เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 403
ป.ล.ขอบคุณนักอ่านในเว็ปแมวดุ้นด้วยนะครับที่ยังจำกันได้ (ฮา) จริงๆอยากตอบเม้นท์มากแต่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เนื่องจากอีเมลที่ใช้เป็นอีเมลหลักส่วนตัวน่ะครับ เอาเป็นว่าผมไล่อ่านเม้นท์ทุกคนตลอดนะครับ
< < อัฟเตอสตอรี่ 2 > >
ณ สถานที่ที่ไกลจากวัฐจักรแห่งชีวิต ดินแดนที่ถูกย้อมด้วยหญ้าสีเขียวขจี และสรรพสัตว์
“อรุณสวัสดิ์ ..เอ่อ หมายถึงยินดีที่ได้พบเป็นครั้งแรก ไม่ทราบว่าเป็นใครกันเหรอครับ?” เด็กหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย “แล้วก็ ได้ยินว่ารู้จักกับพ่อและแม่ของผมด้วย ..เป็นไปได้พอจะ–”
“อ่า ตั้งใจจะคุยเรื่องพวกนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วละนะ ก่อนอื่นก็ยินดีที่ได้รู้จัก ชื่อของฉันก็คือ ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ ด้วยเหตุผลต่างๆนานามากมาย ทำให้ต้องมาพบกับนายละนะ”
เรเซอร์ ดราแคล์ส่งยิ้มให้เด็กชายอย่างอ่อนโยน แต่ก็ดูเจ้าเล่ห์อย่างบอกไม่ถูก คงจะเป็นเพราะร้อยยิ้มที่ดูน่ารังเกียจ—
****
ผมลืมตาตื่นจากความฝันเมื่อครั้นอดีต
“..ฝันถึงคุณพ่ออีกแล้ว”
คุณพ่อ หมายถึง เรเซอร์ ดราแคล์ ในความฝันนั่นแหละ พูดให้ถูกเขาไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่เป็นพ่อบุญธรรมของตัวผม– ‘ลีโอ ดราแคล์’ อายุ 14 ปี เด็กกำพร้าที่พบเห็นได้ทั่วไปบนโลกใบนี้ ผมเชื่อว่าคำว่าพบเห็นได้ทั่วไปกับเด็กกำพร้ามันควรแยกออกจากกัน แต่มันเป็นเรื่องปกติบนโลกใบนี้ไปแล้วอย่างช่วยไม่ได้
จะบอกว่าตัวผมโชคดีก็ไม่เกินจริงที่ยังสามารถตื่นนอนได้แบบสบายๆเช่นนี้
เวลาหกโมงเช้าคือเวลาตื่นนอนปกติของผม พอเช็คเวลาจากนาฬิกาบนหัวเสร็จแล้วผมก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ เนื่องจากมีผู้บุกรุกราวสามถึงห้าคนมานอนเกาะผมข้างๆ
ลูกแท้ๆของคุณพ่อกับคุณแม่ทั้งห้า
คนแรกที่นอนอยู่ทางซ้ายคือ ‘รัซเซล ดราแคล์’ ลูกของคุณแม่ เรเซล เขาเป็นเด็กชายผมสีน้ำตาลที่ดูอ่อนแอ คนที่สองทางขวา ‘เอ็มม่า ดราแคล์’ ลูกสาวของคุณแม่โซล่า เลนน่อน เธอเป็นเด็กสาวผมสีชมพูกับมีดวงตาสีแดงเหมือนกับผู้เป็นพ่อ แน่นอนว่ารวมถึงความฉลาดและแข็งแกร่งก็ราวกับถอดแบบมาจากทั้งสองด้วย
แล้วก็บนตัวของผมคือ ‘โคลเอ้’ หญิงสาวผู้มีเลือนผมสีดำทมิฬ กับดวงตาสีออกไปในทางม่วงอันสง่างาม ราวกับการผสมกันของสีตาของพ่อและแม่ ..อนึ่ง เธอเป็นลูกของคุณแม่เบลลามี
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดก็ ‘โซอี้’ อายุน้อยที่สุดในหมู่พี่น้องตระกูลดราแคล์ ด้วยอายุเพียงสองขวบ เป็นลูกสาวของคุณแม่โซเฟีย หากให้คาดเดาจากอดีต เอ็มม่าที่ติดโซอี้มากๆน่าจะอุ้มโซอี้มานอนด้วย มากกว่าโซอี้อยากมานอนกับผมละนะ
สุดท้าย ‘โชริ’ เด็กชายผมสีเหลืองอ่อนๆ อายุน้องรองจากโซอี้ ลูกของคุณแม่วิน เขานอนอยู่บนพื้นข้างๆเตียง ดูท่าจะโดนใครสักคนเขี่ยตกเตียงนั่นแหละ
ผมผละตัวออกจากที่แห่งนี้อย่างบรรจง ก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดวอร์ม รวมถึงอุ้มโชริกลับมานอนบนเตียง และออกจากห้องนอนของตัวเอง
“ตื่นเร็วเช่นเคยนะคะ ท่านพี่ลีโอ”
ทันทีที่ออกมาก็พบกับ ‘เมเบล’ ในชุดเมด เธอคือลูกสาวของคุณแม่อันนา ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด เธอดูเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่สูงที่สุดรองลงมาจาก ‘ยูนา’ ..เห็นว่ากำลังเริ่มฝึกงานเป็นเมดด้วยความตั้งใจของตัวเองละ
“มีนัดซ้อมดาบน่ะครับ แล้วเมเบล-”
“ค่ะ จำเป็นต้องลากน้องๆในห้องของท่านพี่ลีโอออกมานอนให้ถูกที่ถูกทาง”
“ฮะๆๆ ลำบากแย่เลย ถ้านั้นก็”
“ค่ะ”
เมเบลโค้งศรีษะให้เล็กน้อย ก่อนเดินผ่านตัวผมไป ..ผมเดินไปต่อ
ที่แห่งนี้คือคฤหาสน์ใหญ่สุดของ เรเซอร์ ดราแคล์ เจ้าเมืองชันไม รวมถึงผู้บริหารสูงสุดของอิกดราซิลที่ประจำตำแหน่งฟื้นฟูเผ่าพันธุ์ที่หายสาบสูญ ..คุณพ่อเป็นคนใหญ่คนโต ไม่ใช่แค่กับที่แห่งหนึ่ง แต่เป็นกับทั่วทั้งโลก เป็นเรื่องที่ผมตระหนักรู้ได้หลังจากออกมาจากที่แห่งนั้นได้เพียงไม่กี่ปี
ผู้ใช้มณีอัคคี จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ วิหคอมตะ ผู้เหนือกว่าราชาจอมเวทย์–นักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบัน หลายคำนิยามที่คุณพ่อได้รับ ทำให้ผมดำเนินชีวิตโดยมีเขาเป็นไอดอลสูงสุดละนะ ใช่ เพราะผมควรจะเอาคนที่น่าเอาแบบอย่างเป็นไอดอล
“..ต้องใช้ชีวิตให้ไม่เหมือนสองคนนั้นละนะ”
ผมพูดถึงคนที่ไกลออกไปในที่ที่ผมเองก็ไม่ทราบ พลางมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งเหล่า ไกลออกไปคือเมืองชันไม ใกล้ๆหน่อยคือฟาร์มขนาดยักษ์ที่ดูแลโดย คุณแม่ดิลุค กับปีศาจมหาบาปอันเป็นข้าบริวารคนสำคัญของเธอ แล้วก็มีคุณฟัฟนิร์ร่วมแจมด้วย
ในช่วงเช้านี้จะเห็นหลายๆคนออกมาทำสวนกันแล้วบ้าง จะเห็นได้ว่าคุณฟัฟนิร์โบกมือให้ผมอยู่ ในขณะที่คนอื่นๆกำลังทำงานอย่างขันแข็ง–นอกจากฟาร์มที่ตั้งอยู่ใกล้กับคฤหาสน์แห่งนี้แล้ว ก็มีโบสถ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ..ที่แห่งนั้นเป็นที่ทำงานของ คุณแม่ลีน่า ที่อายุน้องที่สุดในหมู่คุณแม่ด้วยกันเอง เอาจริงๆก็มีคนอื่นๆอยู่อีก อย่างคุณโทมิเรียนักเขียนมังงะชื่อดังก็อาศัยอยู่ที่นั่น
ผมเดินไปต่อ จนออกจากบ้านมาก็พบลานกว้างขนาดใหญ่ ซึ่งมีคนสองคนยืนกอดอกรอการมาถึงของผม
“การดวลประจำเดือนละ! ลีโอ!”
