< < 53 > >
ณ ห้องเรียนสายปฎิบัติอันแสนคุ้นเคยของโรงเรียนเวทมตร์ ‘เรดฮอต’ ..
“เฮ้ยพวก เคียวยะมาแล้ว”
“ไอ้หมอนั่น พอโดนท่านไอริสยอเข้าหน่อยก็ทำเบ่งทุกทีเลย”
“รีบเก็บของได้แล้ว”
ผมนั่งเท้าคางเฝ้ามองกลุ่มวัยรุ่น อายุคราวเดียวกันกำลังนั่งเก็บของลับ ..ของลับที่ว่าคือ ‘การ์ดเกม’ ซึ่งทางโรงเรียนเหมือนจะห้ามเอามา ถ้ามีเงินจ่ายค่าปรับไม่หนาพอ
ต้องบอกว่าสมกับเป็นโรงเรียนสำหรับชนชั้นสูง ขอแค่มีเงินก็พอแล้ว ช่างเป็นกฎลับที่น่าชิงชังเหลือเกิน ..แม้ว่าชนชั้นสูงที่ว่ามันจะเป็นผมเองก็ตาม
“บอกแล้วไงว่าค่อยชวนเล่นหลังเลิกเรียน พวกแกนี่มันจริงๆเลย” ผมบ่นออกมาอย่างหน่ายใจ แม้ว่าตัวผมในตอนนี้จะกำลังนั่งอยู่ใยวงไผ่(การ์ด)กับเหล่านักเรียนชายสุขภาพดี “ไอ้ฉันไม่ได้มีเงินเหลือๆนะเว้ย ยังผ่อนค่าอุปกรณ์เวทย์ไม่หมดเลยด้วยนา บอกก่อน”
เพราะเหตุผลบางประการทำให้ผมมานั่งเล่นการ์ดกับเหล่าตัวประกอบในห้องอย่างเลี่ยงไม่ได้
เจ้าพวกนั้นพอเห็นว่าผมโบ้ย-พูดให้ถูก เรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง ก็ตวาดกลับมาหน้าตาเฉย
“เห็นว่าไม่มีตังค์ซื้อหรอก เลยแบ่งให้เล่น!”
“เลิกโบ้ยแล้วมาช่วยเก็บสิโว้ย!”
“ช่วยไม่ได้นะ”
ขณะที่ผมจะยื่นมือไปช่วยนั้นเอง-ปั้ง! ประตูได้เปิดขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวการด พริบตาเดียวกันผมก็ลุกขึ้นเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
ชายที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องคือ ‘เคียวยะ’ เจ้านักเลงที่ผลันตัวไปเป็นคณะกรรมการนักเรียน และเกิดเหลิงใหญ่ในช่วงนี้ (ฮา)
“เตือนแล้วก็ไม่ฟัง เคียวยะมาแล้วแหน่ะเห็นเปล่า?”
เคียวยะจ้องเขม็งมาทางผม พร้อมกับพวกที่เล่นการ์ดในห้องเรียน ที่หันมาก่นด่าใส่ผม
“ไอ้คนหน้าไหว้หลังหลอก!”
“ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์!”
“ไอ้โจร กกน.”
ขอทีเถอะ ฉายาสุดท้ายนั่นน่ะ ..
ผมทำทีโบกมือให้เคียวยะ
“อย่างที่เห็นไอ้พวกนี้ทำผิดกฎอยู่น่ะเคียวยะ”
“เข้าใจแล้ว ..ตามธรรมเนียมปฎิบัติของโรงเรียน จ่ายเงินมาด้วยพวกแก”
“นั่นไงมาแล้ว ธรรมเนียมปฎิบัติอันน่าชิงชังของชนชั้นสูง-แค่จ่ายเงินก็รอดคดี พับผ่าสิ ไม่ชอบอีแบบนี้เลยนะ”
“ถ้าไม่ชอบเรื่องจำพวกนั้น แกก็อย่าหนีคดีให้มันมากได้มั้ย?”
