เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 386
< < 241 > >
เรเซอร์ ดราแคล์ ยูนา เซเนีย แล้วก็ ชิน คามาเลีย หายไปกับเรนอย่างปริศนา ..
“..แม่ง” เคียวยะแหกปากโวยวายขึ้นมา “บัดซบเอ้ย!!!!!!!!!!”
ท่ามกลางบรรยากาศที่นิ่งสงบ เคียวยะตะโกนขึ้น และเดินไปชี้หน้าชายปริศนาที่ปรากฏตัวขึ้นจากเคียวของเรน
“ไอสวะ แกเอาเจ้าพวกนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหน! เอาคืนมานะเว้ย!!”
“…”
ชายสีซีดผมยาวสีทอง หรือว่า ‘เทพมังกร’ ‘เทียแมธ’ ขยับร่างกายเป็นครั้งแรก โดยการ—ออกหมัดใส่เคียวยะ ดวงตามหาปราชญ์เบิกกว้าง แสงสีม่วงเปล่งประกายอ่านการเคลื่อนไหวได้ไม่ยาก เคียวยะก้าวเท้าหลบ และออกหมัดสวนภายใต้ชุดเกราะ KY HOPE ที่ยกระดับตัวเองมหาศาล
“—”
เทพมังกรตอบโต้ในจังหวะที่ช้ากว่าราวหนึ่งวินาที ความเร็วไม่ได้มากมายไปกว่าเคียวยะ แต่ว่า
“..หา?”
แขนทั้ง KY HOPE ของเคียวยะกลับหายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ เลือดพุ่งจากลำตัวราวกับน้ำรั่ว เคียวยะเดินถอยหลังสองถึงสามก้าว ก่อนใช้มืออีกข้างชี้ใส่ชายตรงหน้า
“ [ชาร์จ]-[ONE] !”
ลำแสงสีม่วงพุ่งออกมาด้วยความเร็วที่ยกระดับด้วยการชาร์จ เทพมังกรคว้าแสงนั้นเอาไว้และขยี้จนแหลก จากนั้นไม่นาน เขาก็ไปปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเคียวยะ และ
“อั้ก!”
เกราะ KY HOPE ได้ระเบิดแยกออกจากกันอย่างปริศนา วินาทีที่ร่างชุดเกราะของเคียวยะแยกออกจากกัน เวลาก็ได้เดินต่อไปอีกครั้ง—เท็งงุ เบ็นจิโร่ เมอัน ลิเวียธาน คาลอส ทั้งสี่กูเข้าใส่เทพมังกรพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
วารีศักดิ์สิทธิ์ อำนาจมหามังกรแสงและความมืด เวทมนตร์ของมังกร และดาบของราชันย์อัศวินโจมตีเข้าใส่พร้อมเพรียงกัน
“..”
ลำดับแรก ศรวารีศักดิ์สิทธิ์ของเบ็นจิโร่ถูกหักทิ้งนับร้อยด้วยการกำมือครั้งเดียว จากนั้นร่างของเบ็นจิโร่ก็ถูกซัดปลิวไปไกลนับกิโลเมตร ในเวลาเพียงหนึ่งวินาที
ลำดับที่สอง ในห้วงเวลาหนึ่งวินาทีเดียวกัน เมอันโดนลูกหลงจนอาภรณ์เทพมังกรสลาย
ลำดับที่สาม หลังจากผ่านไปหนึ่งวิ ในเวลาราว 0.5 วิ ดาบคลั่งของคาลอสถูกหักทิ้งด้วยการเหยียบง่ายๆ
ลำดับที่สี่ เทพมังกรอาศัยความสูงที่ถูกยกขึ้นจากดาบของคาลอสที่เหยียบ เตะเข้าใส่ลิเวียธาน จนตัวขาดครึ่ง ซึ่งใช้เวลาราว 0.5 เช่นเดียวกัน
ทั้งหมด 2 วิ ทั้งสี่ชีวิตก็กระจัดกระจายไปคนละทิศ
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! แรงขับเคลื่อนที่เบ็นจิโร่โดนอัดเข้าใส่ ทำให้ทหารและจอมเวทย์เสียชีวิตจากลูกหลงนับพันคน เมอันล้มลงกับพื้นในสารรูปหมดสภาพ ลิเวียธานนอนตัวขาดครึ่งตัวกับพื้นและกระอักเลือดออกมาไม่หยุด คาลอสคว้าเอาดาบจากพื้นขึ้นมาฝืนเหวี่ยงใส่
“—อึก”
วิถีดาบตีเส้นผ่านไหล่ของเทพมังกร ปลายดาบหักทันทีที่สัมผัสเข้ากับร่าง ..เทพมังกรยื่นมือมาคว้าหัวของคาลอส และบีบ ..หัวของคาลอสระเบิดเป็นสีเลือดคามือสีซีดนี้
เวลาหยุดลงอีกครั้ง เทียแมธแหงนหน้ามองท้องฟ้า ยกมือขึ้นไปหมายจะคว้าดวงจันทร์เอาไว้ ..และ ใช่ ชายคนนี้สามารถคว้าดวงจันทร์เอาไว้ได้
โลกถูกช่วงชิงแสงสว่างไปจนได้
****
แสงจันทร์หายไปจากฟากฟ้า โลกจมลงสู่ความมืดมิดยามค่ำคืนอย่างแท้จริง ..
“…เห้ย ..เห้ย”
“..ไม่เอานะ”
“เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย”
“..พระเจ้า?”
แสงจากดวงจันทร์ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเทียแมธอย่างเชื่องช้าในวินาทีที่ชายผู้นี้แบมือ เทียแมธนั่งคุกเข่า และใช้มือแทงทะลุพื้นดิน
“..”
แสงสว่างกลับมาอีกครั้ง แต่ไม่ได้มาจากบนฟ้า หากแต่มาจากผืนทะเลทรายที่ถูกมอบแสงสว่างให้โดยเทพแห่งจุดเริ่มต้น
ทหารแนวร่วม นักเวทย์จากหลายๆสถานที่ พากันเดินถอยหลัง บ้างก็ล้มลงไปกองกับพื้น หลายชีวิตตัวสั่นไม่หยุด หลายชีวิตหลั่งน้ำตาออกมา สาเหตุของปัญหาทุกคนล้วนทราบกันดี ..ความสิ้นหวังกำลังกัดกินจิตใจ
ใครมันจะไปสู้ได้กัน ไอ้สิ่งมีชีวิตที่ราวกับเป็นพระเจ้าตนนั้น ใครมันจะไป ..สู้ได้กันวะ
คาลอสตายไปแล้ว เบ็นจิโร่ถูกซัดจนหายไปจากสนามรบ เมอัน เคียวยะ และลิเวียธาน หมดสภาพในเวลารวมกันไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ และไม่ใช่แค่นั้น
“ไม่ได้พบกันนานนะคะ ท่านเทียแมธ”
“จะดีเหรอคะที่ช่วย พวกเราตอนนี้อยู่คนละจุดยืนกันเลยนะคะ”
‘ทูตสวรรค์’ ‘กาเบรียล’ กับ ‘ทูตสวรรค์’ ‘ราฟาเอล’ กลับมามีสภาพเหมือนเดิมอีกคราอยู่ข้างหลังของเทียแมธ
“ทำตามหน้าที่ของตัวเองเถอะ”
เทียแมธโพล่งขึ้นเป็นครั้งแรก น้ำเสียงดูเย็นชาไร้ความรู้สึก
“…ค่ะ หากท่านปารถนาอย่างนั้น”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
กล่าวจบ ทั้งสองก็สยายปีก และบินขึ้นไปบนท้องฟ้า สุดท้ายก็เหลือเพียงเทียแมธคนเดียว
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าโจมตี ต่อให้อยู่ใกล้หรือไกลก็ไม่มีใครกล้าจะหันปลายดาบและคทาเวทย์เข้าใส่สิ่งมีชีวิตที่หลุดโลกตรงหน้าไหว ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น ความตายก็จะมาถึงในอึดใจเดียว ความกลัวในความตายแผพร่ขยายเข้าไปในจิตใจของสิ่งมีชีวิต สัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตบอกให้อยู่เฉยๆเอาไว้
เทพมังกร เทพแห่งจุดเริ่มต้น เทียแมธ ตรงหน้าสูงส่งเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตธรรมดาจะแตะต้องได้ ..ไม่มีคนปกติที่ไหนคิดตั้งตนเป็นศัตรู หรือแม้แต่ทวยเทพตัวเป็นๆอย่างอานิม่าก็ไม่มีทางเข้าต่อสู้โดยไม่คิดอะไรเลย
เว้นแต่พวกเสียสติ
“ฉันขวา หล่อนซ้าย จะปล่อยให้ลิเวียธานเสียเลือดไปมากกว่านี้ไม่ได้!”