คนที่ตะโกนเรียกผมว่า ลีโอ อยู่ตรงกลางลานกว้างคือ ‘โนอา’ เด็กสาวผมสีขาวดวงตาสีแดง ลูกชายของคุณแม่ดิลุค เป็นเด็กที่ขี้โวยวาย แล้วก็ ..แกร่งเกินวัยสุดๆ
ผมยิ้มเจื่อนๆตอบกลับ พลางรับดาบที่คนข้างๆโนอาโยนมาอย่างว่าง่าย ถัดจาดโนอาก็คือ ‘ยูนา’ พี่สาวบุญธรรมคนโตสุด ถึงผมจะมาอาศัยอยู่กับตระกูลดราแคล์ก่อน แต่ยูนาอายุเยอะกว่าผมละนะ นอกจากนั้นเธอยังแข็งแกร่งที่สุดจากพวกเราทั้งหมด โดยการพิสูจน์จากการกระทืบผมเละในทุกๆครั้งของการดวล (เด็กเล่น)
ด้วยเหตุนั้นเอง
“จะกระทืบให้ดูไอ้กาก!”
โนอาที่เทิดทูลยูนาเป็นไอดอล จึงมองผมไม่ต่างกับกระสอบทราย ..เป็นเด็กที่นิสัยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ละนะ นิสัยความซนกับเย่อหยิ่งนี้คงจะได้มาจากผู้เป็นแม่อย่างคุณแม่ดิลุค จากการบอกเล่าของคุณแอสโมเดียสในวันที่โดนใช้แรงงานหนักแล้ว
ผมถอนหายใจเฮือกโต
“ครับๆ ดวลประจำเดือนสินะ โนอา เข้ามาเลย”
“ย๊ากก!!!”
โนอาแข็งแกร่งเกินเด็กทั่วๆไปมากโข พลังกายเพรียวๆของโนอาในตอนนี้มากยิ่งกว่าผมเสียอีก เพราะอย่างนั้นจึงต้องใช้ทักษะในการโค่นล้มโนอา ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากอะไร สำหรับผมที่ได้รับการสอนดาบจากยอดฝีมือมาโดยตลอด แล้วก็ในฐานะบุตรบุญธรรมของตระกูลดราแคล์แล้ว
“ของรางวัลผู้ชนะ คือเลิกรังแกรัซเซล(ลูกเรเซล)ได้แล้วนะ เข้าใจมั้ย?”
“หนวกหู ฉันฟังแค่พี่ยูนาเท่านั้นน่า!”
ไม่นานโนอาก็นอนหายใจหอบ ส่วนผมก็มีเหงื่อหยดลงมาเล็กน้อย เอาเป็นว่าผมชนะ ยูนาที่เห็นก็ตบมือชื่นชม
“เดือนนี้ฟอร์มดาบดูดีขึ้นนะ ลีโอ”
“เธอก็พูดแบบนี้ทุกเรื่องเถอะน่า ถ้านั้นต่อไปก็-”
“ฉันเอง”
สิ้นสุดคำพูดของยูนา ไม่นานการต่อสู้ก็จบลงด้วยการที่ผมนอนหมอบกับพื้นอย่างไร้ทางสู้
ยูนาแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรา วันก่อนพึ่งเห็นเธอกระทืบนักดาบขั้นบรรลุไปเอง นอกไปจากนั้นเธอยังมีพรวิเศษ พลังประหลาดที่สร้างปรากฏการณ์แปลกๆได้อีก อยากทำให้ชั้นบรรยากาศเกิดลอยกระจกแตก แล้ววาร์ปไปมา หรือตัดเวทมนตร์คนอื่นเขาทิ้งเอาเสียดื้อๆ ..ผมลุกขึ้นยืน และปัดฝุ่นออกจากร่างด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“จริงสิ เห็นว่าวันนี้เรเซอร์กลับมาด้วยแหละ”
ยูนามักจะเรียกคุณพ่อด้วยชื่อจริงตลอด ไม่รู้ทำไม แต่เธอบอกว่ามันคือความเคยชิน ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้มองเรเซอร์เป็นพ่อหรืออย่างไรหรอก–
“จะว่าไปก็ถึงวันที่เขาจะกลับมาประจำ ว่าแต่มีอะไรถึงบอกผมเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่ามีเรื่องต้องคุยกับเขาหรือไง”
“..ไม่มีเป็นพิเศษหรอกนะ”
“เฮ้อ”
ยูนาถอนหายใจสั้นๆ ก่อนจะโยนดาบบนมือแล้วเดินออกจากคฤหาสน์ไป พร้อมกับลีโอที่เดินตามหลังเป็นลูกกระจ๊อก ผมได้แต่เอียงคอฉงน
นี่หรือว่าผมจะทำอะไรผิด?
“ไม่ใช่หรอก แค่จะไปจู๋จี๋กับ ‘ซากุระ’ เท่านั้น” ยูนาตอบกลับความคิดของผม
“บะ แบบนี้นี่เอง”
ความลับที่แม้แต่คุณพ่อก็ยังไม่รู้ ..คือพี่ยูนาเขามีแฟนแล้วน่ะ เป็นแฟนเพศเดียวกันชื่อว่า ‘ซากุระ’ ผมก็ไม่รู้ไปพบเจอกันอีท่าไหน แต่คนที่รู้น่าจะมีแค่ผมกับลูกไล่อย่างโนอากระมัง
……..เรื่องที่ต้องคุยนั้นสินะ
ยูนาเป็นพี่คนโตสุดที่สุดยอด เธอสามารถรับรู้แทบจะทุกอย่างได้ราวกับเธออ่านจิตใจของคนได้ ทุกๆคนมักจะได้รับคำแนะนำ รวมถึงคำเตือนจากยูนาอยู่เสมอ และมันมักจะเป็นจริงตลอด เรื่องต้องคุยที่ว่านั้นก็ด้วย แต่ว่ามันพูดได้ที่ไหนกัน ..ในอนาคต ผมจะต้องเป็นเจ้าเมืองชันไมแทนคุณพ่อ เพราะอย่างนั้น–ไอการที่อยากจะเป็นนักผจญภัยน่ะ มันบอกได้ที่ไหน
****
ครั้งแรกมันตอนไหนกันนะ ..ตอนที่นึกอยากจะออกไปสัมผัสโลกกว้าง—เรเซอร์ ดราแคล์ ยื่นมือมาให้เด็กหนุ่ม
“สนใจเป็นลูกบุญธรรมของฉันรึเปล่า? ลีโอ”
……
“อยากจะเห็นไม่ใช่เหรอ โลกกว้างน่ะ? ถ้าอยากเห็นก็ออกจากที่ที่แสนปลอดภัยแห่งนี้ แล้วลองใช้ชีวิตในฐานะ ลีโอ ดราแคล์ ดูเป็นยังไงล่ะ?”
วินาทีนั้น ผมไม่รีรอที่จะสัมผัสมือนั้น และก้าวเดินออกจากสถานที่ที่แม่แท้ๆของผมพาผมมาเพื่อความปลอดภัยของตัวผมเอง
เพราะว่าอยากจะเห็นให้มากกว่านี้–ถึงทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้
****
ผมลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งบริเวณริมต้นไม้ที่มีลำธารตัดผ่านแถวๆคฤหาสน์ ผมกระพริบตาปริบๆก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ ..โอ๊ะ มีใครสักคนกอดผมจากข้างหลัง
“..ใครเอ่ย?”
“ยูนา”
“บู๋ๆ”
“รัซเซล”
“นี่เสียงผู้หญิงนะ!”
ผมยิ้มก่อนตอบ
“โคลเอ้?”
“ถูกต้องค่า!”
พอเดาถูกโคลเอ้ก็ยอมปล่อยตัวจากผม— ‘โคลเอ้’ ลูกของคุณแม่เบลลามี ในชุดนอนสีชมพูตามเดิม กับผมทวินเทลสีดำที่มัดอย่างน่ารักยิ้มให้กับผม
ดูจากก้อนเมฆนี่น่าจะราวๆบ่ายได้แล้ว ซึ่งเป็นเวลาตื่นนอนของโคลเอ้ไม่นานพอดี เธอจึงยังอยู่ในชุดนอน บางทีคงจะเดินหาผมในที่ประจำทันทีที่ตื่น แล้วสิ่งที่พวกเราจะทำประจำก็คือการคุยเล่นตามประสาพี่น้อง
โคลเอ้มักจะมีเรื่องตลกมาคุยตลอด เพราะเธอเป็นเด็กร่าเริงแบบสุดๆ แต่หลายๆอย่างมันก็ชวนให้สงสัยว่าทำไมถึงต้องชวนผมคุยอย่างเดียวด้วยกันนะ? คนอื่นๆก็มี
จะอย่างไรก็แล้วแต่ บางทีผมอาจจะสนิทกับโคลเอ้ที่สุด
“..นี่ โคลเอ้”
“ว่าไงคะ? ท่านพี่”
“ถ้าเกิดพี่เลือกไม่สืบทอดตำแหน่งของคุณพ่อ จะเป็นอะไรรึเปล่า ..แบบว่า”
“จะออกห่างจากพวกเราเหรอคะ?”
น้ำเสียงของโคลเอ้เปลี่ยนไป เย็นชาขึ้นอย่างกระทันหัน นั่นทำให้ผมรู้ว่าไปเหยียบกับระเบิดเข้าให้แล้ว
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้น แค่ถามเฉยๆแค่นั้นเอง พอดีหลายๆคนก็เริ่มโตแล้วด้วยเลยอยากรู้ว่าจะดูแลตัวเองได้รึเปล่า ..ถึงจะมีคุณแม่หลายๆคนกับลูกน้องของคุณพ่อดูแลอยู่แล้วก็เถอะ แต่มันก็อดกังวลไม่ได้ละนะ ฮะๆ”
“แน่นอนสิค่ะ แต่ว่าครอบครัวต้องอยู่ด้วยกันถึงจะถูก–อยู่ด้วยกันนี่แหละถึงจะดีที่สุด”
โคลเอ้ยิ้มอย่างสดใสร่าเริงตอบกลับ นั่นทำให้ผมโล่งใจ และในขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกๆ
..ใช่แล้วละ จะให้ทิ้งพี่น้องทุกคนในที่ที่แสนอบอุ่นแห่งนี้ได้ยังไงกัน แม้ไม่ได้เกี่ยวพันกันทางสายเลือด แต่ทุกคนก็เปรียบเสมือนพี่น้องแท้ๆของผม
พี่สาวคนโตยูนาที่คอยสั่งสอนทุกคนด้วยคำพูดยากๆอยู่เสมอ ตัวผมที่คอยรับคำสอนนั้นมากระจายให้คนอื่นพร้อมกับแปลให้ฟัง เมเบลที่แม้จะดูห่างเหินแต่ก็ดูแลพวกเราอย่างดี เหล่าน้องๆที่ฟังบ้างไม่ฟังบ้างมากมาย โคลเอ้ที่เชื่อฟังผมจนน่าเป็นห่วง รัซเซลและเอ็มม่าที่ติดผมราวกับอะไร โซอี้กับโชริที่ยังต้องเติบโตโดยมีการดูแลจากพวกผม โนอาที่ไม่เชื่อฟังผมก็จริงแต่ก็เป็นเด็กน่ารักในบางเวลา
ครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีพวกเราพี่น้องรวมผมถึง 9 คนนี้ จะขาดใครไปไม่ได้เด็ดขาด ..
