เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 51: ทางเลือกของพระเอก
- Home
- เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!!
- ตอนที่ 51: ทางเลือกของพระเอก
< < 41 > >
ผมก้าวเท้าไปยันกลางเวที เพื่อตอบรับคำท้าของเรย์—-พลันใดนั้นทุกคนก็พากันตกใจ
“เรเซอร์เต้นรำเปิดเหรอ?”
“จะไหวมั้ยฟร้ะหมอนั่น ได้ข่าวว่าวันๆเอาแต่กินเหล้าเสพยา”
“ดูทรงยังเมาค้างอยู่ด้วยม้าง”
ใครมันปล่อยข่าวลือบ้าๆนั่นวะ พับผ่าสิ
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางเดินไปหาคู่เต้นของตัวเอง และยื่นมือให้อย่างสุภาพนอบน้อม กับ ‘หนิง’
“แค่ครั้งนี้ ช่วยเป็นคู่เต้นรำฉันทีนะ”
หนิงจ้องหน้าผม ก่อนจะยิ้มให้ เป็นยิ้มนักธุรกิจแน่นอนร้อยทั้งร้อย
“ยินดี”
“ขอบใจ”
ผมกับหนิงซ้อนมือกัน จังหวะนั้นคู่ของไอริสก็เข้าสู่สนามด้วย
เคียวยะ และ ไอริส ในชุดยูกาตะทั้งชายและหญิงเดินเข้ามาอย่างมั่นหน้า โดยเฉพาะเคียวยะที่ทำทียิ้มเชิดหน้าใส่ผม
ยิ้มไม่หุบเลยหมอนั่น
“มีอะไรละ?”
“ดวลกัน”
“..โทษที ไอ้ฉันพึ่งเดิมเรย์ท้ามาเองนา”
“อ้อเรอะ ก็แล้วแต่”
เคียวยะยิ้มให้พร้อมกับหยักไหล่ ก่อนจะควงไอริสเดินไปอยู่ตรงข้ามผม ส่วนทางด้านยูจิและเบลลามียังงงๆมึนๆอยู่ ..ทั้งสองคนไม่ชินกับงานเต้นรำอะไรจำพวกนี้หรอก โรงเรียนมันบังคับให้มาเต้นเลยต้องมาแค่นั้นแหละ
ก่อนจะเริ่มวันงานทั้งยูจิ และเบลลามีก็ฝึกกันมาให้พอไม่น่าเกียจจริงอยู่หรอก แต่สำหรับลูกขุนนางถ้าทำไม่ได้ในระดับดีเยี่ยมย่อมโดนมองแรงอยู่แล้ว ยิ่งไปเทียบกับ ไอริส-เคียวยะ ยิ่งแล้วใหญ่
เอาเป็นว่าผมเอาใจช่วยทั้งสองละกัน
ฮาเก้นมองมาที่เวทีเต้นรำ ก่อนเริ่มบรรเลงเพลง
“ขอเริ่มด้วยบทเพลง ‘ดอกกุหลาบ’ ครับ”
พูดจบเสียงไวโอลีนก็ดังขึ้น ณ งานเต้นรำสานสัมพันธ์
****
“สุดยอด!”
“ท่านไอริส กับเจ้าหนุ่มเคียวยะนั่นเต้นได้สุดยอดไปเลย”
“เคียวยะเป็นแค่สามัญชนไม่ใช่หรือไง!? ทำไมมันเต้นเก่งจังฟร้ะ!”
