ความเดิมตอนที่แล้วโดยสั้น ตัวผมบังเอิญทำให้เกิดปรากฏการณ์รถไฟชนกันทีเดียวสี่ขบวน ..สับรางไม่ทัน? ไม่ใช่! ผมไม่ได้ทำอะไรน่าทุเรศอย่างนั้นเสียหน่อยหนึ่ง
พระเจ้า ถ้าเกิดท่านยังมีตาอยู่ล่ะก็โปรดพิจารณาเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วช่วยลูกด้วยเถิด
เรเซลแตะริมฝีปากตัวเองพลางเอียงคอฉงน
“ท่านเรเซอร์สินะคะ” เรเซลหันไปมองโซเฟีย “คนๆนั้น..แฟนเหรอ”
“ลืมพวกเราเร็วจริงนะนายท่าน ว่าแต่ทำไมต้องอยู่ในสารรูปอย่างนั้นด้วยล่ะคะ?”
อันนาเสริมโดยไร้ความปราณี โซเฟียหันซ้ายขวาไปมาระหว่างเบลลามีกับเมดๆ
“เรเซอร์..มาเที่ยวกับโซเฟียเหรอ-เดี่ยวก่อนนะ ไม่ใช่ว่าโซเฟียเขามีนัดกับคนชื่ออลันแมน..หรือ”
เบลลามีทักขึ้น-โซเฟียหันกลับมามองผม
“..นี่มันอะไรน่ะ”
ลืมไปสนิทเลย-พระเจ้าน่ะ ได้ตายไปแล้ว
ผมยืนแข็งทื่อไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ในสมองคิดอะไรไม่ออกแล้วด้วย มันโล่งสนิทเลย
“นี่คุณอลันแมน ที่ว่าเรเซอร์เนี่ยคืออะไรเหรอคะ! แล้วคุณรู้จักกับเรเซอร์ด้วยเหรอ!”
…
“..เรเซอร์ ใครละนั่น”
“โกหกมันไม่ดีนะเรเซอร์”
เบลลามีโพล่งตรงๆ
“…คือว่า”
“ขอเวลานอกนะ” อันนายกมือขึ้นและเดินเข้ามาจูงมือผมไป “แค่ไม่กี่นาทีพอ ขอยืมตัวคนๆนี้หน่อย”
ทั้งสองผงกหัวยอมรับ อันนาลากผมมาอยู่กับเรเซลและเธอ
“ไม่เจอกันตั้งนาน นายท่านนี่เนื้อหอมดีนะคะ”
“เข้าใจผิดแล้ว หนูคือใครกันน่ะ”
“ดิฉันเข้าใจทั้งหมดอยู่แล้วคะ ท่านเซบาสเตียนเล่าให้ฟังแล้ว”
“เอ๋? ไม่บอกงั้นตั้งแต่แรกล่ะอันนา ปล่อยให้ฉันกลัวซะตั้งนาน”
กำลังเสริมมาแล้ว–อันนาแสยะยิ้มและยกมือขึ้นมาทำนิ้วชี้ก้อยปิดเปิดปิดเปิด
“ตรืด ตรืด ติดกับแล้วค่า”
หะ
“นะ นี่หล่อนเหลี่ยมจัดเลยนะ”
“ไม่อาจเทียบกับนายท่านที่ล้อเล่นกับหัวใจสาวน้อยได้หรอกคะ เช่นนั้นก็อธิบายมาเถอะว่าสารรูปแบบนั้นมีที่มาที่ไปยังไง อีกอย่างทางสาวน้อยผมดำก็รู้จักนายท่านร่างจริงด้วย”
..ยัยนี่ดูสุขุมแล้วฉลาดขึ้นแฮะ
ผมเบือนหน้าหนีอันนา และเริ่มอธิบายให้ฟังจนหมดโดยย่อ ..
