หมายเหตุ เนื้อหาในตอนตอนนี้จะตรงกับเนื้อเรื่องช่วงที่เรเซอร์เดินทางทั่วโลกเสร็จ ซึ่งจะเป็นช่วงก่อนไปสอบเข้าโรงเรียนเวทมนตร์สักพักใหญ่ๆ
ให้สรุปแล้วก็เป็นบทพักผ่อนหย่อนใจกับเหล่าตัวละครคุ้นหน้ามากมายอาทิเช่น เรเซล อันนา เซบาสเตียน อื่นๆ
เป็นบทเฮฮาทั่วๆ ไป
สาเหตุที่ทำให้บทนี้ได้มาปล่อยก่อนที่ต้องการ เป็นเพราะผมรีไรท์งานไม่ทันตามที่ว่าไว้คับ เลยเอามาปล่อยเพื่อแทนคำขอโทษ ฮาๆ ผมอุตส่าห์พูดรับปากเท่ๆ ไปแท้ๆ ดันทำไม่เสร็จซะนั้น
ยังไงก็ขอให้สนุกนะคับผม
< < เรเซล และ อันนา ในอายุ 16 ปี > >
ฉัน ‘เรเซล’ อายุ 16 ปี ปัจจุบันกำลังทำงานอยู่กับ ‘ท่านแองเจลิน่า’ แล้วก็ ‘คุณอันนา’
โดยที่งานหลักๆ ของฉันก็แค่การทำความสะอาดบ้านและดูแลบ้าน ต่างกับคุณอันนาที่ทำงานประเภทใช้สมองกับท่านแองเจลิน่า นั่นทำให้น้อยใจเล็กน้อย
ตอนนี้ฉันเองก็กำลังแช่น้ำร้อบกับคุณอันนาอยู่
คุณอันนา เธอคือผู้หญิงที่สวยและมากด้วยเสน่ห์ต่างกับฉัน แม้หน้าอกจะเล็กแต่เธอก็เปี่ยมด้วยปัญญาและความมากด้วยเล่ห์เหลี่ยม
เป็นคนที่น่าหลงใหล ทั้งอย่างนั้นแต่เธอมักจะมาหาเรื่องฉันเรื่องหน้าอกเสมอ ..ไม่รู้ทำไม
“อาาา เหนื่อยชะมัด”
เธอผู้ที่เวลาปกติมักจะไว้ผมไซด์ทวินเทล ตอนนี้เธอเอาหนังยางออก และปล่อยให้ผมที่ยาวลอยตามน้ำ ผิวของเธอดูขาวและนุ่มมากๆ แม้หน้าอกจะเล็กก็ตาม
…หันกลับมาที่ฉัน
ผมของฉันสั้นถึงแค่บ่าเอง ไม่มีทีท่าว่าจะยาวกว่านี้แล้ว ผิวเองก็ออกไปทางน้ำผึ้งหน่อยๆ เทียบกับคุณอันนาแล้วก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นสามัญชนเช่นเดียวกัน ..ซ้ำร้ายยังมีแต่ไขมันตรงหน้าอกอีก
ไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย ตัวฉัน
“นี่ ฟังอยู่รึเปล่าคะ …อ๊ะ จับหน้าอกตัวเองเล่นอีกแล้ว ขี้อวดจริงนะหล่อน”
“..มีอะไรหรือคะ?”
“ก็ที่ท่านแองเจลิน่าบอกไง ท่านเรเซอร์จะกลับมาทวีปฟัฟนิร์แล้วน่ะคะ” คุณอันนาพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้เจอหน้าตั้ง 1 ปีเขาคงตกใจแน่ๆ เลยว่ามั้ย? ดิฉันเองก็เติบใหญ่เป็นกุลสตรีแล้วด้วย …ก็ไม่ได้จะให้ทำอะไรหรอกนะ”
จู่ๆ คุณอันนาก็มุดน้ำหนีกลบเกลื่อนใบหน้าที่แดงถึงหู คนคนนี้ทั้งสวยและน่ารัก ฉันเผลอแก้มแดงตามไปด้วยเลย
“..นั่นสินะคะ แต่ฉันไม่แน่ใจเลยว่าจะไปเจอกับท่านผู้นั้นดีมั้ย” ฉันก้มมองเนินอกไขมันของตัวเอง “ร่างกายที่มีแค่ไขมันเช่นนี้ ท่านเรเซอร์จะพอใจเหรอ?”