สิ่งที่ผู้ชมทุกท่านได้เห็นคือ ไอริส และเคียวยะ ที่ระบำการเต้นอย่างสวยสดงดงาม ทั้งสองจัดได้ว่าท็อปคลาสเลย แม้ในหมู่นักเต้น
นั่นสร้างความแปลกใจให้ทุกๆคนมาก ไม่เว้นกระทั่งคู่เต้นของกันและกัน
“ใช้ได้นี่” เคียวยะกล่าวชมอย่างเย่อหยิ่ง
ไอริสได้ยินพลันยิ้มให้อย่างงดงาม
“ยินดีค่ะ ทางคุณเองก็ไม่เลวเลยนะคะ”
“ไม่เลวเรอะ ..พูดใหม่ได้นะเฟ้ย”
เคียวยะแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย—– ‘คำว่าไม่เลวสำหรับเคียวยะมันไม่พอหรอก’ ต้องเป็น ‘สมบูรณ์แบบ’ ต่างหาก
ว่าแล้วเคียวยะจึงเริ่มใส่สปีดและเทคนิคการเต้นเพิ่มขึ้น จนทุกคนพากันตกใจ ..เขารู้ดีว่าไอริสสามารถตามการเต้นทันได้ ด้วย ‘ดวงตามหาปราชญ์’ มันวิเคราะห์ทุกอย่างเกี่ยวกับการเต้นของไอริส เพื่อเลือกเทคนิคที่เข้ากันได้และถนัดมาผสม
ภาพที่สวยงามเหล่านั้นทั้งหมดทั้งมวลเกิดมาจากเคียวยะทั้งสิ้น กว่าครึ่ง
ไอริสเห็นเช่นนั้นก็พลันหลุดหัวเราะออกมา
“ไปเอาเวลาที่ไหนไปฝึกคะนั่น”
“มองปราดเดียวก็พอแล้วเฟ้ย”
นั่นละพรสวรรค์แสนจะขี้โกงของเคียวยะ
“แหม่ ..ขอชื่นชมเลยคะ ยอดเยี่ยมมาก”
“ถ้าจะชมมันต้องอย่างนั้น”
ทั้งสองเต้นกันอย่างสนุกสนาน และสวยงาม————กลับกัน
“พะ พวกนั้นจะไหวเรอะ?”
“เหมือนจะล้มตลอดเลยแฮะคู่นั้น”
ผู้ชมพูดถึงคู่ของ ยูจิ และเบลลามี ทั้งคู่ต่างเป็นมือใหม่และสามัญชน ไม่แปลกที่จะเต้นได้แค่ระดับนั้น ..แต่ผิดคาดไปมาก ระดับนี้แค่พอผ่านยังไม่ได้เลย มันเข้าขั้นแย่ด้วยซ้ำ
“เป็นสามัญชนนี่นะ ไม่แปลกหรอก”
“ที่แปลกมันไอ้เคียวยะคนนั้นต่างหาก”
พอมองกลับไปที่อีกคู่ที่คนหนึ่งเป็นสามัญชนมันต่างกันราวฟ้ากับเหว
“..ส่วนอีกคู่ ..ไอ้เรเซอร์มันก็เต้นได้อยู่นี่นา”
“แต่ได้แค่พื้นๆละมั้ง เป็นถึงลูกท่านดยุคเกิดเต้นไม่ได้เลยขายหน้าแย่”
“ท่านหนิงเต้นคู่กับคนแบบนี้เนี่ยนะ เล่นเอาใจสลายเลย”
“ไม่เหมาะสมซะเลย ไอดอลกับนักเลงเนี่ยนะ”
****
“นั่นสิ ทำไมฉันต้องมาเต้นกับคนแบบนายด้วยนะ”
“หนวกหูจริง ไอ้ประธานนักเรียนจอมโดดงานมากินถั่วงอก”
“ยะ อย่าเรียกกันแบบนั้นนะ”
“ประชาชนแค่พูดตามความจริงเอง ฮะๆ!”
ผมเชิดหน้าใส่หนิง จนยัยนั่นหัวเริ่มอุ่นๆ
“ปากหมาจริงๆ”
ทางหล่อนก็เหมือนกันแหละ–หนิงทำเนียนจะเหยียบเท้าผม แต่ผมสามารถหลบได้ง่ายๆ
“นะ น่ารำคาญจริง”
“สีหน้าท่าทางมันฟ้องตั้งแต่แรกแล้ว ไปฝึกมาใหม่ไป”
“ชิ”
แต่ว่าก็ว่าเถอะ พวกเคียวยะมันไม่เต้นดีไปหน่อยหรือไง
ผมมองสองคนที่เต้นได้สวยงามราวกับมืออาชีพ กับอีกสองหน่อที่เต้นได้แย่กว่าที่ซ้อมมามาก
“..เบลลามีดูเหม่อลอยนะ”
เธอมองมาทางผมไม่หยุดเลย ทำไมไม่รู้ แต่ขืนยังเต้นแบบนี้ต่อมีโดนครูที่สอนเต้นตำหนิบ้างละ …
“บื้อจริงๆแก”
ว่าผมซะนั้น ยังไม่ได้ทำอะไรเลย
‘บื้อจริงๆคะ’
เธอก็เอาด้วยเรอะ?
“อะไรอีกเล่า”
“ช่างเถอะ” หนิงถอนหายใจเบาหวิว ก่อนเขม็งใส่ผม “จะยอมพวกไอริสจริงๆเหรอ?”