เรเซลที่ได้ยินถึงกับเอามือกุมปาก ส่วนอันนาอยู่ในท่าเท้าสะเอวกับกุมขมับพร้อมๆกัน สุดจะเอือมในตัวผมเลยล่ะ
“สรุปคือนายท่านปลอมตัวไปหลอกผู้หญิงว่าชื่ออลันแมนแล้วเกิดทำให้เธอตกหลุมรัก หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ความสัมพันธ์ดำเนินมาไกลจนอีกฝ่ายคิดไปเองว่าคบหาดูใจกันแล้ว และตัวตนที่แท้จริงก็ไปจีบสาวน้อยผมดำ ..บังเอิญมาเดทแล้วทะเลาะกัน และเผอิญอีกมาเจอฉันและเรเซลกับสาวน้อยผมดำที่เหมือนจะจับตัวจริงนายท่านได้ …หึ หึ”
อันนาหัวเราะชอบใจ ผมที่เวลานี้ตื่นตูมสุดๆได้ถามกลับอย่างลกๆ
“ขำทำไมเล่า”
“น่าสมเพซจริงๆค่ะ”
—รุนแรง
“เรื่องตลกในรอบสามสี่ปีเลยนะคะนี่ คนที่ฉันเคราพรักซวยสับรางรถไฟไม่ทันจนถึงแก่กรรม น่าประทับใจมากคะนายท่าน ถ้าเล่าให้ท่านแองเจลิน่าฟังเธอคงรู้สึกสลดไม่น้อย”
ไม่ได้ตายเฟ้ย! ไม่ได้สับรางรถไฟอะไรทั้งนั้นด้วย..ถึงมันจะใกล้เคียงหน่อยนึงก็ตาม
“โทษทีละกัน ไอฉันก็ไม่อยากให้การพบกันอีกครั้งมันเลวร้ายแบบนี้ด้วย ..โทษที”
“ไม่เป็นไรนะค่ะ”
เรเซลยื่นผ้าชิดหน้าให้กับผม..นางฟ้ามีอยู่จริง
“โอ๋นายท่านมากไปไม่ดีนะ”
“นานๆทีจะได้เจอกันเชียวนะค่ะท่านอันนา”
อันนาเกิดอกเชิดใส่ ท่าทางเช่นนี้ของเธอมันเหมือนเดิมกับสมัยก่อนเลย
“ได้อยู่กันพร้อมหน้าแล้วนะ..น่าคิดถึงจัง” ผมพูดไปซับน้ำตาไปด้วย
“เรื่องลำลึกความหลังน่ะไว้ทีหลังดีกว่าค่ะ ตอนนี้คิดว่าจะเอายังไงต่อดีกว่าค่ะ”
นั่นสินะ
“ตามนั้นเลย พวกเธอพอมีไอเดียดีๆมั้ย”
“ประทานโทษค่ะนายท่าน เกรงว่าพวกเราเองก็เป็นเหยื่อเหมือนกันนะ ช่วยแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองทีค่ะ”
“ถ้านั้นก็อย่ามาทำทีเหมือนจะช่วยได้มั้ยฟร้ะ!”
“ก็แหม่ ท่าทางของนายท่านตอนดิ้นดนอย่างเอาเป็นเอาตายเนี่ยมันน่ารักดีนี่ค่ะ”
ปากดีชะมัดยัยเมดนี่!
“ก็ได้ๆ จะช่วยก็ได้คะ”
“จะ จริงเหรอ!?”
อันนาพยักหน้าก่อนจะพุ่งปรี่ไปหาโซเฟียและเบลลามี ผมเห็นก็รีบตามไปเพราะเธอไม่บอกไม่กล่าวอะไรเลยอดกังวลไม่ได้
“..คุณอลันแมนช่วยอธิบายด้วย”
โซเฟียเขม็งใส่ผมตาเป็นวาว สำหรับตอนนี้เราต้องเริ่มจากขอโทษละมั้ง พอคิดอย่างนั้นอันนาก็ดันลงมือทำเรื่องสุดโต่งลงไป
“โทษทีนะ ผู้ชายคนนี้เป็นของฉันน่ะ”
…ขอทีเถอะ
“ใช่มั้ยเรเซล?”
หล่อนโยนให้เรเซลต่อ เรเซลยิ้มตอบรับสวยๆ
“แน่นอนคะ จะว่าไป..คุณผู้หญิงผมดำชื่อเบลลามีรึเปล่าคะ”
เรเซลทักหาเบลลามีด้วยรอยยิ้ม
“อือ ใช่”
“ขอบคุณที่ช่วยดูแลนายท่าน ‘ของพวกเรา’ ด้วยนะค่ะ”
…เรเซลก็ด้วยเรอะ
ผมหน้าซีกเป็นไข่ต้มโดยสมบูรณ์สถานการณ์เช่นนี้สุดจะบรรยาย ใครกันนะที่บันดาลทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ ..มันก็ผมเองแหละ
“ไม่หรอก ..เราเป็นแค่เพื่อนน่ะ”
“ยังไงก็ขอบคุณนะค่ะ นายท่าน ‘ของเรา’ ค่อนข้างจะบ้าบิ่น ถ้าได้คุณผู้หญิงที่ใจดีอย่างคุณเบลลามีคอยดูแลในฐานะ ‘เพื่อน’ ฉันก็ยินดีมากๆคะ ..ว่านั้นหรือเปล่าอันนา”
“เห็นด้วยค่ะ จะว่าไปคุณโซเฟียกับนายท่านเรเซอร์นี่มีความสัมพันธ์กันยังไงเหรอคะ”
โซเฟียจ้องหน้าสวนกลับอันนาจนเกิดเป็นกระแสไฟพิลึกขึ้น
“เพื่อนค่ะ”
“น่ายินดีจริงๆ”
อันนาพุ่งมาเกาะแขนผมประหนึ่งหมีโคอาล่าเวลาเกาะต้นไม้
“พวกคุณทั้งสองช่วยเป็น ‘เพื่อน’ ที่ดีไปตลอด ให้กับนายท่าน ‘ของพวกเรา’ ด้วยนะคะ”
“อืม..จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อไป”
เบลลามีตอบกลับแบบซึมๆ ส่วนโซเฟียนั้นต่างกัน เธอลุกขึ้นมาสู้กับอันนา
“เรเซอร์น่ะว่าไปอย่าง แต่ที่เธอเกาะอยู่มันคุณอลันแมนแฟนของฉันนะ!”
“อุ้ย เป็นแฟนกันหรือค่ะนี่”
อ้าาาา!!!!!! เอาแล้วไง มีเรื่องแล้ว!
“ใช่สิ เธอเป็นของเรเซอร์ไม่ใช่รึไง แล้วทำไมมาะเกาะติดกับคุณอลันแมนอย่างนั้นล่ะ”
“..ก็ที่ดิฉันเกาะอยู่นี่ไงคะ เขาชื่อเรเซอร์คะไม่ใช่อลันแมน”
“เรเซอร์? พูดบ้าๆไม่มีทาง..”
หน้ากากของผมถูกถอดออกแล้วโดยอันนา เธอดึงหน้ากากออกและปาทิ้งลงพื้น เป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งความเกรงใจกัน แต่ว่ากันตามตรงดีแล้วล่ะ
ผมเกร็งปากสุดตัว ฝืนยิ้มให้โซเฟีย
“ยะ โย่ว ฉันเอง ขอโทษนะที่หลอกมาตลอด..ฉันขอโทษจริงๆ”
“..ไม่จริง..อย่าบอกนะว่า”
โซเฟียหันกลับมามองเบลลามี
“เราไม่รู้หรอกนะว่าเรเซอร์คือคนชื่ออลันแมน แต่เรารู้สึกได้น่ะ ..กลิ่นเขาเหมือนกับเรเซอร์”
“ทางดิฉันเองก็สัมผัสได้น่ะ เซนต์ละมั้ง” อันนาว่า
“สรีระร่างกายเขาเหมือนกับนายท่านหมดเลย และไม่มีทางที่คนเราจะรูปร่างเหมือนกันหมดด้วย ฉันเลยรู้น่ะคะ” เรเซลว่า
ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจดีที่พวกหล่อนจำผมได้ต่อให้หน้าตาจะเปลี่ยนไปด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป แต่ขอโทษนะ ว่าตามตรงมันชวนสยองหน่อยนึง
“..จริงๆแล้วฉันไม่ใช่อลันแมน แต่เป็นเรเซอร์ นี่คือความจริง”
“เหรอ”
โซเฟียตอบกลับสั้นๆ เห็นดังนั้นผมจึงกลับไปสบตากับเธอ และนึกเสียดายเมื่อได้สบตา
เธอกำลังร้องไห้อยู่
“ที่พูดมีอยู่แค่นี้ใช่มั้ย คุณ..ไม่สิ-เรเซอร์ นายมีเรื่องพูดแค่นี้เหรอ?”
“..อ่า ขอโทษนะ”
“มีแค่คำขอโทษอย่างเดียวเลยไม่ใช่เหรอนั่น มันไม่แปลกไปหน่อยรึไง แบบนี้มันขี้โกงเกินไปแล้ว..ทำไมถึงต้องทำอย่างนี้ด้วยล่ะ”
โซเฟียพูดไปร้องไห้ไป เสียงที่สะอึกสะอื้นของเธอทำให้ผมรู้สึกผิดถึงที่สุด
“ขอโทษนะ ฉันผิดเอง”
“แน่อยู่แล้ว นายน่ะผิดเต็มๆเลย แต่ว่านะ..ฉันรู้สึกว่า เวลาที่ใช้ร่วมกับนายในร่างอลันแมนเนี่ย มันไม่มีค่าอะไรเลย สูญเปล่าทั้งหมดเลย ..ความรู้สึกของฉันไม่ใช่ของเล่นนะ”
…
“ไม่มีอะไรจะพูดอย่างอื่นนอกจากขอโทษแล้วใช่มั้ย”
“…ไม่มีแล้วล่ะ”
“เหรอ” โซเฟียมองหน้าผมทั้งน้ำตา “ฉันโง่จังนะ นายรู้มั้ยว่าก่อนหน้านี้ฉันคิดอะไรอยู่น่ะ”
ผมส่ายหัวให้
“ฉันคิดว่านายขอโทษเสร็จแล้วจะขอฉันคบในร่างจริงๆ ฉันรู้สึกนะว่าพวกเรามีความสัมพันธ์ที่พิเศษให้กันและกัน อย่างน้อยในบทของคุณอลันแมนนายก็น่าจะรักฉันบ้าง..แต่ว่าไม่สินะ มันเลยสูญเปล่าทั้งหมดไงล่ะ เพราะสุดท้ายยังไงนายก็ไม่ชอบฉัน เวลาทั้งหมดนายทำมันโดยไม่ได้ชอบฉันเลยสักนิด”
…
“นายเนี่ยถนัดเรื่องการทำให้ฉันร้องไห้จังนะ”
โซเฟียเดินผ่านผมไป เธอเดินไปอย่างเด็ดขาด ไร้ซึ่งความลังเล ต่างกับผมผู้ขี้ขลาดที่ปล่อยให้ทุกอย่างอยู่นิ่งตั้งหลายเดือน ..ผมอยากจะขอโทษเธออีกสักล้านครั้ง แต่ไม่ทำอย่างนั้นอาจเป็นการขอโทษที่ดีที่สุด
ต่อจากโซเฟียก็เป็นเบลลามีที่พูดกับผมอย่างตรงไปตรงมา
“เรื่องตอนเคียวยะเราไม่ถือนะ เพราะเรเซอร์ทำเพื่อช่วยเคียวยะโซเฟียเลยไม่ถูกด้วย ..แต่คราวนี้เรเซอร์ทำตัวได้แย่มากเลยนะ”
“ขอโทษนะ”
“อือ ขอรับไว้”
เบลลามีเดินผ่านผมไปอีกคน ตอนนี้เลยเหลือแค่ผมกับอันนาและเรเซล
“คงไม่ถามฉันกลับใช่มั้ยคะ ว่าทำไมดิฉันถึงสร้างสถานการณ์ให้สารภาพความผิด”
“ไม่ถามหรอกน่า ..ยังไงทั้งหมดฉันก็ผิดเอง เธอบอกว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายด้วยนี่ ขอโทษนะ”
ทั้งหมดผมผิดเอง ไม่สามารถปฎิเสธได้ จริงๆแล้วผมนึกขอบคุณอันนาเสียด้วยซ้ำ ที่ช่วยให้ตัวเองผู้ขี้ขลาดยอมรับความผิดของตัวเองได้อย่างซื่อตรงน่ะ
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ดิฉันขอพูดตรงๆนะ”
“อ่า”
ตอนนี้จะอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ
“ถึงที่ทำจะเป็นเพราะเหตุสุขนิสัยกับความอ่อนโยนก็ตามที แต่เรื่องมันบานปลายก็เพราะว่านายท่านไม่ยอมลงดาบตัดสินใจอย่างเด็ดขาดสักที มัวแต่เล่นตัวจนความอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นความขี้ขลาดตาขาว ตอนสุดท้ายก็กลายร่างเป็นนักบุญขี้โกหก และจุดจบของคนโกหกน่ะมันมีแต่น้ำตานะคะ”
“อย่างที่อันนาพูดเลยค่ะท่านเรเซอร์ ..อย่าทำอีกนะคะ ถ้าทำอีกครั้งฉันจะร้องไห้ตามท่านโซเฟียด้วยเหมือนกัน”
“อ่า ..ให้ตายก็จะไม่ทำซ้ำอีกแล้ว ขอบคุณพวกเธอที่ช่วยเปิดโปรงความผิดของฉันนะ”