“พี่ไม่ไปไหนหรอกน่า หายห่วงได้”
เราต้องอยู่ต่อไป—เวลาล่วงเลยไปถึงช่วงพรบค่ำ บางทีทั้งพ่อทั้งอัศวินข้างกายอย่าง ‘พี่ชิน’ ก็คงจะกลับมาแล้ว รวมถึงแม่ๆทั้งหลายที่จะมารวมตัวกันด้วย ถึงปกติจะอยู่กันพร้อมหน้าในทุกๆวัน แต่ก็มีคุณแม่เบลลามี กับคุณแม่โซล่าที่ทำงานไกลจากที่คฤหาสน์ นานๆจะกลับมาอีกทีเหมือนคุณพ่อ วันนี้จึงถือว่าเป็นวันพิเศษก็ว่าได้
ทว่า ผมกลับไม่เดินกลับไป เอาแต่ห้อยไปมาอยู่บนต้นไม้ด้วยอารมณ์แปลกๆตั้งแต่เมื่อเช้า
“วันนี้อากาศดีจริงนะ สงสัยทุกคนเขาน่าจะปาร์ตี้ย่างเนื้อกัน”
ผมพึมพำพลางมองไปทางคฤหาสน์ แม้จะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่ช้าก็เร็วคงจะมีควันลอยมา ถามว่าทำไมถึงรู้ เพราะทุกคนที่คนที่บ้านเขารวมตัวกันก็มักจะมีควันลอยมาเสมอ ตัวผมเองก็ควรรีบกลับไป แต่ว่าไม่รู้ทำไมผมถึง ..
“ห้อยโตงเตงอะไรอยู่คนเดียวคะเนี่ย? ลีโอ”
“…อ๊ะ”
หญิงสาวในชุดแม่ชีคลุมหักห้อยโตงเตงอยู่ข้างๆผม แต่เหมือนจะไม่ใช่ด้วยเจตนาของตนเอง แต่เป็นอุบัติเหตุมากกว่า ดูได้จากบริเวณชุดที่เกี่ยวกับกิ่งไม้จนเธอห้อยไปมา ผมหน้าซีด เธอเองก็เหมือนกัน
“คะ คุณแม่ลีน่า!?”
“แฮะๆ ช่วยหน่อยสิ”
ผมไม่รีรอรีบช่วยคุณแม่ลีน่าออกจากภัยอันตราย เมื่อรอดจากอันตรายได้แล้วเธอก็ทำเสียงไอแก้เขินก่อนหันมายิ้มให้ผม
“ไม่ได้ช่วยไว้นี่แย่เลยนะเนี่ย”
“ใช่สิครับ คือว่านะครับ ทำอีท่าไหนถึงไปติดได้ครับนั่น”
“ทุกคนที่คฤหาสน์เขาวุ่นกันใหญ่เลยนะ เห็นลีโอไม่อยู่บ้านน่ะ พี่เรเซอร์ถึงกับน้ำตาซึมเลยแหนะ คิดว่าโดนลูกชายตัวเองเหม็นขี้หน้าซะแล้วแหนะ พวกแม่เลยช่วยกันออกตามหา แล้วก็อะไรอีกมากมาย รู้ตัวอีกทีก็ห้อยอยู่บนต้นไม้แล้วละ”
“..ให้ผมพูดก็ยังไงอยู่ คือว่าระวังตัวหน่อยก็ดีนะครับ แบบนั้นไม่ดีต่อร่างกาย ‘คนท้อง’ หรอกนะครับ”
ใช่แล้ว แม่ลีน่ากำลังท้องอยู่ อีกไม่นานครอบครัวนี้ก็จะใหญ่ยิ่งขึ้น เพราะมีพี่น้องรวมกันถึงสิบคนทีเดียว บางทีก็แอบคิดว่าคุณพ่อช่างเป็นคนที่ ..โลภมาก?
“นั่นสินะ แม่เองก็ดวงไม่ค่อยดีด้วยสิ คงต้องหยุดเดินไปมามั่วซั่วซะแล้วสินะ”
“เห็นพ้องครับ”
“เอาเป็นว่า เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น เรื่องนี้ก็ส่วนเรื่องนี้–ลีโอ หายไปไหนมาจ๊ะ?”
“..เอ่อ เดินเล่น?”
