เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 76: ตัวร้าย กับ Arc-อาร์คเดม่อนที่ผิดเพี้ยน (3
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 76: ตัวร้าย กับ Arc-อาร์คเดม่อนที่ผิดเพี้ยน (3
< < 63 Sec3 > >
ผมกำลังเผชิญหน้ากับตัวอันตราย และตัวอันตรายที่ว่าเป็นเพียงเด็กที่อายุไม่น่าเกินสิบสอง เพียงแต่หูของเธอก็ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดทันใด
ปลายหูของเธอต่างกับคนธรรมดา หูของเธอมันแหลมยาวและเหมือนจะกระดิกได้ตามความรู้สึก ประมาณว่าดูอ่อนไหวละมั้ง ซึ่งลักษณะรูปลักษณ์เช่นนั้นมันชวนให้นึกถึงเผ่าพันธ์แฟนตาซีที่มีให้เห็นกันได้ทั่วท้องตลาดอย่าง-
“-เอลฟ์?”
ตรงหน้าผมมีเอลฟ์ตัวเป็นๆอยู่
‘ไม่น่าเชื่อนะคะว่าปัจจุบันนี้ยังมีเอลฟ์อยู่ ในช่วงที่ฉันมีชีวิตเอลฟ์น่ะเหลือไม่ถึงร้อยตนด้วยซ้ำค่ะ’
เผ่าพันธ์ที่มีไม่ถึงร้อยเมื่อพันสองพันปีก่อนสามารถอยู่รอดมาถึงปัจจุบันได้หรือ? ค่อนข้างจะน่าเหลือเชื่อเลย
จะว่าไปเอลฟ์นี่มีอายุขัยเท่าไหร่กันนะ
‘สามพันปีคะ’
แสดงว่าตรงหน้าผมไม่มีทางเป็นเอลฟ์ที่หลงยุคตั้งแต่สมัยยูนา เพราะช่วงยุคยูนานั้นมันผ่านมาสองพันปีแล้ว ต่อให้แข็งแกร่งยังไงแต่มันก็เกินอายุขัยไปแล้ว ยูนาไม่มีทางรู้จักหรอก
‘ตามนั้นคะ แล้วก็อีกเรื่องที่ต้องเตือนมาสเตอร์ก่อนจะลงมือ’
อะไรล่ะ
‘เธอตรงหน้ามีกลิ่นอายมหามังกรอยู่คะ’
เวรเอ้ย กลิ่นอายที่ว่าเนี่ยประมาณไหน มหามังกรนะเห้ย! ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะเว้ยนั่น!
ความแข็งแกร่งของมหามังกรไม่ต้องบรรยายให้มากความ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นพวกพิลึกดูไม่ค่อยมีสติปัญญาเสียเท่าไหร่
‘เทียบเท่าสมัยมหามังกรตอนมีพลังครบ หรือก็คือเธอตรงหน้ามีความเป็นไปได้ที่จะแข็งแกร่งทัดเทียมมหามังกรช่วงสมัยของฉันคะ’
..เอาจริงดิ
นี่ผมกำลังเจอกับตัวอะไรอยู่กันนะ แค่คิดก็ชักเสียวสันหลังล่ะ
ไม่มีหลักประกันอะไรเลยที่ผมจะเอาชนะมหามังกรได้ ต้องบอกก่อนว่าถึงผมจะมียูนา ผู้สองหนึ่งชนะมหามังกร ซ้ำยังแยกทวีปเป็นสี่ส่วนอันเป็นแผลที่ยูนาสร้างใส่โลกใบนี้ก็ตามที แต่! ยูนาสมัยนั้นคือช่วงพีคสุดของชีวิต มีทั้งประสบการณ์ต่อสู้ ทักษะดาบชั้นเทพ วงจรเวทย์ชั้นเทพ ดาบมหาภูตที่สร้างมิติได้ เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ตัดมิติได้
สร้างและทำลายมิติไปพร้อมๆกัน นี่แหละคือยูนาช่วงที่แกร่งสุดบนโลก พลังของผู้สร้างแผลใจให้มหามังกรทุกตัว แต่ตอนนี้มันต่างออกไป
ผมคือผู้ใช้ยูนา ใช้แค่ยูนาเพรียวๆ ปราศจากประสบการณ์นับสิบๆปีที่ยูนามี ไม่ได้มีทักษะดาบชั้นเทพ ไม่ได้มีวงจรเวทย์ชั้นเทพ ไม่ได้มีคุณมหาภูตเซเนียเป็นคู่หู ว่าตามตรงแค่มหามังกรตัวเดียวผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะเอาลงรึเปล่า ให้สู้ยื้อเวลาน่ะได้อยู่หรอก แต่เอาอีกฝั่งให้ลงนี่มัน ..เกินมือเลยล่ะ