“กล่าวหากันชัดๆเคียวยะ ฉันไม่ชอบคนแบบนี้เลยนะ”
“หา? ใครอยากให้แกมาชอบกันวะ?”
เหวอ น่ากลัว น่ากลัววุ้ย อย่าจ้องเหมือนกับจะฆ่าให้ตายมันตรงนี้เลยได้ไหม!?
“น่าๆ อย่าทะเลาะกันเลยทั้งสองคน”
‘โซเฟีย’ เดินเข้ามาขวางไว้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุข
“อารมณ์ดีเชียวนะหล่อน” เคียวยะทักขึ้น
“ก็นะ ..พอดีช่วงนี้อะไรหลายๆอย่างมันราบรื่นน่ะนะ จะว่าไงดีละ ..เข้าสู่ช่วงขาขั้นกระมัง? ในฐานะนักเลงน่ะนะ อือๆ”
ได้ยินโซเฟียว่าเช่นนั้นผมก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา ..เคียวยะมองสลับระหว่างผมกับโซเฟียไปมา
“อยากรู้มั้ยว่าอะไร?”
“ไม่ กลับไปนั่งทีได้แล้ว”
“ฟังก่อนสิๆ”
เคียวยะทำเสียง ‘ชิ’ ไม่พอใจ แล้วยืนเท้าสะเอวเชิดหน้าใส่โซเฟีย
“รีบๆเล่ามาให้จบ”
ยังจะฟังอีกนะนั่น ..พักนี้เคียวยะเริ่มจะปฎิเสธใครไม่ค่อยได้แล้ว อาจเป็นผมพวงจากการเป็นคณะกรรมการนักเรียน
โซเฟียม้วนผมตัวเองเล่นไปมาด้วยรอยยิ้ม
“ช่วงนี้ไปกันได้ดีกับคุณอลันแมนน่ะ”
“ไอ้แก่ที่เคยเล่าให้ฟังน่ะนะ? ให้เดาไอ้แก่นั่นน่าจะหนีเมียมาเที่ยวเล่นเมืองอื่นแหงๆ”
“ยะ อย่าว่าร้ายคุณอลันแมนนะ!”
เคียวยะอุดหูตัวเอง เขาเดินเข้าไปหากลุ่มนักเรียนเล่นการ์ดและแบมือทวงเงิน
“จ่ายมาซะ”
“ฟังก่อนสิเฟ้ย!” โซเฟียไม่หยุดท้วง แต่เคียวยะก็มิได้สนใจแต่อย่างไร
เหล่านักเรียนตัวประกอบส่งเสียงไม่พอใจ และให้เงินเคียวยะแต่โดยดี ..ส่วนผมน่ะเหรอ ลอยตัวครับ ลอยตัว นี่สินะความรู้สึกของพวกที่หนีภาษีหรือทำผิดกฎแ ต่รู้จักกับคนใหญ่คนโตเลยยกตัวหนีปัญหาได้ง่ายๆ โดยไม่เสียสักแดงเดียว-บาปหนาจริงๆตัวผม
เคียวยะหรี่ตามองผมก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างง่ายดาย
ผมหัวเราะพึมพัมกับตัวเอง ‘ฮึๆ’ ก่อนที่ไม่นานนัก ‘เบลลามี’ สุดยอดนางอวยของผมจะเดินเข้ามาหาผม พร้อมกับกล่องรับบริจาค
“สนใจบริจาคมั้ยเรเซอร์”
“เท่าไหร่ว่ามา”
“ 8*72 ..น่ะ”
“เท่ากับเงินค่าปรับเลยแฮะ”
“เคียวยะวานมา ให้เจาะจงเรเซอร์เป็นพิเศษ”
“เหลี่ยมนักนะหมอนั่น รู้จักเลือกใช้งานคนดี”
ผมกล่าวทั้งๆที่ในมือหยิบเงินตามจำนวนที่เบลลามีเอ่ยขึ้นมา และสอดใส่ในกล่องบริจาค
ทุกครั้งที่ผมโดนเรียกเก็บเงิน แต่สามารถหนีได้ ผมจะถูกเบลลามีที่มาในคาปผู้รับบริจาคมาตามเก็บเงินแทบอีกต่อตลอด ..