ผมก้มหัวสำนึกผิดทุกๆประการ
อันนาเห็นท่าทางของผมเธอก็หัวเราะขึ้นลำคอ
“แต่ถ้านายท่านทำผิดซ้ำอีกพวกเราจะออกมาแฉและปรับความเข้าใจกันเหมือนคราวนี้อีกแน่นอน ..ว่าตามตรง ฉันดีใจนะคะที่ได้ช่วยพูดสอนนายท่านบ้าง”
“ฮะๆ นั่นสินะค่ะ แต่ก่อนมีแต่พวกเราที่โดนทานเรเซอร์สอน”
“ได้พูดสอนคนรักแบบนี้ สำหรับฉันมันคือกำไรคะ จะทำเรื่องโง่ๆอีกนานๆครั้งก็ได้นะคะ”
พวกเธอสองคนพูดกับผมอย่างสนุกสนานเมื่อสั่งสอนผมจบ ..เด็กน้อยมากปัญหาสองคนในวันวานได้หายไปแล้ว เติบโตขึ้นมากพอจะสอนบางเรื่องให้กับผมแล้ว การพบเจอกันอีกครั้ง การได้รับรู้ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มันช่างน่ายินดี
อันนาเติบโตขึ้นมาก เธอทั้งสุขุมและมากด้วยเหลี่ยมไหวพริบ
เรเซลก็เช่นกัน เธอมีความกล้าที่จะพูด มีความปราณีตในหลายๆสิ่งมีความเตรียมพร้อมที่ดี
ไม่กี่ปีแท้ๆ แต่พวกเธอโตขึ้นระดับที่สามารถยืนเคียงข้างกับผมได้ หรือบางทีอาจจะเดินนำผมแล้วยังจะได้เลย ..
“เข้าใจแล้ว แต่เรื่องจะทำอีกน่ะต้องขอปฎิเสธ ..ขืนทำอย่างนั้นไปพวกเธอก็เสียใจแย่เลยสิ”
ลองนึกดูสิ สมมุติให้ผมมีภรรยาคนหนึ่ง แล้วผมอาจไม่เคร่งเรื่องผัวเมียคนเดียวก็จริง แต่ดันโดนทำเหมือนคบซ้อนใส่เนี่ยมันก็ชวนเศร้าใจหน่อยๆ อาจจะดีใจบ้างตรงที่ได้สั่งสอนภรรยา แต่ไม่ว่ายังไงมันก็เศร้าอยู่ดี ..ถ้าจะมีคนรักเพิ่มทำไมถึงไม่บอกตรงๆล่ะ
เรเซลกับอันนาเธอไม่สนเรื่องสามีมีภรรยายหลายคน เธอสนแค่ว่าได้นอกใจรึเปล่าเท่านั้น หน้าที่ของสามีที่ดีคือไม่นอกใจด้วย
“จะนอกใจไม่ได้ ประมาณนั้นแหละ”
เรื่องคราวนี้เป็นบทเรียนสำคัญของผมเลย …ไม่รู้ทำไมพอพูดออกไปพวกหล่อนถึงพากันเงียบกริบ
“..จะเงียบทำไมนั่น ทำตัวเป็นป่าช้าไปแล้ว”
“นายท่าน..ที่พูดออกมาเนี่ยไม่ใช่ว่า..ไม่ใช่ว่าท่านยอมรับพวกเราเป็นภรรยาแล้วหรือคะ”
นั่นสินะ
“ท่านแองเจลิน่าก็ไล่ให้มาคุยกันก่อนนี่แหละคะ พวกเราเลยว่าจะเคลียร์กันตรงๆ-ทีแรกดิฉันก็คิดว่าน่าจะได้เป็นแค่เมดแล้ว เพราะดูท่านจะสนใจคุณเบลลามีไม่น้อย”
“เห็นแต่ก่อนปฎิเสธฉัน เพราะคุณเบลลามีด้วยนี่คะ”
เมดสาวสองคนพากันคอตก ตอนนี้น่าจะมีความรู้สึกที่หลากหลายอยู่ในใจของพวกเธอ
“ว่าตามตรงนะ-ฉันน่ะเป็นขุนนางชั้นสูง ไม่มีทางที่จะได้แต่งโดยเอาพวกเธอเป็นหลวงได้หรอกนะ ..ถ้ารู้อย่างนั้นแล้ว ยังจะโอเครอยู่รึเปล่าล่ะ”
โลกนี้ไม่มีธรรมเนียมผัวเมียเดียวก็จริง แต่ในหมู่สามัญชนมักจับคู่แค่คู่เดียวกัน บางทีพวกเธออาจไม่พอใจ
“สรุปคือรับรักพวกเราใช่มั้ยคะ!” อันนาตากลายเป็นรูปหัวใจ
“ใช่มั้ยคะ ใช่มั้ยคะ!” เรเซลพูดย้ำไปมาไม่หยุด
ทั้งสองพุ่งเข้ามาใกล้ผมอย่างพร้อมเพรียงกัน
“อะ อือ ใช่ ถ้าพวกเธอรับได้กับสถานะที่ดูไม่เท่าเทียมน่ะ ..”