“ขอเลือกไม่สู้ได้มั้ยนะ บ้าจริง”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่อ่อนมา ก่อนจะรีดมานาออกจากร่างกายจนเกิดเป็นสเก็ดไฟ
เด็กสาว-เรียกว่าเอลฟ์สาวจะดีกว่ามั้ง หล่อนจ้องผมด้วยแววตาที่ตื่นเต้น
“คุณเป็นจอมเวทย์ชั้นยอดของแท้เลย” เอลฟ์สาวตบมือให้พร้อมรอยยิ้ม “นานแล้วนะ ที่ไม่ได้มีคู่ต้อสู้เป็นนักเวทย์”
“ขอบคุณที่ชมละกัน”
วิธีดูนักเวทย์ว่าเก่งหรือไม่เก่งจะดูกันที่เทคนิค ‘รวบรวมมานา’ อย่างนักเวทย์ทั่วๆไปเวลารวบรวมมานาจะมีแค่กระแสมานารอบตัว และใช้เวลานานพอดู แต่นักเวทย์ที่เก่งจะเกิดเป็นออร่าธาตุที่ตัวเองถนัดขึ้น–ผมกล้าพูดว่าตัวเองเป็นนักเวทย์ชั้นยอด
และเทคนิค ‘รวบรวมมานา’ ของนักเวทย์จะมีข้อดีตรงที่ไม่จำเป็นต้องรวบรวมพลังเวทย์อีกตลอดเวลาที่ตัวเองยื้อไว้
ต้องอธิบายก่อนว่าเวลานักเวทย์ใช้มานาเขาจะเริ่มจาก ฃ
รวบรวมมานา > สร้างมานา > ปรากฎเวทมนตร์ที่ต้องการใช้ > วนทั้งหมดใหม่อีกครั้งทุกครั้ง
ซึ่งต่างกับเทคนิครวบรวมมานาที่จะเป็น
เปิดเทคนิครวบรวม > รวบรวมมานา > ใช้เวทมนตร์ที่ต้องการได้ทันที > ใช้ได้จนกว่าจะถึงขีดจำกัดร่างกาย ไม่จำเป็นต้องวนมานาใหม่เหมือนปกติ
แน่นอนว่าข้อเสียคือสิ้นเปลืองมานา แต่ผมไม่มีเวลาพอจะมาสู้โดยประหยัดมานาไปด้วยหรอกนะ
“ขอบอกก่อนเลยล่ะกันนะ ทางนี้เลี่ยงได้ก็อยากเลี่ยง ไม่ประสงค์จะสู้กับพวกแข็งๆโดยไม่จำเป็น”
“ทางนี้ขอปฎิเสธค่ะ”
พูดมาแบบไม่คิดเลยแฮะ เอาเถอะ
“เข้าใจแล้ว ตกลงตามนี้ แล้วก็–ถ้าตายก็อย่าโทษกันล่ะ”
แน่นอนทางนี้ก็ด้วยอะนะ
ผมหยิบถุงมือเวทมนตร์ที่ซื้อตอนไปเลือกอุปกรณ์เวทย์กับยูจิออกจากกระเป๋าสะพาย และสวมใส่มันทั้งสองข้าง
สิ่งนี้จะทำให้ผมใช้มานาตลอดการร่ายน้อยลง ซ้ำยังแปรรูปได้ตามความต้องการของผมไม่ว่าจะเป็นดาบ โล่ เชือก อื่นๆตามมานาที่ผมใส่ไป
ข้อเสียคือจำเป็นต้องมีแบตเตอรี่ให้ ซึ่งผมมีมานาเยอะจนหายห่วงได้ อาจไม่เท่าเบลลามีหรือยูจิ แต่ของผมน่ะอยู่ในระดับที่พอใช้สู้ได้หลายสิบนาทีอยู่แล้ว
ทำเสร็จผมจึงเปิดประเดิมด้วยเวทมนตร์ขั้นบรรลุ หรือจุดสูงสุดของเวทมนตร์นั่นเอง
“[เวทมนตร์ขั้นบรรลุ]-[เอิร์ธฟิลด์]”
“—เอ๊ะ”
เอลฟ์ร่างเล็กตกใจ เธอหันควันไปมาเนื่องจากว่าร่างของผมได้หายไปจากสายตา
เวทมนตร์ขั้นบรรลุ [เอิร์ธฟิลด์] เป็นการสร้างฟิลด์เล็กใหญ่ขึ้นมาตามมานาที่ใส่โดยที่ความสามารถหลักๆคือการสลับพื้นดินรอบๆตามใจชอบ
ในอาณาเขตุนี้ทั้งเวทมนตร์ประเภทดิน หรือพื้นดิน อะไรก็ได้ที่เป็นดิน ผมจะควบคุมได้อย่างอิสระ แน่นอนว่าตามมานาที่ใช้ เพราะอย่างนั้นการยกดินขึ้นเป็นแผงๆเลยไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนัก แต่การใช้ที่ดีที่สุดสำหรับผมคือการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา โดยการสลับตำแหน่งดินเล็กๆ
“—อ๊ะ”
หล่อนสังเกตุเห็นผมเมื่อเห็นว่าผมโผล่มาอยู่ข้างหลังและในมีดาบสีดำสนิทที่กลายรูปจากถุงมือ
“ฮึย!”
