทั้งแล้วยังไงต่อ ทั้งหมดที่มีมันพอจะช่วยฉันได้รึเปล่า ..คนอ่อนแออย่างเธอน่ะช่วยใครไม่ได้หรอก พลังที่เธอมีมันไร้ประโยชน์” ผมพูดต่อ “วิจัยมานาย้อนกลับเหรอ? อะไรล่ะนั่น ทำไปแล้วมันได้อะไร ข้อผิดพลาดก็เห็นตั้งแต่อดีตดีแล้วนี่ว่ายังไงก็รักษาไม่ได้ ทั้งอย่างนั้นก็ยังพยายามอย่างเปล่าประโยชน์ต่อไป”
ผมหัวเราะขึ้นจมูก
“ที่ทำทั้งหมดมันแค่สนองนีทตัวเองไม่ใช่หรือไง ไม่เห็นจะสร้างประโยชน์ให้กับโลกได้อย่างที่ชอบพูดเลย ส่วนร่วมบ้าอะไร ก็แค่เล่นอะไรเด็กๆไร้สาระไม่ใช่รึไง ..ความพยายามทั้งหมดของเธอมันไร้ค่า ความปารถนา ความฝันเองก็ด้วย สิ่งเหล่านั้นช่วยใครไม่ได้หรอก—นอกจากตัวเธอเองน่ะนะ”
ผมสลัดแขนของเบลลามีออก และเดินเข้าหาเอเธอร์
เบลลามีพยายามจะคว้าแขนผม แน่นอน ผมต้องพูดดักไว้ก่อน-
“ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าเธอแล้ว ไสหัวไปซะ”
เบลลามี..ผมไม่รู้ว่าเธอทำสีหน้ายังไงต่อจากที่ผมพูด แต่ที่ผมได้ยินคือเสียงวิ่งจากรองเท้าของเธอ
ได้ยินแค่นี้ก็โล่งอกแล้วล่ะ ..
คิดซะว่าเป็นน้ำหนักที่ผมต้องแบกรับล่ะกัน เพื่อช่วยชีวิตเบลลามี
ผมเผชิญหน้ากับเอเธอร์สองต่อสอง
“มีวิธีที่ฉันจะรอดอย่างอื่นอีกมั้ย”
“นั่นสินะครับ เอาเป็นชนะผมได้จะเก็บไปคิดดูนะครับ”
ผมแสยะยิ้ม–ปาเวทย์เพลิงเข้าใส่
ทว่า
ก้อนเพลิงที่มหาศาลกลับลอยไปคนละทิศกับที่ผมเล็งไว้ ..บ้าจริง
ความเจ็บปวดทั่วร่างกายแวบเข้ามา โดยเฉพาะบริเวณแขนที่ผมใช้ร่ายเวทย์
“วงจรเวทย์มีปัญหาสินะครับ”
อย่างที่เอเธอร์ว่า วงจรเวทย์ของผมมีปัญหา การเล็งการควบคุมก็แย่ไปด้วย จำเป็นต้องพักอย่างน้อยสามวัน
ไม่ใช่แค่ต้องสู้กับเอเธอร์ที่เก่งที่สุด ผมยังต้องสู้ในสภาพที่ตัวเองอ่อนแอที่สุด
เรื่องตลกอะไรกัน
“เรื่องตลกอะไรกันนะครับเนี่ย ว่าตามตรงผมสนใจคุณที่ชนะมหามังกรได้ไม่น้อยเลย อยากพิสูจน์พลังของคุณ ..แต่ต้องสู้ในสภาพร่างกายแบบนี้ ว่าตามตรง ชักจะน่าเบื่อแล้วสิครับ”
น้ำเสียงไม่ได้มีความผิดหวังแม้แต่น้อย ต่างกับประโยคพูด เอเธอร์เป็นชายที่คาดเดายากแบบนี้แหละ ความรู้สึกของเขามันยังไงกันแน่ ผมไม่รู้ ไม่มีใครรู้
“ทางนี้ก็เบื่อเหมือนกันว่ะ”
ผมคว้าถุงมือสีดำในกระเป๋ามาสวมใส่
ถุงมือเลือนแสงสีฟ้าลางๆ นี่คืออุปกรณ์เวทมนตร์ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นสื่อเวทย์อะไรก็ได้ตามใจชอบ
“.”
