เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 399
< < บทส่งท้าย > >
วันเทศกาลโลหิตมังกรได้มาถึงแล้ว
“ทางนี้ๆ”
“คอนเสิร์ตจะเริ่มแล้วนะ”
คอนเสิร์ตแห่งวิทยาลัยเวทมนตร์ ‘เรดฮอต’ นั้นจัดขึ้นกลางแจ้ง โดยที่ในวันงานจริงจะมีทั้งวงดนตรีชื่อดัง และวงดนตรีทำขึ้นเล่นๆของเหล่านักเรียน เพราะอย่างนั้นคอนเสิร์ตในวันงานเทศกาลโลหิตมังกรของเรดฮอตจึงเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน
แต่ว่าไม่มีใครหารู้ ว่าในคราวนี้มันแตกต่างกับทุกๆครั้งมหาศาล
ตรงหน้าของเวทีเต็มไปด้วยตัวตนระดับตำนาน— ‘อดีตจอมมาร’ ‘ดิลุค’ ผู้ที่ในวันๆนี้โดนเพื่อนเบลลามีทักผิดคนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ‘ปีศาจมหาบาป’ ทั้งหมดห้าคนที่สนุกสุดเหวี่ยงกับงานเทศกาลแห่งนี้ ‘มหามังกรเพลิง’ ‘ฟัฟนิร์’ ที่กินทุกอย่างที่ขวางหน้า และ หนุ่มหล่อ? สาวสวย? ในตัวคนเดียว ‘อัศวินแห่งเรเซอร์ดราแคล์’ ‘ชิน คามาเลีย’
สำคัญเหนือคนอื่นๆคือ ‘อาซาเซล’ แมวสีดำที่เกาะหัวลูซิเฟอร์และส่งเสียงร้องอันไพเราะ
พวกเขาเหล่านี้(ยกเว้นอาซาเซล)ต่างเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญกับสงครามเมื่อสองปีก่อน แต่เรื่องราวถูกปิดเงียบไว้โดยทางสภาโลก แม้แต่ตอนนี้เอง ทางสภาโลกก็ส่งคนมาจับตามองพวกเขาอย่างลับๆตลอด …
“ช้าจริงๆนะ ช่วยไปบอกว่าให้รีบเร่งหน่อยไม่ได้รึ”
“ไม่ได้ขอรับ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกำหนดการณ์ของผู้จัดงานน่ะขอรับ”
“พวกมนุษย์นี่มากพิธีซะจริงๆนะ”
ดิลุค—อดีตจอมมารที่ในตอนนี้สวมชุดเดรสสีดำ และมัดผมโพนี่เทลพึมพำขึ้นแบบหน่ายใจ ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ท่าทางดูน่ารักไม่สมกับเป็นเธอเลย
เอาเป็นว่าในช่วงเวลาสองปีกว่าๆนี้หลายคนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น โดยเฉพาะปีศาจมหาบาปที่กลายเป็นชาวไร่ชาวสวนกันเต็มรูปแบบ โดยมีดิลุคเป็นเจ้าของฟาร์ม
นอกจากแก็งนี้แล้วเด็กๆจากเมืองชันไมก็มากันเพียบ ซึ่งมี ‘ลีน่า’ เป็นคนนำทัวร์ และมี ‘วิน’ เป็นพี่เลี้ยงเด็กอีกที
“อยากชวนพี่โทมิเรียมาด้วยจังเลยค่ะ”
“นั่นสินา ด้วยปัญหาหลายๆอย่างเลยไม่ไหว”
โทมิเรียมีเบื้องหลังอยู่มากมาย ตามที่โลกเข้าใจเธอได้ตายไปแล้ว ฉะนั้นเลยเปิดตัวในที่ที่คนเยอะไม่ได้ ส่วนวินก็ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรมากมายอยู่แล้ว
นอกจากนั้นเรื่องรูปลักษณ์วินไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย นอกจากเปลี่ยนผมเป็นปล่อยยาวแทนจากที่มัดโพนี่เทล แต่ลีน่านั้นตอนนี้อาจกล่าวได้ว่าเธอเป็นแม่ชีสาวงามสุดสวยไปเสียแล้ว มีรอยยิ้มที่งดงามราวกับพระอาทิตย์ และบุคลิกที่เข้าถึงง่าย ผู้คนที่เดินผ่านต่างจับจ้องเธอ หลายคนพยายามจะเข้าใกล้เธอแต่ก็ไม่อาจผ่านกาดของปีศาจมหาบาปไปได้
“ไปไกลๆเลย ชิ่วๆ” ลิเวียธานถุยน้ำลายโชว์
“อย่ามาแตะต้องเอโอซิสประจำกลุ่มนะเฟ้ยครับ” แอสโมเดียสทำปากจู๋ใส่
“อะ อะไรเล่า”
ชายหลายคนจำต้องเสียใจกันนับไม่ถ้วน .. ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่ตำแหน่งเอโอซิสของปีศาจมหาบาปดันเปลี่ยนจากดิลุค กลายมาเป็น แมวดำอาซาเซล กับแม่ชีสดใสอย่างลีน่า
ว่าแต่ พวกเอ็งได้ชื่อว่าปีศาจแท้ๆ แต่ดันไปติดแม่ชีกันมันใช้ได้ที่ไหน? แม้จะสงสัย แต่ดิลุคก็ไม่คิดจะเรียกร้องอะไร เพราะที่มีตอนนี้ก็มากพอแล้ว
“ยังไม่เริ่มอีกเหรอ?”
เสียงที่คุ้นเคยจากข้างหลังดังขึ้น ดิลุคและคนอื่นๆหันไปมอง และยิ้มให้คนที่มาเยือน
เบลลามี ยูจิ แล้วก็เรย์ จับกลุ่มกันเดินมา
“ไม่เจอกันนานนะ เบลลามี”
“อือ เห็นว่าดิลุคสบายดีก็ดี คนอื่นๆก็สบายดีนะ?”
‘เบลลามี’ ตอนนี้เธอตัดผมสั้นยาวถึงแค่ศอก เลือนผมดูนุ่มลื่นขึ้น บ่งบอกว่าเธอดูแลตัวเองดีขึ้นกว่าสมัยก่อน และสวมแว่นทรงเหลี่ยมสีขาว สวมเสื้อถูกกฏระเบียบของวิทยาลัยเวทมนตร์ ยกเว้นผ้าคลุมจอมเวทย์ที่เธอไม่ได้สวมใส่ แต่นำมันมาพาดไว้ที่แขน ท่าทางดูฉลาดขึ้นเป็นกอง ลบภาพจำเด็กมึนๆออกไปจนหมด
ด้วยเหตุนั้นเอง เบลลามีเลยเป็นที่เนื้อหอมเป็นอย่างมากในกลุ่มหนุ่มๆ แม้จะประกาศชัดเจนว่าคบหากับเรเซอร์แล้ว แต่ก็มีพวกหน้าม่อมาตามตื้ออยู่ตลอด
แน่นอนว่าทุกคนถูกปฏิเสธ และไม่ได้ไปต่อ
“แน่นอนสิ พวกนั้นเข้าขั้นดีดจนออกจะน่ารำคาญด้วยซ้ำ”
ได้ยินอย่างนั้น เบลลามีก็หัวเราะพึมพำ ใบหน้าดูมีความรู้สึกขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมาย เห็นอย่างนั้นดิลุคก็แอบยิ้ม
ทั้งสองเลิกเรียกกันว่า ‘ตัวเราดิลุค’ รึ ‘ตัวเราเบลลามี’ แต่เปลี่ยนมาเรียกด้วยชื่อแทน เพราะความเปลี่ยนแปลงมากมาย หลังจากแยกจากกันได้ไม่นาน จิตสำนึกก็เริ่มแยกออกจากกัน และกลายเป็นคนละคนเป็นที่เรียบร้อย
ดิลุคตอนนี้ไม่ได้เข้าใจความคิดเบลลามีทั้งหมด เบลลามีเองก็ด้วย เหมือนกันกับสถานะในปัจจุบัน ดิลุคที่เป็นเจ้าของฟาร์มขนาดใหญ่ที่เมืองชันไม กับเบลลามีว่าที่นักเรียนของอิกดราซิล เส้นทางของสองคนนี้แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งทางภาพลักษณ์ และทางลักษณะนิสัย พวกเธอใกล้เคียงกับแฝดมากกว่าคนๆเดียวกัน
อ๊ะ ยกเว้นแค่เรื่องความรักนะที่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
“..อ๊ะ”
แสงไฟบนเวทีสาดส่องลงมา พร้อมกับคนสี่คนที่เดินขึ้นมาบนเวที
“อรุณสวัสดิ์ค่า!! พ่อแม่พี่น้องชาวโลก!!!”
โซเฟียจับไมค์ และเอ่ยทักทายสุดเสียง
“ “ “ “โอ้ว!!!!!!! ” ” ” ”
เสียงกู่ร้องของชายและหญิงมากมายดังสนั่นไปทั่วทั้งเวที ผู้คนดูจะตื่นตาตื่นใจกับเธอคนนี้ มากกว่าวงดนตรีดังๆก่อนหน้านี้หลายวงมากๆ ..
“คะ คะ คะ คนๆนั้น!!” แอสโมเดียสปากสั่น
“ไม่จริงน่า โอชิของเราอยู่บนเวทีด้วย+!” อังเฟกอร์ถึงกับตื่น
“ข้าเองก็โอชิแม่นางเหมือนกัน หึๆ หวังว่าเสียงที่ไพเราะนั้นจะไม่แฝงด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์หรอกนะครับท่าน” ลูซิเฟอร์ออกความเห็นอย่างเงียบขรึม โดยไม่สนภาพลักษณ์ตัวเองที่กลายเป็นทูตสวรรค์ไปแล้วเลย ต่อให้โดนแสงศักดิ์สิทธิ์ไปจะเป็นอะไรไปได้ล่ะ?
“คนดังนี่นา เรเซอร์อยู่กับคนดัง!!” ซาตานตาเป็นประกาย
“อะ ออร่าเด็กสดใสเผาดิฉันจนแทบจะเป็นจุล ..ในวัยเท่ากันฉันยังเล่นของอยู่เลยแท้ๆ” ลิเวียธานทำท่าจะหายไปจากหน้าเวทีทั้งอย่างนั้น
เรย์หรี่ตามองพวกปีศาจมหาบาปที่ดูตื่นเต้นเกินจริง
“ทุกคนรู้จักโซเฟียด้วยเหรอเนี่ย”
“แหงอยู่แล้วสิครับ สหายเรย์ เธอคนนั้นเป็นถึง– ‘นักร้องสาวสุดน่ารัก’ เชียวนะครับ! ศิลปินที่โด่งดังที่สุดบนโลกตอนนี้คือเธอนี่แหละครับ เสียงที่ไพเราะ ทักษะการเล่นกีต้าเวทมนตร์ระดับโปร ไหนจะคาแรคเตอร์ที่โดนใจหนุ่มซิงอย่างผมนั่นอีก ฮึยยยยยยยยย!!”
“..หะ เห๋ เกินคาด”
ใช่แล้วละ โซเฟียในช่วงสองปีมานี้เธอได้เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวชื่อก้องโลก เหตุผลที่ทำให้คอนเสิร์ตคราวนี้มีคนเข้าชมจำนวนมากกว่าเดิม ส่วนสำคัญก็มาจากโซเฟียนั่นแหละ
“ถ้านั้นก็”
หลังจากที่โซเฟียร่ายย่าวทักทายผู้ชมจนจบแล้ว หนุ่มๆอีกสามคนก็เดินมาประจำตำแหน่ง
กอรี่มือเบส เคียวยะมือกลอง แล้วก็เรเซอร์มือกีต้าร์ โซเฟียจับไมค์วิ่งไปหาเรียงคน ทุกคนแนะนำตัวพอเป็นพิธี จนมาถึงเรเซอร์
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ เรเซอร์ ดราแคล์”
เพียงแค่เอ่ยชื่อออกมา ทุกคนก็พากันนิ่งสงบ บ้างก็เอามือปิดปากตัวเองไว้ ผู้คนตกอยู่ในพะวงศ์ที่ยากจะออกมาได้ ..ดาวเด่นอันดับหนึ่งของโลกในเวลานี้ ที่ทำผลงานดวล หนึ่งต่อหนึ่งร้อย และชนะมาได้แบบไม่มีแพ้ ผู้ชนะงานประลองเวทมนตร์ครั้งใหญ่เพียงคนเดียวครั้งแรกในประวัติศาสตร์เป็นร้อยๆปี จอมเวทย์ขั้นบรรลุคนเดียวในรอบสิบปี ว่าที่จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด และหลายคนก็ขนานนามเขาว่า ‘ว่าที่ราชาจอมเวทย์’
ผลงานของเขาเป็นที่ประจักษ์ต่อโลกในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้เรื่องในสงครามจะไม่ได้ถูกเปิดเผย แต่ชื่อเสียงลำพังที่ปรากฏได้ก็มากพอจะทำให้ทั่วทั้งโลกจับตามองชายคนนี้
จาก [เดรสทอยเยอร์]-[เรเซอร์ ดราแคล์] ในช่วงสองปี ฉายาของเขาได้เปลี่ยนไปเป็น [เจ้าชายจอมเวทย์]-[เรเซอร์ ดราแคล์]
“คิดอะไรถึงอยากมาตั้งวงดนตรีเหรอคะ?”
“ก็ครับ อย่างที่หลายคนรู้ว่าคนรักของผมกำลังจะรีบจบการศึกษาไปก่อน เพราะเหตุจำเป็น ผมเลยอยากจะร้องเพลงบอกรักเขาน่ะครับ”
“วะ เหวอ พูดออกมาตรงๆเลยนะคะ”
“แน่นอนอยู่แล้วสิครับ ความรักของพวกเราไม่มีอะไรต้องปิดบัง AKA รักแท้ ยืนยาว นิรันดร์!! AKA เบลลามีฟอร์เอเวอร์!! AKA ดิลุคฟอร์เอเวอร์ AKA เรเซลฟอร์เอเวอร์ AKA อันนาฟอร์เอเวอร์ AKA วินฟอร์เอเวอร์ !!!!”
“จะเยอะไปแล้วค่า! แค่ก็สมกับเป็นพ่อหนุ่มเจ้าสำราญดีนะคะ คุณผู้ชมทุกท่าน”
“ฝากถึงสาวๆทุกคนที่ต่อแถว ไม่ต้องนะคร้าบ มีเจ้าของแล้วคร้าบ!!”
“อ่าฮะๆๆๆ พอแล้วๆ”
“ฟังนะ หัวใจของพี่อาจจะใส่คนไว้เกินหนึ่งคนได้ก็จริง แต่มันมีจำนวนจำกัดนะจะบอกให้!”
“นะ นี่ บอกว่าพอได้แล้วไง อย่าดื้อสิ—ไอบ้านี่ พอได้แล้วน่า!!”
…..เอ๊ะ
คนนอกถึงกับอ้าปากค้าง ท่าทางขององค์ชายจอมเวทย์คนนี้ดู ..ไม่มีความขลังสักนิด ต่างกับภาพที่เห็นในงานประลองครั้งใหญ่ลิบลับ
ก็แค่ไอเพลย์บอยเมียเยอะละหลงตัวเองนี่หว่า
“เมียเก็บแบบฉัน..มีฉันด้วยแฮะ ฮะๆๆ ดูน่าอับอายเพราะโดนประจานมากกว่ายังไงไม่รู้สิ”
“พี่เรเซอร์ ..เป็นคนแบบนี้เหรอคะ?”
วินหน้าแดงก่ำทำอะไรไม่ถูก ลีน่ากระพริบตาปริบๆอย่างใสซื่อ
“ฮะๆๆๆๆ” เบลลามีหัวเราะออกมา “อะไรละนั่น”
เธอมีความสุขเป็นอย่างมาก แม้ว่าคนรักของเธอจะเป็นคนแปลกๆก็ตาม
****
หลังจากจบคอนเสิร์ตแล้ว ทุกคนก็จับกลุ่มกันเดินเล่นอย่างสนุกสนาน และพอตกดึกก็มาจบกันที่ร้านเหล้าร้านประจำ เด็กๆปีสาม รวมถึงรุ่นน้องบางคนในวิทยาลัยมาร่วมดื่มเหล้า เฮฮา ปาร์ตี้กันแบบไม่สนลูกใคร คนเมาเดินกันให้ว่อน ทุกคนสั่งของกิน และปล่อยผีกันเต็มที่ เนื่องจากว่ามีคนเลี้ยง
“..ไม่น่าบอกว่าจะเลี้ยงเลย”
โซเฟียนั่งหน้าซีด พลางนั่งเงินในกระเป๋าไปพลาง ..