“ไปล่ะเรเซอร์ มีธุระแค่นี้แหละ” เบลลามีหันไปมองโซเฟีย และกอรี่ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ “ไปแล้วนะ”
“ไปดีมาดีนะ”
“ยังทำงานได้ดีเหมือนเคยเลยนะ” โซเฟียพูด ส่วนกอรี่โบกมือกลับ
เบลลามีพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินถือเงินบริจาคออกจากห้อง-ก่อนหน้านั้นก็มีพวกนักเรียนจิตอาสาเอาเงินมาหยอดให้ก่อนไปด้วย
..ผมเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง-ผ่านมา 2 เดือนแล้ว
หากรวมกับ 1 เดือนตอนเข้าเรียนด้วยก็จะเป็น 3 เดือนแล้วที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนเวทมตร์ ‘เรดฮอต แห่งนี้
ช่วงเวลา 3 เดือนของรั้วโรงเรียนอันน่าอบอุ่นแห่งนี้ ..ค่อนข้างวุ่นวาย เรื่องราวสามเดือนมานี้ผมเจอเรื่องแทบไม่เว้นอาทิตย์เลย ทั้งน่าดีใจ และน่าปวดหัว แม้ว่าส่วนใหญ่จะไปในทาง ‘น่าปวดหัว’ เสียมากกว่า
“ว่าก็ว่าเถอะ ..ผ่านมาตั้งนานแล้วเหมือนกันนะ”
ความสัมพันธ์ที่ถูกทำลายไปตอนแรกของผม-โซเฟีย-กอรี่ ตอนนี้ก็กลับมาเป็นปกติแล้วแม้ว่าทางโซเฟียจะไปตกหลุมรักตัวผมอีกคน นาม ‘อลันแมน’ แทน ..ซึ่งเรื่องนั้นก็ดำเนินมาต่ออย่างค้างคาตลอด 2 เดือนกว่าๆ
กับเคียวยะ ก็สนิทดี เรียกว่าเพื่อนสนิทยังได้เลยมั้งกับหมอนั่นน่ะ เวลามีสอบหรือการบ้านก็ช่วยกันทำงาน จับคู่กันตลอด ช่วงนี้ชอบโดนผู้หญิงในห้องล้อว่าแอบสวนตูดกันแบบลับๆ-ก็บ้าแล้วสิ พับผ่า
ทางด้านเพื่อนในห้องเดียวกันก็สนิทขึ้นมากเลยจากก่อนหน้าที่โดนรังเกียจ ตอนนี้คนทั้งห้องไม่มีใครเกลียดผม รวมไปถึงห้องสายทฤษฎีของยูจิที่ไม่มีใครเกลียดหรือขุดเอาเรื่องโจรขโมยเกางเกงในมาแขวะแล้ว จะมีแต่แซวเล็กๆน้อย
ทางยูจิ กับเรย์ ก็ไปได้ดีอยู่ ค่อนข้างสนิทด้วยเลย
ที่สำคัญกับเบลลามีสนิทเอามากๆ ช่วงนี้มีป้อนข้าวให้ผมด้วยละ โคตรจะมีความสุขเลยว่าไหม?