“….พูดอะไรได้ตลกดีนี่ค่ะ”
ไม่รู้ทำไมแต่ดวงตาของคุณอันนาดันลุกเป็นไฟ เธอพุ่งตัวจากบ่อน้ำร้อนใส่ฉัน จนร่างถูกกดลงพื้นด้วยความทรมาน
“-น หน้าอกมันชนกับขอบแล้วเจ็บคะ! -อ อึดอัด!”
“-น หน๊อย!! ใหญ่จริงนะหล่อน!”
คุณอันนาเอามือมาล้วงที่ข้างในน้ำ—–เธอขยี้ก้อนไขมันของฉันด้วยความคับแค้นใจ
“-ท ทำแบบนั้นมันรู้สึกแปลกๆนะ หยุดเถอะคุณอันนา!!”
“ไหงลองบอกดิฉันรู้สิคะ ว่ารู้สึกยังไงน่ะ!”
ฉันพยายามดิ้นแต่ก็ดิ้นไม่หลุด เพราะถูกมือของคุณอันนาเล่นกับก้อนไข่มันจนร่างกายขยับไม่ไหว ไม่รู้ทำไม——อึก! มันรู้สึกแปลกๆ …ขอทีเถอะ หยุดทีนะ—-
“อร๊าาา”
เผลอส่งเสียงแปลกๆ ไปซะแล้ว
“-ฮ ฮะๆ พวกมีหน้าอกแล้วขี้อวดต้องโดนแบบนี้ แบบนี้!”
คุณอันนายังไม่หยุดที่จะขยี้ก้อนไขมัน …ไม่ไหวจริงๆ แล้วน———–
“—–แหม่ๆ ถามจริงเถอะค่ะ มาทำอะไรที่โรงอาบน้ำกันจ๊ะทั้งสอง”
คุณแองเจลิน่ายืนมองพวกเราด้วยใบหน้าที่น่ากลัว
ทั้งฉันและอันนาต่างตอบไปพร้อมกันว่า
“ “ขออภัยด้วยค่ะ/ขอโทษด้วยค่ะ” ”
หลังจากเคลียร์เรื่องเข้าใจผิดกับท่านแองเจลิน่าเสร็จ พวกเราสามคนก็มานั่งแช่น้ำร้อนด้วยกันต่อ อาจเป็นภาพที่แปลกตาไปบ้านเพราะเจ้านายอาบน้ำกับคนรับใช้
“แหม่ ฉันก็นึกว่าทั้งสองเกิดรสนิยมใหม่แล้วกินกันเอง จนเรเซอร์น้องรักกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วซะอีก” ท่านแองเจลิน่าว่าเช่นนั้นด้วยรอยยิ้ม “โชคดีไปนะ”
ท่านเรเซอร์เนี่ยนะหมาหัวเน่า ไม่มีทางๆ
….
…ไม่รู้ทำไมแต่ฉันกับอันนาพากันเงียบโดยพร้อมเพรียง
ท่านแองเจลิน่ามองมาด้วยแววตาที่น่ากลัว ก่อนที่จะค่อยๆ คลี่ยิ้มแล้วยื่นตัวไปกระซิบข้างหูคุณอันนา
แม้จะเป็นการกระซิบแต่ก็ดังราวกับตั้งใจให้ทุกคนได้ยิน
“ตอนนี้คิดยังไงกับเรเซอร์น่ะ?”
เธอว่ามาเช่นนั้น
อันนาไม่ตอบอะไรเธอทำเพียงหันหน้าหนีไปทางอื่น ทางฉันก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่อยากมุดน้ำหนีทั้งอย่างนี้แล้ว
น่าอายจัง
“นี่ๆ อันนา เธอคิดยังไง?”
โชคดีจังที่ไม่ได้ถามฉัน—ไม่ทันใดคุณแองเจลิน่าก็เขยื้อนมาหาฉันแทน
“เธอละ เรเซลตอนนี้คิดยังไงกับเจ้าน้องชาย?”
….อือ
ฉันหลบหน้าหนี สภาพเหมือนกับอันนา ….คุณแองเจลิน่าหัวเราะชอบใจเล็กน้อย
“คำถามนี้ฉันเคยถามไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว โดยที่ตั้งมั่นไว้ว่าในสามปีให้หลังจะถามมันอีกน่ะนะ” คนๆ นี้เลียนิ้วตัวเอง แล้วถาม “พวกเธอมองเรเซอร์ในเชิงชู้สาวรึไม่? รบกวนตอบทีนะ สาวๆ”
แต่ก่อนเขาเรียกพวกเราว่า ‘เด็กน้อย’ …เรื่องตลกอะไรกันนะ
ฉันกับอันนายังไม่กล้าตอบอะไร ต่างฝ่ายต่างหลบหน้ากัน
ไม่กล้าตอบ ….ถ้าตอบไปมันอาจจะไปหักหลังคุณอันนาเข้า เรื่องนั้นถ้าเทียบกับเรื่องของท่านเรเซอร์แล้วไม่จำเป็นต้องคิดเลย
ขอแค่ได้เป็นคนรับใช้ท่านเรเซอร์ต่อไป เท่านี้ก็พอใจแล้ว
ท่ามกลางความเงียบนั้นคุณอันนายกมือขึ้นมา
“…สาวใช้มีความสัมพันธ์เชิงนั้นกับเจ้านายได้หรือคะ?”
“เชิงนั้นนี่เชิงไหนจ๊ะ?”
“…เชิงชู้สาวค่ะ”
คุณอันนาเขินใหญ่เลย ..
“แหม่ๆ โดยปกติแล้วไม่ได้หรอกนะ ยกเว้นกรณีของเรเซอร์ที่โดนตัดหางปล่อยวัดจ๊ะ”
คุณแองเจลิน่ามองที่คุณอันนาอย่างเย้ายวน นี่น่ะเหรอเสน่ห์ของผู้ใหญ่ ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนๆ นี้ยังไม่มีสามี
“เพราะฉะนั้นได้สิจ๊ะ ยิ่งมีฉันเป็นแบ็คแล้วยิ่งหายห่วงจ๊ะ”
“…เอ๋ …แบบนี้นี่เอง” อันนามองมาที่ฉัน แล้วถอนหายใจ “…ขอปฏิเสธละกันค่ะ กับท่านเรเซอร์อาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบของวัยรุ่นก็ได้ ชีวิตยังอีกไกลค่ะ”
“แน่ใจหรือจ๊ะ?”
“ค่ะ”
คุณแองเจลิน่าเหมือนจะคาดเดาอะไรสักอย่างได้ เธอจึงโพ่งขึ้นมา
“เรเซอร์สามารถมีภรรยาได้หลายคนนะจ๊ะ”
……
“-ข ขอตัวขึ้นไปแต่งตัวก่อนนะคะ”
ฉันลุกขึ้นยืน เตรียมจะหนีทันทีแต่ก็ถูกดึงมือไว้ก่อน
“-ด ดีลกันก่อน!”
คนที่ดึงแขนฉันและพูดขึ้นคือคุณอันนา เขาไม่ยอมให้ฉันออกจากที่นี่
เห็นเช่นนั้นแล้วก็อยากจะร้องไห้ น้ำตาเริ่มซึมๆ แล้ว
“อึก..-ร เรื่องแบบนี้มันพูดตรงๆ ไม่ไหวหรอกค่ะ -ข ขอตั้งสติสัก 3 ปีนะคะ”
“นานไปแล้ว! ขืนปล่อยไว้แบบนั้นแล้วท่านเรเซอร์ไปอะไรสักอย่างกับใครสักคน จนไม่อยากมีใครเพิ่มแล้วจะทำยังไงละคะ! ดิฉันไม่ยอมหรอกนะ! เพราะฉะนั้นมาดีลกันก่อน”
ไม่เอาาาาาา
ฉันกับคุณอันนาชุกกระชากรากถูกันสักพักจนคุณแองเจลิน่าเอือมหน่อยๆ
“สามัญชนเนี่ยชอบคิดเรื่องหลายผัวหลายเมียจนยุ่งยากกันจังนะ”
สำหรับขุนนางหรือคนใหญ่คนโตแล้วการมีสามีหรือภรรยาเยอะไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างไร เจ้าหญิงของฟัฟนิร์ในสมัยก่อนยังมีสามีตั้ง 28 คนเลย .. ถ้าต้องการคุณแองเจลิน่าก็สามารถมีสามีหลายคนได้
แต่ปัญหาคือแม้แต่คนเดียวยังหาไม่ได้นั่นเอง
“แล้วถึงฉันจะยื่นข้อเสนอไปอย่างนั้น แต่เรเซอร์ไม่เล่นด้วยมันก็ไม่เป็นจริงหรอกนะ ขืนพวกเธอยังเถียงกันแค่จุดเริ่มต้นแบบนี้ อย่าหวังว่าจะได้สมหวังกับเจ้าน้องชายเลย ขอบอกไว้ก่อน” คุณแองเจลิน่าพูดอย่างจริงจัง “ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอนั่นแหละ ..ไปตกลงกันเองละกันนะ”
คุณแองเจลิน่ายิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นจากบ่อน้ำร้อนไป คงตั้งใจปล่อยให้พวกเรามีเวลาตกลงกันเอง
…
ฉันกับอันนาจ้องหน้ากัน
“คือว่า..”
“ขอพูดก่อนนะ” คุณอันนาบอก “..ฉันไม่รังเกียจหรอก ถ้าเป็นเธอน่ะ”
ตึกตัก ราวกับโดนธนูปักเข้าที่กลางหัวใจ
…ฉันเองก็
“…ถ้ากับคุณอันนา ฉันก็ไม่รังเกียจหรอก”
“….อือ”
…บรรยากาศดำเนินไปด้วยความเงียบ–
“ในที่สุดก็ตกลงปลงใจเป็นคนรักกันแล้วเรอะพวกหล่อน”
‘คริสตีน่า’ มองพวกฉันจากที่สูง
(นักฆ่าที่จะมาฆ่าแองเจลิน่าในเนื้อเรื่องหลัก ปัจจุบันมาทำงานเป็นสามเมดส่วนตัวของแองเจลิน่า โดยที่เรเซลกับอันนาไม่รู้เรื่องว่าเป็นนักฆ่า)
“เห็นจู๋จี๋กันมาแรมปี ในที่สุดก็ตกลงเป็นคนรักกันแล้วสินะทั้งสอง ภูมิใจเหลือเกินที่ได้เห็นทุ่งลิลลี่เบิกบาน เท่านี้น้องชายของท่านแองเจลิน่าก็กลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วสินะ น่าสะใจเหลือเกิน”
…เข้าใจผิดไปไกลเลย
‘การดีลของสองสาวประสบความสำเร็จ’
< < เมดสาวนักฆ่า ‘คริสตีน่า’ > >
สวัสดีค่ะทุกๆ คน ตัวฉันคืออดีตนักฆ่าผู้ถูกเด็กโปกสองคนทำร้าย จนพลันตัวมาเป็นคนรดน้ำต้นไม้ประจำตระกูล ‘ดราแคล์’ ..ไม่สิ ไม่ใช่คนรดน้ำต้นไม้หรอก พูดให้ถึงคือเมดมากกว่า แต่งานส่วนใหญ่มีแต่รดน้ำต้นไม้เท่านั้น เพราะคฤหาสน์ใหญ่มากทำให้งานรดน้ำต้นไม้มันทำทั้งวัน …. อีกเหตุผลที่ฉันเรียกตัวเองเช่นนั้นเพราะมันมีความหมายทางอ้อมอยู่
ฉันคือผู้รดน้ำต้นไม้เพื่อให้สักวันดอกลิลลี่เบิกบาน
ฉันเขม็งไปที่สองสาวที่อยู่ไม่ไกลนัก ทั้งสองกำลังนั่งกินข้าวพร้อมกันบนโต๊ะไม้ โดยมีดอกไม้แสนรัก (ที่ฉันรดน้ำทุกวัน) รายรอบ
คนทางซ้ายชื่อ ‘เรเซล’ เป็นเมดสาวหน้าตาดีที่หน้าอกหน้าใจใหญ่เกินหน้าทุกคนในคฤหาสน์ โดยเฉพาะกับคู่ขาอย่าง เธอด้านขวาที่ชือ ‘อันนา’ ยัยนี่คือเด็กเปรตพอกันกับเรเซอร์ เป็นนางแมวเจ้าเล่ห์ ที่มีปากเสียงกันเรื่องหน้าอกบ่อยๆ
เป็นคนที่คิดหมั่นไส้หน้าอกของคู่ขาตัวเองได้หน้าตาเฉย ร้ายจริงๆ ยัยอันนา
พักนี้ทุ่งลิลลี่ก็เริ่มเติบใหญ่ขึ้นกว่าเก่ามาก เมื่อวานที่แช่บ่อน้ำร้อนด้วยกันก็เหมือนว่าทั้งสองจะสนิทกันกว่าเก่า
“จิ๊…เมื่อไหร่จะแต่งงานกันสักทีนะสองคนนั้น” ฉันบ่นอุบอิบ ..
ทุกๆ วัน ..ทุกๆ วัน ฉันจะต้องรดน้ำต้นไม้และดูสองสาวจู๋จี๋กันน่ารำคาญเสมอ ให้ยกตัวอย่างบทสนทนาแสนจะน่าอับอายก็เช่น—-
‘อ๊ะ คุณอันนา ข้าวติดปากคะ’
‘เดี่ยวสิ จู่ๆ มันจับหน้าคนอื่นได้ไงกันคะ’
‘…ขออภัยค่ะ’
‘..เรเซลข้าวติดปากน่ะ’
‘..ขอบคุณค่ะ’
บทสนทนาอย่างกับหลุดมาจากนิยายยูรินั่นมันอะไรยะ!!!! —–รีบๆ แต่งงานกันได้แล้ววุ้ย! ชั่งหัวไอ้เด็กโปกเรเซอร์แล้วเล่นเกมผีบนเตียงกันได้แล้วทั้งสอง!!!!
ในทุกๆ วันฉันต้องกระอักเลือดตายให้กับพลังยูรินั่นตลอด ..บ้าเอ๊ย ทำไมหน้าที่นี้ต้องเป็นของฉันด้วยนะ ก็ขอบใจอยู่หรอกที่ไม่ฆ่าแล้วเอาฉันมาทำงานกับตัวเองแทนน่ะ
แต่แบบนี้มันไม่ต่างกับจับฉันไปทรมานเลยไม่ใช่หรือไง เห็นแล้วปวดหัวใจชะมัด เขินจะตายอยู่แล้วเนี่ย …ให้ตายสิ
ฉันเล่ห์มองทั้งสองอีกคราว ครั้งนี้อันนาช่วยเรเซลสอนหนังสือหลังกินข้าวเสร็จอยู่ ..
“น่าย๊ากอ่า ทั้งสองคนน่ารักเกินไปแล้ว มิตรภาพ ไม่สิ ความรักของหญิงสาวนี่มันดีจริง….นุ่มนิ่มจังเลยนะ”
ฉันจะคอยเชียร์ทั้งสองตลอดไปค่ะ ถึงจะน่าหมั่นไส้ก็ตามที
พอเห็นอาหารตาแล้วก็มีแรงทำงานขึ้นเยอะเลย
เอาละๆ จงเติบใหญ่ซะดอกลิลลี่
รดน้ำต้นไม้ท่ามกลางดอกลิลลี่ที่เบิกบาน ไม่มีงานใดที่น่าสนุกกว่านี้อีกแล้วละ
“..จะว่าไป เจ้าเด็กโปกเรเซอร์จะกลับมาเร็วๆ นี้แล้วสินะ …แย่ละแบบนี้”
—-ทุ่งลิลลี่ของฉันกำลังถูกทำลาย
“-ต ต้องรีบไปขัดขวาง ต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้ทั้งสองคนไปหาเรเซอร์”
“คิดจะทำอะไรนอกเวลางานหรือคะ คริสตีน่า”
ร่างกายถูกหยุดไว้ด้วยเสียงของผู้เป็นนาย——แองเจลิน่า!!!!!
ฉันกับแองเจลิน่าจ้องหน้ากัน
“-ย อย่ามาขวางกันนะ ถึงจะเป็นคุณนายจ้างก็เถอะ แต่ทุ่งลิลลี่ของใคร ใครก็รัก”
“นั่นไม่ใช่ทุ่งลิลลี่ของเธอสักหน่อย ..พวกเธอคือสาวๆ ที่อยู่ในวัยแห่งความรัก น้องชายของฉันต้องหาเมียได้ต่างกับฉัน”
“อย่าเอาปมไม่มีผัวของตัวเองมายัดเยียดนะ!”
พูดอีกอย่างก็คืออย่าชิงทุ่งลิลลี่ไปจากฉันนะ!
“-ว -ว ว่าไงนะ!? พูดแบบนั้นไม่กลัวโดนจับยัดกินโยตินรึไง!?”
“-จ ใจร้าย ถึงขั้นต้องฆ่าแกงกันเลยหรือ?”
“ไม่ทำหรอกน่า แต่อย่ามาขวางทางรักของน้องรักฉันนะ”
“เรื่องของน้องชายก็เรื่องของน้องชายเซ้คุณนายจ้าง! เอาเวลาทำลายทุ่งลิลลี่ของชาวบ้านไปตั้งใจหาคนรักดีกว่ามะ?”
“หน๊อย! แสบนักนังนี่!”
“—จะเอาเหรอหะ! เห็นแบบนี้แต่ฉันเป็นนักฆ่าเก่ามากชื่อเสียงนะ เรื่องประชันแรงน่ะไม่แพ้ใคร—-เหวอ! แรงเยอะจริง!”
แองเจลิน่าแรงเยอะเกินคาด เธอสามารถวัดแรงชนะฉันได้แต่ด้วยทักษะพิเศษของฉันทำให้เราทั้งคู่ล้มลงกองกับพื้นพร้อมกัน—–พวกเราล้มลงไปและจมูกชนกัน
…..อะไรกันความรู้สึกนี้
หน้ารู้สึกร้อนชอบกล แองเจลิน่าในระยะเผาคนเองก็แก้มแดงอย่างน่าพิศวง
“…..”
“…..”
…แองเจลิน่าสวยจังเลย——
“อะแฮ่ม ขออภัยนะคะ”
อันนาชะโงกหัวมองพวกเรา เรเซลแอบมองอยู่หลังอันนาด้วย
“…การละเล่นของผู้ใหญ่”
ดันสอนอะไรไม่เข้าท่าให้ทุ่งลิลลี่ที่รักแล้วสิตัวฉัน
< < ตัวร้ายสนทนากับพ่อบ้านชื่อคลาสสิก > >
สัมผัสของสายลมวันนี้ต่างกับทุกครั้ง เมื่อไม่กี่เดือนก่อนผมอาศัยอยู่ในที่ที่อากาศค่อนข้างหนาวตลอดเวลา ไม่ถึงกับถูกปกคลุมด้วยหิมะ แต่ค่อนข้างหนาวในระดับหนึ่งเลย ที่แห่งนั้นก็คือ ‘ทวีปแซร์อิซ (แดนมหามังกรวายุ) ’
เพราะฉะนั้น ณ ปัจจุบันนี้ผมจึงไม่ได้อยู่ที่ทวีปแซร์อิซแล้ว ตอนนี้ผมได้กลับมาเยือนบ้านเก่าของตัวเองอย่าง ‘ทวีปฟัฟนิร์ (แดนมังกรเพลิง) ’
สายลมร้อนๆ พัดเข้าหาขณะที่ผมนั่งเท้าคางอยู่บนเรือขนส่งบุคคลขั้นสูง
ค่าใช้จ่ายต่อเที่ยวตั้ง 50000 บาท หากตีเป็นค่าเงินไทย หากเป็นปกติผมคงจ่ายเงินตั้งขนาดนั้นไม่ไหวหรอก ใช่หากเป็นปกติอะนะ ก็ในตอนนี้ผมคือสุดยอดตัวร้ายแสนจะธรรมดาของโลกไลทโนเวลชั้นเทพ นามนั้นคือ ‘เรเซอร์ ดราแคล์’
ตอนนี้เองก็ครบเวลากำหนดแล้ว ผมออกเดินทางทั่วโลกได้ครบ 3 ปีแล้ว มันจึงถึงเวลาต้องกลับมายันทวีปฟัฟนิร์เพื่อเข้าโรงเรียนเวทมนตร์ …เพื่อไปหาพวกเขาเหล่านั้น
ปู้นๆ เสียงของเรือดังขึ้นพร้อมกับสายลมที่พัดผมไปยันทวีปฟัฟนิร์—–มาถึงแล้ว
เรือจอดเทียบท่าเรียบร้อย ผมบิดขี้เกียจเล็กน้อยพลางมองไปที่นาฬิกาบนตัวเรือ
..เลยเวลานัดกับพวกนั้นไปตั้ง 10 นาที
“..เอาเอะ”
นับจากที่เรือเทียบท่าไม่นาน ผมยังไม่ทันลุกขึ้นด้วยซ้ำแต่เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังสนั่นทั่วตัวเรือ—-ผมรู้ดีว่านั่นคือเสียงฝีเท้าของใคร
ไม่ได้เจอกันตั้งนาน วิ่งเร็วขนาดนี้แล้วเหรอ ..เวลาแค่ปีเดียวนี่มันนานจริงๆ
“ก็นะ ต้องแยกกับยัยพวกนั้นตอนไปทวีปแซร์อิซ 1 ปีมันก็เหงาๆ หน่อย ถ้าเจอกันก็ต้องวิ่งหากันแบบนั้นแหละ” ผมอมยิ้มเล็กน้อยพลางเบือนหน้าไปข้างหลังตัวเองที่มีคนยืนรออยู่ “…ไม่เจอกันนานะ..ทั้ง..สอง”
ไม่ใช่ ผิดกับที่คิดไปไกลเลย
“ไม่ได้เจอกันนานนะขอรับ นายน้อย” เขาตรงหน้าที่ผิดกับที่คิดคำนับให้
ไม่ใช่เมดสาวแสนน่ารักสองคนนั้น แต่เป็นคุณพ่อบ้านสุดแกร่งเซบาสเตียนต่างหากที่มารับผม
—อยากตาย ใจแทบจะสลายเลย นึกว่าจะได้เห็นสองสาวที่โตขึ้นจนเทียบกับแต่ก่อนไม่ได้แล้วแท้ๆ เชียว …
“เมาเรือหรือครับ ท่าทางดูไม่ดีเลย”
เซบาสเตียนเดินมาสัมผัสที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน——-ขอทีเถอะ! ตามเซ็ตติ้งแล้วมันไม่ควรเป็นบทของนายสักหน่อย!! บทแบบนี้มันคือของเรเซลต่างหาก! อันนาก็ด้วย ใครสักคนได้หมด! พี่สาวผมก็ได้!
“-ม ไม่เป็นอะไรหรอกเซบาสเตียน พอเถอะ”
‘ใช่ค่ะ มาสเตอร์ไม่มีทางเป็นอะไรได้หรอก มีฉันอยู่ทั้งคน’
ขนาดยูนายังว่าอย่างนั้นเลย …เซบาสเตียนจะไปได้ยินหล่อนพูดได้ไงกันละ
เขาดูงงเล็กน้อย อาจจะสงสัยว่าทำไมผมดูซึมๆ แต่คงคิดได้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่คิดถามไถ่อะไร
“เข้าใจแล้วขอรับ เช่นนั้นกระผมจะขนของให้”
“เดี่ยวสิ” ผมทักเซบาสเตียนก่อนที่เขาจะปฏิบัติหน้าที่ “…ไม่ได้เจอกันนานนะ”
พูดจบผมก็ยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ
ว่าก็ว่าเถอะ เซบาสเตียนเองก็สำคัญกับผมไม่แพ้ใครเลย
เซบาสเตียนยิ้มรับ—— “เช่นกันขอรับ”
*****
ผมย้ายจากบนเรือมาเป็นบนรถม้าแทนด้วยความรวดเร็ว
“ไม่ได้นั่งรถม้ามานานแล้วแฮะ”
“ทวีปแซร์อิซขึ้นชื่อเรื่องรถม้านี่ครับ ไม่ได้นั่งเลยหรือ?”
“ช่วงหลังๆ ฉันเดินเท้าเอาน่ะ”
“อันตรายนะขอรับ”
ผมยิ้มตอบกลับ
“ฉันมีปาร์ตี้นักผจญภัยน่ะ คู่หูสุดแกร่งก็มี (หมายถึงยูนา) ไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ใครหน้าไหนได้หรอกนะ”
ไม่ได้หลงตัวเองแต่อย่างไร เหตุผลที่เดินเท้าก็มีด้วย ไม่ใช่ว่าไร้เหตุผล
เซบาสเตียนเข้าใจได้เพียงมองตา
“นั้นหรือครับ ..เพียงปีเดียว แต่ดูแข็งแกร่งขึ้นเยอะเลยนะครับ ไม่ทราบว่าวิชาดาบไปถึงไหนแล้ว? ขั้นสูงใกล้จะบรรลุแล้วรึครับ”
อนึ่งนักดาบมีทั้งหมดสี่ขั้นได้แก่ ต่ำ,กลาง,สูง,และบรรลุ ซึ่งในขั้นบรรลุนักดาบจะได้ฉายาไปแทนชื่อขั้น
อย่างเซบาสเตียนเองก็มีฉายาเท่ๆ ด้วย
“ถึงจะยังไม่ได้ทดสอบอะไรก็เถอะ แต่น่าจะอยู่แค่ขั้นกลาง”
“..น่าแปลกใจนะครับ ท่านมีร่างกายที่ไม่แพ้นักดาบขั้นสูงเลยนะครับ” เซบาสเตียนจ้องที่ในตาของผม “ทั้งๆ ที่ท่านเป็นนักเวทย์”
…
ผมไม่ได้มีพรสวรรค์เรื่องดาบอะไรอย่างที่เซบาสเตียนคิดหรอก แค่มีทักษะจากโลกเก่ามาช่วยตอนเด็กทำให้เหมือนมีของ ถ้าไปเทียบกับพวกอัจฉริยะ ก็แค่อัจฉริยะปลอมๆ
แต่ถ้าเป็นเรื่องเวทมนต์คงยืดอกรับคำชมได้อยู่หรอก
“ว่าก็ว่าเถอะ นายน้อยน่าจะเหนือกว่าผมไปแล้วนะครับ”
“ตัวนายที่เป็นถึง ‘ปีศาจสีขาว’ น่ะเหรอ?”
นั่นคือฉายาของเซบาสเตียนในฐานะนักดาบ เขาคือนักดาบขั้นบรรลุที่แกร่งเป็นอันดับต้นๆ
“พักนี้ถูกเรียกว่า ‘หมาเฝ้าบ้าน’ แทนแล้วขอรับ” เซบาสเตียนยิ้มเบาหวิว
เดี่ยวนี้หัดเล่นมุกแล้วเรอะ ..ผมแกร่งกว่าเซบาสเตียนแล้วจริงๆ เหรอ
..ยูนา เธอคิดว่ายังไงละ?
เมื่อไม่ได้ข้อสรุปผมจึงเอ่ยถามผู้ที่แกร่งสุดในที่แห่งนี้ ‘ยูนา’ วิญญาณระดับเทพที่ผมครอบครองอยู่
‘คาดเดาไม่ได้ค่ะ ชายที่ชื่อเซบาสเตียนเขามีบางสิ่งซ้อนไว้อยู่’
….สมมุติว่าเซบาสเตียนสามารถก้าวข้ามพลังกายตัวเองได้เป็นร้อยเท่าละ
นั่นคือเนื้อหาจากไลทโนเวล สกิลปริศนาของเซบาสเตียนที่แม้แต่ในนิยายก็ไม่อธิบายอะไรเลย เพราะหลังจากที่เขาใช้ไปเซบาสเตียนก็ตายในทันทีหลังใช้วิชานั้นไป ..
‘เช่นนั้นมาสเตอร์ก็พยายามอย่าหาเรื่องชายผู้นั้นคะ ถึงแม้จะมีตัดมิติแต่หากตัดไม่ทันก็ไร้ความหมาย’ ยูนาตอบกลับตรงๆ
หมายความว่าชนะไม่ได้นั่นเอง ..นั่นสินา
ตัวผมมีขีดจำกัดที่ชัดเจนอยู่—นั่นแหละสิ่งที่ควรคิดให้ขึ้นใจไว้เสมอ
“จะว่าไปสองคนนั้นไปไหนซะละ”
“หมายถึงเรเซลกับอันนานั้นหรือครับ?”
“อ่า”
“1 ปีก่อน ท่านแองเจลิน่าได้รับอันนากับเรเซลเข้าทำงานที่คฤหาสน์ตัวเองครับ”
เลยไม่ว่างมารับกันสินะ น่าเสียดายแฮะ
“ยกเว้นเรเซลที่ท่านแองเจลิน่าสั่งให้มาดูแลคฤหาสน์ขอรับ”
“..ชักจะใจเต้นแล้วสิ”
..นี่คือเรื่องราวก่อนที่ผมจะได้ไปเจอกับพวกเขาเหล่านั้นที่โรงเรียนเวทมนตร์
MANGA DISCUSSION