ผู้คนมากมายที่คุ้นหน้าคุ้นตาในวิทยาลัย คนจากเมืองชันไม คนจากในเมือง พนักงานร้านที่เคยสอบตกในวิทยาลัยเรดฮอตเอย สาวเสิร์ฟอดีตเด็กจากสลัมเอย อย่างกับว่าเรื่องราวทั้งหมดมาอยู่ที่ร้านแห่งนี้
“หลีกไปๆ อาหารของข้า อาหารของข้า” ฟัฟนิร์ตะกละได้ที่
“ทะ ท่านฟัฟนิร์ สำรวมขอรับ สำรวม” ชินคอยไล่ตามห้าม
“ท่านฟัฟนิร์กินเยอะไปแล้ว” ลีน่าหัวเราะอะไรก็ไม่รู้
“แบบว่า” วินทำหน้าเอือมๆ
ฟัฟนิร์ที่ตะกละไล่กินทุกอย่าง กับชินที่คอยไล่ปราม และลีน่ากับวินที่หัวเราะเฮฮากัน
“มายากล หนุ่มหล่อปรากฏตัว!” แอสโมเดียสเมาได้ที่ก็เริ่มเรื้อน
“เหอะๆ หล่อตายแหละ” ลิเวียธานหัวเราะอัดหน้า
“หยุดทำตัวน่าอับอายได้แล้วนา แอสโมเดียส” อังเฟกอร์กินเค้กไปพลางบ่นไปพลา
“ฮ่าๆๆๆๆๆ หนุ่มหล่อ ฮ่าๆๆๆๆๆ หนุ่มหล่อ หล่อตรงไหน!?” ซาตานเมาได้ที่ก็เรื้อนดพอกัน
“คิดเห็นเช่นไรรึท่านอาซาเซล” ลูซิเฟอร์เล่นอยู่แต่กับแมว
เมี๊ยววววววว ปีศาจมหาบาปที่คุยเล่นกันสนุกสนาน
“ฉลองให้แก่อันดับสอง!” เรย์ชูแก้วไวน์ขึ้นฟฟ้า
“ฉลองให้แก่อันดับสอง” ยูจิชูแก้วไวน์ขึ้นฟ้าตาม
“อันดับสองบ้านเอ็งสิวะ เดี่ยวปัดฆ่าทิ้งซะหรอก สารเลวเอ้ย!!” เคียวยะปรี๊ดแตก
“ไม่ได้หมายถึงตอนงานประลองสักหน่อย หมายถึงอันดับสองการแสดงดนตรีต่างหาก ถึงพวกเราจะโดนยัยโซเฟียแบกกันทุกคนก็เถอะ แต่ได้อันดับสองก็น่ายินดีจริงๆ” กอรี่เสริม
กลุ่มเพื่อนนักศึกษาที่เฮฮากัน แล้วก็สุดท้าย ..ดิลุคนั่งดื่มน้ำผลไม้อยู่คนเดียว ชมเชยบรรยากาศทั้งหมดด้วยรอยยิ้มที่ไม่กะให้ใครเห็น
‘นั่งดื่มคนเดียวแบบนี้จะดีเหรอคะ? ท่านดิลุค’ บิลเซบับนั่งอยู่ข้างๆและเอ่ยถาม
“..ดีแล้วสิ”
‘สองคนนั้นเห็นว่าเดินออกไปคุยกันข้างนอก ไม่ร่วมด้วยจะดีเหรอครับ?’ แมมม่อนยืนอยู่ข้างหลังและเอ่ยถาม
“ดีแล้ว ดีแล้วแหละน่า”
ดิลุคนั่งไขว่ขา และเท้าคางชำเลืองมองนอกหน้าต่างที่เรเซอร์กับเบลลามีกำลังจะเดินไปที่ไหนสักแห่ง
“ไว้ตอนดึกๆค่อยไปคิดบัญชี ..แล้วก็ พวกเธอสองคนไม่ต้องโผล่มาแล้วก็ได้นะ”
….
“อย่างที่เห็น ต่อให้ไม่ต้องถาม เราก็มีคำตอบของตัวเองอยู่ในใจ ..ฝากทักทายอีกเจ็ดสิบสองคนที่โลกทางนู้นด้วย ไว้สักวันจะตามไป บอกไปอย่างนี้ก็ได้นะ”
ทั้งสองยิ้มให้ และเลือนหายไป
“ขอบคุณนะ สำหรับทุกอย่าง”
****
(มุมมอง เรเซอร์)
ผมเดินออกมาข้างนอกพร้อมกับเบลลามี พวกเราเดินอยู่เคียงข้างกัน มองบ้านเมืองที่ส่องด้วยแสงไฟส่งท้ายงานเทศกาลโลหิตมังกร เราสองคนเดินไปเรื่อยๆ นึกย้อนเหตุการณ์มากมาย ไม่ว่าจะน้ำพุที่พวกเราเต้นรำด้วยกัน บ้านพักของคุณลุงที่เคยไปดูแลมาด้วยกัน ร้านเมดที่เบลลามีเคยทำงาน ร้านหนังสือร้านประจำของพวกเรา มากมาย หลากหลายสถานที่
สุดท้ายก็ไปหยุดอยู่ที่ตรอกซอยเล็กๆที่ไร้ผู้คนผ่านไปมา พวกผมหยุดเดินและนั่งพิงกำแพงกันอยู่ตรงหน้า แหงนหน้ามองพุที่ถูกจุดขึ้นนับไม่ถ้วน
“เรื่องของเอเธอร์ ..ตอนนี้เขาก็สบายดีนะ แต่ถูกแองเจลิน่าใช้งานหนักนิดหน่อย”
“เหรอ”
ดูจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่เลยนะ ..
“อ่า ใช่ แล้วก็ ..ช้าไปหน่อย แต่ยินดีด้วยนะที่เข้าศึกษาต่อที่อิกดราซิลได้แล้ว”
“..จริงๆกำลังลังเลอยู่”
“ลังเล? มีเหตุผลที่ต้องลังเลด้วยเหรอ ความฝันของเบลลามีไม่ใช่รึไง”
“ช่วงนี้เราได้ความสุขมามากเกินไปน่ะ กลัวว่าจะเสียมันไปถ้าเกิดเว้นช่วง”
…..
“เบลลามี”
“กาลเวลาเป็นสิ่งที่น่ากลัวนะ เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย มันน่ากลัวมากๆ ..กลัวว่าจะเสียทุกอย่างอีกครั้ง เป็นไปได้เลยอยากจะโอบกอดไว้ให้มากที่สุด”
“โดยการทิ้งความฝันของตัวเองนั้นเหรอ”
“..อือ ไม่ดีเหรอ?”
ผมยิ้มให้ และส่ายหัวตอบ
“สำหรับฉัน นั่นน่ะเป็นข้อเสนอที่ดีนะ ก็จะได้อยู่กับเบลลามีตลอดแบบไม่ต้องแยกจากกัน ได้คอยสอดส่องเบลลามีในสถานที่ที่มือนี้คว้าไปถึง ไม่มีอะไรที่วางใจและดีใจมากไปกว่านี้แล้ว แต่ว่า–ชีวิตนี้เป็นของตัวเราเอง จะไม่บังคับหรอกนะ แต่ฉันจะสนับสนุนเธอไม่ว่าจะเลือกทางไหน” ผมพูดต่อ “เบลลามีที่หวาดกลัวอนาคตเองก็ด้วย ฉันจะพิสูจน์ให้ดูเองว่ากาลเวลาไม่สามารถทำอะไรพวกเราได้”
ผมเอ่ยคำพูดสวยหรูออกมาอย่างไม่รู้อะไรเลย แต่แล้วมันทำไมกัน? มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องสนใจ เพราะผมจะคว้าทุกอย่างไว้ให้ได้
ใช่มั้ยล่ะ ยูนา ปลายทางของความสุขมันมีรูปร่างอย่างนี้ต่างหาก—
“เบลลามี แต่งงานกับฉันนะ”
“…..”
“อย่างน้อยถ้าเป็นรูปธรรม มันก็เสียไปยากกว่าใช่มั้ยล่ะ?”
“..แล้วคนอื่นๆ?”
“ไม่ต้องห่วงไปนะ ฉันโปรยๆเรื่องแต่งงานไว้นานแล้วน่ะ ว่าอยากจัดกันหลังจบการศึกษา คุยกับทางบ้านของโซล่า เรเซล แล้วก็อันนาหมดแล้วด้วย วินก็ไม่มีปัญหาอะไรเหมืนอนกัน”
เบลลามีกระพริบตาปริบๆ ก่อนทำแก้มป๋อง
“เราคนสุดท้ายเหรอ?”
“ขะ เข้าใจผิดแล้ว ไม่ได้จัดลำดับชนชั้นอะไรสักหน่อย! นี่กะจะมาถามเธอหลังจากทราบผลที่อิกดราซิลแล้วต่างหาก จะได้ไม่ต้องมีเรื่องให้กังวลใจอะไร”
“รู้อยู่แล้ว เรเซอร์ไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“..บะ เบลลามี!”
“เอาสิ ช่วยรับเราเป็นเจ้าสาวทีนะ”
ผมพยักหน้ารับรัวๆ เบลลามีแก้มแดงและยิ้ม เป็นครั้งแรกเลยที่รูปลักษณ์ของรอยยิ้มมันดูสดใสอย่างชัดเจนเช่นนี้–เบลลามีอาศัยช่องว่างทีเผลอ เขยิบตัวเข้ามาประกบปาก และผละตัวออกช้าๆ เธอใช้นิ้วชี้แตะปากของตัวเอง และขยับตัวไปมาดี๊ด๊าอย่างมีความสุข
“วันนี้เรเซอร์ไปนอนที่คฤหาสน์ได้รึเปล่า? เราอยากจะชวนดิลุคกับวินไปนอนด้วยน่ะ จำเป็นต้องพูดคุยอะไรหลายๆอย่างกัน”
ผมรับสารของเบลลามีโดยที่เข้าใจตรงกันดีว่าเรื่องพวกนี้มันพูดตรงๆยาก
พูดตรงๆ คืนนี้ดูท่าผมจะไม่ได้นอน
“เข้าใจแล้ว ..ถ้านั้นก็”
“อือ กลับร้านเหล้ากันเถอะ”
พูดคุยกันจบ พวกเราก็ลุกขึ้น และจูงมือกันกลับ
ชีวิตเนี่ยแปลกประหลาดจริงๆนะ ..ผมหลับตาลง นึกย้อนถึงเรื่องราวมากมายที่ข้ามผ่านมา และ ใช่ ความสุขที่ว่านั่น แท้จริงแล้วมีรูปร่างอย่างไร แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าผมคว้ามันไว้ได้แล้วหรือยังไง สิ่งที่เรียกว่าความสุขนี่มันอะไรกันแน่นะ น่าพิศวงจริงๆ
“นี่ เบลลามี ..ความสุขมีรูปร่างแบบไหนเหรอ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“….”
“แต่คิดว่าสักวันน่าจะรู้นะ”
….สักวันสินะ
“งานแต่ง? ตอนมีลูกคนแรก? หรือว่าตอนตาย?
“ทั้งหมดเลยได้รึเปล่านะ?”
“..สำหรับตอนนี้ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปก่อนละกันนะ”
“อือ แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน”
บางทีตอนที่ผมแก่ตาย ผมอาจจะพึ่งรู้สึกตัวก็ได้ละมั้ง ว่าตัวเองน่ะคว้าความสุขไว้ได้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และหากยังมีชีวิตอยู่ ผมก็จะคว้ามันต่อไป เพราะชีวิตคือการหาความสุขละนะ
และนี่ก็คือบทสรุปชีวตของผมโดยง่าย ชีวิตง่ายๆที่ปารถนาอะไรง่ายๆ ชีวิตของ เรเซอร์ ดราแคล์ ที่ไม่ใช่ตัวร้าย หากแต่เป็นตัวของผมเอง เพื่อที่จะไปถึงมันผมถึงได้ก้าวข้ามผ่านชีวิต ทลายสวรรค์ และนรก จนมาถึงตอนนี้ผมก็คว้ามันได้แล้วละ
คนสำคัญที่จะทำให้ผมมีความสุข—
< < FIN > >