“เห้ยๆ แอสโมเดียส จุดที่นายยืนอยู่มันซ้ายนะนี่ อย่าบอกนะว่าผ่านมาเป็นหมื่นๆปีแล้วก็ยังไม่รู้ซ้ายรู้ขวาน่ะ”
“เอ้าเหรอ!?”
“เฮ้อ นายนี่จริงๆเลยน้า”
แอสโมเดียสควงหอกวิ่งมาทางเทียแมธ พร้อมกับอังเฟกอร์ที่บินตามมาบนใบไม้ อาวุธมากมายที่ถูกสร้างไว้โดยพลังของอังเฟกอร์พากันบินเข้าใส่เทียแมธ
เทียแมธหรี่ตามองครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าหนึ่งครั้ง ห่ากระสุนอาวุธนับร้อยหยุดนิ่งกลางอากาศ–เทียแมธเคลื่อนตัวเข้าไปขวางลิเวียธานไว้อย่างกับวาร์ปได้ สองปีศาจมหาบาปทำหน้าแหยงอย่างออกรส
“ย๊ากกกกกก!!!!!”
“–”
เคียวยะลุกขึ้นพุ่งเข้าใส่จากข้างหลัง พร้อมด้วย [เกลียวมรณะ] ที่หมุนอย่างบ้าคลั่ง ถึง KY HOPE จะถูกทำลายจนเละไปแล้ว แต่ร่างกายจริงๆก็ยังพอมีแรงให้สู้ต่อได้—แน่นอน จะเคียวยะตอนไหนก็ไม่แม้แต่จะเป็นปัญหาได้
แต่ว่า ..หัวใจของเคียวยะเปล่งแสงอย่างแปลกประหลาด เทียแมธรู้สึกแปลกใจจึงตั้งใจมองอย่างดีเยี่ยม แล้วก็ได้คำตอบ
“ ‘ความเย่อหยิ่ง’ ?”
อำนาจมหาบาปของลูซิเฟอร์ได้ตกมาเป็นของเคียวยะเป็นที่เรียบร้อย นอกจากดวงตามหาปราชญ์ที่ส่องสว่าง ก็ยังมีดวงตามหาบาปซ้อนอยู่ข้างในอีกทีหนึ่ง
“ย๊ากกกกกกก!!!!!”
