< < 242 > >
ไกลออกไปจากจุดที่เทพมังกรยืนอยู่—สองจอมมาร และหนึ่งผู้กล้า กำลังทำให้โลกใบนี้สั่นสะเทือน เปลวเพลิงสีขาวและเปลวเพลิงสีดำพวยพุ่งอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับแสงศักดิ์สิทธิ์แห่งผู้กล้า
ดิลุคกับเบลลามีออกวิ่งไปพร้อมๆกัน ทั้งสองวิ่งหลบแสงศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับใช้ปลายเท้าของตัวเองกระแทกพื้น ในทุกๆจังหวะการก้าวเดินจะเกิดเพลิงสีขาวและดำขึ้นมาปัดป้อง และหักล้างทุกการโจมตีเอาไว้ได้
“เบลลามี”
“ดิลุค”
ทั้งสองขานชื่อของตัวเองกันและกัน และวิ่งสลับกันไปมา สร้างจังหวะเปลวเพลิงขึ้นอย่างสวยงามด้วยมันสมองที่เชื่อมต่อกัน ทำให้แผนการณ์การเคลื่อนไหวเดียวกันดำเนินไปได้อย่างไหลลื่น โดยไม่แม้แต่จะต้องสนทนากัน
เอเธอร์พยายามจะไล่ตามให้ทัน แต่ก็เป็นเรื่องยาก เพราะซาตานใน [เฟซ 3] ที่วิ่งไล่ตามมาอย่างบ้าคลั่ง ดาบทลายโลกาทำลายอากาศทั้งหมดเละเทะ เปลี่ยนให้อากาศกลายเป็นความร้อนทลายผิวหนัง แม้แต่เอเธอร์ก็ยังต้องหลบไอร้อนที่เกิดขึ้นโดยรอบ
ต่างกับ เบลลามีและดิลุค ซาตานไม่สามารถคาดเดาการโจมตีของเอเธอร์ได้ แทบจะทุกจังหวะสวนกลับ ซาตานรับการโจมตีของเอเธอร์เข้าไปเต็มๆตลอด แขนขาดบ้าง ขาขาดบ้าง หน้าหายไปครึ่งหนึ่งบ้างก็จริง แต่ว่า–เธอก็ยังคงวิ่งไล่ตามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฟื้นฟูตัวเองด้วยดาบทลายโลกา และดับเครื่องชนวิ่งโบกสะบัดดาบราวกับคนคลั่ง
“ย๊ากกกกก!!!!!”
เสียงร้องของซาตานดังสนั่นไปทั่วทั้งพื้นที่ ซาตานแบกรับความเจ็บปวด และมานาทั้งหมดเข้าสู่ร่างกาย [เฟซ 3] ที่คงอยู่ กำลังจะเข้าใกล้ [เฟซ 4] [เฟซ 5] ขึ้นเรื่อยๆ
ท่ามกลางเพลิงสีดำและขาว แสงศักดิ์สิทธิ์แห่งผู้กล้า และไอร้อนของดาบทลายโลกา ทูตสวรรค์ ลูซิเฟอร์ก็บินไล่ตามมาเพื่อสนับสนุนเอเธอร์ แต่เพราะดาบทลายโลกา ทำให้ยากจะเข้าใกล้ได้ ตอนนี้เลยทำได้แต่บินสนับสนุนจากระยะไกล
กระนั้น การสนับสนุนแบบนี้ก็ไม่สามารถทำให้เอเธอร์พ้นผ่านสถานะที่โดนจำกัดสถานะมากมายเอาไว้ได้ ทั้งไม่สามารถไล่ตามพวกดิลุคได้ ทั้งห้ามหยุดวิ่ง เพราะโดนซาตานไล่อยู่ หากคิดจะโฟกัสกับแค่คนๆหนึ่ง ก็จะโดนอีกสองคนที่เหลือเล่นงาน ทั้งสามคนผสานงานกันอย่างสมบูรณ์แบบโดยดึงเอาประสิทธิภาพทั้งหมดที่มีออกมา แตกต่างกับเอเธอร์กับลูซิเฟอร์
อีกไม่นาน หากถูกถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ หายนะจะมาถึง
[เฟซ 5] ของซาตาน และสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ .. [ดาบแห่งโซโลม่อน] ดาบทลายกฏ ต่อหน้าดาบเล่มนี้ ร่างกายของเอเธอร์ไม่ต่างอะไรกับกระดาษที่ต้องทนรับการฟันของดาบ
“ชิ!!”
ลูซิเฟอร์สบถออกมา พร้อมกับกระหน่ำยิงแสงศักดิ์สิทธิ์มั่วซั่ว ซาตานเพียงแค่สะบัดดาบทลายโลกาครั้งเดียว แสงทั้งหมดก็ละลายหายไปจนหมด นั่นทำให้ทุกการโจมตีสูญเปล่า และทำให้พวกดิลุคได้เปรียบมากกว่าเดิม
“ไม่ต้องฝืนไปครับ ลูซิเฟอร์”
เอเธอร์ยังคงใจเย็นอยู่แม้ว่าจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“พวกเราจะชนะ ทำตามหน้าที่ตัวเองโดยคิดแค่นี้ก็พอ”
เอเธอร์หมุนตัวมาแลกดาบกับซาตาน ก่อนถีบร่างของซาตานส่งตัวเองหนีให้พ้น พร้อมกันนั้นก็เหวี่ยงคลื่นดาบเข้าใส่ดิลุค เบลลามีก้าวเท้าสลับกับดิลุค และใช้เพลิงสีดำดูดกลืนการโจมตีเอาไว้
มันจะลงเอยอย่างนี้เสมอ เพียงแต่ครั้งนี้เอเธอร์จะใส่สุด
“ [จงเปล่งประกาย] ”
เอเธอร์เบรคร่างของตัวเอง พร้อมกับชี้ดาบขึ้นฟ้า แสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งขึ้นจากพื้นไปทัดกับท้องฟ้าสีมืด ท้องฟ้าสีมืดนับสิบกิโลเมตรถูกย้อมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีเขียว อย่างกับว่ามีพระอาทิตย์สีเขียวปราาฏขึ้น
ดาบศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายอย่างกับหมู่ดาว เอเธอร์หลับตาลง และเอ่ยมันออกมา
“ [ยูซาริเซี่ยน] ”
มาแล้ว ท่าโจมตีใหญ่ที่สุดของเอเธอร์—-ซาตานพุ่งเข้าใส่ ตั้งใจจะรับการโจมตีนี้โต้งๆ ขณะเดียวกัน เบลลามีและดิลุคก็เตรียมตั้งรับสุดความสามารถ
“ครั้งก่อนที่สู้กับเอเธอร์ เราตายเพราะไอท่านี้นี่แหละนะ–”
“อย่าพูดดีกว่านะ ลางไม่ดี”
“คงจะใช่—!!”
เอเธอร์ชี้ดาบไปทางซาตาน—ทว่า กลับเลือกจะแทงดาบเข้าพื้นแทนโจมตี
แสงศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างไอร้อนทั้งหมด สีขาววูบขึ้นหนึ่งจังหวะ บดบังวิสัยทัศน์ทั้งหมดของทุกคนในที่แห่งนี้ เอเธอร์ลืมตาตื่นท่ามกลางแสงสว่างสีขาว เคลื่อนตัวผ่านแสงศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง และไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเบลลามี ตัวอันตรายที่สุดในที่แห่งนี้–วิถีดาบเหวี่ยงหมายจะสะบั้นร่างให้ขาดครึ่ง ทว่ากลับถูกหยุดเอาไว้ได้
……
แสงสว่างหายไป
คนที่มาหยุดไว้ก็คือดิลุคพร้อมกับ ‘ดาบแสงแห่งดวงดารา’ ‘อัสโตรเฟร์ย่า’ ความสามารถของดาบแห่งผู้กล้าถูกหยุดไว้ด้วยอำนาจของมัน เอเธอร์หรี่ตามองอย่างใจเย็นทั้งที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ ผิดกับดิลุคที่เหงื่อแตก และมีสีหน้าไม่สู้ดี
“..อ่านออกทุกอย่างเลยสินะ”
“แน่นอนสิ คิดว่าเป็นใครกัน”
“สมกับเป็นเธอดี”
เอเธอร์ปล่อยมือข้างหนึ่งจากดาบแห่งผู้กล้า ใช้แขนข้างที่ว่างของตัวเองเหวี่ยงตัวเองเข้าไปประชิด และใช้มือข้างนั้นจู่โจม ดิลุควิเคราะห์การเคลื่อนไหวล่วงหน้า และเรียกเพลิงสีขาวมาปะทะ
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ทั้งเพลิงสีขาว และมือที่เคลือบมานาของเอเธอร์หักล้างกัน
ขณะเดียวกัน เบลลามีก็เรียกเพลิงสีดำมาล้อมรอบการปะทะกันนี้–ถูกกลืนกินมานา และเพลิงสีขาวก็จะชนะ นี่คือภาพอนาคตที่เอเธอร์เห็นโดยไม่ต้องใช้ดวงตามหาปราชญ์ นอกเหนือจากนั้นก็ใช้เวลามากเกินไปแล้ว ณ จุดๆนี้
เอเธอร์ทิ้งทุกความสนใจ ถีบตัวเองให้พ้นจากระยะโจมตีทั้งหมด พร้อมชำเลืองมองข้างหลัง และเป็นไปตามที่คาดเดาเอาไว้
สัตว์อสูรมากมายของซาตานแหลกเหลวกลายเป็นความร้อนสีแดง ที่พุ่งตรงสู่ร่างของซาตาน ไอร้อนมารวมกันอยู่ที่ดาบทลายโลกา มานาทั้งหมดในพื้นที่แห่งนี้ ไม่สิ พูดให้ถูกมานาที่ตกค้างทั่วทั้งสนามรบ ทั่วทั้งแดนนรกกินคนกำลังมารวมกันอยู่ที่ปลายดาบทลายโลกาของซาตาน
“เอาเลย ซาตาน!!”
ดิลุคตะโกนขึ้นสุดเสียง ซาตานพยักหน้ารับ ก่อนจะเปลี่ยนร่างของตัวเองไปเป็นไอร้อนสีแดง—- [เฟซ4] คือการรวมมานาทั้งหมดเข้าสู่ร่างกาย เอเธอร์ยิ้ม และยกดาบแห่งผู้กล้าขึ้นสู่ฟ้า แสงศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งออกจากตัวดาบอีกครั้ง พร้อมกับประกายแสงดาวมากมาย
“ [จงเปล่งประกาย] ”
“ [ทล..าย] ”
แสงศักดิ์ และไอร้อน แบ่งพื้นที่แห่งนี้เป็นสองฟาก–ฟากสีแดง และฟากสีเขียว ทั้งสองโน้มตัวมาข้างหน้าพร้อมกัน
ร่างไอร้อนหลอมรวมกันเป็นชุดเกราะสีดำที่ปกคลุมทั้วร่างของซาตาน และดาบทลายโลกาที่ถูกปกคลุมด้วยเพลิงทลายโลกา—เข้าสู่ [เฟซ 5] การระเบิดของมานา เป็นที่เรียบร้อย
วินาทีเดียวกับที่ [เฟซ 5] ปรกาฏ คือวินาทีเดียวกับที่แสงศักดิ์สิทธิ์แห่งผู้กล้ามารวมกันโดยสมบูรณ์
ซาตานถีบร่างของตัวเองในเฟซสุดท้าย—ความร้อนแผดเผาทุกสรรพสิ่ง แม้แต่ลูซิเฟอร์ที่บินอยู่บนฟ้าก็ถูกไอร้อนเล่นงานจนล่วงลงสู่พื้น—ซาตานพุ่งตรงมาด้วยความเร็วที่แผดเผาได้กระทั่งกาลเวลา เอเธอร์เตรียมตั้งรับ ชี้ดาบแห่งผู้กล้าขึ้นฟ้า
“ [ทลายล้าง] !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เอเธอร์เปิดใช้ดวงตามหาปราชญ์ คาดเดาทุกสิ่งทุกอย่าง ก้าวเท้าถอยหลังได้เพียงแค่ครึ่งก้าว แต่ก็เพียงพอ ก่อนจะเหวี่ยงดาบแห่งผู้กล้าเข้าใส่เป็นวิถีที่สวยงาม
“ [ยูซาริเซี่ยน] ”
ประกายแสงดาบตัดผ่านสัตว์ประหลาดตรงหน้า คลื่นแสงศักดิ์สิทธิ์สีเขียววูบขึ้นหนึ่งจังหวะ พร้อมประกายดาวที่แล่นผ่านร่างของซาตานไป—ร่างเฟซสุดท้ายที่มีพลังพอจะเขย่าโลกทั้งใบได้ ดับลงไปพร้อมกับยูซาริเซี่ยน การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของผู้กล้า
ขั้นตอนการระเบิดมานาเสร็จสิ้น ซาตานกลับคืนสู่ร่างเดิม พ่ายแพ้ต่อดาบแห่งผู้กล้า และล้มลงไปกองกับพื้น ..
ในห้วงเวลานั้น ..เหงื่อไหลออกจากหน้าผากของเอเธอร์ราวสองเม็ด
“….”
ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเอเธอร์
แม้แต่เอเธอร์ แต่การใช้ยูซาริเซี่ยนสองครั้งติดต่อกัน พร้อมกับเอาชนะซาตานในเฟซสุดท้ายให้ได้เป็นเรื่องที่ยากลำบาก
ตัวตนที่ไร้เทียมทาน กำลังถูกต้อนให้เข้าสู่คำว่าขีดจำกัด ข้อสังเกตุคือเหงื่อเล็กๆสองเม็ดนั่น
อย่างไรก็ตาม สัตว์ประหลาดได้พ่ายแพ้ไปแล้ว เหลือเพียงแค่สองจอมมารที่หากไร้ซึ่งซาตานก็สามารถตายได้ในนาทีเดียว—ทว่า ใช่ สถานการณ์ตอนนี้ยังคงเป็นไปตามที่ดิลุคต้องการ ดังคำพูดที่เธอชอกบอกเอาไว้ว่าโลกใบนี้อยู่ในกำมือของตัวเอง
ทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อสิ่งนี้—-การระเบิดของมานาที่รวบรวมมาจากทั้งสนามรบ แล้วก็ยูซาริเซี่ยน มีปริมาณมากพอที่จะเรียกมันออกมาอีกครั้ง
เอเธอร์หันหลังกลับไป พบกับเบลลามีที่ยื่นมือมาข้างหน้า
“…ว่าแล้วเชียว”
ร่างกายของเอเธอร์ขยับไม่ได้ เพราะฝืนใช้ร่างกายหนักเกินไป ทำให้เกิดอาการชะงักชั่วคราว และนั่นเป็นช่องว่างในการเรียกมันออกมา
เบลลามีพึมพำเบาหวิว ไม่ได้ยินกระทั่งเสียง แต่ก็รู้ดีว่ามันคืออะไร …..
…………..
……..
เมื่อเงื่อนไขครบ [ดาบแห่งโซโลม่อน] ดาบสีขาวบริสุทธิ์ไร้มลทินก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
เอเธอร์เบิกตามองดาบเล่มนั้นด้วยดวงตาที่วางเปล่า เจ้าตัวยิ้มออกมา ดูเป็นรอยยิ้มที่เสแสร้งเหมือนกับทุกที
“..เบลลามี ..ดิลุค ..”
เบลลามี และดิลุควิ่งเข้าใส่
“น่าคิดถึงจังเลยนะครับ”
เอเธอร์ทุบหัวเข่าของตัวเอง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า–จนในที่สุดก็เดินไปต่อได้
“มาเล่นกันเหมือนเมื่อก่อนเถอะครับ ใช่ ..เหมือนกับเมื่อวันคืน การละเล่นของสองพี่น้อง”
พลังกายลดลงอย่างมหาศาล สภาพตอนนี้แม้แต่วิ่งยังทำไม่ได้ เอเธอร์คว้าดาบแห่งผู้กล้า และเดินตรงเข้าใส่ทั้งสองคนที่มีดาบแห่งโซโลม่อน
เอเธอร์เดิน เบลลามีกับดิลุควิ่ง ยังคงมีแรงเหลือเฟือ กระนั้น–ดาบแห่งโซโลม่อนดังฟันไม่ถูกตัวเอเธอร์เสียที
ปลายดาบเสียดตัวของเอเธอร์หลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ถูกตัวสักที มากสุดก็แค่สามารถตัดผ่านสูทสีขาวที่ไร้เหลือเปื้อนนั่นให้ขาดลิ่วได้—พลังกายต่างกัน แม้ว่าเอเธอร์จะหมดสิ้นแรงกายแล้วก็ตาม
เอเธอร์ก้าวเท้าหลบดาบแห่งโซโลม่อนครั้งแล้วครั้งเล่า—ดิลุคดีดนิ้ว เรียกเพลิงสีขาวออกมา ดวงตามหาปราชญ์ส่องประกายแทบจะวิต่อวิ เอเธอร์เดินหลบเปลวเพลิง และใช้ดาบแห่งผู้กล้าเบี่ยงเบนวิถีการแผดเผาของมัน อย่างกับว่าเป็นหนึ่งเดียวกับเปลวเพลิงสีขาว เอเธอร์ยิ้มออกมาอีกครั้ง และก้าวเท้ามาข้างหน้า เหวี่ยงดาบบนมือด้วยแรงชั่วอึดใจในทุกๆครั้ง
เร็ว—ยังคงเร็วอยู่ดี แต่ว่าไม่ใช่เรื่องยากที่จะหลบมันให้ได้
“เป็นอะไรไป เรียกดาบแห่งโซโลม่อนมาได้แล้วคิดว่าจะชนะแล้วหรือไงครับ”
“อึก”
ทั้งๆที่มีดาบแห่งโซโลม่อนอยู่บนมือ แต่กลับเป็นฝ่ายโดนเอเธอร์ไล่ต้อนเสียเอง พอไม่มีซาตานมาคอยก่อกวน เอเธอร์ก็เคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“เร็วกว่านี้สิครับ ลำพังของแค่นี้ ดาบเล่มนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับของตั้งโชว์หรอกนะ–”
ดิลุคเรียกเพลิงสีขาวปกคลุมทั่งทั้งร่างของเอเธอร์—-ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวผุดขึ้นตรงพื้น และแล่นผ่านร่างของเอเธอร์ ร่างส่องแส่งสีเขียว เพลิงสีขาวถูกสะบั้นจนเละ เอเธอร์ออกวิ่งอีกครั้งได้
‘ก้าวแรกคือการคิดอยากเป็นพี่ที่ดีค่ะ’ คำพูดที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับ
“คิดๆดูแล้วไม่ได้ง่ายเลยนะครับ แต่ก็ ..สนุกมากเลยละ”
“เบลลามี!”
ผลของยูซาริเซี่ยนที่ปักพื้นเมื่อตอนนั้น มันไหลกลับคืนสู่ร่างของเอเธอร์ ทำให้ร่างกายถูกกระตุ้นให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น–ดิลุคเสียจังหวะ เช่นเดียวกันกับเบลลามี เหนือที่คาดการณ์เอาไว้ เอเธอร์เองก็มีแผนเหมือนกัน
‘คุณที่คิดว่าความสัมพันธ์พี่น้องนั้นวิเศษ จะต้องพยายามเป็นพี่ที่ดีได้แน่นอนค่ะ ..ต่อให้วันนี้จะยังไม่ได้ แต่สักวันความคิดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นแน่’ คำพูดนั้นย้อนกลับมา ไหลย้อนกลับขึ้นไปข้างบน–
“การได้เล่นกับเด็กอย่างพวกเธอ สนุกมากจริงๆนะครับ”
เอเธอร์วิ่งผ่านดิลุคอย่างง่ายดาย และมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเบลลามี เป็นอีกครั้งที่วิถีดาบตั้งอย่างสวยงาม เบลลามีเหวี่ยงดาบแห่งโซโลม่อนเข้าใส่ เอเธอร์เหวี่ยงดาบสวนกลับสุดแรงเกิด แน่นอนว่าเร็วกว่าหลายขุม—
‘การจะเป็นพี่ที่ดีได้เนี่ย ยากจังเลยนะครับ’ แม้แต่คำพูดของตัวเองก็ ..
“จบแค่นี้แหละ”
—-
‘ความสัมพันธ์พี่น้องเนี่ยวิเศษจังเลยนะครับ’
“ลาก่อน–น้องสาวของผม”
ดาบเหวี่ยงไปตามวิถีของมัน และยากที่จะหยุดไว้ได้
MANGA DISCUSSION