อีกฝั่งรีบกระโดดถอยหลังด้วยแรงที่มหาศาลจนออกห่างผมได้ ที่สำคัญยังอยู่บนฟ้าทำให้อยู่นอกระยะทำงานของ [เอิร์ธฟิลด์]
ทำไมรู้ได้กันนะ? สัญชาตญาณระมั้ง เห็นว่าพวกมหามังกรมีเซนต์พิเศษโดยธรรมชาติกัน แต่ว่าตรงหน้ามันแค่ของปลอมเองนี่? อา ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาใส่ใจ
ผมรีบคิดวิธีจู่โจมต่อ
[สะบั้นมิติ]-[ระยะทาง]
ผมวาปไปอยู่ตรงหน้าเธอกลางอากาศ และอัดหมัดที่ถูกเสริมด้วยถุงมือข้างขวาเข้าใส่ร่างของเอลฟ์สาว จนร่างเธอลอยกับฟ้า ผมไม่รีรอรีบซ้ำต่อโดยการร่ายเวทย์ชุดต่อไป
“[บับเบิ้ล]”
ฟองน้ำขนาดยักษ์ห่อหุ่มร่างของเอลฟ์ไว้ ตอนนี้เธอเป็นเป้านิ่งแล้วผมจึงยกมือปลดปล่อยเวทมนตร์อีกชุด
“[ไฟเยอร์บอล]”
บอลเพลิงขนาดยักษ์ปรากฏและพุ่งออกจากปลายมือ
“[อาภรณ์เทพมังกร]”
หล่อนพึมพำขึ้นมา—-และเกิดโล่น้ำแข็งขึ้นตรงหน้ามารับเพลิงของผมไว้ได้อยู่หมัด
เอาจริงดิ น้ำแข็งแพ้ทางไฟนะเห้ย แต่โล่น้ำแข็งที่กันบอลไฟของผมได้นี่มันโคตรจะเหนือสามัญสำนึกเลย
‘มานากำลังกระจายตัวออกคะมาสเตอร์ โปรดระวังตัวด้วย’
“[สะบั้นมิติ]-[มิติกระจก]”
ดาบสีม่วงบนหลังผมตัดข้างหน้าผมจนเกิดเป็นรอยกระจกแตก–พร้อมๆกันเอลฟ์ตรงหน้าก็ได้ปล่อยคลื่นหิมะที่รุนแรงออกมา
ทุกความเสียหายถูกส่งไปไว้ที่ข้างๆผม [มิติกระจก] คือการสร้างมิติสะท้อนหรือส่งย้ายทุกอย่างตามจุดที่ผมตัดเอาไว้สองจุด ต่อให้จะเก่งยังไงก็ไม่มีทางโจมตีถึงตัวผมได้ด้วย [มิติกระจก]
ผมยิ้มเจื่อนๆ
แน่นอนในโลกนี้มันมีร้อยแปดวิธีทำลายมิติกระจกอยู่ ยังไงเสียคุณประโยชน์ของมิติกระจกก็ไม่ใช่แค่ป้องกันอยู่แล้ว มันสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายอย่าง เป็นหนึ่งในท่าที่มีประโยชน์ที่สุดของยูนา
อย่างเมื่อครู่ไม่มีการตัดมิติช่วยเอาไว้ คงเจ็บพอตัวเลย
หิมะที่กระจายได้แผ่ขยายไปรอบๆ และทางคู่ต่อสู้ของผมนั้นก็ปรากฏร่างใหม่ขึ้นมา
“[ยูกิคามิ]”
เอลฟ์เบื้องหน้าได้สวมเกราะสีหิมะที่ปกคลุมเกือบทั้งร่าง ยิ่งกว่านั้นมีปีกงอกออกมาด้วย
..ยูกิคามิรึ? เทพหิมะ? แต่มีกลิ่นอายแบบมหามังกรเนี่ยนะ? ไม่สิ ..ต้นกำเนิดของมหามังกรมาจากเทพมังกร การที่พวกเขาจะมีเศษเสี้ยงหรือเรียกตัวเองว่าเทพได้มันไม่แปลก ทว่าตรงหน้าไม่ใช่หนึ่งในสี่มหามังกรดั่งฟัฟนิร์หรือแซร์อิซเสียหน่อย
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมหามังกรไม่ได้มีอาภรณ์เกราะสวมใส่ ..
‘พลังของเธอให้ความรู้สึกเหมือนกับมหามังกรคะ’
มหามังกรที่ไม่ใช่มหามังกร ..ผมเอียงคอฉงน นึกสงสัยจากใจจริง เพราะอีกฝั่งก็คือตัวอันตราย
“ยังไงก็เป็นแค่ของปลอมสินะ ก็มหามังกรมีแค่สี่คนเท่านั้น”
“ประมาณนั้นค่ะ”
โอ๊ะ พูดง่ายจริงนะ นึกว่าจะปิดบังเป็นความลับอะไรเสียอีก จริงๆก็ไม่รังเกียจหรอกนะ คนที่ปากรั่วอย่างเธอน่ะ
ถ้าผมเป็นเธอผมจะไม่ตอบแม้แต่ของจริงหรือของปลอมดังข้างต้น เพราะข้อมูลเพียงเล็กน้อยก็มากพอจะตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว
ไม่รู้หรอกว่าคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าคิดจะให้ข้อมูลดีๆกันผมก็พร้อมรับฟัง
เอลฟ์ผู้เรียกตัวเองว่ามหามังกรของเทียมลอยขึ้นไปบนฟ้า และลงมือปล่อยคริสตัลน้ำแข็งใส่ผมนับร้อยๆ ทำซะเป็นห่ากระสุนเลย
ผมทำท่าจะร่ายเวทย์เพลิงสวนใส่ แต่ก็ยั้งมือไว้ก่อนด้วยคำเตือนของยูนา
‘กระโดดหลบดีกว่าคะมาสเตอร์ น้ำแข็งของพวกมหามังกรมันแตกต่างกับเวทมนตร์ทั่วๆไป’
..แบบนี้นี่เอง ที่เธอเคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้วสินะ
พลังของมหามังกรไม่ใช่เวทมนตร์ เจ้าพวกนั้นเป็นผู้ใช้มานาพิเศษที่คล้ายกับยูนา ของยูนาเป็นตัดมิติแต่ของพวกมหามังกรเป็น ‘เพลิงเผาผลาญมานา ของฟัฟนิร์’ หรือ ‘สายลมปัดเป่ามานา ของแซร์อิซ’
เป็นความสามารถเชิงคอนเซปต์ที่ขี้โกง ไม่ว่าจะดาบหรือเวทมนตร์ทุกอย่างจะถูกหยุดไว้ด้วยมานารูปแบบพิเศษของพวกมัน
เวทมนตร์ของผมเองถ้าเอาไปซัดตรงๆแบบแลกหมัด ก็คงถูกลมของแซร์อิซเป่าจนปลิว ไม่ก็ถูกเพลิงของฟัฟนิร์เผาจนหมอด
‘พลังของมหามังกรเทียมทัดเทียบกับพวกมหามังกรสี่สวะ เช่นนั้นแล้วมีความเป็นไปได้ที่พลังจะไปในเชิงเดียวกันด้วยคะ’
จะบอกว่าคริสตัลกระสุนน้ำแข็งนี่มีคุณสมบัติพิเศษอยู่น่ะเอง ..ถ้าอย่างนั้นการร่ายเวทย์อัดตรงๆก็เป็นทางเลือกโง่ๆ
ผมทำตามที่ยูนาบอกกระโดดหลบแทน แต่ก็ขอปล่อยเวทย์เพลิงเล็กๆไปทดสอบพลังด้วย
..ผมตามที่เดาไว้เลย
เพลิงของผมมันถูกแช่แข็งเอาไว้
“– ‘แช่แข็งมานาสินะ’ พอได้รู้ความสามารถแล้วก็ยิ่งทำให้ไม่อยากสู้เข้าไปใหญ่”
ถ้าเกิดถูกจับตัวนานๆเข้าล่ะก็ หล่อนคงสามารถแช่แข็งวงจรเวทย์ผมได้จนทำให้ผมไม่สามารถใช้ยูนาหรือเวทมนตร์ได้เลย คิดราวๆนี้ก็ชวนให้รู้สึกกลัวแล้วว่ามั้ย?
ผมหัวเราะเบาหวิว
มหามังกรเป็นอมตะด้วยสิ ไม่รู้ว่าหล่อนเป็นอมตะเหมือนพวกของแท้รึเปล่า ถ้าเป็นต่อให้ผมใช้ตัดมิติของยูนาก็ไม่สามารถหยุดยั้งการปล่อยท่าของเธอได้ เพราะมหามังกรกำเนิดจากมานา ไม่ใช่มนุษย์ที่กำเนิดจากมนุษย์ และแค่มีวงจรเวทย์กับมานาเพิ่มเข้ามาอีกที
ผมไม่สามารถตัดมิติวงจรเวทย์ของมหามังกรได้ เพราะพวกมันไม่มีให้ตัด พลังทั้งหมดของมันเกิดจากมานาทั่วโลกหรือก็คือโลกทั้งใบคือแหล่งกำเนิดพลังของพวกมัน
พวกมันที่สามารถทำอะไรสักอย่างกับต้นกำเนิดพลังของผมได้–เสียเปรียบสุดๆเลย แต่ยูนาสมัยวัยรุ่นก็สู้กับพวกมันด้วยข้อเสียเปรียบเหล่านี้เช่นกัน เพราะเธอคือมนุษย์เหมือนผม
มีอะไรแนะนำมั้ยยูนา?
‘เชื่อมั่นในตัวเอง และซัดให้คว่ำคะ’
..เชื่อมั่นในตัวเองสินะ
ยูนาเชื่อในตัวฉันรึเปล่า?
‘แน่นอน เพราะมาสเตอร์คือเจ้านายที่ฉันเลือก เข้าใจแล้วก็เลิกดูถูกตัวเองได้แล้ว’
ไม่ได้ดูถูกตัวเองสักหน่อย ไม่เห็นหรือไง ว่าไอ้ฉันคิดแต่ความจริงทางทฤษฎีนา ฝ่ายเราเสียเปรียบอยู่เห็นๆ
‘ไร้น้ำยาเอ้ย แค่นี้ก็กลัวซะแล้วไอ้มาสเตอร์ดีแต่ปาก ตั้งแต่เด็กยังโตมีดีแค่ปากสินะคะ’
พอเถียงไม่ได้ก็มาบ่นกัน พับผ่าสิ
‘มีปัญหาหรือคะ?’
..เอาแต่ใจจังนะ ก็ได้ๆ เข้าใจแล้ว ก่อนจะมาบอกว่าเชื่อใจฉัน คิดว่าฉันบวกไหวก็ช่วยบอกเหตุผลมาประกอบด้วยนะเฟ้ย
‘เหตุผลมีค่ะ แค่ไม่อยากพูด’
เป็นอะไรที่น่าอายขนาดนั้นเลยรึไง? ช่างเถอะ
“จะชนะให้ได้ละกัน เห็นแก่หน้าคู่หูชั้นเทพอย่างเธอล่ะนะ”
ถ้าผมแพ้นี่ไม่จืดเลย อุตส่าห์มีคู่หูดีๆเป็นยูนาแท้ๆแต่แพ้ให้กับไอ้ของปลอมเนี่ย ยูนาได้อับอายจนไม่กล้าออกจากป่ามหาภูตอีกครั้งแหงๆ ได้เก็บตัวเป็นฮิคิโคโมริชัวร์ เพื่อการณ์นั้นแล้วต้องชนะให้ได้
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ และคิดคำนวณเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต่อสู้ย้อนกลับในวิเดียว แต่เบาะแสมันน้อยเกินไป
“จำเป็นต้องมีข้อมูลมากกว่านี้ ..อีกสักจังหวะสองจังหวะต่อสู้คงพอ แต่ถ้าเป็นฝ่ายเข้าไปสู้ตามใจมีโอกาสบาดเจ็บสูง”
‘ไม่ต้องห่วงคะ ตอนที่มาสเตอร์ไม่สามารถตัดมิติได้ทัน ฉันจะแทรกการควบคุมและตัดมิติช่วยกับรักษาให้เอง’
“จะเจ็บปางตายยังไงก็หายห่วงเรื่องรักษาตัวไม่ทันสินะ เข้าใจแล้ว”
กล่าวจบผมก็พุ่งเข้าใส่ศัตรูต่อ และเริ่มการรุกรับปะทะอย่างดุเดือด
รอบๆพื้นที่เกิดหิมะและรอยกระจกแตกขึ้นนับไม่ถ้วน
****
ตัดมาทางฝั่งลูซิเฟอร์และการ์ปที่แลกหมัดกัน โดยที่ลูซิเฟอร์เหมือนจะต่อยเข้าเป้าอยู่ฝ่ายเดียว แต่พลังรวมๆแล้วเท่ากัน ทั้งพลังทำลายและความเร็ว แต่ทุกหมัดดูจะไม่สะทกสะท้านตัวการ์ปเลยสักนิด
ลูซิเฟอร์แอบแปลกใจเล็กน้อย เพราะพวกวิญญาณระดับเทพเขาก็เจอมาไม่น้อย ไม่ใช่ทุกตนด้วยที่มีพลังลบล้างความเสียหายได้ระหว่างสู้โดยไม่ต้องเปิดใช้พลัง กลับกันอย่างที่ลบล้างความเสียหายได้มันเป็นกรณีหายากในหมู่วิญญาณระดับเทพด้วย
แม้แต่ยูนาที่เก่งยังจำเป็นต้องลงมือตัดมิติก่อน แต่ตัวที่สามารถสู้ไปรักษาไปโดยอัตโนมัติหนึ่งจังหวะต่อหนึ่งจังหวะได้นี่มันแปลก
ถึงจะคิดมากไป แต่คนที่อัดอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนจะเป็นลูซิเฟอร์อยู่ดี เพราะทักษะมันต่างกันเกินไป
ลูซิเฟอร์ซัดหน้าการ์ปจนเกือบสลบ แต่ก็เหมือนฟื้นสติได้ทันทีด้วยพลังวิเศษ
“ไอ้บ้านี่!!”
“ต่อยให้ดีๆหน่อย”
ลูซิเฟอร์หลบและอัดลิ้นปี่เข้าให้
“—-อ๊วกกกก!!!”
การ์ปโดนอัดจนอ๊วกแตก ลูซิเฟอร์ไม่ปล่อยให้มีเวลาเขาเตะเข้ากลางตัว และแทงเข่าใส่รัวๆ
แต่การ์ปก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไรเป็นพิเศษ
ลูซิเฟอร์อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
“อึก–สวะเอ้ย!”
ลูซิเฟอร์ใช้ศอกกระแทกหน้าของการ์ปจนล้ม แต่การ์ปก็ลุกขึ้นโต้กลับโดยทันทีด้วยการใช้งานเวทมนตร์เพลิง
“[กไกไากไกชก] อ๊ากกกก!!!”
การ์ปพูดไม่เป็นภาษาแต่ที่ออกมาเป็นเพลิงที่รุนแรง ลูซิเฟอร์ใช้มือแตะเพลิงนั้นง่ายๆ
“[กัสโธนี่(ตะกละ)]”
คลื่นสีดำดูดเอาพลังของการ์ปไว้จนหมด ..การ์ปถึงกับหน้าเหวอ
“..นั่นมันความตะกละไม่ใช่รึไง ตัวแกเป็นความเย่อหยิ่งไม่ใช่รึไงตามตำนาน”
“นั่นแค่พลังขั้นพื้นฐานเองนะ คนทั่วไปหากได้ฝึกก็ใช้ได้หมดนั่นแหละ เป็นชั้นสูงตามชื่อมหาบาปก็ว่าไปอย่าง ทางนี้ไม่มีทางใช้ได้หรอก ต่อให้ท่านจอมมารก็ทำไม่ได้”
เพราะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะประจำปีศาจมหาบาป
“จะบอกว่าตัวเองเป็น ..มหาบาปตัวจริงเรอะที่พูด”
“ใช่แล้ว ข้าก็พูดไปตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่รึไง”
“แกโง่รึไง พวกแกควรเป็นฝ่ายที่รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ”
“ข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
การ์ปตัวสั่นระเทา ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะโมโห
“—-ไอ้เบื้อกเอ้ย! แกเป็นลูกน้องจอมมารไม่ใช่เรอะ แล้วจะมาสู้กับตูทำไมฟร้ะ”
“เอ๊ะ? ไม่ทราบเลยว่าพูดถึงอะไร”
ลูซิเฟอร์ถูคางพลางแหงนหน้ามองฟ้า ขณะที่ยืนอยู่กลางเศษซากตึกที่ล้มกันละนาว
“จะเรียกร้องขอชีวิตก็ช่วยอย่าอ้างท่านจอมมารด้วย”
“ถ้านั้นก็ดูพันธสัญญานี่ซะ”
การ์ปลุกขึ้นและชูเศษกระดาษสีดำให้ดู
“นั่นมันพันธสัญญาปีศาจ แถมยังเป็นของชั้นสูง ของพวกมหาบาปด้วยกันเท่านั้น ไม่ได้เห็นเสียตั้งนาน”
แสดงว่าปีศาจมหาบาปได้ริเริ่มพันธสัญญาบางอย่างขึ้นมาโดยลูซิเฟอร์ไม่รู้ตัว
ลูซิเฟอร์เดินไปดึงกระดาษมาอ่านโดยไม่ขอการ์ป นั่นทำให้หงุดหงิดไม่น้อยแต่การ์ปก็เก็บงำความรู้สึกไว้ เพราะถ้าสู้ต่อเขาไม่มั่นใจว่าจะชนะ
“ทำพันธสัญญากันตอนที่ข้าเข้าร่วมประชุมไม่ทันรึ..แบบนี้นี่เอง ข้าเข้าใจเจ้าหนุ่มผิดไป ..ไม่สิ ว่าตามตรงแล้วเจ้าไม่ได้ดีร้ายแตกต่างจากที่คิดเลย ..เอาจริงรึสหายของข้ากับคนพรรค์นี้”
ลูซิเฟอร์รู้สึกอึดอัดกับการตัดสินใจเล็กน้อย เพราะทางการ์ปเป็นแค่คนคลั่งที่เหมือนสติศีลธรรมของมนุษย์จะปลิวหายไปหมดแล้ว