ทำยังไงดี ตอนนี้ควรทำยังไงดี ต้องต่อสู้กับเอเธอร์ในสภาพร่างกายที่อ่อนปวกเปียกแบบนี้เนี่ย ต้องใช้วิธีไหนถึงจะดี
ผมมองเอเธอร์ไม่วางสายตา
‘มาแล้วคะ’
ยูนากล่าวเตือน–เอเธอร์พุ่งมาหาผมด้วยความเร็วสูงประหนึ่งนักดาบขั้นบรรลุ ไม่สิ เหนือยิ่งกว่าอีก
หมัดขวา
ผมก้าวเท้าหลบเล็กน้อยก็เลี่ยงหมัดเอเธอร์ได้แล้ว ผมกะจะอัปเปอร์คัทใส่เอเธอร์แต่ก็โดนขัดไว้ก่อนโดยการเตะท้องผมจนกระเด็น
ก่อนที่จะปลิวไปด้วยแรงเตะของเอเธอร์ผมก็อัดเวทย์เพลิงที่ถนัดสวนกลับ เอเธอร์ไม่ได้ตอบโต้อะไรทำเพียงแค่พุ่งมาหาผม-หลบเพลิงได้ง่ายๆ
เอเธอร์ยิ้มมุมปาก ใช้แขนที่เรียวยาวคว้าอากาศไว้และ–ดึงผมเข้าใกล้
—-เอ๊ะ?
ร่างที่ปลิวกระเด็นของผมถูกย่นระยะไปหาเอเธอร์อย่างน่าประหลาด
อึก—–ฮึย!!!!!!
ผมพลิกตัวเตะใส่เอเธอร์ แน่นอนว่าถูกกันได้ง่ายๆด้วยแขนข้างเดียว ซ้ำยังโดนเอเธอร์จับขาไว้ได้
“ฮึบ”
เอเธอร์ส่งเสียงเบาๆเป็นการเร่งแรงของตัวเอง-เพื่อยกร่างผมขึ้นฟ้าและฟาดไปมาด้วยแขนข้างเดียว ทำท่าอย่างกับถือลูกตุ๋ม เอเธอร์เหวี่ยงผมไปมาตามพื้นรอบๆจนพื้นแทบจะถล่ม
ผมถูกเอเธอร์เหวี่ยงร่างจนกระดูกแทบจะเละ—ต้องใช้ตัดมิติพลิกสถานการณ์
ต้องรีบใช้–แต่ใช้ไม่ได้ ไม่สิ จำเป็นต้องตั้งสมาธิ เพราะวงจรเวทย์ตอนนี้มันใช้งานได้ไม่เหมือนปกติ ทำให้ต้องรีดมานาอย่างกับคนพึ่งใช้เวทมนตร์ไม่ค่อยได้
[สะบั้นมิติ]-[ระยะทาง]
ร่างของผมวับหายไปจากฝ่ามือของเอเธอร์ ผมลอยอยู่บนฟ้าแค่ใกล้กว่าเดิมไม่ถึงเมตร
เอเธอร์ไม่รีรอจะพุ่งมาจับผมอีกรอบ ผมใช้จังหวะระยะประชิดอัด [แคนน่อนเอิร์ธ] เป็นสิบๆลูกโหมกระหน่ำเข้าใส่เอเธอร์
[แคนน่อนเอิร์ธ] นั้นมีความรุนแรงที่พอสมควร ซ้ำยังเร็วมากๆอีกด้วย ถ้าเป็นการต่อสู้ระยะประชิดแบบห่างกันนิดเดียว แม้แต่พวกนักดาบขั้นสูงๆก็ยากจะหลบได้
เอเธอร์เองก็เหมือนกัน ต่อให้หลบได้ก็คงเว้นระยะห่างจนผมมีเวลาเตรียมตัวพอสมควร—ก่อนอื่นต้องรีบตั้งท่าให้ตัวเองใหม่ก่อน
เอเธอร์ไม่ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้อะไรทั้งนั้น ไร้ความรู้สึก เขาไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับความสามารถของผมแม้แต่น้อย เพราะผมตอนนี้อ่อนแอลงมาก สำหรับเอเธอร์แล้วผมคงไม่ต่างกับนอนแมลง
“..หึ”
ไม่ใช่-ผมคิดผิด
เอเธอร์ยิ้มมุมปาก ใบหน้าดูเปี่ยมไปด้วยความสุข แววตาเป็นประกาย ราวกับหน้าตาเมื่อสักครู่เป็นเรื่องจอมปลอม เหมือนกับคนล่ะกัน
ความรู้สึกสนใจพวยพุ่งมาจากในอกของเอเธอร์ เอเธอร์เวลานี้อย่างกับคนคลั่ง
ยิ่งไปกว่านั้นดวงตาของเอเธอร์ก็มีแสวสีม่วงขึ้นมา ..เป็นดวงตาที่สวยงาม สวยเอามากๆ สวยที่สุดบนโลก เป็นคนที่มีดวงตาที่สวยที่สุดบนโลกเหมือนกับเคียวยะ
ใช่แล้ว เอเธอร์คือผู้ใช้ดวงตามหาปราชญ์เหมือนกับเคียวยะ
ตอนนี้เองเอเธอร์ก็เปิดใช้งานดวงตามหาปราชญ์แล้ว
เอเธอร์ใช้มือกวาดไปทั่วแคนน่อนเอิร์ธทั้งหมด สามารถแตะทั้งหมดได้โดยแม่นยำเป็นเพราะดวงตามหาปราชญ์ที่มองความเร็วระดับสูงเป็าฉากๆได้
แคนน่อนเอิร์ธทั้งหมดสลายไป-เทคนิคการหักล้างเวทมนตร์
แหงอยู่แล้ว เอเธอร์สามารถใช้มันได้แน่ๆ เผลอๆระดับเอเธอร์สามารถใช้ได้ดีที่สุดบนโลกด้วยซ้ำ
เอเธอร์เข้าามาประชิดผมได้แล้ว การโหมโจมตีของผมไร้ผลโดยสมบูรณ์เมื่ออยู่ต่อหน้าเอเธอร์
ถ้าเอเธอร์เอาจริง ผมคงโดนเอเธอร์ปิดฉากไปนานแล้ว-หมายความว่าเอเธอร์ไม่ยอมเอาจริง เอาแต่สู้ยื้อเวลาให้ผมแสดงพลังและเทคนิคออกมาให้มากที่สุด เป็นวิธีต่อสู้ที่ใช้กับคนที่อ่อนแอกว่าตัวเองหลายขั้น
น่าเจ็บใจ แต่ผมอยู่คนล่ะละดับกับเอเธอร์จริงๆ ต่อให้ร่างกายมีพลังครบก็ยังเทียบชั้นไม่ได้ ด้านพลังอาจพอถูไถได้ แต่เรื่องทักษะหรือเทคนิคการต่อสู้มันเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้
หลังจากนี้เอเธอร์ก็จะแสดงความห่างชั้นของเวลาให้ผมดูเป็นขวัญตา
ความเร็วเอเธอร์จู่ๆก็หายไป มันถูกปรับเข้ากับความเร็วที่ผมตามทัน เอเธอร์ตั้งใจอย่างนั้น กะจะสนุกกับผมเต็มที่
คิดว่าเป็นของเล่นหรือไงกัน
อย่างไรซะก็เพราะอย่างนั้นผมเลยเอาเท้าแต่พื้นตั้งหลักได้
ผมลงมือเปลี่ยนรูปร่างถุงมือให้กลายเป็นดาบมือเดียว เอเธอร์เห็นก็สร้างดาบขึ้นมาจากเวทย์แห่งแสง
คงเป็นเวทมนตร์ [ดาบแห่งแสง] ที่นักดาบเก่งๆแทบทุกคนจะใช้ได้กัน เพราะนี่ก็เปรียบเสมือนดาบที่มองไม่เห็น
เอเธอร์รุกเข้ามาหาผมด้วยความเร็วทัดเทียมกับผม ผมฟาดดาบเฉียงใส่เอเธอร์ ดาบถูกกันไว้ได้ด้วยดาบแห่งแสง
“ฮึย!!!”
ผมโหมกระหน่ำดาบเข้าใส่เอเธอร์–เอเธอร์ใช้การป้องกันเพียงครั้งเดียวก็ทำให้การกระหน่ำดาบทั้งหมดของผมมันพัง
ผมเสียจังหวะ และถูกเอเธอร์เอาดาบแทงเข้าที่แขนข้างที่ถนัดบริเวณหัวไหล่
ความเจ็บปวดสุดขีดไหลเข้าสู่ร่างกายจนผมต้องร้องออกมาอย่างน่าอนาถ
“อาาาาาาาาาาาาาา!!!!”
รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกฆ่า
เอเธอร์เหวี่ยงดาบแห่งแสงเข้าใส่สีข้างของผม-ผมไร้การป้องกันโดยสมบูรณ์ และถูกดาบแห่งแสงแผดเผาบริเวณสีข้างจนความเจ็บปวดทวีคูณ
น้ำตาไหลออกจากตาโดยอัตโนมัติของร่างกายเมื่อต้องเผชิญกับความเจ็บปวดขั้นสุด
ร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้การตัดมิติที่เป็นการป้องกันชั้นยอดของผมไม่สามารถใช้ได้
เอเธอร์หมุนตัวเหวี่ยงดาบเฉียงมา กะจะสะบั้นตัวผมให้ขาดครึ่ง
ผมใช้แขนข้างที่ยังอยู่ดีจับเข้าที่บริเวณดาบแห่งแสง แน่นอนว่าผมถูกแสงนั่นเผาหนังเข้า แต่!
ตอนนี้มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น!
“[สะบั้นมิติ]-[สับเปลี่ยน]”
ดาบแห่งแสงของเอเธอร์วาบเข้าที่มือของผม-ผมเปลี่ยนให้ดาบของเอเธอร์กลายเป็นของผมเอง
“เห๋”
พร้อมกันกับที่เอเธอร์ส่งเสียงอวดดีเหมือนอยู่เหนือกว่า ผมก็ใช้ดาบคู่จากอุปกรณ์เวทย์เข้าและดาบแห่งแสงที่ชิงมาจากเอเธอร์ด้วยการตัดมิติเข้าใส่เอเธอร์
เอเธอร์ลดความเร็วไว้พอๆกับผม และกะจะใช้ความเร็วระดับนั้นตลอดการสู้กับผม ตัวผมถ้าต้องอยู่สถานกาณณ์เดียวกับเอเธอร์ไม่มีทางหลบได้แน่นอน—–แน่นอนถ้ามีตัดมิติผมสามารถรอดได้แน่ๆ
เพราะฉะนั้นเอเธอร์แค่ทำตามผมง่ายๆ แค่ใช้ตัดมิติในการรับมือก็พอแล้ว
ผมถึงกับหน้าเหวอ–เหมือนกับได้เห็นปรากฏการณ์ที่เป็นไปไม่ได้
ดาบแห่งแสงที่ผมขโมยไปได้กลับเข้าสู่มือเอเธอร์อีกรอบ มันวาปหายไป ไม่สิ-ถูกพลังแบบเดียวกับที่ผมมีชิงไปต่างหาก
“[สะบั้นมิติ]-[สับเปลี่ยน]”
เอเธอร์ใช้การตัดมิติแบบเดียวกับผมได้
เรื่องบ้าอะไรกัน พลังของยูนาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ใช่หรือไง นอกจากพลังเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยกันแล้ว สิ่งเดียวที่เอเธอร์มักใช้ประจำอย่างเวทมนตร์ไม่มีทางเลียนแบบได้ มันควรเป็นอย่างนั้นแท้ๆ
อย่ามาล้อเล่นนะเว้ย
สิ้นหวังโดยสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่ลดระดับตัวเองให้ทัดเทียมกับผม เอเธอร์ยังเลียนแบบการตัดมิติของผมไปด้วย ไม่สิ มันไม่ใช่ของผม ถ้าไม่มียูนาผมก็ใช้มันไม่ได้ กลับกันต่อให้เอเธอร์ไม่มียูนาเอเธอร์ก็ใช้ตัดมิติได้อยู่ดี
เหมือนถูกขโมยไปไม่มีผิด
ชายคนนี้ ..เป็นตัวตนที่อย่างกับสัตว์ประหลาดของแท้เลย
เคยสงสัยว่าความสามารถนี่มันโม้เกินไปหรือเปล่า มีดีแค่คุยรึเปล่า ก็ในนิยายต้นฉบับเอเธอร์แทบไม่ได้โชว์พลังอะไรเลย ทว่าวันนี้ผมก็ได้คำยืนยันของจริงแล้ว
เอเธอร์แข็งแกร่งที่สุด เป็นคนที่แกร่งเกินไปอย่างกับอยู่คนล่ะโลก ผมไม่อยากเชื่อว่าเอเธอร์คือมนุษย์ ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทต่างหากที่จะเรียกเอเธอร์ว่าเป็นมนุษย์
มนุษย์น่ะตายได้ แต่เอเธอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ให้ความรู้สึกว่าสักวันจะตาย
มนุษย์น่ะพลาดกันได้ แต่เอเธอร์สมบูรณ์แบบ ไม่เชื่อว่าจะพลาดพลั้งไปบ้าง
มนุษย์มีขีดจำกัดอยู่ แต่เอเธอร์นั้นไร้ขีดจำกัด
เป็นตัวขี้โกงของจริงเลยล่ะ เอเธอร์น่ะ
เอเธอร์ฟาดดาบแห่งแสงสวนกลับผม สติของผมเลือนลางไปตั้งแต่เมื่อกี้—-ไม่สามารถตอบโต้ได้
‘ตั้งสติหน่อยค่ะ’
เสียงยูนาดังขึ้นทำให้ผมได้สติ
ผมรีบเปลี่ยนอุปกรณ์เวทมนตร์ให้เป็นโล่ และใช้มันกันดาบแห่งแสงไว้
ปรี๊ด!!!!!!! แสงสีเสียงพวยพุ่งมาจากการปะทะ
“ย๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!!”
พร้อมกันนั้นผมก็เหวี่ยงแขนข้างที่ถูกทำลายข้อต่อไหล่ให้ไปข้างหน้า และอัดมานาเข้าไปเพื่อสร้างเวทย์สายลม
แขนของผมมีเลือดพุ่งออกมาจากการกระทำนี้ เหมือนกับผมอัดมานาเข้าใส่แขนที่วงจรเวทย์ไม่ทำงาน ผลคือผมปล่อยลมอย่างสะเป๊ะสะป๊ะ และทำให้แขนตัวเองเละกว่าเก่า
แต่อย่างไรมันก็ช่วยทำให้เอเธอร์พุ่งถอยหลังกลับไปก่อนได้ ผมเองก็ถูกแรงลมดันให้ร่างปลิวไปเหมือนกัน-เว้นระยะได้ระดับหนึ่งแล้ว
ผมหันไปเช็คสภาพแขนที่ฝืนอัดมานาเข้าไปของตัวเอง ซึ่งมัน..บิดไปมาอย่างน่าสยดสยอง สภาพไม่น่าเชื่อว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว
..ความเจ็บปวดเริ่มหายไปอีกแล้ว พักนี้รู้สึกแบบนี้บ่อยมาก แต่ก็ดีแล้วล่ะ
ผมควบคุมลมหายใจของตัวเอง มองหน้าเอเธอร์และคิดวางแผนรับมือต่อไป
เอเธอร์สามารถใช้ตัดมิติได้เหมือนผม ผมถูกเอเธอร์เลียนแบบพลังของยูนาไปแล้ว ไผ่ตายที่มีเฉพาะผมที่ใช้ได้ไม่มีอีกแล้ว
การสู้ต่อไปเป็นเรื่องที่ยาก ..อุตส่าห์ตั้งความหวังว่าจะรอดชีวิตแล้วแท้ๆ แต่ผมอาจต้องตายก่อนแล้วให้เจ้าพวกนั้นแบกรับภาระทั้งหมดไว้
ผมกำลังจะผิดคำสาบานของตัวเอง ..เพราะกำลังจะถูกเอเธอร์ฆ่า เบลลามีเองก็ด้วย ผมถ่วงเวลาได้แค่หน่อยเดียว เบลลามีไม่สามารถหนีรอดจากเอเธอร์ได้แน่ๆ เธอคงโดนเอเธอร์ตามไปฆ่าเสร็จสรรพ
เบลลามีไม่ตายแน่ๆ แต่จอมมารคงจะยึดร่างเบลลามีได้ ถ้าเกิดวิญญาณเบลลามีหายไป ถ้าแบบนั้นจอมมารก็ถือกำเนิด อาละวาด อาณาจักรฟัฟนิร์พัง พวกยูจิก็ตายตามๆกันไป ทุกอย่างจบ ทุกคนตาย
จุดจบที่ผมปารถนาไม่ให้เกิดขึ้น จะเกิดขึ้นทั้งหมด
..จะตายไม่ได้เด็ดขาด ต้องชนะให้ได้ ไม่ว่ายังไง ไม่สิ อย่างน้อยก็ขอให้เบลลามีรอด
..ต้องฆ่า ต้องฆ่าเอเธอร์ให้ได้ ผมต้องลากเอเธอร์ไปลงนรกพร้อมกับผมให้ได้ แต่ต้องทำยังไงถึจะดี ตัวตนที่แกร่งอย่างกับสัตว์ประหลาดแล้วยังมีดวงตามหาปราชญ์อีก ผมต้องใช้วิธีอะไรถึงชนะได้กัน
บ้าเอ้ย แม่งเอ้ย จบกัน ไม่เอา ไม่อยากให้จบแค่นี้ จะจบแค่นี้ไม่ได้นะ ไม่อยากตายด้วย ผมยังไม่ได้เห็นตอบจบที่ผมต้องการเลย ผมสาบานไว้แล้วแท้ๆว่าจะเปลี่ยนทุกอย่างให้ดีขึ้น แต่นี่มันอะไรกัน ผมกำลังจะตายด้วยน้ำมือของเอเธอร์
อา..ไม่ใช่แค่นั้น ชีวิตผมตอนนี้ก็น่าเสียดาย ผมมีเพื่อนพ้องมากมาย ถ้าผมตายไปเมดสองคนที่ผมสัญญาว่าจะรับพวกเธอเป็นภรรยาก็คงเสียใจ น่าจะกอดคอกันร้องไห้อย่างกับวันสิ้นโลกแน่ๆ ผมเองก็เสียดายที่ไม่ได้ใช้ชีวิตหนุงหนิงกับพวกเธอสองคนต่อ ภาพฝันที่วาดไว้กำลังสลายหายไปอย่างสมบูรณ์ เพราะผมกำลังจะตาย
แองเจลิน่าพี่สาวของผมด้วย เธอคงอยากตายทั้งเป็น เธอต้องตายแน่ๆ เธออาจจะฆ่าตัวตายตามผมเลย ชีวิตของเธอมันจะไร้ความหมาย หรือต่อให้มีชีวิตอยู่เธอก็เป็นได้แค่หุ่นเชิด ได้แต่ใช้ชีวิตไปวันๆในฐานะดยุค คงเลือกแต่งงานกับใครสักคนโดยไม่เลือกเพื่อสืบทายาด กลายเป็นคนไร้ความรู้สึก ทั้งหมดเป็นเพราะผมกำลังจะตาย
เคียวยะอาจจะด่าผมที่ตาย ต้องโกรธผมแน่ๆ แล้วก็ต้องเผลอโทษตัวเองแน่ๆ จุดจบของเคียวยะอาจไม่ต่างกับนิยาย สักวันอาจไม่ร่วมมือกับพวกชั้นต่ำแล้วก็ตายในที่สุด เคียวยะจะตายอย่างสิ้นหวัง เพราะทุกสิ่งที่อยู่ในอ้อมอกเขาจะค่อยๆหายไป
ยูจิคงร้องไห้หนักแน่ๆ ต้องโทษตัวเองเหมือนเคียวยะ อาจจะแบกรับทุกอย่างไว้ตัวคนเดียวเหมือนกับผมและ ..อาจตายได้ในสักวัน
โซเฟีย กอรี่ ไอริส เรย์ ทุกคน จะเกิดหลายเรื่องต่อจากนี้ในทางไม่ดี
..เบลลามี เธอเองก็คงตายเหมือนกับผม ถ้าเป็นแบบนั้นจอมมารก็จะโผล่มา ทั้งหมดที่ผมคิดไว้ว่าจะเกิดขึ้นก็จะหายไป เพราะอาณาจักรฟัฟนิร์จะถูกลบออกจากแผนที่ ทุกคนจะตาย ..โลกเข้าสู่ความโกลาหลโดยสมบูรณ์
วีรบุรุษในนิยายเติบโตไม่ทัน สุดท้ายก็คงไม่มีตำนานวีรบุรุษบ้าอะไรเกิดขึ้นมาอีก
…ทั้งหมดจะเกิดขึ้นถ้าผมตาย
ไม่สิ
มันจะเกิดขึ้นถ้าเกิดเอเธอร์ตามไปฆ่าเบลลามีต่างหาก เพราะฉะนั้นต้องฆ่าเอเธอร์ให้ได้ อย่างน้อยที่สุดถ้าชนะเอเธอร์ได้ เจ้าพวกนั้นก็จะได้อยู่ต่อ
“เอ..เทอ….เอ——————-เธอร์!!!!!!”
ผมร้องเสียงหลงประหนึ่งหมาขี้แพ้ ใช้แขนข้างที่ยังขยับได้อยู่ชี้ไปทางเอเธอร์ ปล่อยให้แขนที่เละลอยอยู่อย่างนั้น
ต้องฆ่าเอเธอร์ให้ได้ ต้องฆ่า ต้องฆ่า ต้องชนะ ผมต้องชนะให้ได้ ..ไม่ไหว
ใบหน้าผมบิดเบี้ยวไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
..รู้สึกทรมานเหลือเกิน
‘ตั้งสติค่ะ’
ยูนาพึมพำขึ้นมา เธอพูดเหมือนกับเมื่อครู่อย่างเรียบเฉย ทั้งๆที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
จบแล้วล่ะยูนา ฉันขอโทษ ฉันคงพาเธอไปเคลียร์กับเรนไม่ได้ คงจบแค่นี้แล้ว แต่ถ้าโชคดียูจิอาจยินดีต้อนรับเธอในฐานะวิญญาณระดับเทพก็ได้นะ
แบบนั้นยูจิก็จะเก่งขึ้นด้วย ถ้ามียูนาที่รู้เรื่องทั้งหมดเหมือนผมคอยชี้นำ อาจเจอทางสว่าง ถ้าเกิดรอดจากเหตุกาณณ์คราวนี้ไปได้น่ะนะ ต้องฝากยูนาจัดการที่เหลือต่อ
‘บอกให้ตั้งสติไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงค่ะ’
ตั้งสติ? ขอทีเถอะในสถานกาณณ์แบบนี้ จะเอาอะไรไปหวังว่าจะชนะโดยรอดไปด้วยกัน
เธอเสียสติไปแล้วสินะ
‘ที่เสียสติมันมาสเตอร์ต่างหากค่ะ เล่นคิดอะไรเยอะแยะจนทางฉันผล๊อยปวดหัวไปด้วยเลย’
อย่ามาล้อกันเล่นนะยูนา เวลาแบบนี้เธอยังจะมาเล่นตลกอะไรอีก?
‘แกต่างหาก อย่ามาล้อเล่น’
..ก็จริงที่บ่อยครั้งในสถานการณ์จริงจัง ผมจะคุยกับยูนาอย่างผ่อนคลาย แต่คราวนี้มันต่างกับปกติ
ยูนาหงุดหงิดขึ้นมา เธอโกรธมาก ผมเองก็โกรธเธอเหมือนกัน ด้วยสถานการณ์บีบบังคับหลายอย่างทำให้ผมพาลใส่เธอไปเอง
น่าสมเพชจริงๆ
แต่ว่าผมกำลังจะตายของจริงนะ ตายโดยที่ไม่สูสีกับศัตรูเลยสักนิด
‘เพราะอย่างนั้นแหละเลยต้องตั้งสติ และรวมหัวกับฉัน’
มีแผนเหรอ
‘ไม่ใช่แผนคะ แค่ฉันจะอธิบายความวิตกของมาสเตอร์ให้ฟัง’
รู้ดีอยู่แล้วน่าว่าทำไมถึงวิตกน่ะ!!
‘ฟังก่อนค่ะ คิดว่าฉันเป็นคนที่พล่ามเรื่องที่ไร้สาระออกมาหรือคะ’ ยูนาถอนหายใจ ‘หุบปากเงียบแล้วตั้งสติฟังก่อนคะ’
..อ่า
ยูนาถอนหายใจซ้ำอีกครั้ง
‘เอเธอร์สามารถใช้ตัดมิติได้สินะคะ เรียกว่าเลียนแบบได้อย่างยอดเยี่ยมเลยล่ะคะ’
ใช้ได้เหมือนกันเป๊ะๆเลย
‘แต่ว่าของเลียนแบบก็เป็นได้แค่ของเลียนแบบ เอเธอร์อาจมีทักษะควบคุมมานาที่ยอดเยี่ยมจนใข้พลังที่เป็นเอกลักษณ์ของฉันได้ แต่ก็ได้แค่นั้น แค่ใช้ได้เหมือน แต่ก็ยังเป็นของเลียนแบบที่ต้องอยู่ต่ำกว่าของแท้เสมอ’ ยูนาว่าต่อ ‘จะสรุปสั้นๆเลยนะคะมาสเตอร์ ตัดมิติของพวกเราเหนือกว่าของเอเธอร์คะ’
..เอ๊ะ
‘แน่นอนผลลัพธ์พลังย่อมเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดตัดมิติของพวกเราต้องปะทะกับของเอเธอร์ ของพวกเราจะอยู่เหนือกว่าทุกกรณี เพราะพวกเราคือต้นแบบ คือเอกลักษณ์ที่โลกมอบให้คะ นี่คือกฎของมานา กฎของโลกคะ ต่อให้เลียนแบบได้แต่ก็ไม่มีทางทัดเทียมของจริงได้’
..นั้นเองเหรอ
‘ค่ะ’
..เข้าใจแล้ว
ผมปรับลมหายใจ ตั้งสติได้สมบูรณ์ เพราะคุยกับยูนาในจิตใจ้สำนึกทำให้เอเธอร์ไม่ได้เคลื่อนไหวมาก เวลาผ่านไปได้ไม่กี่วิเท่านั้น ผมยังมีเวลาเตรียมตัวอีกระดับหนึ่ง
ชนะได้แน่
ผมรวบรวมมานาสุดตัว มองที่เอเธอร์ไม่วางตา
ทุกอย่างจะตัดสินในพริบตาเดียว
เอเธอร์-ก้าวเท้ามา วิ่งมาหาผม ในมือถูกคลุมไปด้วยเวทมนตร์ประเภทสายฟ้า
ผมกั้นลมหายใจ สร้างสายฟ้าที่เหมือนกับเอเธอร์ขึ้นมาและวิ่งเข้าใส่
—-ความเร็วทัดเทียมกัน ถ้าเอเธอร์ใช้ความเร็วสูงสุดในการต่อสู้ ผมน่าจะหมดโอกาสชนะแล้ว เวทมนตร์ก็ด้วย ทักษะดาบด้วย พลังกายด้วย ถ้าเอเธอร์จัดเต็มผมได้ตายไปแล้วแน่นอน ไม่มีเวลามาจิตตกหรอก
แต่ดีแล้วล่ะ เพราะมันทำให้โอกาสชนะยังมีอยู่
—-ห่างกันเพียงเอื้อมมือเดียว
ผมปล่อยสายฟ้าเข้าใส่ เอเธอร์เองก็ปล่อยมา ทว่า–ตามคาด
เอเธอร์ต้องใช้ตัดมิติที่เลียนแบบมาเพื่อตัดสายฟ้าของผมแน่ๆ แต่ตัดมิติของผมอยู่เหนือกว่าหนึ่งขั้น ถ้านั้นแล้วแค่รอจังหวะที่เอเธอร์จะตัดมิติเพื่อแย่งชิงตัดมิติของเอเธอร์ ผมจะได้การตัดมิติที่ทวีคูณเพื่อเป็นเวทีไปสู่–การโจมตีกะเอาตายสุดท้าย
เอาล่ะ มาเลย เอเธอร์ ใช้ตัดมิติจอมปลอมนั่นมาซะ
…
…
ไม่มีตัดมิติโผล่ออกมา ผมถึงกับหน้าเหวอ
สายฟ้าของเอเธอร์กับของผมชนเข้าใส่กัน และเกิดหักล้างเวทมนตร์ทำให้ไม่มีปฎิกิริยาอะไร
เป็นไปไม่ได้ เอเธอร์ร่ายเวทมนตร์ก่อนแท้ๆ ผมพยายามทำให้สายฟ้าของตัวเองไม่เหมือนกับของเอเธอร์เพื่อที่จะหักล้างไม่ได้ถ้านั้นแล้วทำไม–แค่ดัดแปลงเวทมนตร์ตัวเองก็พอไม่ใช่หรือไง
ระดับเอเธอร์ทำไมจะทำไม่ได้
การตัดมิติมาไม่ถึง เวทมนตร์ที่จะใช้ทำให้เอเธอร์ขยับร่างไม่ได้ก็สลายไปแล้ว ตอนนี้ผมเหลือแค่ตัดมิติที่รีดไว้เฮือดสุดท้าย กับก้อนเวทมนตร์ปิดฉาก
แผนพังแล้ว
“เป็นแผนที่ดีนะครับ”
เอเธอร์กล่าวชม–รู้ตั้งแต่แรกแล้ว
ดวงตามหาปราชญ์เหรอ? ไม่มีทาง ผมตัดมิติไม่ให้อ่านใจผมได้เหมือนที่ใช้กับเคียวยะแล้วถ้านั้นทำไม
เอเธอร์ไม่ตอบอะไร-แต่ในเชี่ยววิสุดท้ายผมพอเดาได้
..เอเธอร์ก็แค่คาดเดาเท่านั้น และเดามันถูกทั้งหมด แผนทั้งหมดถูกเอเธอร์มองออก
ผมดันทุรังใช้เวทมนตร์เฮือกสุดท้ายเรียก [ทวนสายฟ้า] ออกมา
เอเธอร์เรียก [ทวนสาฟ้า] ตามผม และ–หักล้างอีกรอบ เอเธอร์ใช้ดวงตามหาปราชญ์เพื่อเลียนแบบเวทมนตร์ของผมและหักล้าง
เหลือแค่ตัดมิติ ผมลงมือตัดมิติเพื่อเว้นระยะหนีเอเธอร์ทว่า—ไม่ทัน
เอเธอร์อัดมานาไว้ที่ปลายฝ่ามือ [ทวนสายฟ้า] ปรากฏมาอีกรอบ เอเธอร์คว้ามันไว้และปาใส่ผม
ทวนสายฟ้าพุ่งมา ผมในสภาพแบบนี้ไม่สามารถใช้ตัดมิติได้ดั่งใจทำให้—ทวนสายฟ้าพุ่งถึงร่างได้
ร่างปลิวไปตามทิศที่เอเธอร์ปาทวนสายฟ้า ผมพุ่งไปชนเข้ากับตึกเรียน และ
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
และโดนระเบิดจากทวนสายฟ้า
นี่สินะพลังของตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด พลังของ ‘เอเธอร์’