แล้วก็ทางรุ่นพี่ชั้นปีเดียวกัน ก็เจอมาหลายคนแล้ว เกี่ยวกับเรื่องชวนปวดหัวก็เยอะไม่น้อยเลย แต่ที่มีเอี่ยวมากที่สุดนั้นหนีไม้พ้น ‘หนิง’ นางเอกต้นฉบับ กับ ‘ไอริส’ หนึ่งในสาวในฮาเร็มของยูจิ สองหน่อข้างต้นมีปัญหา และเรื่องกับทางผมไม่น้อยเลย อาทิเช่น หนิงที่โผล่หน้ามาในห้องเดียวกันบ่อย จนแทบจะเป็นคนในชั้นเดียวกันกับผมแล้ว …เอาเถอะ
ตั้งสามเดือนเชียว จะมีอะไรต่างๆมากมายมันไม่แปลกหรอกนะ คิดว่า ..หากนับตั้งแต่ต้น ไม่ใช่แค่สามเดือนเพรียวๆด้วย ผมเป็นคนที่มาจากต่างโลก อยู่ในฐานะตัวร้ายแห่งโลกไลท์โนเวลชื่อดัง รวมกับตอนเด็กก็ผ่านมาตั้ง 6 ปีกว่าๆแล้วล่ะ ชีวิตของตัวร้ายอย่าง ‘เรเซอร์’ เนี่ย
เจอกับคนอื่นๆที่ไม่โผล่ในนิยาย และโผล่มาในนิยายมานับไม่ถ้วน มันช่างน่าตื่นเต้นจริงเชียวชีวิตตัวร้ายเนี่ย
แล้ว..ตอนนี้เองก็ดำเนินมาถึงเหตุการณ์ใหญ่แล้ว ..ไม่ใช่เหตุกาณณ์ที่เกิดขึ้นในหน้านิยายด้วย-ผมหรี่ตามองลงต่ำมาที่พื้นดินจากตัวอาคารเรียน ..ซึ่งมีม็อบนักเรียนกำลังเดินถือป้ายอยู่หลายสิบคน
พวกเขาเหล่านั้นชูป้ายขึ้นฟ้าพร้อมกับตะโกนมาว่า—
“—ขอยื่นจดหมายไม่ให้ประธานนักเรียน ‘หนิง’ ลาออกจากตำแหน่งครับ!!”
–ใช่แล้ว เป็นเรื่องเกี่ยวกับนางหนิงที่จะลาออกจากตำแหน่งประธานนักเรียนล่ะ!
ผมถึงกับอ่อนระโทย ได้แต่กุมขมับตัวเองไว้ขณะที่ม็อบนักเรียนพากันเดินทัวร์โรงเรียน ..ต้องอธิบายย้อนกลับไปก่อนเล็กน้อยกระมัง?
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ตามที่พวกนักเรียนม็อบออกมาเรียกร้องเลย ..หนิง หรือประธานนักเรียนคนปัจจุบันของโรงเรียนเวทมนตร์ ‘เรดฮอต’ เธอได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง
ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องน่ายินดี แต่เป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะหนิงทำหน้าที่ประธานนักเรียนได้ดีเอามากๆ เด็กเกเรแม้จะเอากลับมาเรียนไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้กักไว้ให้ก่อเรื่องเสียหายภายในโรงเรียน ทำให้เด็กที่ตั้งใจเรียนและมีอนาคตหลายคนชื่นชอบเธออย่างมาก เพราะปกติที่ไม่ใช่สมัยที่หนิงเป็นส่วนหนึ่งในสภานักเรียน เจ้าพวกเด็กเกเรหลายสิบคนจะออกป่วนทั่วโรงเรียนไปทั่ว สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเขาไปหมด จนมาหยุดของหนิงนี่แหละเด็กเกเรทั้งหลายเลยเลือกไม่มาโรงเรียนกัน ซึ่งเป็นผลดีกับนักเรียนอย่างมาก
แต่หนิงกลับประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานนักเรียน ทำให้พวกนักเรียนกลัวว่าพวกเด็กเกเรจะกลับมาอาละวาดอีก เป็นสงวนให้เกิดม็อบนักเรียนขึ้นมาประท้วง
“..ยัยนั่นทำตัวไร้สาระเหลือเกิน”
คิดอะไรกันนะถึงได้ลาออกจากตำแหน่งแบบฟ้าผ่าเช่นนี้ .. ปั้ง! ประตูห้องเปิดขึ้นด้วยความรุนแรง พร้อมกับร่างของหนิง(ตัวชวนปวดหัว)ที่เข้ามาอย่างผ่าเผย
“ประธานนักเรียนนี่?”
“มาอีกแล้วเหรอ?”
ดูได้จากคำพูดของนักเรียนในห้อง บ่งบอกถึงการมาของหนิงได้ดี
หนิงตรงไปอยู่หน้าเคียวยะ
“ถั่วฝักยาวกินหมดแล้วนะ มีงานให้รับอีกมั้ย?”
หมายถึงงานกินถั่วงอกชุดต่อไปแหละ
“นี่หล่อน” ผมทักขึ้น
“มีอะไรล่ะ?”
หนิงหรี่ตามองผม ท่าทางไม่เป็นมิตร
ผมชี้นิ้วลงไปยันกลุ่มม็อบที่เดินกันให้ว่อนอยู่ในโรงเรียน
“ก่อนมารับงาน ช่วยเคลียร์ปัญหาม็อบก่อนได้มั้ยฟร้ะ”
“พูดเรื่องอะไรกันแก ไม่ใช่หน้าที่ฉันเสียหน่อย”
“ไม่ๆ ถึงจะแค่ในนาม แต่ตอนนี้หล่อนยังเป็นประธานนักเรียนอยู่นะ”
“อำนาจทั้งหมดคืนให้โรงเรียนไปหมดแล้ว ฉันแค่เด็กปี2 สาขาอัศวินทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่กางการอะไรต้องมารับหน้าในฐานะประธานนักเรียนสักหน่อย ข้อตกลงที่จะให้ในฐานะประธานนักเรียนไม่มีแล้วซะหน่อย”
ผมเขม็งใส่หนิงตรงๆ
“เคียวยะก่อนรับงายช่ว-”
“แกเป็นใครมาสั่งกัน? ฉันจะให้งานใครมันก็สิทธิ์ของฉันนี่”
..ผมถึงกับหน้าเหวอ
“ขะ เข้าวัยต่อต้านแล้วสินะ”
“อย่ามาทำตัวเป็นปะป๋านะเว้ย” เคียวยะถอนหายใจ “นายหญิงของฉันไม่คัดค้านทางเลือกของหนิง เช่นนั้นฉันก็ไม่มีเหตุผลต้องไปขัดอะไร”
เอาจริงดิ แม้แต่ไอริสยังไม่สนใจเหรอเนี่ย?
“แล้วเอ็งอารมณ์ไหนมาเรียกรุ่นพี่ไอริสว่านายหญิงเนี่ย?”
“ช่างฉันสิ”
ผมทำเป็นไม่สนใจเคียวยะ แล้วไปเผชิญหน้ากับหนิงแทน
“จะลาออกจริงๆใช่มั้ย?”
“ใช่สิ เวลารับงานมันโดดบีบให้น้อยขึ้นเรื่อยๆ ถ้าต้องทำงานประธานนักเรียนตลอดน่ะ”
“นี่ให้ค่ากับงานกินถั่วฝักยาวมากกว่างานสภานักเรียนจริงสินะ ..”
“แน่นอน” หนิงเชิดหน้ารับง่ายๆ
..เอาไงดีนะ ถ้าหนิงลาออกจากตำแหน่งประธานนักเรียนขึ้นมานี่แย่สุดๆเลยนะ ..เหตุการณ์หลายๆอย่างจะถูกบิดเบือนจนแทบอ้างอิงกับเนื้อเรื่องหลักไม่ได้เลย ตลอดมาจนถึงตอนนี้หลายอย่างยังเหมือนกับนิยายต้นฉบับอยู่ ในระดับที่อย่างน้อยๆก็เอามาอ้างอิงได้ ..