“เข้าใจแล้วใช่มั้ยหะ การบุกรุกครั้งนี้เกิดจากการยินยอมระหว่างทางฉันและแก—พวกเราและจอมมาร เป็นพวกเดียวกันไม่ใช่รึไง”
การ์ปพูดทั้งรอยยิ้ม ลูซิเฟอร์ถูคางครุ่นคิดกับตัวเองแค่ครู่เดียวก่อนตอบกลับ
“ขอเงื่อนไขพิเศษอย่างหนึ่ง”
“ว่ามา”
“ไว้ชีวิตท่านเบลลามีและเพื่อนของท่านได้รึไม่”
“เสียใจด้วยว่ะ นั่นเป้าหมายหลักของตูเลย อีกอย่างยัยเบลลามีมันก็เป้าหมายหลักฝั่งจอมมารไม่ใช่เรอะ”
..ลูซิเฟอร์สะดุดกับข้อมูลที่การ์ปให้มา เขาถึงกับเบิ่งตากว้างและจ้องการ์ปไม่วางตา
“ไม่รู้หรอกว่าคุยอะไรไว้ รายละเอียดเป้าหมายฝั่งแกคืออะไร รู้แค่ว่าศัตรู ..คือยูจิแค่นั้น”
“เป้าหมายของพวกข้ามีแค่ท่านจอมมาร”
“จอมมาร? หรือว่ายัยเบลลามีนั่นจะ–อะไรกัน!? นี่ตูเกือบได้ฆ่าจอมมารแล้วนะเห้ย! น่ายินดีเป็นบ้า ฮ่าๆๆๆๆๆ–อุ๊ก!”
ร่างของการ์ปลอยขึ้นฟ้าด้วยแรงกระซากคอเสื้อของลูซิเฟอร์ เขายกการ์ปขึ้นและมองอย่างเคียดแค้น
“ปล่อย—-ปล่อย!!!!!”
“ถือว่าเจ้าโชคดีละกันที่มิได้ล่วงเกินเส้นนั้น”
กล่าวจบลูซิเฟอร์ก็ปล่อยการ์ปลงมากระแทกพื้น และยืนในท่าล้วงกระเป๋าดั่งเดิม
“แค่กๆ เจ็บๆ..เจ็บ” การ์ปนอนคดตัวอย่างขี้แพ้ “เจ็บเป็นบ้า นี่แกทำอะไรกับร่างกาย–อึก..”
การ์ปรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนกันกินของมีพิษเข้าไป ลูซิเฟอร์อธิบายให้ฟังสั้นๆ
“แค่ร่ายคำสาปเล็กๆไปเท่านั้น การฟื้นฟูระดับเจ้าไม่มีทางตายอยู่แล้ว แค่ทนเจ็บหน่อยนึง”
“ไอ้บ้าเอ้ย! ถ้าจบเรื่องแล้วมาเคลียร์กันต่อ จะฆ่าให้ตายเลยคอยดู!”
“ทางนี้ก็เหมือนกัน”
ลูซิเฟอร์มองเหยียดใส่การ์ปจนการ์ปรู้สึกตัวเองต่ำต้อยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“..ตามสัญญา ข้าขอแค่ท่านเบลลามีพอ ..ทางเจ้าหนุ่มจะทำอะไรก็ทำ ข้าจะให้ความร่วมมือด้วย ต่อให้เป็นการฆ่าคนสำคัญของท่านเบลลามี หรือใครก็ตาม”
เพื่อจอมมารแล้ว ต่อให้ฆ่าคนดีหรือคนบริสุทธิ์ไปเขาก็ไม่แคร์แต่อย่างไร น้ำหนักมันต่างกับการปกป้องคนที่ไม่ผิดตามปกติของลูซิเฟอร์ เพราะจอมมารคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับลูซิเฟอร์ เจ็ดมหาบาปทุกๆตนก็คิดเหมือนกันหมด
“แล้วพวกมหาบาปที่เหลือล่ะ”
มีพันธสัญญานี้แท้ๆ แต่น่าแปลกที่คนอื่นนอกจากเขาไม่เห็นจะโผล่มาเลย
“มหาบาปความโกรธตอนตกลงพันธสัญญาไม่รู้หายหัวไปไหน แกเองก็เป็นหนึ่งในคนหายด้วย”
“น่าคิดถึงวันวาน ตัวข้าและซาตานมักเป็นผู้ถูกทิ้งเสมอ อา สหายเอ่ย ทำไมถึงได้ทิ้งกันได้ลงคอนะ แม้แต่ท่านจอมมารไม่เคยถึงข้าและซาตานเลยนะ”
ลูซิเฟอร์ทำท่ารำเศร้าสร้อย–แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนหลงทางมีสามคนได้แก่ ซาตาน ลูซิเฟอร์ และจอมมารที่ว่าหรอกหรือ?
การ์ปไม่พูดไม่จาอะไรให้ยืดยาว ทำเพียงมองอย่างเอือมๆ และอธิบายที่ลูซิเฟอร์ถามต่อ
“อีกห้าตัวที่เหลือ ..กำลังเริ่มแผนการณ์จับกุม ‘เทพดาบ แกนนอน’”
..ลูซิเฟอรืไม่พูดพร่ำอะไรต่อ เขาเริ่มแผนการณ์ต่อทันทีเมื่อทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว
“ชิงท่านจอมมารมา และฆ่าศัตรูของเจ้าหนุ่มให้หมด สินะ”
“เออ! แต่ยูจิ ไอ้เวรนั่นตูจัดการเอง”
ลูซิเฟอร์หยักไหล่ให้ เลือกได้เขาก็ไม่อยากลงมือสังหารสหายของท่านจอมมาร แม้จะเป็นร่างกลับมาเกิดใหม่ก็ตามที …
“ไม่ใช่แค่ยูจิด้วย ไอ้บ้าตัวอื่นด้วย โดยเฉพาะ ‘เรเซอร์’ จะฆ่าทิ้งให้หมดเลยคอยดู”
“ตามใจอยากเลย ข้าขอแค่นายของข้า ทว่าจะหาเรื่องใครก็ระวังหน่อยละกัน” ลูซิเฟอร์ยกนิ้วอธิบาย “ตัวอะไรสักอย่างทางเหนือ เมื่อครู่ข้าสัมผัสได้ถึงมานาที่มหาศาล กับการรวบรวมมานาที่ไร้ขีดจำกัดเสมือนมหามังกร และเมื่อไม่กี่วิมานี้ ฝ่ายที่ดับหายไปกลับเป็นผู้รวบรวมมานาได้อย่างกับมหามังกรตัวเป็นๆ”
การ์ปถึงกับหน้าซีดเผือก เพราะการ์ปร่วมมือกับเรน เขารู้ดีว่าไผ่ตายของเรนคืออะไร และรู้ดีว่าลูซิเฟอร์พูดถึงใครอยู่
ลูซิเฟอร์กำลังจะบอกว่า หนึ่งในอาวุธที่มีพลังทัดเทียมมหามังกรของเรนนั้นได้แพ้ไปแล้วเมื่อไม่กี่วิมานี้
การ์ปถึงกับเก็บความร้อนใจไม่อยู่และโวยวายออกมา
“บะ บะ บ้าน่า เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง ไม่มีทาง มันใช้ทริคบ้าอะไรกัน หรือว่าเจ้า ‘ราชาอัศวินคาลอส’ นั่น..ไม่มีทางอีก เพราะเรนกับไอ้สัตว์ประหลาดเอลฟ์มันไปขวางไว้อยู่—พะ พวกแสงยานุภาพอื่นๆของอาณาจักรฟัฟนิร์!? ไม่มีทางอีก พวกที่เหลือมันออกไปทำภารกิจตัวเองจนหมดเลยนะเฟ้ย บ้าน่า เรื่องบ้าๆไร้สาระมันอะไร มีด้วยเรอะในเมืองนี้ที่รับมือกับมหามังกรได้”
“ข้าถึงได้เตือนไง ถ้าเป็นตัวข้าช่วงพลังครบคงสู้พอไปวัดไปวาได้ แต่ตอนนี้ช่วยอย่าหาเรื่องมาให้ข้าเลย พันธสัญญานั้นถ้าศัตรูเป็นผู้โค่นมหามังกรได้ ขอวิสาสะฉีกทิ้งล่ะกัน ยังไงเสียข้าก็คือลูซิเฟอร์ผู้ทรยศอยู่แล้ว”
ลูซิเฟอร์พูดจะหักหลังทันที ถ้าเกิดว่าเป็นไปตามที่คิด พลางหยักไหล่ให้หน้าตาเฉย
“..ช่างสิ ไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร ต่อให้เป็นเป้าหมายของฉัน ก็จะขยี้ให้หมดเลยคอยดู ..ด้วยวิญญาณระดับเทพ!”
การ์ปเริ่มหัวเราะเล็กน้อยระหว่างทาง เมื่อนึกภาพที่ตัวเองโค่นศัตรูลงได้—–
****
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ก่อนที่เรเซอร์จะโค่นผู้ทัดเทียมกับมหามังกรลง