“ไม่เท่าเทียม?”
“ยังไงเหรอคะ?”
..ยังไงเหรอ มันก็
“แค่นี้ก็มีความสุขมากพอแล้วคะ” เรเซลพูดทั้งรอยยิ้ม
“ใช่ค่ะ มันสำคัญที่ความรู้สึกของนายท่านมากกว่าสถานะในบ้านเป็นไหนๆ”
..
“แต่ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่ทางฉันยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องความรักน่ะนะ”
“เอ๊ะ/หา”
ทำไมผสานเสียงได้น่ากลัวอย่างนั้นล่ะ
“ก็หลายๆเรื่องน่ะ”
ผมไม่อาจลืมได้ เรื่องราวของไลทโนเวลและเป้าหมายดั้งเดิมของตัวเอง
โลกใบนี้กำลังเข้าสู่ช่วงสงครามกับจอมมาร ความจริงนี้ทำให้ผมวางใจไม่ได้
“จนกว่าจะเคลียร์ปัญหาทั้งหมดได้ ฉันจะไม่ตกเป็นของๆใครทั้งนั้น”
“ต้องรอเท่าไหร่หรือคะ?”
“ไม่น่าเกินสามปี”
อันนากับเรเซลถอนหายใจโล่งอก เธอกลับมายิ้มให้
“แวนหมั้น ซื้อให้ด้วยนะคะ”
“เดี่ยวสั่งทำเองเลย”
“เอาแหวนในตลาด แค่100อิกดราซิลก็พอคะ”
(ตรงนี้ขอปรับค่าเงินที่ตอนแรกเป็นบาท ไปเป็น อิกดราซิลแทนนะครับ รู้สึกค่าเงินบาทมันดูฮาแปลกๆ)
“เห็นด้วยค่ะ”
..เอาเถอะ ตามที่พวกหล่อนว่าละกัน
“จะว่าไปนายท่าน”
“อืม?”
“ถ้ากะจะเปิดฮาเร็มอยู่แล้วทำไมไม่ชวนคุณโซเฟียกับคุณเบลลามีมาด้วยล่ะคะ”
เรื่องนั้น..
“เบลลามีเธอเป็นแค่เพื่อนน่ะ”
ใจผมหรือใจเธออาจไม่ใช่ แต่ตอนนี้สถานะตามตรงคือเพื่อน ส่วนโซเฟียนั้น..
“ฉันไม่ได้รักโซเฟียเชิงๆชู้สาวด้วยสิ”
สำหรับคนอ่อนหัดเรื่องความรักอย่างผม แนวคิดเช่นนี้น่าจะไม่แปลกกระมัง
แน่นอนในตอนอายุ 30 ตามคำทำนายทั้งสองจะได้ลงเอยกันในที่สุด ..นั่นคือเรื่องที่จะเกิดขึ้น หากโลกใบนี้ดำเนินไปตามธรรมชาติน่ะนะ—ถ้าหากว่าโลกใบนี้ไม่พังไปเสียก่อนน่ะ
ปล.หลังจากบทนี้จะเริ่มเข้าปัญหาที่ต้องเจอในบทนี้แล้วนะครับ ซึ่งผมขอแน้มๆไว้หน่อยละกันว่า-บทนี้คนที่เท่ที่สุดคือเรเซอร์และเคียวยะ และเป็นบทสำคัญของหนิงมากๆด้วย
MANGA DISCUSSION