“โกหกไม่เนียนเลยนะ เวลาลีโอมีเรื่องกลุ้มใจมักจะชอบมาห้อยต้นไม้แถวนี้เล่นไม่ใช่หรือไงจ๊ะ? นี่น่ะเป็นความลับแสนสำคัญระหว่างแม่กับลูกเชียวนะ”
ผมได้แต่ส่งยิ้มตอบกลับ คุณแม่ลีน่าจูงมือผมและพาเดินเข้าเส้นทางหลัก—คุณแม่ลีน่า สำหรับผมแล้วน่าจะเป็นตัวตนที่ใกล้เคียงกับแม่แท้ๆที่สุด เธอดูแลผมตั้งแต่วันแรกที่ผมมาถึง จนรู้ตัวอีกทีเธอก็กลายเป็นภรรยาของคุณพ่อ และกำลังตั้งท้องลูกน้อยคนหนึ่งอยู่
เธอจูงมือผมกลับบ้าน เหมือนกับทุกๆครั้งตั้งแต่ผมยังเด็ก ผ่านมาเกือบจะสิบปีแล้วมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
ผมรักเธอ ในฐานะแม่ รักยิ่งกว่าแม่แท้ๆของตัวเองที่เคยได้ยินมาเสียอีก
ตัวผม เหมือนว่าจะเป็นลูกของ ‘ผู้กล้าลำดับที่หนึ่งร้อย’ กับ ‘เจ้าหญิงมรกต’ ที่หายสาบสูญไปแหละ ทั้งสองคนรักกัน และสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้มีพระคุณ
เดิมทีผู้เป็นลูกอย่างผมก็ควรถูกกำจัดตามไปด้วย แต่ว่าคุณพ่อได้ยื่นมือเข้ามาช่วย และปกปิดตัวตนของผมเอาไว้จากสังคม ..คุณพ่อคือผู้มีพระคุณ คุณแม่ลีน่า รวมถึงคุณแม่คนอื่นๆเองก็ด้วย ทุกๆ คนเลย ทุกคนเป็นผู้มีพระคุณของผม เพราะอย่างนั้นจะต้องตอบแทนให้ได้ในสักวันหนึ่ง
การออกเดินทางท่องโลกจึงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ..ผมจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร จะไม่ให้มันซ้ำร้อยกับสายเลือดที่ไหลเวียนภายในตัวของผมอย่างเด็ดขาด
คุณแม่ลีน่าหยุดเดิน มองซ้ายมองขวาอย่างดีก่อนหันมาคุยด้วย ทำท่าราวกับมีความลับจะคุยด้วย
“นี่ ลีโอ เรื่องที่กังวลอยู่คือเรื่องของน้องๆทุกคนสินะ กลัวว่าถ้าตัวเองออกไปทำตามความฝันแล้วทุกคนจะลำบากนั้นเหรอ”
“เรื่องนั้น ..จำได้ว่าไม่เคยบอกนะครับ”
“ก็ตอนหกขวบ ลีโอบ่นตลอดว่าอยากออกไปผจญภัยนี่นา”
“ยะ ยังจำได้อีกสินะครับ เรื่องตอนนั้นน่ะ ..”
“จะให้ลืมความฝันของลูกตัวเองได้ยังไงล่ะ?”
…….
“ลีโอ คนอื่นๆคิดยังไง แม่ไม่รู้หรอกนะ แต่ว่าสำหรับพ่อ ..สำหรับ คุณเรเซอร์แล้ว เรื่องของอนาคตก็ให้ตัวเองในอนาคตเป็นคนจัดการ–หมายความว่าตัวของลีโอในปัจจุบันนี้ ไม่ต้องคิดแทนตัวของพี่เรเซอร์ในอนาคตก็ได้นะ” คุณแม่ลีน่าหัวเราะพึมพำ “หมายความว่าจะทำอะไรก็ทำให้สุดเหวี่ยงไปเลย ถึงน้องๆหรือแม่จะเหงานิดหน่อยก็เถอะ แต่ความรู้สึกของลีโอสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดนะ”
“…เรื่องนั้น”
คุณแม่ลีน่าเอามือมาถูแก้มของผม
“เข้าใจมั้ย!?”
เธอพยายามขึ้นเสียงเพื่อดุผม แต่ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไรเลย ..ผมยิ้มตอบกลับ
“จะนำเรื่องนี้ไปบอกคุณพ่อนะครับ แล้วยังไงผมค่อยคิดอีกที”
“ดีมากจ๊ะ”
****
ในเย็นวันนั้น ผมเล่าทุกอย่างให้คุณพ่อฟัง เกี่ยวกับความฝันของตัวเอง และผลลัพธ์ที่ปรากฏก็ผิดคาดไปไกล คุณพ่อกลับยิ้มแสดงความยินดี อย่างกับว่ากำลังรอคอยคำๆนี้ของผมมาโดยตลอด คุณพ่อถามกลับว่าจะออกเดินทางวันไหน ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบไปมา ‘พรุ่งนี้เช้า’
เวลาไม่เคยรอใคร—ตอนนี้ผมอายุสิบสี่ปีแล้ว ในอนาคตข้างหน้า ไม่รู้ว่าจะมีภาระหน้าที่แสนสำคัญอะไรรอผมอยู่ ผมจึงต้องออกเดินทางให้เร็วที่สุด
ในคืนๆนั้น ผมจัดเตรียมข้าวของโดยไม่ให้น้องๆรู้ตัว และเมื่อพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ผมก็เตรียมจะออกเดินทาง หิ้วสัมภาระมากมายไว้ในกระเป๋า และเดินออกจากคฤหาสน์ แล้วก็ใช่ ผมพอจะเดาได้อยู่แล้วว่า ยูนา จะต้องโผล่มาอำลาผม
“ว่าไง พ่อหนุ่มนักเดินทาง”
“ยูนา”
“ไม่คิดจะอำลากันหน่อยเหรอ? น้องๆทุกคนคิดถึงนะ”
“คิดว่าถ้ามัวแต่อำลา ผมจะใจอ่อนจนไม่กล้าออกเดินทางเข้าน่ะครับ”
“ก็จริงแฮะ แต่ว่าถ้าไม่มีลีโอ รัซเซลจะโดนโนอารังแกหนักกว่าเดิมเอานะ”
ผมถอนหายใจ และเดินไปต่อ
“สักวัน รัซเซล จะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าตัวครับ คงไม่โดนโนอารังแกไปตลอดหรอก อีกอย่างสองคนนี้ก็รักกันดีด้วย ถึงจะแสดงออกด้วยวิธีแปลกๆหน่อยก็เถอะ”
“นั่นสินะ แต่ปัญหาจริงๆคือ โคลเอ้ มากกว่านะพี่ว่า เธอคนนั้นติดลีโอเสียจนน่าเป็นห่วง ถ้าเกิดลีโอหายไป ไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ยูนาหัวเราะพึมพำ “โคลเอ้น่าจะรักนาย มากกว่าที่รักพ่อแม่ตัวเองอีกนะ ฉันว่า”
ที่ยูนาพูด ทำผมหวั่นไหวนิดหน่อย
“..ผมอุตส่าห์ไม่เก็บมาคิดแล้วนะครับ”
“ถ้าวันหนึ่งโคลเอ้เลือกจะไล่ตามนายไป จะทำยังไงต่อล่ะ?”
“นั่นสินะครับ—คงจะหนีไปเรื่อยๆ ให้ทั่วทั้งโลก ทุกทวีป ทุกหนแห่ง ถ้าทำขนาดนั้นแล้วเธอยังตามจับผมได้ ก็คงมีแต่ต้องยอมจำนนแต่โดยดีนี่แหละครับ”
“เห็นภาพเลยนะ”
ผมไม่ปฎิเสธที่เธอบอก เพราะผมก็เห็นภาพที่ตัวเองจะโดนโคลเอ้จับตัวได้เอาสักวันหนึ่ง เพื่อไม่ให้วันๆนั้นมาถึงเร็วจนผมทำใจไม่ทัน ผมจึงก้าวเท้าเดินไปต่อ และจะไม่หยุดเดิน ต่อให้ยูนายบอกให้หยุด ทางยูนาเองก็น่าจะเดาที่ผมคิดได้ เธอจึงหันหลัง และเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์
“โชคดีละ พวกเราจะรอต้อนรับนายที่นี่เสมอนะ น้องรัก–ลีโอ”
…ผมจะไม่หยุดเดิน ผมเดินไปต่อทั้งรอยยิ้ม ถือเอาความเชื่อมั่นที่ยูนามอบให้ผมเอาไว้ และเริ่มต้นเรื่องราวของตัวเอง
ตัวผมไม่อาจรู้ได้เลยว่าตัวเองในสิบปีต่อจากนี้จะได้กลายเป็น ‘นักผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด’ เท่าที่หน้าประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้บันทึกเอาไว้ เรื่องราวของ ‘นักผจญภัยที่แท้จริง’ ‘ลีโอ ดราแคล์’ ชายผู้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับโลกใบนี้