เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 404
< < อัฟเตอสตอรี่ 3 > >
นี่คือเรื่องราวช่วงก่อนสงครามครั้งใหญ่ในอดีต–-ฉันตกหลุมรัก เรเซอร์ ดราแคล์ แต่ว่าเขาไม่ได้รักฉัน และ ใช่ มันเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด—แม้แต่เรืองราวในฝันที่พบเจอก็เป็นเช่นนั้น ตัวเขามองไปที่ใครสักคนหนึ่งอยู่เสมอ โดยที่ไม่คิดจะเหลียวหลังกลับมามองดูฉันเลย
มันไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก ฉันก็แค่อดน้อยใจไม่ได้
จากนั้นก็ ..ฉันตายด้วยน้ำมือของคนที่ชายคนนี้รัก จากนั้นก็ล่องลอยไปมาบนโลกใบนี้อย่างไร้จุดหมาย
แต่แล้ววันหนึ่ง ฉันก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งภายในโรงพยาบาล
“ไม่ได้เจอกันนานนะ โซล่า”
ฉันหวังในทีแรกว่าคนที่จะทักทายฉันด้วยน้ำเสียงแสนอ่อนโยน จะต้องเป็น เรเซอร์ ดราแคล์ คนนั้น แต่ก็ไม่ใช่ คนที่ทักมันกลับเป็นศัตรูหัวใจซะอย่างนั้น ฉันทำหน้าบึ้ง และหรี่ตามองอย่างเคียดแค้น เนื่องจากว่าคนที่ทำให้สภาพของฉันลงเอยแบบนี้มันก็คนๆนี้นี่แหละ
“เบลลามีเหรอ ..มีธุระอะไรคะ?”
‘เบลลามี’ ศัตรูหัวใจคนนั้นบนมือถือดาบสีขาวเอาไว้ ซึ่งเป็นเล่มเดียวกับที่ใช้สังหารฉัน
“ธุระ? นั่นสินะ ..เราแค่อยากจะขอบคุณ” เบลลามียิ้ม “ขอบคุณที่รักเรเซอร์นะ”
“….อะไรกัน คงไม่ใช่ว่าตั้งใจจะมาประกาศชัยชนะอะไรหรอกนะ”
เบลลามีส่ายหัวตอบกลับทั้งรอยยิ้ม
“เราไม่มีสิทธิ์นั้นหรอกนะ โซล่า เราไม่มีสิทธิ์ห้ามเธอให้รักผู้ชายที่เรารักหรอก”
“..ทางนี้ไม่ได้หน้าด้านขนาดไปแย่งของๆคนอื่นมาหรอกนะ เบลลามี—ฉันยอมแพ้แล้วละ ก็แค่ความรักที่จากเดิมก็ไม่เคยสมหวังอยู่แล้วก็เท่านั้น ถึงจะพร่ำโกหกมาตลอดว่าเขาคือบุคคลในโชคชะตาที่พบในฝัน แต่ว่าแม้แต่ในฝัน เขาก็ไม่ได้รักฉันเลย ผิดกับเธอ หรือว่ากับคนอื่นๆ”
“เรื่องนั้นไม่จริงสักหน่อย”
“..หึ! คนที่สมหวังแบบเธอ จะพูดอะไรก็พูดได้ไม่ใช่รึไง”
“อือ”
ชะ ใช่ด้วย ว่าแล้วเชียวไม่ถูกกับยัยนี่จริงๆ
“เพราะอย่างนั้นเราถึงสามารถพูดได้เต็มปากว่า–ไม่จริงหรอกนะ”
“…..”
“จากนี้อีกไม่นาน จะมีสงครามใหญ่เกิดขึ้น และถ้ามันจบลงได้ด้วยดี ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม โซล่า ถ้าเป็นไปได้ช่วยกลับมาหาพวกเราอีกครั้งจะได้หรือไม่? ไม่ใช่แค่เรเซอร์หรอกนะ หนิงกับยูจิเองก็คงอยากให้เป็นแบบนั้น”
..สองคนนั้น คนที่เคยช่วยเหลือฉันเรื่องความรัก แล้วก็เพื่อนสนิท …ในตอนนั้น ฉันได้แต่ถอนหายใจ และพลิกตัว มุดเข้าใต้ผ้าห่ม และโบกมือไล่เบลลามี
“ไม่รู้”
“…ถ้านั้นก็เราขอตัวไปก่อนนะ จะรอนะ”
กล่าวจบ เบลลามีก็หายไปจากห้องแห่งนั้น ส่วนฉันก็นอนขดตัวอยู่อย่างนั้นจนกว่าพยาบาลขจะพบเห็นว่าฉันตื่นจากอาการโคม่าแล้ว
****
หลังจากเรื่องเมื่อคืนนั้น เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปหลายปี ราวสี่ปีได้ สรุปฉันก็ไม่ได้กลับไปหาทุกคนตามที่เบลลามีขอเอาไว้ เพราะฉันเลือกจะไม่ไปด้วยตัวเองส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะครอบครัวห้ามไม่ให้ไป พวกเขาที่ไม่ใช่แค่คนในครอบครัว แต่รวมถึงคนใหญ่คนโตของบ้านเกิดอย่างจักรวรรดิราชามังกรคงมองว่าการที่ฉันอยู่ในอาการโคม่า เป็นเพราะหละหลวมในการควบคุมตัวฉัน
ด้วยเหตุนั่นเอง ทำให้อิสระที่มีลดลงไปกว่าครึ่ง
ชีวิตนับจากนี้ คงจะต้องหมกตัวอยู่แต่ในห้องวิจัยจนโสดตาย ตามฝันแล้วกระมังเนี่ย?
อย่างไรก็แล้วแต่ ก็ใช่ว่าจะโดนห้ามไม่ให้ออกนอกประเทศ หลายๆครั้งก็ถูกส่งตัวไปที่ ‘อิกดราซิล’ เพื่อค้นคว้าวิจัยหลายๆอย่าง ดังเช่นวันๆนี้
ฉันเดินอยู่บนท้องถนนของอิกดราซิล ในมือหิ้วถุงที่เต็มไปด้วยเอกสารเอาไว้ และเดินไปเรื่อยๆ ..จนกระทั่งฉันต้องเบรคกระทันหัน เมื่อพบกับ ‘ศัตรูหัวใจ’ อีกครั้ง
“หงะ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้”
เบลลามีโผล่มากวนใจฉันอีกครั้ง เธอเอียงคอฉงนเมื่อฉันถาม
“มาเรียนต่อน่ะ”
“..อ่อ แบบนี้นี่เอง นักเรียนทุนคนนั้นจาก วิทยาลัย ‘เรดฮอต’ คือเธอสินะ”
เบลลามีพยักหน้ารับ
“ยูจิกับหนิงก็มาด้วยนะ”
“…อืออออ ไม่อยากเจอสองคนนั้นตอนนี้เลยนะ”
อุตส่าห์พยายามหลบหน้ามาตลอด ..ใช่ ที่พูดเนี่ยคือ จริงๆทางฝั่งคุณเรเซอร์ก็มีติดต่อขอเข้าพบบ้าง แต่ฉันก็ใช้ครอบครัวปฏิเสธมาโดยตลอด การพบเจอกับเบลลามีในอิกดราซิลจึงไม่ต่างกับเรื่องแสนบังเอิญ
“..แล้วคุณเรเซอร์ล่ะ”
“ตอนนี้เป็นเจ้าเมืองชันไมน่ะ แล้วก็–”
เบลลามีพูดไม่ทันจะจบ เสียงคนตะโกนเรียกก็ดังขึ้น
“เบลลามี!!!!!!!”
….ฉันกลืนน้ำลายดังอึก หันหลังกลับไปก็พบกับ ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ ในชุดสูทสีเลือดหมู และส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นกว่าสิบเซนติเมตร แวบแรกที่เห็นแทบจะเป็มลมจับ ใบหน้าของฉันแดงก่ำ และตัวก็สั่นขยุกขยิกไปมา
“ระ ระ คะ คุณเรเซอร์ …”
“เอ๊ะ!? โซล่าไม่ใช่เหรอ!?”
คุณเรเซอร์ตกใจใหญ่เลย ..เบลลามีเห็นก็ยิ้มแบบมีเลศนัย ก่อนเดินมากระซิบข้างๆหูฉัน
“ตอนนี้เขากำลังริเริ่มโครงการฟื้นฟูเผ่าพันธ์ที่หายสาบสูญน่ะ เลยแวะมาที่อิกดราซิลเพื่อปราศัยหาแนวร่วมกับคนใหญ่คนโตบ่อยครั้ง เรื่องนี้ยังเก็บเป็นความลับเอาไว้อยู่ คนนอกเลยไม่รู้”
“ระ เรื่องสำคัญขนาดนั้น จะมาบอกทำไมมิทราบ ..”
“โซล่าไม่ใช่คนนอกสักหน่อย อีกอย่างนะ”
น้ำเสียงของเบลลามีหวานขึ้นอย่างน่าสงสัย ประหนึ่งว่าเป็นปีศาจตัวน้อย
“วันนี้เป็นวันว่างของพวกเราน่ะ เป็นวันเดทที่นัดเรเซอร์เอาไว้ซึ่งนานๆจะมีที”
“..จะอวดรึไง”
“อือ ใช่ แล้วก็ โซล่าสนใจรับวันสำคัญนี้ไปแทนเรารึเปล่า?”
….หะ หา!!!!?
“บะ บะ บะ บ้าๆๆๆ! พูดบ้าอะไรคะนั่น!?”
“ยังไงๆก็อยากเดทกับเรเซอร์ไม่ใช่เหรอ?”
“…แต่ว่าพวกเธอ”
เป็นธรรมดาที่ฉันจะสังเกตุเห็นแหวนแต่งงานของสองคนนี้ ..ไปกันไกลขนาดนั้นแล้วนี่เอง
“เอาเป็นว่า วันนี้เราจะหลีกทางให้นะ”
กล่าวจบ เบลลามีก็ไม่รีรอ เดินไปหาเรเซอร์โดยที่ฉันไม่ทันได้ท้วงอะไร
“วันนี้มีธุระกระทันหัน ขอยกเลิกนะ”
“งะ ไหงนั้น!!?”
“คืนนี้ค่อยเจอกันใหม่ที่เดิมก็ได้ แค่นี้นะ”
คะ คืนนี้ …สองคนนี้กลายเป็นผู้ใหญ่แล้วสินะ อ่อ ก็นั่นสินะ อายุยี่สิบกันหมดแล้วด้วย คุณเรเซอร์ก็น่าจะยี่สิบเอ็ดแล้ว
เบลลามีเดินย้อนกลับมาหาฉัน และพูดกระซิบข้างๆใบหู จนแอบรู้สึกสยิวชอบกล
“แค่ช่วงเช้าเท่านั้นนะ”
…..ร้ายกาจ
เบลลามีเดินหายไป คาดว่าทิศทางที่เธอจะไปน่าจะเป็นห้องสมุดของอิกดราซิล ไม่ก็ ห้องวิจัยสักห้องหนึ่งของวิทยาลัยอิกดราซิล
จะอย่างไรก็แล้วแต่ ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับคุณเรเซอร์แล้ว
“…..”
“….”
บรรยากาศแสนน่าอึดอัดเข้าปกคลุมแทบจะทันที พวกเราต่างพยายามสบตากัน แต่ก็ไม่เป็นผลเสียที ..อยากจะร้องไห้ น้ำตาค่อยๆซึมออกมา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุนั้นรึเปล่า เสียงของทางฝั่งคุณเรเซอร์ถึงได้ดังขึ้น
“คะ คือว่า!”
“…อะไรเหรอคะ”
“โซล่า พอจะมีเวลาว่างรึเปล่า?”
…เอ๊ะ?
“มีเรื่องสำคัญที่อยากจะคุยด้วยมาโดยตลอดน่ะ”
….
“ค่ะ ถ้าหากเป็นธุระล่ะก็ ..”
จากนั้นพวกเราก็ไปนั่งคุยกันที่สวนสาธารณะ บริเวณริมแม่น้ำพวกเรานั่งคุยกัน โดยทุกเรื่องที่คุณเรเซอร์พูดคือเรื่องราวหลังจากที่ฉันหลับไป เขาเล่าทุกอย่างโดยไม่คิดจะปิดบังอะไรเลย ..แล้วก็รวมถึงเรื่องหลังจากจบการศึกษา หรือก็คือเรื่องราวทั้งหมดของตัวเขาตลอด 4 ปี ที่ผ่านมานี้
แน่นอนว่ารวมถึงเรื่องสาวๆในฮาเร็มของเขาด้วย เลือดตาของฉันแทบจะกระเด็นออกมา ทำเอาอยากรี๊ดออกมาให้สะเทือนไปทั่วทั้งโลก
แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของ ‘อาวุธเวทมนตร์’ ‘คทาเวทย์ที่ทรงพลังที่สุดบนโลก’ .. ‘เรลันดาฟ’ อุปกรณ์เวทมนตร์ที่ฉันคิดค้นขึ้นมา
“ไม่คิดเลยนะคะว่า คุณเรเซอร์ จะรวบรวมวัตถุดิบจนสร้างมันขึ้นมาได้เนี่ย”
เรลันดาฟคืออุปกรณ์เวทมนตร์ในฝันที่อยากสร้างขึ้นเพื่อคุณเรเซอร์ แต่ขึ้นชื่อว่าในฝัน ก็ไม่ต่างกับความฝันเด็กๆ แบบเดียวกับพวกเด็กผู้ชายที่ชอบสร้างตัวละครในฝันนั่นแหละ ของฉันก็เป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ ที่ใช้วัตถุดิบที่ไม่อาจตีราคาได้มากมาย ..มณีของการาวิเทีย มณีอัคคี เดธเซปเตอร์คทาของราชาจอมเวทย์ แล้วก็วัตถุดิบชั้นสูงสุดบนโลกอีกมากมาย
ถึงโครงสร้าง ขั้นตอนการผลิตฉันจะเป็นคนออกแบบเองหมด แต่ว่าสิ่งที่ยากที่สุดน่าจะเป็นการหาวัตถุดิบมากกว่า
ในฐานะผู้สร้างแล้ว–
“ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้ฝันของฉันเป็นจริง แถมยังสร้างโดย ‘เซียน’ ผู้นั้นอีก ไม่มีอะไรเป็นเกียรติไปมากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ”
“ที่ต้องขอบคุณมันทางนี้ต่างหาก ..อยากจะขอบคุณมาโดยตลอด”
คงจะพูดถึงเรื่องเรลันดาฟอย่างเดียวละนะ ..ก็ไม่ได้แย่ การถูกขอบคุณโดยคนที่ตัวเองรักน่ะ แต่ว่า …..อ่า อยากจะร้องไห้แล้วสิ
ฉันตกหลุมรักชายคนนี้ แต่ว่าเขาไม่เคยมองฉันในแง่นั้นเลย แต่มันเป็นเรื่องปกติ เพราะมันก็เป็นแบบนั้นมานานแล้ว แม้ว่าจะทำหลายต่อหลายอย่างให้ แต่ว่ามันก็ใช่ว่าเขาจะต้องตอบแทนฉันด้วยความรักเสียหน่อย
บางทีที่ฉันตัดสินใจจะสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์เพื่อเขา ตัดสินใจทำหลายต่อหลายอย่างเพื่อเขา มันอาจจะมาจากความรู้สึกแสนน่ารังเกียจในจิตใจก็เป็นไปได้—ความรู้สึกที่ว่าอยากจะให้เขารักฉัน เพราะสิ่งที่ฉันทำให้
ไม่ได้ทำให้โดยบริสุทธิ์ใจ ผู้หญิงที่มีความคิดน่ารังเกียจแบบนี้ ..ไม่มีทางที่จะถูกรักโดยชายคนนี้ได้
ฉันไม่สามารถเป็นอย่าง ‘เบลลามี’ หรือว่า ‘ลีน่า’ ได้ ..ฉันน่ะ
“แล้วก็อีกเรื่องนะ โซล่า ที่สำคัญที่สุดเลย”
“….”
“..ได้โปรด ‘แต่งงาน’ กับผมด้วยครับ”
“…เอ๊ะ?”
ใบหน้าของ คุณเรเซอร์ แดงขึ้นจนถึงใบหู
“เอ๋!!!!!!!!!!!!!!?”
ฉันตะโกนออกมาสุดเสียง ทางด้านคุณเรเซอร์ก็นำมือมาก่ายหน้าผากตัวเองด้วยความเขินอาย พอเป็นอย่างนั้น ฉันก็ผล็อยเขินตาม
“ทะ ทะ ทำไม ทำไมถึง ไม่ใช่ว่าแต่งงานไปแล้วหรือไงคะ!? คุณไม่รู้รึยังไงว่าบ้านเกิดฉันไม่ได้นิยมการแต่งงานหลายคน ..ฉะ ฉันนนน!!”
“..ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับโซล่านั่นแหละ ผมไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใครหรอก จริงๆแล้วก็พยายามติดต่อเธอหลายช่องทางแล้วน่ะนะ เพื่อคุยเรื่องนี้”
บะ แบบนี้นี่เอง ที่ติดต่อหาบ้านฉันบ่อยๆก็เพราะแบบนี้ ฉันรู้สึกดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้ ถึงกระนั้นปากก็ไปกันคนละทาง
“นะ น่ารังเกียจค่ะ! อยากได้สาวในฮาเร็มเพิ่มขนาดนั้นเลยหรือไงกันคะ!!? คนหลายใจ!!”
“..ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ฉันมันหลายใจจริงๆนั่นแหละ”
“คิดว่าฉันจะยอมรับให้คนหลายใจพรรค์นั้นมาเป็นสามีได้หรือคะ …ไม่ว่ายังไงฉันก็ขอ …”
พูดออกมาไม่ได้ ฉันไม่สามารถพูด ‘ปฏิเสธ’ ได้
“พะ”
“พะ?”
“พายเรือเป็ดกันสักหน่อยมั้ยคะ?”
ฉันพูดทั้งรอยยิ้มแสนแข็งทื่อ ..คุณเรเซอร์ยิ้มตอบกลับว่า “อื้ม!”
จากนั้นก็หลากหลายอย่าง ฉันทำหลายๆอย่างกับคุณเรเซอร์ ทำสิ่งที่ทุกคนเรียกกันว่า ‘เดท’ ไม่ว่าจะพายเรือเป็ด เดินเล่นชมดอกไม้พลางกินไอติมไปด้วย เข้าร่วมกิจกรรมกลางแจ้งเล็กๆ รับประทานอาหารด้วยกัน ทำเรื่องที่ตัวของฉันใฝ่ฝันมาโดยตลอดจนหมดแล้วก็มาจบที่หน้าน้ำพุรูปต้นไม้ยักษ์ อันเป็นแลนมาร์คของอิกดราซิล
“วันนี้สนุกจังเลยนะ”
“ไม่กลัวเบลลามีว่าหรือไงคะ สนุกสุดเหวี่ยงกับฉันตั้งขนาดนั้น” ฉันหัวเราะพึมพำแบบได้ใจ “ดูดีๆ ที่กำลังทำอยู่ไม่ต่างกับ ‘การเล่นชู้’ เลยนะคะ คุณเรเซอร์”
“..เรื่องของโซล่า คุยกับเบลลามีนานแล้วน่ะนะ”
“จะบอกว่าเบลลามีอนุญาติแล้วสินะคะ”
“อืม ..ฉันเองก็อยากจะตอบแทนเธอ”
“ที่ขอฉันแต่งงานก็เพื่อตอบแทนนั้นสินะคะ?”
“แค่ส่วนหนึ่งละนะ”
….
“ว่าแล้วเชียว”
ใบหน้าของคุณเรเซอร์ดูหดหู่ขึ้นมา เขาพยายามจะพูดต่อ
“…แต่ว่าไม่ใช่ทั้งหมดหรอกนะ คนที่มีคนรักเยอะอย่างฉัน ให้พูดก็ดูไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ คำว่ารัก ถ้าให้คนแบบฉันพูด มันอาจจะดูไร้ราคาไปสักหน่อย แต่ว่าฉันก็อยากจะพูดอยู่ดี ฉันเองก็รักเธอเหมือนกันนะ โซล่า”
“อะไรทำให้มั่นใจแบบนั้นคะ?”
“ความฝันของเธอ ฉันเห็นมันหมดแล้ว ..น่าจะเริ่มรู้สึกก็ตอนที่ได้เห็นเรื่องราวของตัวเองกับเธอในฝันของเธอ เป็นความรู้สึกที่ต่างกับตอนพบกับเบลลามี มันเป็นความรู้สึกที่เพิ่มพูลขึ้นเรื่อยๆ จากสิ่งที่มีร่วมกัน”
“…ฉันเองก็ตกหลุมรักคุณเรเซอร์ เพราะเหตุผลเดียวกันนี่แหละค่ะ ครั้งแรกที่พบเจอคุณ ไม่ได้ชอบเลยสักนิดเดียวแท้ๆ แต่ว่า รู้สึกตัวอีกทีก็ตกหลุมรักไปเสียแล้ว”
….ถึงอย่างนั้น
“นี่ก็เริ่มมืดแล้ว น่าจะถึงเวลาเจอกับเบลลามีแล้วนะคะ”
“..เข้าใจแล้ว”
คุณเรเซอร์ลุกขึ้นยืน และยื่นมือมาให้ฉัน ฉันตอบรับมือนั้น และได้เขาช่วยให้ลุกขึ้นยืน เป็นการกระทำที่แสนจะสุภาพบุรุษ
“ขอบคุณนะคะ สำหรับความทรงจำดีๆ นี่น่าจะเป็นวันแรกที่ฉันมีความสุขกับชีวิต มากกว่าการนั่งหมกตัวอยู่ในห้องวิจัย”
“ได้ยินคำนั้นจากเทพธิดาผู้สร้าง นับว่าเป็นเกียรติมากเลยละ”
“เรื่องโครงการพัฒนาเผ่าพันธ์ที่หายสาบสูญของคุณ ฉันจะช่วยสนับสนุนด้วยอีกแรงนะคะ เห็นแบบนี้แต่ฉันก็ถือว่าเป็นคนมีอำนาจภายในอิกดราซิลพอสมควร มากพอที่จะพลิกโครงการเล็กๆได้เกิดขึ้นได้ทีเดียว”
“ขอบคุณนะ ..ได้เธอช่วยไว้มาโดยตลอดเลย”
เพราะคิดว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วจะถูกรัก แล้วก็สำเร็จ ฉันถูกรักแล้วตามที่ต้องการ แต่ว่าทำไมกันนะ ..ทำไมฉันถึงไม่กล้าจะตอบตกลง หรือว่าไม่คิดจะตอบปฏิเสธ บางทีการให้คำตอบกับคุณเรเซอร์ มันอาจจะยังเร็วเกินไปสำหรับตัวฉันในตอนนี้
ฉันควรจะไปทำความเข้าใจตัวเองใหม่อีกครั้ง
เอาเป็นว่า หมดธุระแล้วในวันนี้
ฉันหันหลังให้ และออกเดิน ..พร้อมกันนั้น ก็เห็นเบลลามีเดินกลับมาพอดี
“เร็วจริงๆนะ”
“ทั้งเรเซอร์ ทั้งเราไม่ค่อยมีเวลาว่างน่ะ เลยจะให้สูญเปล่าแม้แต่นาทีเดียวไม่ได้”
“ที่พูดเนี่ย เวลา ‘พลอดรัก’ ทั้งนั้นไม่ใช่หรือไงคะ? แล้วโรงแรมไหนกันคะที่จะไป”
“โรงแรมห้าดาวที่มีอ่างจากุชชี่ส่วนตัวน่ะ”
“แหม่ๆ แค่ผสมพันธ์ แต่เอากันที่หรูเหลือเกินนะคะ”
เบลลามียิ้มตอบ
“เพราะเรเซอร์รวยน่ะ”
….
ฉันเองก็อยากถูกคุณเรเซอร์เปย์บ้างแท้ๆ ..
“หมดเวลาของเธอแล้วนะ โซล่า ต่อไปเวลาของเรา ..ขอตัวก่อนนะ—”
“ดะ เดี่ยวสิย่ะ!!”
“..มีอะไรอักเหรอ?”
ฉัน ..ฉันน่ะ ฉัน ฉันน่ะ!!!!!!!!!
“ผัวรวยมากนักแน่จริงก็พาฉันไปด้วยสิย่ะ!!!!!”
โคตรจะอิจฉาเลย!!!!
“อือ เข้าใจแล้ว”
…เอ๊ะ?
จากนั้นก็เกิดอะไรขึ้นหลายต่อหลายอย่าง ซึ่งเป็นการยากที่จะอธิบายมันออกมาในเรท 13+
………………..
………
ฉันลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ในห้องขนาดใหญ่ ที่เป็นห้องของโรงแรมห้าดาวที่มีอ่างจากุชชี่ส่วนตัว แล้วก็ข้างๆที่มีคุณเรเซอร์ในร่างเปลือยเปล่าหลับอยู่ หรือก็คือ ..ทำไปซะแล้ว ครั้งแรกของฉัน แบบสุดจะเอ็กซ์ตรีม 3P
คุณเรเซอร์ที่แรงไม่มีหมด เบลลามีที่มากด้วยเทคนิค แล้วก็ฉันที่ ..ราวกับสัตว์กินพืช บัดซบเอ้ย โหดเล่นยับเลย ไม่ใช่แค่คุณเรเซอร์ แต่เบลลามีมันก็เล่นหมดไม่สนใคร แม้แต่คุณเรเซอร์ที่น่าจะมีประสบการณ์เยอะยังร้องเสียงหลง แล้วฉันจะไปเหลืออะไร—น่าละอายใจเหลือเกิน ฉันคับแค้นใจอย่างถึงที่สุด เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ..รู้สึกดีย์
ฉันหรี่ตามองคุณเรเซอร์ที่หลับปุ๋ย ใบหน้าของเขาตอนหลับดูน่ารักชอบกล เลยเผลอใช้นิ่วชี้จิ่มแก้มเล่นไปมาอยู่อย่างนั้น
“ฮะ ฮะ ฮะ”
สนุกสุดๆ–ตอนนั้นเอง
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“คึก …เบลลามี”
เบลลามีโผล่มาโดยที่ในมือถือถาดใส่ถ้วยน้ำชามาด้วย ราวสามถ้วย แถมยังแต่งตัวเรียบร้อยแล้วด้วย ในชุดนักศึกษาของวิทยาลัยอิกดราซิล
“อีกเดี่ยว เรเซอร์ก็น่าจะตื่นแล้วน่ะ”
“นั้นเหรอ ..รู้ดีจังเลยนะ”
“อือ”
พอพูดไปอย่างนั้น เบลลามีก็แก้มแดงขึ้นมาหน่อยๆ เธอไม่ได้พูดอะไรก็จริง แต่ก็พอเดาได้ว่าอีเรื่องแบบนี้น่าจะทำกันบ่อยแล้ว ไม่ใช่เด็กๆแล้วนี่นะ มีแค่ฉันนี่แหละที่ยังเป็นเด็กน้อยอยู่
เบลลามีเดินออกไปนั่งเล่นที่ระเบียงห้อง เธอนั่งจิบชาพลางชมวิว
ฉันลุกขึ้นจากเตียง หยิบผ้าขนหนูมาปิดบังเรือนร่างที่เต็มไปด้วยรอยจูบ และขีดข่วน ..รอยพวกนี้ต้องทำยังไงถึงจะหายกัน? ฉันไม่กล้าเอ่ยถามเบลลามี เอาเป็นว่าฉันใสผ้าขนหนู และเดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามเบลลามี
“..ได้ประสบการณ์ที่ไม่มีทางลืมอีกหนึ่งอย่างแล้วสิ ขอขอบคุณ”
“ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องขอบคุณหรอกนะ”
“ก็จริง แต่ว่า ..คือว่านะ เมื่อช่วงเย็น คุณเรเซอร์ เขาสารภาพรักแล้วก็ขอฉันแต่งงาน”
“อือ ก็ดีแล้วนี่”
“ดีแล้วเนี่ยนะ ..เธอเป็นภรรยาของเขาไม่ใช่หรือไง ไม่กังวลหน่อยหรือไงคะ?”
เบลลามีหันมาสบตาฉันด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย เธอทำหน้าเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง
“ถ้าเป็นใครที่ไหนไม่รู้ เราอาจจะไม่ชอบนะ อาจจะขัดข้างและโกรธเรเซอร์ แต่ว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นโซล่า เราไม่ได้รังเกียจหรอกนะ อย่างเมื่อคืนเองก็—”
“ยะ หยุดเลย ไม่อยากฟัง”
“เราแค่อยากจะบอกว่า ดีแล้วละที่เป็นโซล่า”
…..
“ถ้าเป็นผู้หญิงที่รักเรเซอร์พอกันกับเรา หรือว่ามากกว่าเราด้วยซ้ำละก็—เรายินดีเลยละ”
“อะ…อนุญาติสินะ”
“อือ เราอนุญาติให้เธอเป็น ‘เจ้าของ’ เรเซอร์นะ โซล่า”
…..
ตอนนี้ฉันกำลังยิ้มอยู่รึเปล่านะ? ไม่รู้เลย แต่ว่ารู้สึกเมื่อยชะมัด
“ถะ ถ้านั้นก็เตรียมจัดงานแต่งให้ฉันด้วยคนเดี่ยวนี้เลย! ฉันจะรีบกลับไปคุยกับที่บ้านเดี่ยวนี้เองค่ะ!”
“เข้าใจแล้ว จะบอกเรเซอร์ให้ตอนตื่นนะ”
ไม่จำเป็นต้องพูดพร่ำอะไร ฉันรีบวิ่งเข้าไปในห้อง และอาบน้ำ สวมใส่ชุด จัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย เป้าหมายคือจักรวรรดิราชามังกรบ้านเกิด–เพื่อยื่นคำร้องขอแต่งงานกับ เรเซอร์ ดราแคล์
“แล้วก็นะ โซล่า”
“อะไรอีกคะ!? คนกำลังรีบๆ”
“ยินดีต้อนรับนะ”
“ระ..รู้แล้วน่า!”
ในฐานะภรรยาของเรเซอร์ด้วยกันเอง—-หลังจากนั้นอีกราวสองปี ทั้งสองก็ได้ตั้งท้องในเวลาพร้อมๆกัน ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมถึงท้องพร้อมกันก็ไม่จำเป็นต้องสืบหา …ด้วยเหตุนั้นเอง ‘โคลเอ้ ดราแคล์’ ลูกสาวของเบลลามี และ ‘เอ็มม่า ดราแคล์’ ลูกสาวของโซล่า จึงได้ถือกำเนิด
****
เกือบสามปีถัดมา ณ คาเฟ่ห์แห่งหนึ่งของอิกดราซิล
ฉันเล่าเรื่องก่อนที่จะแต่งเข้าบ้านดราแคล์ให้เพื่อนสนิทตัวเองทั้งสองคนฟัง ..อนึ่ง ตอนนี้ฉันกำลังตั้งครรภ์ และใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว
“เรื่องมันก็ประมาณนี้ค่ะ”
“..คะ ครั้งแรกเปิดด้วย 3P เจ้าเรเซอร์มันหน้าไม่อายจริงๆ!”
“ให้ผมฟังเรื่องพวกนี้ด้วยเนี่ยจะดีเหรอครับนั่น ..”
‘หนิง’ เพื่อนสนิทโพล่งขึ้น ข้างๆหนึ่ง ‘ยูจิ’ ก็เอาแต่หัวเราะแห้งๆ จริงๆไม่ได้มีแค่สองคนนี้ แต่ยังมีอีกคนด้วย— ‘เบลลามี’ ที่ตั้งครรภ์อยู่ก็ร่วมวงสนทนาด้วย
บางที สถานะเพื่อนสนิทอาจจะไม่ได้มีแค่สอง แต่น่าจะกลายเป็นสามโดยเพิ่มเบลลามีเข้ามาด้วย ตลอดสองปีกว่าๆที่อิกดราซิล ทำให้ฉันได้พูดคุยกับเธออยู่บ่อยครั้ง ในหลายๆเรื่องเลย แถมเรื่องจำพวกนั้นก็–พร้อมกันตลอดอีก
“ที่จะบอกก็คือ ..มันดูไม่ค่อยโรแมนติคสักเท่าไหร่เลยนะ”
“แต่ว่าก็ไม่ได้รังเกียจนี่นา” เบลลามีพูดขึ้น
“…อือ ก็ใช่”
แม้จะบ่นเสียมากมาย แต่ฉันก็คิดในใจว่าดีแล้วละที่มันเป็นแบบนี้ เรื่องเดียวที่ฉันกังวลจริงๆในตอนนี้ก็คงจะมีเพียงแค่เรื่องของ ..ลูกน้อยในท้องก็เท่านั้น
“.. ‘เอ็มม่า’ จะโตมาแข็งแรงรึเปล่านะ มีแม่เป็นนักวิจัยที่ไม่ค่อยมีเวลาให้แบบนี้ เธอจะยินดีรึเปล่านะ”
“เรื่องนั้นก็ ..”
เบลลามีก็คงพูดไม่ได้เหมือนกัน สถานะเบลลามีกับฉันคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ เป็นนักวิจัยเหมือนๆกัน คาดว่าหลังจากลูกๆหย่านมแล้วก็คงจะต้องให้คนอื่นเลี้ยงดูแทน นานๆทีจะมีโอกาสกลับไปหา ถ้าช่วงเวลานั้นทำให้เด็กมีปมขึ้นมาจะทำอย่างไรดี ..แต่จะให้ทิ้งงานวิจัยก็ไม่ได้ พวกเราไม่ได้อยู่ในสถานะนักวิจัยอิสระ
หน้าที่ของฉัน และของเบลลามี ยิ่งใหญ่ขนาดไม่สามารถทิ้งเพื่อไปเลี้ยงดูลูกได้ พวกเราต่างเป็นหัวเรือหลักในหัวข้องานของตัวเองกันทั้งนั้น ..
หนิงมองดูความกลุ้มใจของพวกเราอยู่ห่างๆ
“อยากมีบ้างจังนะ ความรู้สึกแบบนั้น”
เหมือนจะส่งซิกให้ยูจิ
“คุณหนิงว่างจะตายไปนี่ครับ?”
“อะ อืมๆ นั่นสินะ ว่างสุดๆเลยละชีวิต”
แต่เหมือนจะไม่เวิร์ค—ยูจินี่บื้อจริงๆเลยนะ เห็นว่าสองคนนี้จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้คบกันอีก อีกคนก็บ้างาน แถมยังซื่อบื้อ อีกคนก็ไม่คิดจะเรียกร้องอะไรเลย ตามใจอีกคนไปซะทุกอย่าง ทำเอาเผลอคิดเลยว่าจะไปรอดกันจริงๆเรอะ? แต่ทุกครั้งที่ตั้งคำถาม ฉันก็ได้รับคำตอบจากรอยยิ้มของหนิง
บางที ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน หนิงก็คงจะพอใจหมดนั่นแหละนะ ฉันว่า
ฉันยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนหันไปแสยะยิ้มใส่เบลลามี
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาแข่งกันมั้ยคะ? เบลลามีว่าลูกใครจะมีแฟนเร็วกว่ากัน”
“เรื่องนั้น ..เราไม่คิดอยากให้ลูกตัวเองมีแฟนเลยนะ”
“หึ ทางฉันถ้าลูกมีความรักจะสนับสนุนเต็มที่เลยค่ะ แต่ยังไงๆก็ต้องตรวจสอบผู้ชายคนนั้นก่อนด้วย ต้องระวังไม่ให้เจ้าชู้เหมือนพ่อ”
“ฮะ ฮะ นั่นสินะ ต้องระวังให้ดีๆ”
พวกเราสองคนหัวเราะให้กัน—และหารู้ไม่เลยว่า ลูกของเราทั้งสองคน โคลเอ้ และเอ็มม่า จะตกหลุมรักผู้ชายคนเดียวกันซะอย่างนั้น …การแข่งขันตั้งแต่รุ่นแม่ ถูกสืบต่อไปถึงรุ่นลูกซะอย่างนั้น ทำเอาตัวฉันต่อจากนี้อีกสิบกว่าปีปวดหัวไม่ใช่น้อย
นี่เป็นการเก็บตกเรื่องของโซล่าที่ผมไม่ได้เขียน เนื่องจากว่าช่วงนั้นเร่งจะเขียนให้จบจนเกินไปนะครับ ทำให้ผมพลาดรายละเอียดตัวละครแสนสำคัญแบบโซล่าไปซะได้ มีอธิบายแค่สั้นๆว่าเบลลามีช่วยคืนสติให้โซล่าอย่างเดียวเอง T T1