ผมกับหนิงจ้องหน้ากัน ก่อนที่หนิงจะหันไปหาเคียวยะ ทำเมินผม
“มีงานดีๆอะไรมั้ย?”
“นี่ น่าจะชอบ”
“เข้าใจแล้ว เอางานนี้แหละ” หนิงชายตามองผม “ส่วนแกไม่ต้องตามมาบ่นกันเลย”
หนิงหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านเนื้อหางานจบก็เดินออกจากห้องทันที ..มาเร็วและไปเร็วราวกับสายลม นั่นแหละ ‘หนิง’ นางเอกต้นฉบับ สุดยอดประธานนักเรียนที่กล่าวขานกันว่าดีที่สุดได้พลันตัวไปเป็นตัวบิ๊กแห่งวงการกินถั่วฝักยาวเสียแล้ว …ยิ่งกว่านั้น เหมือนผมจะได้ทะเลาะกับหนิงโดยไม่รู้ตัวแล้วล่ะครับ
****
ผมตรงไปหายูจิ-
“ยูจิช่วยคุยที!”
“ขะ ขอโทษด้วยนะครับ เรื่องนั้นคงไม่ไหว!”
ยูจิโค้งศรีษะให้อย่างสวยงาม เขาหรี่ตามองผมอย่างเกร็งๆ
“..แม้แต่ยูจิก็ไม่ไหวสินะ? อีกอย่างฉันยังไม่พูดอะไรเลยนะ”
“ได้ยินพวกคุณคุยกันเสียงดังเลยครับ ..แล้วก็ประมาณนั้นครับ ยังไงๆมันก็เป็นทางเลือกของคุณหนิง ผมไม่คิดว่าควรจะไปห้ามอะไรหรอกครับ”
สมกับเป็นพระเอก ประโยคพูดล็อคชัดๆอีแบบนี้
“อีกอย่าง ..ผมไม่มีหน้าไปห้ามเธอหรอกครับ ถึงจะเป็นเพื่อนกันแต่ผมก็แค่คนนอก”
“ไม่ๆ อย่างนายน่ะไหวแน่นอน พูดแค่นิดเดียว ยัยหนิงนั่นก็หูเบาทำตามแล้ว เรื่องลาออกอาจโดนใครสักคนที่ไว้ใจเป่าหูก็ได้นา”
แน่นอนว่าโกหก ถ้าจะมีใครไปเปาหูของหนิงนอกจากผม ผมจะขยี้ให้แหลกเลยคอยดู
“ฟังดูไม่ดีเลยนะครับ”
“ถ้านั้นก็ช่วยหน่อยเถอะนะ ว่ากันตามตรง คนที่ไม่ดีน่ะมันทางหนิงต่างหากด้วย ยัยนั่นดันลาออกกลางคันจนคนในสภานักเรียนลำบากกันถ้วนหน้าไม่พอ พวกนักเรียนยังรู้สึกแย่อีก คำสัญญาในวันที่ขึ้นเป็นประธานนักเรียนมันไม่ไร้น้ำหนักไปหน่อยเรอะ วันสมัครมีคนที่พร้อมเป็นประธานนักเรียนอีกตั้งมาก แต่ยัยนั่นดันกำชัยไปได้ไม่ใช่หรือไง? ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ไหวจะสมัครตั้งแต่แรกทำไมละ? สงสารคนอื่นที่พยายามเหมือนกันบ้างส-”
“ไม่ไหวครับ” ยูจิตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะเผยยิ้มให้ “ที่ผมพูดอาจฟังดูไม่ค่อยดีนะครับ ..สำหรับผมความรู้สึกของคุณหนิงสำคัญที่สุดครับ ฮะๆ แค่เธอมีความสุขมันก็เพียงพอแล้วครับ”
…ก็เป็นซะแบบนี้ แค่เพื่อนเห็นว่าดีก็ว่าดีตามสินะ? ไม่ไหวเลย เป็นพระเอกซะเปล่าๆดันมีความคิดอย่างนั้น ..ถึงผมจะบ่นมากไม่ได้ก็เถอะ ยังไงเสียถ้าไม่มีเหตุผลที่ว่าเรื่องราวในอนาคตจะคาดเดาได้ยากขึ้น ผมคงไม่ออกมาท้วงหนิงหรอก
แต่มันไม่ได้ไงประเด็น แต่ละเรื่องนี้คอบาดขาดตายเชียวนะ
“เกิดหนิงบังเอิญมาได้ยินนายพูดเข้า หล่อนคงดีใจจนเป็นลมพรับเลยละมั้ง”
“ไม่หรอกครับ พูดแล้วผมก็เขิน” ยูจิยิ้มเจื่อนๆให้อย่างเขินอาย
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ จังหวะนั้นเรย์ก็พุ่งมาเกาะคอผม
“ดูกังวลเรื่องชาวบ้านเยอะจังนะ”
“ใกล้ไป ใกล้ไปแล้ว”
ผมดันหน้าของเรย์ออก เจ้านั่นยิ่งได้ใจกับรีแอคชั่นตอบกลับเลยพลันหัวเราะร่า
“เพื่อนๆกันเองไม่ใช่รึไง~”
“ไม่ไหวๆ กับผู้ชายน่ะไม่ไหวหรอก”
ไม่ได้มีรสนิยมเชิงนั้นสักหน่อย
“อะ ไอ้บ้านี่”
ผมผละร่างของเรย์ออกพลางปัดฝุ่นตัวเองหน่อยๆด้วย
“ถ้านั้นไปละ เจอกัน”
“ไปดีมาดีนะครับ” ยูจิยิ้มให้ราวกับดอกทานตะวัน
ถึงจะพูดเหมือนคุณภรรยาที่ออกมาส่งคุณสามีไปทำงานก็ไม่เป็นไร เพราะน่ารักเลยให้อภัย แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกันก็ตาม
“ว่างๆก็มาฝึกดาบได้นา~ ที่ชมรมฉัน”
“ตบไก่จนเพลินแล้วสิท่า เลยอยากเจอไม้แข็งน่ะ”
“ทำเป็นพูด”
แม้ปากจะว่าอย่างนั้น แต่ไม่ปฎิเสธทีเดียว สำหรับเรย์แล้วผมคงเป็นคู่ดวลดาบที่พอสนุกด้วยอยู่กระมัง
ผมแสยะยิ้มให้ก่อนเดินออกจากห้อง-เมื่อออกมาแล้วผมก็ถอนหายใจอีกคราว
..ทำยังไงดีนะ?
ผมถามตัวเองขึ้นมาในใจ มีวิธีไหนบ้างที่จะรั้งไม่ให้หนิงลาออกจากประธานนักเรียน
จังหวะนั้น-เธอคนนั้นก็โพล่งขึ้นมา
“พอมีเวลาว่างสักครู่รึเปล่าคะ?”
เธอคนนั้นคือ ‘ไอริส’ หัวหน้าคณะกรรมการนักเรียนที่เคียวยะเรียกอย่างยกย่องหน่อยๆว่า ‘นายหญิง’
“ทำไมรุ่นพี่ชอบโผล่มาเวลาแบบนี้ประจำเลยครับ อย่างกับสตอกเกอร์จอมกระหายผลโยชน์เลยแน่ะ”
ตั้งแต่คราวเคียวยะหรือโซเฟียแล้วนะ
“พักนี้โดนคุณเคียวยะบ่นเช่นนี้เหมือนกันค่ะ”
แม้จะถูกว่าโดยรุ่นน้องแต่เธอยังปั้นยิ้มให้อยู่
MANGA DISCUSSION