…
“บอกไว้ก่อนนะ ในฐานะประธานนักเรียน ฉัน–ยอมไม่ได้”
หล่อนประกาศอย่างจริงจัง
“ศักดิ์ศรีเยอะจริงนะ”
“แค่โดนตัดหน้าเป็นคู่เต้นครั้งแรกของยูจิไปไม่พอ ฉันจะมาโดนไอริสตัดหน้าแย่งบทเด่นไปไม่ได้”
“ครับๆ เข้าใจแล้ว”
ผมหยักไหล่ให้ ก่อนจะส่งสายตาจริงจังกลับไปยันหนิง
“เอาเลยมั้ย?”
“จะรออะไรละ”
ว่าแล้วพวกผมก็เริ่มเอาจริงกัน———-
****
“ดูทางเรเซอร์สิ!”
ทุกคนในโรงพากันจับจ้องมาที่คู่เรเซอร์ กับหนิง การเต้นของทั้งสองจู่ๆก็ยกระดับมาระดับที่ทัดเทียบกับคู่ไอริส ..ไม่สิ เผลอๆมันดูสบายตากว่าด้วยซ้ำ
ทั้งสองเต้นกันอย่างกับอยู่บนกองไฟก็ไม่ปาน ทั้งร้อนแรง และมากด้วยอันตรายจนห้ามเข้าใกล้–มันเป็นการเต้นรำที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ร้อน
“สุดยอด!!”
“ท่านหนิงสวยๆสุดเลยๆ”
ยิ่งไปกว่านั้น … ทั้งหญิงสาวและชายหนุ่มไม่สามารถวางตาจากใบหน้าของเรเซอร์ได้ …
“..ยะ ยิ้มน่ากลัวชะมัด”
“แต่ว่าก็ว่าเหอะ …”
“ ” “ขอยิ้มสวยๆอีกค่า!!” “ ”
หนุ่มหล่อสุดรุนแรง แสนน่าหลงใหล นั่นคือภาพลักษณ์ของเรเซอร์เวลานี้ แค่รอยยิ้มกระซากใจเบาๆนั่นก็มากพอทำให้หญิงธรรมดาสติหายแวบไปได้–
ทางหนิงเองก็ไม่ธรรมดา เธอเปี่ยมไปด้วยมาดผู้นำสุดเพียบพร้อม หากนับแค่ภาพลักษณ์เธอเหนือกว่าไอริสอีก นั่นแหละที่ทำให้เธอเต้นคู่กับเรเซอร์ได้อย่างเหมาะสมกัน
ทุกจังหวะที่รุนแรงทั้งสองต่างรับมือซึ่งกันและกันได้—-ในเวทีเต้นนั้นไม่มีคู่ไหนที่เหมาะสมกันยิ่งกว่าคู่นี้แล้ว
“กรี๊ด!!!! พี่คนนั้นชื่อเรเซอร์ใช่มั้ยอะ!”
“อย่างหล่อ! จบงานชวนไปกินเหล้าต่อดีมั้ยอ่า?”
รุ่นน้องที่มาดูงานเต้นรำก่อนจะเข้าเรียนในปีหน้าพากันมามุงดูเรเซอร์ไม่วางตา ก่อนหน้านั้นมองเคียวยะอยู่ก็จริง แต่ตอนนี้โดนเรเซอร์ดูดจนหมด
พวกรุ่นพี่ทั้งชายและหญิงได้ยินก็รีบวิ่งมาหา
“ดะ เดี่ยวเถอะ อย่าไปกับผู้ชายคนนั้นเชียวนะ”
“รู้มั้ยว่าเจ้านั่นนิสัยแย่ขนาดไหนน่ะ ..ถึงจะหล่อก็เถอะ” คนพูดแก้มแดงหน่อยๆ
พวกรุ่นน้องสาวๆเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะมีมติเป็นเอกฉันท์
“ทรงเลวแบบนั้นยิ่งดีเลยนี่คะ!”
“ของชอบเลยคะ!”
“กะ ก็จริง แต่ไม่ได้นะ”
“ทำไมจะไม่ได้ละคะ รุ่นพี่ไม่คิดว่าเรเซอร์คนนั้นดูดีบ้างเหรอคะ?”
“…นิดนึง”
รุ่นน้องพลันแสยยะยิ้ม
“ไปชวนด้วยกันสิคะ!”
“…เข้าใจแล้ว”
“อย่าคล้อยตามง่ายๆสิเธอ”
ยังดีที่ถูกเพือนห้ามไว้ก่อน ..
(ไอ้บ้านั่นมันเอาอีกแล้ว!) เคียวยะขบฟันกรามพลางมองไปที่คู่เรเซอร์และหนิง เขามีใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ
“โดนมันเล่นอีกแล้ว!” เคียวยะแหกปากอย่างไม่อายสื่อ “ทำไมตูต้องโดนงี้ประจำเลยฟร้ะ ไปโชว์เหนือใส่เขาก่อนจะโดนสวนกลับทีเดียวลุกไม่ขึ้นเนี่ย แม่งเอ๊ย เจ็บใจชะมัด กี่ครั้งแล้วฟร้ะ?”
เคียวยะโวยวายอย่างกับเด็กน้อย นั่นทำให้ไอริสไม่ปลื้มเล็กน้อย
“ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ ทั้งสองเข้ากันได้ดีเกินคาดเยอะเลย คงต้องยอมๆไปละค่ะ”
“อีกแล้วเรอะ?”
(รอบแรกแพ้เรเซอร์จนต้องหนีหางจุกตูด รอบสองโดนเรเซอร์เปิดโปงแล้วกระทืบ รอบสามโดนเรย์กระทืบในระยะเผาขน รอบสี่..ดวลเต้นรำที่คิดว่าน่าจะชนะได้ไม่ยาก ยังจะแพ้อีก)
“ดูเหมือนคุณจะแพ้บ่อยนะค่ะ” ไอริสยิ้มให้ “อย่าใส่ใจ่เลยคะ”
เคียวยะทำเสียง ‘ชิ’ ไม่พอใจ
“จะไม่ให้ใส่ใจได้ไงฟร้ะ ฉันไม่อยากแพ้นะบอกก่อน”
“…ไม่ละเอียดอ่อนเอาเสียคะ คุณเนี่ยเป็นผู้ชายที่แย่จริงๆ เฮ้อ”
ไอริสถอนหายใจ พลางเขยิบหน้าไปใกล้เคียวยะ——–
“มองไปทางไหนกันคะ” ไอริสกระซิบข้างหูเคียวยะ “..ในตอนนี้ มองมาแค่ฉันคนเดียวพอคะ”
ว่าจบไอริสพลันเลียริมฝีปากตัวเอง …
..เคียวยะถึงกับนิ่งสนิท ไม่ได้เขินอายอะไรก็จริงแต่อดอึ้งไม่ได้ ..รู้สึกตัวอีกที ไอริสจึงกลับมาอยู่ในระยะดั่งเดิมแล้วส่งยิ้มนักธุรกิจให้
“ตอนนี้คุณคู่กับฉันนะ อย่าลอกแลกค่ะ ..เชิญนำเลย”
“..อะ เออ ..เข้าใจแล้วน่า”
เคียวยะเชิดหน้า และเริ่มตั้งท่า
“เวลานี้พวกเราสนุกกันแค่สองคนพอแล้วคะ”
“สนุกกันสองคนเรอะ พูดได้ดีนี่..เดี่ยวจัดให้เอง”
ทั้งสองเริ่มก้าวท้าว—อีกคราว
ถึงแม้ฝั่งเรเซอร์จะนำโด่ง แต่เคียวยะก็ค่อยๆตีตื้นมา ทั้งสองคู่แข่งขันกันอย่างดุเดือด ระดับที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขาเลย ..เพียงแต่ งานเต้นเปิดงานมันมีสามคู่นะเออ!
ทางฝั่งยูจิทั้งสองเต้นกันได้ไม่เท่าที่ฝึกเลย ความเข้ากันก่อนหน้านั้นหายไปหมด ..ตั้งแต่เรเซอร์ก้าวเท้าเข้ามา
เบลลามีเอาแต่มองคู่เต้นชาวบ้านไม่วางตา ยูจิที่เห็นรู้สึกเอือมหน่อยๆ …
“คุณเบลลามีครับ”
“..อะไรเหรอ”
“พวกเราโดนนินทาใหญ่เลยนะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก ..” เบลลามียิ้ม “พวกเราแค่สนุกในแบบของเราพอ”
—–เบลลามีไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แล้วไม่รู้เลยว่าพูดอะไรออกมา
“มองคุณเรเซอร์ไม่วางตาเลยนะครับนั่น ฮะๆ”
“…ขอโทษ ..เราผิดเอง”
“ไม่หรอกครับ”
(ไม่รู้หรอกนะว่าทำไม แต่..ผม) ยูจิมองไปที่เบลลามี แล้วโพ่งขึ้น
“อยากเต้นกับคุณเรเซอร์รึเปล่าครับ?”
“…สลับคู่เต้นระหว่างเต้นไม่ได้นะ”
“หมายถึงหลังจบน่ะครับ ดูทรงแล้วคุณเรเซอร์น่าจะมีคนต่อแถวเยอะเลย” ยูจิหัวเราะเบาหวิว “เพราะอย่างนั้น ถ้าผมอาสาไปส่งให้คุณเบลลามีจะได้เต้นคนแรกเลยครับ”
…
เบลลามีส่ายหัวให้
“แบบนั้นไม่ได้หรอก ขืนทำอย่างนั้น ..นายจะโดนมองว่าโดนทิ้งเอานะ”
(ปกติคุณเบลลามีเขาไม่ได้คิดเรื่องเล็กเรื่องน้อยเสียหน่อย ..มาตอนนี้จะคิดมากทำไมกันนะ ผมไม่เข้าใจเลย) ยูจิถอนหายใจ
“จะโดนมองในทางลงเอานะ อาจโดนหยอกล้อจนเกินงามก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
คำว่า ‘ครับ’ สิ้นสุดพร้อมกับเสียงเพลงเปิดงาน …ยูจิยิ้มให้อย่างงดงาม รอยยิ้มที่งดงามยิ่งกว่าสิ่งใดบนโลกผุดขึ้นมาบนใบหน้าราวกับหญิงสาว
“ ‘หน้าที่ของสุภาพบุรุษ คือการสร้างรอยยิ้มให้สุภาพสตรี’ ”
“ …นั่นมันบทพูดในนิยายเรื่องโปรดเราน่ะ อ่านด้วยเหรอ”
“จู่ๆมันก็ผุดขึ้นมาในหัวน่ะครับ”
“นั้นเหรอ” เบลลามีเงื้อมมือขึ้นมา— “ทางนี้เหมือนกัน”
—พร้อมกับแตะแก้มของยูจิ ด้วยสัมผัสอันเบาหวิวและอ่อนโยน
…ราวกับเวลาในตอนนี้ได้หยุดลง เบลลามีนึกถึงเรื่องบางเรื่อง ..ที่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เห็นได้แค่ในฝัน และดับไปเมื่อตื่นนอนเท่านั้น …เศษเสี้ยวความทรงจำ ..อะไรสักอย่างมันผุดขึ้นมาในหัวเมื่อได้เห็นรอยยิ้มตรงหน้าของยูจิ
เบลลามีไม่สามารถหุบยิ้มได้ เธอยิ้มอย่างเบ่งบานราวกับดอกไม้ ..
“น่าคิดถึงเหลือเกิน รอยยิ้มนั่น ใบหน้านั่น กระทั่งวิญญาณนั่นของนาย มันส่งกลิ่นอันน่าพิศวงออกมาไม่รู้จบ แม้จะไม่เคยเห็นแต่ ..เหมือนกับเคยเห็นมันมาแล้วนับแสนนับล้านครั้ง แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าจะครั้งใด” เบลลามีส่งสายตาที่อรวดควญ “ไม่ว่าจะกี่ครั้ง เราก็มิอาจได้แตะต้องในท้ายที่สุด ..สุดท้ายก็จะลืมเลือนมันไปตลอดเวลา กระทั่งรอยยิ้มก็ยังเลือนหายไปตลอด…”
เบลลามีไม่เคยแสดงสีหน้าขนาดนี้มาก่อนเลย
“นั่นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเหลือเกิน …”
ยูจิพลันหัวเราะออกมา
“แค่รอยยิ้มน่ะ ไม่ว่ากี่ครั้งผมก็ยิ้มให้ได้ครับ”
“..นั้นเหรอ”
เบลลามีเงียบไป ก่อนจะโพ่งอะไรสุดโต่งออกมา
“เหมือนว่าเราจะเริ่ม ‘———-’ แล้วน่ะ”
“…เอ่อ” ยูจิงงเป็นไก่ตาแตก
“ขอโทษด้วยนะ”
“จะ จะขอโทษทำไมละครับ เรื่องแบบนั้นไม่ต้องบอกผมก็ได้ครับ เดิมทีผมไม่ใช่คู่แข่ง หรืออะไรสักหน่อยนี่ครับ ..ฮะๆ”
“…นั่นสินะ แต่ขอบอกนายหน่อยนะ ..ไม่รู้ทำไม แต่เราจำเป็นต้องบอก”
“…เข้าใจแล้วครับ” ยูจิยิ้มให้อีกคราว
****
หลังจบพิธีเต้นเปิดงาน ไม่ไกลกันนักผมเห็นยูจิเดินจูงมือเบลลามีมาหาผม ยูจิพลางโบกมือทั้งรอยยิ้มให้
“คุณเรเซอร์”
“ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ มีอะไรรึ”
ยูจิไม่พูดไม่จาอะไร จนเข้ามาใกล้ถึงเริ่มพูดพร้อมกับปล่อยมือเบลลามี
“ช่วยเต้นกับคุณเบลลามีหน่อยครับ”
“…” ผมหันไปมองหนิง
“ตามสบายเลย”
“เข้าใจแล้ว เอาตามนั้นละกัน”
พูดจบผมจึงยิ้มให้ยูจิ และยื่นมือไปหาเบลลามี
“ช่วยเต้นกับผมหน่อยได้หรือเปล่าครับ?”
เบลลามีหน้าแดงระเรือ ก่อนพยักหน้ารับ และยื่นมือมาให้————–ทว่า
“พวกแกเป็นแค่สามัญชนไม่ใช่รึไงหะ!!”
‘การ์ป’ นักเลงที่ช่วงนี้กำลังแกล้งยูจิอยู่ดังพุ่งเข้ามา และโพ่งอย่างไร้มารยาท
“สามัญชนก็อยู่อย่างสามัญชนไปเซ้! อย่าสะเอาะมาอยู่รวมกันนะเฟ้ย ทั้งแก ทั้งแก แล้วแกด้วยยูจิ!”
“จะ ใจเย็นก่อนนะครับ คุณการ์ป”
ยูจิพยายามจะเข้าไปสงบแต่–เขากลับถูกต่อยเข้าที่เบ้าหน้า
“อย่ามาสั่ง!”
…บ้าน่า
ไม่ใช่ที่กล้าต่อยยูจิ ..แต่..บทพูด ..ทุกอย่างมันเหมือนกับคราวของเรเซอร์ในนิยายต้นฉบับเลย ..เรเซอร์พูดด้วยน้ำเสียงท่าทางอย่างนั้นในงานเต้นรำสานสัมพันธ์ ก่อนจะ …
“ไม่ตลกแล้วนะเฮ๊ย ทำไมมันเหมือนเดิมหมดเลย”
ผมวิ่งเข้าไปขวางหน้ายูจิไว้ และจ้องการ์ปเขม็ง จังหวะนั้นเองหนิงก็พุ่งเข้าไปจะเด็ดหัวการ์ปให้ได้ แต่ทั้งหมดต่างหยุดไว้ก่อนด้วยเสียงของยูจิ
“เดี่ยวก่อนครับ!!!”
ยูจิโพ่งขึ้นเสียงดัง และค่อยๆลุกขึ้นยืนจากพื้น
“..ผมไม่เห็นว่าตัวเองทำอะไรผิดเลยนะครับ”
“อย่างแกมันผิดตั้งแต่มาเหยียบโรงเรียนนี้แล้ว เป็นแค่สามัญก็อยู่เฉยๆให้พวกเราขุนนางปกป้องซะ”
เหมือนเดิมเลย ..
“ผิดที่เกิดมาเป็นคนธรรมดาหรือครับ”
“เออสิ!”
เหมือนเดิม …
“น่าเศร้านะครับ”
“ถ้าเข้าใจแล้วก็พาเพื่อนหนูสกปรกไสหัวออกจากโรงเรียนไปให้หมดซะ!!”
“..ไม่ครับ”
ยูจิกล่าวอย่างหนักแน่น ..แต่เหมือนกับต้นฉบับทุกอย่างเลย
“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ที่นี่คือที่ที่ผมอยากอยู่!”
ยูจิเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย——–กระทั่งการก้าวเท้ายังเหมือนเดิม
“ถ้ามีปัญหาทางคุณต่างหากที่ต้องเดินออกไปจากที่นี่!”
…..เรื่องตลกอะไรกัน หลังจากนี้การ์ปก็จะ——-การ์ปดึงถุงมือสีขาวออก และปาใส่หน้ายูจิ
“ด้วยนามของขุนนางชั้นสูง ขอท้าดวลไอ้ชั้นต่ำแบบแก!!”
…ถามจริงวะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย …