< < 66 > >
(มุมมองของยูจิ)
เมื่อครู่นี้ผมถูกคุณการ์ปพุ่งเข้าใส่จนนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น จนถึงตอนนี้ผมก็ยังเจ็บไปทั่วร่างจนลุกขึ้นแทบไม่ไหว
แต่ผมรู้ดีแก่ใจว่าปล่อยไว้ไม่ได้าการดี จึงต้องฝืนร่างที่คล้ายจะพังทุกเมื่อลุกขึ้น เพื่อเผชิญหน้ากับคุณการ์ป
เขาอยู่ตรงหน้าผมและส่งรอยยิ้มที่ไม่เป็นมิตรมาให้
“เจอกันอีกแล้วนะ แกนี่มันหนังเหนียวดีจริงๆ ซัดใส่เท่าไหร่ก็ไม่ล่วงสักที”
“..”
..
“ไม่ตอบ? นี่แก เดี่ยวนี้หัดเมินคนแล้วเรอะ”
“ผมไม่เข้าใจเลย ..ทำไมถึงตัดสินใจทำแบบนี้ครับ”
ทั้งการบุกโรงเรียนและคิดจะฆ่าคุณเบลลามีและผม อะไรทำให้คุณการ์ปกลายเป็นอย่างนี้ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด ..ไม่มีเหตุผลเลย
“แกไม่รู้จริงดิ?”
“ถ้าไม่บอกผมก็ไม่รู้หรอกครับ”
“ฉันล่ะเกลียดคนแบบแกที่สุดเลย ไอ้คนประเภทที่ว่าไม่พูดก็ไม่รู้เนี่ย” การ์ปกัดฟันกรามแน่น “ไปตายซะ!”
คุณการ์ปพุ่งมาหาผมด้วยความรวดเร็ว ผมถอยหลังและร่ายเวทย์ดินออกมาป้องกัน
“ลูกไม้กระจอกๆ!”
เขาใช้หมัดซัดกำแพงดินจนพัง-อึก!
“[ธันเดอร์ ช็อต!]”
คลื่นสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของเค้าจนตัวกระตุก
“–ไร้สาระ!”
ร่างของคุณการ์ปถูกย้อมไปด้วยคลื่นพลังสีขาว ผลของเวทมนตร์สายฟ้าของผมก็ได้พลันสลายหายไปทันที
“เปล่าประโยชนื”
ทุกการจังหวะก้าวเท้าของเขาทำให้เกิดคลื่นพลังที่รุนแรงพอจะขยี้ผืนดิน
“จะบอกให้เอาบุญนะ เศษสวะ–พลังของฉันคือการควบคุม”
“ควบคุม?”
“ใช่ ด้วยพลังแห่งการควบคุมจะทำให้ฉันสามารถบงการใครก็ได้ ทั้งแกและคนอื่นๆที่ฉันไม่สามารถเอาชนะได้ ..เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังนี้ทุกสิ่งจะอยู่แทบเท้าฉันผู้นี้”
คุณการ์ปเร่งพูดต่อ
“ไม่ว่าจะวิญญาณหรือความเป็นไปของธรรมชาติ ฉันสามารถควบคุมได้อย่างอิสระ แน่นอนว่ามีขีดจำกัดอยู่ แต่อย่างน้อยๆในระยะนี้ ไม่ยากเลยที่จะลากแกมาแล้วบีบหัวใจทิ้งให้จบๆเรื่อง ..แต่ ทำอย่างนั้นมันจะไม่สนุก และไม่สามารถสนองนีทของฉันได้” การ์ปพล่ามต่อ “แกเองก็มีใช่มั้ยล่ะ วิญญาณระดับเทพน่ะ! เอ้าๆ รีบใช้ได้ แล้วมาสู้กับฉันแบบแฟร์ๆซะ!”
‘วิญญาณระดับเทพ’ คำนี้อีกแล้ว
ตั้งแต่ที่คุณเรเซอร์ถามมายังคุณการ์ป พวกเขาถามหาแต่วิญญาณระดับเทพ ..ทั้งๆที่ผมไม่รู้อะไรเป็นอะไรเลยแท้ๆ
ผมจะไปมีของพรรค์นั้นได้ยังไง ..ผมเป็นแค่คนธรรมดาเองนะ
“ทำหน้าไม่รู้ไม่ซี้สินะ ให้ตายสิ ไอน์อธิบายให้ตูฟังทีสิว่าทำไมไอ้เวรนั่นไม่รู้ตัว”
คุณการ์ปพูดกับใครไม่รู้ เขายืนกอดอกเงี่ยหูฟังใครสักคนพูดจนจบ
“แบบนี้นี่เอง มันจะมีไอ้โง่ที่ไม่รู้ตัวมาเรื่อยๆสินะ เหอะ บ้าจริงๆ อุตส่าห์โชคดีเกิดมาเป็นผู้ถูกเลือกแท้ๆดันไม่รู้ว่าตัวเองมีของดีอยู่กับตัว”
“หมายถึงอะไรน่ะครับ”
“ถึงขั้นนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เอาล่ะ รีบๆฆ่าแกแล้วไปฆ่าพวกสถุลให้หมดดีกว่า แต่ตามข้อตกลง จะเว้นยัยเบลลามีไว้สักคนล่ะกัน รายต่อไปเอาเป็นใครดีนะ..เอาเป็นว่าเจอใครก่อนก็จัดการก่อน”
..เห้ย
ผมตั้งท่าร่ายเวทย์ อีกฝ่ายเห็นก็หยุดเดิน
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะให้เลือกก็ได้ว่าอยากตายแบบเจ็บหรือไม่เจ็บ”
“ขอปฎิเสธครับ ..ทั้งแบบเจ็บและแบบไม่เจ็บ ไม่เอาทั้งสองครับ!”
กล่าวจบผมจึงรีดบอลเพลิงขนาดยักษ์ขึ้นมาและเขวี้ยงใส่
“ลูกไม้โต้งๆใช้ไม่ได้ผลกับฉัน!”
ทำเพียงใช้ขายันบอลเพลิงไว้เท่านั้นก็สามารถหยุดบอลเพลิงสุดความสามารถของผม–อึก! ไม่ยอมหรอก
ผมวิ่งเข้าใส่กำหมัดไว้แน่น-คุณเรเซอร์เป็นคนที่เก่งทักษะหมัดมากๆ ผมเห็นได้บ่อยครั้งที่เขากำหมัดชกสู้กับใครสักคน ทั้งจริงจังและเล่นๆ เพราะอย่างนั้นเทคนิคของเขาผมพอจะเรียนรู้มาได้หน่อยนึง
“เป็นนักเวทย์ไม่ใช่เรอะแก”
พูดจบคุณการ์ปก็ยกขาขึ้นมาและอัดแรงพุ่งหวังจะทีบผมให้กระเด็น—ทว่า ก่อนที่จะถึงตัวผมก็เบรคร่างของตัวเองไว้ ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวก่อนจะก้าวไปข้างหน้าคนล่ะฝั่ง
บิดแขนให้ขนานกับพื้น-ข้อศอกฉาก-กระตุกไหล่ บิดลำตัวเพื่อเพิ่มแรง-และซัดเข้าให้!!
หมัดอะไรสักอย่างของคุณเรเซอร์!!!(หมัดฮุค) ผสมไปกับแรงลมจากเวทมนตร์!
ปั้บ!!!!! เสียงอัดลำตัวดังขึ้นอย่างน่ากลัว เพราะการเพิ่มแรงจากเวทย์ลมที่มหาศาล
ความเสียหายเมื่อครู่รุนแรงพอจะทำให้คุณการ์ปเจ็บสาหัส
“อึกกกกก!!!”
คุณการ์ปลงไปคลุกกับพื้นด้วยความเจ็บปวด ผมไม่รอช้าพุ่งไปหวังจะใช้ท่าหมัดของคุณเรเซอร์เพื่อเสยคางคุณการ์ปด้วยแรงหมัดผสมกับเวทย์ลม
“ฮึย!!!!”
“อั้ก!”
หน้าของคุณการ์ปถูกยกให้มองท้องฟ้า เพราะการปล่อยหมัดของผม
หมัดของผมเข้าเป้าคุณการ์ปอย่างจังจนหน้าเขาเสยขึ้นฟ้า—–แต่จากนั้นไม่นาน ความเจ็บปวดก็ไหลเข้าที่ปลายคางของผมแทนเสียอย่างนั้น
“–อึก!”
แต่เดิมผมไม่ใช่คนที่มีร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว บอกตามตรงหมัดเมื่อครู่สองทีมันทำให้แขนผมซ้ำปวดไปหมด เพราะร่างกายไม่ได้แกร่งพอจะผสานกับเวทมนตร์ได้-ยิ่งต้องรับแรงหมัดที่ไม่แพ้กับหมัดของผมแล้วนี่มัน ..มากพอจะทำให้สติดับไปซะอย่างนั้นเลย ว่าตามตรง ผมตายได้เลยแหละถ้าโชคร้ายโดนจุดสำคัญกว่าปลายคาง
ผมเข่าทรุดเองโดยอัตโนมัติ เงยหน้ามองฟ้าเหมือนกับคุณการ์ป ..ไม่รู้ทำไม คุณการ์ปถึงกลับมายืนได้เหมือนปกติแล้วต่างกับผม ทั้งที่โดนเหมือนกับผม
เอ๊ะ? เมื่อตะกี้เราออกหมัดโดนจังๆเลยไม่ใช่รึไง? ทำไมยังยืนได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย่ละ?
“เปล่าประโยชน์! ตราบใดที่ฉันคนนี้เห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ฉันก็สามารควบคุมความเสียหายทั้งหมดได้! นี่คือหนึ่งในพลังของ ‘ไอน์’ วิญญาณที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทั้งนักเล่นแร่แปรธาตุและนักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก! ไม่ว่าจะความเสียหายใด ถ้าฉันคนนี้เห็นก็สามารถควบคุมมันได้ตามใจอยาก!”
หะ หา?
“โทษทีว่ะ อย่างน้อยคนที่ฆ่าฉันได้ตอนนี้ต้องพวกนักดาบขั้นบรรลุขึ้นไปเท่านั้น”
คุณการ์ปเดินเข้ามาหาผมด้วยแววตาที่กะฆ่า
“..จบกันแค่นี้แหละ ทั้งแกแล้วก็พองเพื่อนไร้สาระของแก”
..ใครจะยอมกัน
ผมพยุงร่างขึ้นมา และจ้องหน้าอีกฝ่ายโดยไม่กระพริบตา
“ใครจะยอมสูญเสียอีกแล้วกัน!”
“รีบๆตายให้หมดซะ!”
ผมปล่อยเพลิงเข้าใส่ มันถูกปัดออกเอาง่ายๆด้วยการควบคุม
ผมกระโดดถอยหลัง ร่ายเวทย์เดินหวังจะทำให้เดินลำบาก แต่เขาคนนั้นทำเพียงกระโดดและลอยขึ้นฟ้าข้ามหัวผม
ผมถอยหลังหนีและร่ายเวทย์ลมหวังซัดให้กระเด็น แต่อีกฝ่ายทำเพียงใช้มือปัดป้องแรงลมไว้ ด้วยการควบคุม
ผมเห็นท่าไม่ดีเลยหันหลังกลับและรีบวิ่ง แต่ก็โดนตามทันได้ง่ายๆผมเลยปล่อยร่างให้ล่วงลงพื้นและอัดเพลิงจำนวนมหาศาลเข้าใส่ แน่นอนทั้งหมดถูกปัดเอาเสียง่ายดาย
ผมยังไม่ยอมแพ้พยายามใช้หมัดสู้ในระยะประชิด แต่ทันทีที่จับตัว มือของผมก็กระเด็นกลับไปด้วยการควบคุมของคุณการ์ป
จะยอมแพ้ตรงนี้ไม่ได้ คิดอย่างนั้นแล้วผมจึงใช้หัวพุ่งหวังโขก—แต่หัวของผมก็ถูกหยุดไว้ก่อนด้วยมือของคุณการ์ป
สุดท้ายผมของผมก็โดนขยี้และเขวี้ยงโขกลงพื้นรัวๆ รัวๆ รัวๆ จนเลือดไหลออกมา และสติคล้ายจะดับไป
ผมฝืนสติตัวเองใช้ปากกัดนิ้วคุณการ์ป นั่นทำให้อีกฝ่ายโกรธมากจนใช้การควบคุม-ตัดลิ้นผมทิ้ง ..เลือดไหลออกจากลิ้นเหมือนกับถังน้ำรั่ว
แม้จะโดนทารุณอย่างหนักจนสภาพปางตาย แต่ผมไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ..คงเป็นเหตุผลทางร่างกายของผมล่ะมั้ง ร่างกายผมมันคงจะชาของมันไปเองแล้ว
ยังยอมไม่ได้ ผมไม่อยากตาย และจะตายตอนนี้ไม่ได้ บางอย่างบอกให้ผมรอดและสู้กลับให้ชนะ เพราะอย่างนั้นแล้วผมเลยฝืนจะลุกขึ้นมาให้ได้ แต่เมื่อถูกสัมผัสแล้วร่างกายของผมมันก็ขยับไม่ได้ ร่างต้องลงไปกระแทกพื้นอีกครั้งอย่างหมดรูป
ผมกลายเป็นหมอนให้อีกฝ่ายต่อยเล่นอยู่ฝ่ายเดียว
..แพ้อย่างหมดรูปจนได้
สภาพอย่างนี้ต่อให้ชนะไปก็ตายในไม่นานอยู่ดี–ผมจับมืออีกฝ่ายไว้ พยายามจะหยุดไม่ให้ทำอะไรไปมากกว่านี้ อีกนัยหนึ่งก็คิดว่าจะหาทางชนะให้ได้ อย่างน้อยก็ขอหยุดไม่ให้คนคนนี้รอดไปทำร้ายเพื่อนคนสำคัญของผมได้ ..แค่เรื่องนั้นเท่านั้นที่ยอมไม่ได้เด็ดขาด
“อา..อา..ดื้นด้านจริงนะแก”
คุณการ์ปหายใจหอบขณะที่นั่งค่อมตัวผมอยู่ ถึงจะหนื่อยแต่ก็ยังไม่หยุดระเรงหมัดใส่ผมเหมือนกับแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน
“รีบๆตายได้แล้ว แม่งเอ้ย! แม่งเอ้ย! ตายๆไปซะ ตายได้แล้ว ตายซ้า!!!”
ตอนนี้หน้าของผมคงจะบวมจนดูไม่ออกแล้วแน่ว่าเป็นผม สภาพเละอย่างกับศพแล้วแน่ๆ ..ประสาทสายตาก็น่าจะพังไปแล้วเหมือนกัน คงใช้ตาดูอุปกรณ์เวทมนตร์ไม่ได้เหมือนทุกทีแล้ว งานอดิเรกอย่างหนึ่งรวมถึงอาชีพในอนาคตที่เลือกได้ก็อยากจะทำ น่าจะหายไปเพียบเลย
ผมคงใช้ตามองทิวทัศน์รอบๆเหมือนทุกคนไม่ได้อีกแล้ว–บ้าเอ้ย!
ผมฝืนกลั้นพยายามดึงมืออีกฝ่ายให้ออกไปไกลๆ แต่สู้แรงไม่ไหวอยู่แล้ว
“อะ..ไอ่..ใอ้..ไ-”
โดนต่อยหน้าอีกที ไม่รู้สึกเจ็บเลย แต่พูดไม่ได้เหมือนโดนผีอำ
“..หุบปากซะ..มันเพราะแกนั่นแหละ ทั้งหมดมันเป็นเพราะแก ฮ่าๆ!..ฮ่า..เพราะแกเลย ..โลกของฉันมันพังไม่เป็นท่าก็เพราะแก”
ผมถูกต่อยหน้าอีกรัวๆ-ดวงตาเริ่มพล่ามัวแล้ว
ทันทีที่ทิวทัศน์กลายเป็นสีดำผมได้ตายจริงๆแล้วแน่
ไม่เจ็บก็จริง โชคดีได้ตายแบบไม่เจ็บแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ทำไม ผมกลับรู้สึกเจ็บเหลือเกิน
น่าเศร้าเกินไปแล้ว ..ไม่ใช่ผมที่ถูกต่อยหรอกนะ แต่เป็นคุณการ์ปที่ต่อยอย่างว่างเปล่าต่างหาก
แก้แค้นเหรอ? อย่ามาล้อเล่นนะ ของแบบนั้นน่ะ-มันใช่สิ่งที่ต้องการจริงๆที่ไหนเล่า
อุตส่าห์ได้ทำตามเป้าหมายของตัวเองแท้ๆ แต่ดวงตาของเขามันว่างเปล่าอยู่ มันบ้าอะไรล่ะครับนั่น
มันสะท้อนให้เห็นถึงจิตใจอีกด้านหนึ่งนะ
“..คุณเป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้น..ทุกคน..โลกใบนี้ด้วย..เป็นได้แค่หุ่นเชิดของใครสักคน ความตั้งใจนั่นก็แค่ของปลอมที่ยืมคนอื่นมาเท่านั้น”
ความทรงจำที่หายไปมันกลับมาแล้ว แค่เล็กน้อย แต่ความจริงของโลกได้ปรากฏบนหัวของผม
ภายในความทรงจำของผมมันบอกว่า-คุณการ์ปเป็นแค่คนที่ต้องช่วย
สักที่หนึ่ง ที่ไหนสักแห่ง มันมีความทรงจำของผมอยู่นับล้าน และหนึ่งในนั้นมันบอกให้ผมช่วยคุณการ์ป ช่วย ..เพื่อน? ที่อยากปกป้อง
..อีกนิดเดียวจะเห็นแล้ว อีกแค่นิดเดียว!!
“อาาาาาาาาาา—อั้ก”
พอผมถูกต่อยซ้ำอีกทีสติก็ดับเอาง่ายๆ …
รู้สึกตัวอีกทีผมก็โผล่มาในโลกสีขาว โลกใบนี้ไม่มีอะไรนอกจากตัวผมและตัวผมอีกคน
เขาคนนั้นหรือผมมีดวงตาสีทองอร่ามที่แตกต่างจากตาของผม นอกจากนั้นเหมือนกันหมด
“..เจอกันเร็วไปเดือนหนึ่งนะ ยูจิ”
จากที่เรียกผมว่ายูจิทำให้อนุมานได้ว่าพวกเราไม่น่าใช่คนเดียวกัน
“เร็วไปเดือนนี่มัน?”
“อย่าใส่ใจเลย เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้อะไรทั้งนั้น”
ชายที่หน้าเหมือนกับผมยิ้มให้
“เป็นไงบ้างล่ะ? ไม่ได้เจอกันนานพอควร”
ไม่ได้เจอกันนานนี่มัน? ไม่เข้าใจเลย พวกเราไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ
“คิดเช่นนั้นก็ไม่แปลก เจ้ามีสิทธิ์จะคิดอย่างนั้น”
เขาอ่านใจผมได้ ที่สำคัญที่เขาพูดแต่ล่ะอย่างมันแปลกเอามากๆ
“คุณคือ?”
เป็นเรื่องปกติที่จะต้องถามชื่อของคนไม่รู้จัก
“..เรียกว่า ‘ออร่า’ ล่ะกัน คนที่สนิทกับข้ามักจะเรียกอย่างนั้น ชื่อเดิมคือ..ไม่อยากเอ่ยเท่าไหร่ เป็นไปได้อยากให้เรียกว่าออร่ามากกว่า อืม เรียกข้าว่าออร่าเถอะ”
“คะ ครับ คุณออร่าสินะครับ”
“เป็นคนที่พูดจาได้สุภาพทุกครั้งดีจริงๆ ดีแล้วล่ะ ตัวเจ้าที่เป็นเช่นนี้ดีมากๆเลย”
เหมือนจะรู้จักผมมาก่อน ..สมัยเด็กละมั้ง ที่ผมสูญเสีญความทรงจำตัวตนของตัวเองทั้งหมดไป
“จิบชาหน่อยเป็นไง”
เขายื่นชาที่มาจากที่ไหนไม่รู้ให้ผม และสร้างโลกจำลองที่มีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับคงสองคน
ผมรับชาไว้แบบเกร็งๆและจิบเข้าปาก
“..ไม่มีรสชาติ”
“โบราณว่าคนที่จิบชาไม่ได้จิบเพื่อลิ้มรส แต่เพื่อปรับปรุงสภาพจิตใจตัวเอง เช่นนั้นแล้วรสชาติก็ไม่ได้จำเป็นอะไรมาก”
ไม่รู้หรอกนะว่าฟังมาจากไหน ..แปลกคนจริงๆด้วย
“ที่นี่ที่ไหนเหรอครับ”
“จิตใจของเจ้าเอง”
..เอ่อ
“ทำหน้าเหมือนเห็นผีไปเสียได้ ช่างเถอะ แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะช่วงนี้”
“..ก็สบายดีครับ ..พูดให้ถูกคือจะตายแล้วครับ ฮะๆ”
พูดแล้วก็เขินผมเลยเกาแก้มตัวเอง
“พูดเรื่องน่าหวาดเสียวได้หน้าตาเฉยเลยแฮะ สมกับเป็นเจ้า เรื่องเพื่อนล่ะ?”
“อ่า สนิทอยู่หลายคนครับ”
“มีใครสนใจเป็นพิเศษรึเปล่า? อย่างหนิง? หรือไอริส?”
“ก็เพื่อนกันปกตินะครับ”
“เพื่อนปกติ? ไม่มีอาการเขินอายอะไรตอนอยู่กับเจ้าเลยรึ”
“ไม่นะครับ แต่คุณหนิงจะดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ”
“หนิงสินะ แล้วเรย์ล่ะ?”
“สนิทกกันดีครับ เรียกว่าเพื่อนสนิทที่สุดได้เลย ..ว่าแต่ทำไมคุณออร่าถึงรู้จักทุกคนได้ล่ะครับ”
คุณออร่าเมินคำถามของผม เขาหรี่ตาลงอย่างเคร่งขรึม ทั้งๆที่มีใบหน้าเหมือนกับผม แต่บรรยากาศของคุณออร่านั้นดูเท่แบบผู้ใหญ่เป็นพิเศษ
“..เบลลามีเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็สบายดีนะครับ เธอเป็นเพื่อนที่ดีนะ พูดชวนเข้าใจผิดไปบ้างแต่ถ้ารู้จักกันแล้วก็สนิทได้ง่ายครับ”
“..รู้จักเบลลามีด้วยสินะ นั่นเร็วไปสองปีได้”
คุณออร่าพูดอะไรก็ไม่รู้อย่างจริงจัง
“ครับ?”
“เคียวยะล่ะ?”
“ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดีของผมครับ แล้วก็สองคนนั้นสนิทกันมากๆด้วย”
“เร็วไปสองปีเหมือนกันอีก ..สุดท้าย”
จู่ๆบรรยกาาศก็ดูจริงจังขึ้นมา ผมกลืนน้ำลายดัง ‘อึก’ ส่วนทางคุณออร่าก็ถามคำถามสุดท้าย
“กับเรเซอร์เป็นไงบ้าง”
“..คุณเรเซอร์สุดยอดเลยนะครับ เขาเหมือนกับสุดยอดมนุษย์ เป็นคนที่น่านับถือและเพื่อนที่ดีครับ คุณเรเซอร์สนิทกับคุณเคียวยะและคุณเบลลามีเป็นพิเศษ”
คุณออร่าพยักหน้ารับผมก่อนที่จะลุกขึ้นและสลายเครื่องมือจำลองทั้งหมดทิ้ง ผมเองก็เกือบจะล้มแต่โชคดีที่ไหวตัวทัน
“เอ่อ คือ”
“ต้องการปกป้องคนสำคัญรึเปล่า?”
“..แน่นอนว่าอยากครับ”
“ลำพังตอนนี้ไม่มีทางที่เจ้าจะสู้กับศัตรูตอนนี้ได้ เช่นนั้นแล้วข้าจะมอบ ‘อลัน’ ให้กับเจ้าตามควร เชิญใช้งานได้เต็มที่เลย”
..อลัน? ชื่อนี้แสนคุ้นเคย
“แต่มีข้อแลกเปลี่ยน ในทุกๆวันขอแค่วิเดียว ขอให้ข้ามีส่วนร่วมกับชีวิตของเจ้าด้วย”
“ผมไม่รู้หรอกนะครับที่พูดหมายถึงอะไร คุณคือใครกันแน่ผมก็ไม่รู้ แต่–ถ้าตกลง ผมจะช่วยเพื่อนได้จริงๆสินะครับ”
“เพื่อนที่ต้องการจะปกป้องมีใครบ้างล่ะ”
“ตอนนี้คนแรกคือการ์ปครับ”
…คุณออร่าถอนหายใจ พอจะเข้าใจอยู่หรอกที่ผมดันคิดว่าคนที่จะฆ่าผมเมื่อครู่คือเพื่อน ..แต่ความทรงจำของผมและความรู้สึกบางอย่างมันไม่มีทางเป็นของปลอม
“อย่างน้อยก็จะได้พลังใช้ต่อกร ร่างกายเองก็จะกลับไปครบบริบูรณ์ด้วย”
“ตกลงครับ”
ผมตอบรับทันที แค่รู้ว่าจะทำให้ผมสู้กับการ์ปได้ผมก็ยอมหมด
ได้ยินอย่างนั้นคุณออร่าจึงยิ้มอย่างพึงพอใจ
“อีกอย่าง”
“ครับ”
คุณออร่าเงียบไปพักหนึ่งก่อนพูดตอบผมด้วยแววตาที่ดุดัน
“อย่าได้ไว้ใจ ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ เด็ดขาด”
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเขาก่อนที่โลกสีขาวจะหายไป—-
****
“..จบแล้วสินะ..หุ่นเชิดบ้าอะไร ไร้สาระ”
การ์ปผละร่างออกจากยูจิ เขาทิ้งร่างไร้วิญญาณนั่นไว้และหันหลังให้ ..ด้วยเหตุผลบางประการในสัญชาตญาณ การ์ปเลยหันกลังกลับมาและพบกับยูจิที่ยืนอยู่
“นะ นี่แก ยังไม่ตายอีก!?”
“ผิดแล้ว ยูจิน่ะตายไปแล้ว”
“..หา?”
ยูจิยิ้มให้
“แต่ฟื้นมาแล้วล่ะ”
“ว่าไงนะ ..แกเป็นใครกันแน่—”
“ไอ้หนู”
มีเสียงใครสักคนแทรกมาข้างหู การ์ปถึงกับสะดุ้งโหยงและหันกลับไปดู
เขาพบกับชายแก่ร่างเล็กที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับวิญญาณระดับเทพของตนเองร้อยทั้งร้อย ทว่าคราวนี้กลับปรากฏมาในภาพโฮโลแกรมโดยที่ไม่ได้ขอ
‘ไอน์’ วิญญาณระดับเทพใต้บัญชาของการ์ป ได้ปรากฏตัวอย่างไม่ทราบสาเหตุในชุดทักชิโด้สีดำและแว่นตาข้างเดียวดูฉลาดดั่งทุกที
“จะโผล่หัวทำไม ไอน์”
การ์ปพูดบ่นโดยมองเหยียดๆ ไอน์เห็นก็อดกุมขมับกับนิสัยเสียของเจ้านายไม่ได้
“ไม่ได้อยากสักหน่อย แต่คนตรงหน้าทำให้ออกมาโดยไม่ตั้งใจต่างหาก”
“หา?”
การ์ปหันกลับไปมองยูจิ-และได้สบตากับยูจิ
“..นี่แก เป็นใครน่ะ?”
แม้จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนยูจิทุกประการ แต่บางอย่างทำให้รู้สึกได้ว่าไม่ใช่ยูจิแน่ๆ
อย่างน้อยๆยูจิก็ไม่ได้มีดวงตาที่น่ากลัวเช่นนั้น
“วิญญาณระดับเทพไอน์ และผู้ครอบครองคือศัตรูของยูจิคราวนี้สินะ อืม ไม่ใช่ยูนาสินะ”
“พล่ามอะไรของแกวะ รีบตอบคำถามมาได้แล้ว! แกเป็นใครกัน?”
“ไม่จำเป็น”
กล่าวจบยูจิก็หลับตาลง-และลืมตาตื่นอีกครั้งด้วยกลิ่นอายเหมือนก่อนหน้า
“ยะ..ยูจิ?”
“ผมเองครับ”
ยูจิยิ้มให้
MANGA DISCUSSION