อึดใจเดียวก่อนที่เกลียวมรณะจะส่งไปถึงใบหน้าของเทียแมธ เจ้าตัวเลือกจะเดินหลบ
ปุ้บ .. ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! พลังทำลายล้างอันบ้าคลั่งพุ่งเฉือนตัวของเทียแมธไปเพียงนิดเดียว พื้นผิวทะเลทรายจากนี้ไปนับสิบกิโลเมตรถูกยกขึ้นสู่ฟ้าด้วยเกลียวมรณะที่ยกระดับโดยอำนาจมหาบาปเย่อหยิ่งอีกที
พลังทำลายถูกยกระดับด้วยอำนาจมหาบาป สอดคล้องกับร่างกายที่เหนือจินตนาการของเทพมังกรทำให้ยกระดับพลังทำลายได้ไม่รู้กี่ร้อยเท่า แน่นอนว่าต่อให้เป็นเทพมังกรถ้าโดนเข้าไปก็คงเจ็บไม่น้อยทีเดียว
“แฮก ..แฮก”
อย่างไรก็แล้วแต่ เพียงแค่นี้ไม่ได้มีค่าพอให้ระวังตัว
“ลูซิเฟอร์ตายแล้วนั้นเหรอ ..ไม่สิ ยังอยู่สินะ”
เทียแมธส่งสายตาไปในที่ที่ไกลออกไป ความสนใจถูกลดจากตัวของพวกปีศาจมหาบาป ทำให้แอสโมเดียสกับอังเฟกอร์พากันแบกร่างของลิเวียธานออกจากระยะโจมตีของเทียแมธได้ เคียวยะเองก็ถูกช่วยแบกหนีจากเทียแมธโดยเมอัน
เขารับรู้ได้ว่าที่แห่งนั้นการต่อสู้ระหว่าง ‘โซโลม่อน’ และ ‘แอสทอเรียส’ กำลังดำเนินไปต่อโดยยังไม่ถึงบทสรุป แม้จะไม่ทราบว่าผลลัพธ์ว่า ณ ตอนนี้เป็นเช่นไรบ้างแล้วก็ตามที แต่เทียแมธตั้งใจจะไปร่วมขวางการต่อสู้นั้น จึงได้ทิ้งทุกความสนใจไป
“..”
ทว่า ก่อนที่จะได้ตัดสินใจทำ เทียแมธก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้ก่อน ก้อนมานาขนาดยักษ์ผุดขึ้นท่ามกลางชีวิตนับหมื่นรอบตัวเขา และก้อนมานานั้นก็กำลังตรงมาหา
เทียแมธชำเลืองมอง และพบกับชายหนุ่มคนหนึ่ง
ไม่คุ้นหน้าก็จริง แต่สัมผัสได้
“ออโรโบรอส?”
“ตอนนี้ชื่อ ‘ยูจิ’ ครับ”
“นั้นเหรอ..แบบนี้นี่เอง”
หนิงเดินตามหลังของยูจิมา เธอสังเกตุเทพมังกรอยู่พักหนึ่งก่อนจะบังเอิญเห็นร่างไร้หัวของคาลอส เพียงแค่นั้นเพลิงมหามังกรก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของเธอ
จิตสังหารพุ่งตรงไปหาเทียแมธ หนิงกัดริมฝีปากจนเลือดไหลอาบทั่วทั้งปาก
“แก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เพลิงมหามังกรปกคลุมร่างก่อนที่จะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเพลิงชมพู [ซุนดาระ] ร่างอาภรณ์เทพมังกรปรากฏขึ้นในพริบตาเดียว หนิงพุ่งเข้าใส่พร้อมเพลิงรูปแบบพิเศษ เทียแมธแปลกใจนิดหน่อย ก่อนจะตอบโต้ด้วยการก้าวเท้ามาข้างหน้า และ–ลงมือสังหารหนิง
ร่างกายขยับไปตามใจปารถนา แต่ความปารถนานั้นไม่ได้เป็นจริง เพราะถูกหยุดไว้ด้วยมือข้างเดียวของยูจิ มือจ่ออยู่ที่ปลายคอของหนิง ไปไกลมากกว่านั้นไม่ได้ พูดให้เป็นรูปธรรมคือถูกหยุดเอาไว้ได้
“..ยูจิ?”
ยูจิขวางกั้นทางสังหารหนิงเอาไว้
“..คุณหนิง ช่วยสนับสนุนดว้ยครับ”
แม้ว่ามือของยูจิจะกำปลายมือของเทียแมธไว้แน่น แต่มันก็สั่นไม่หยุด เพราะอะไรบางอย่าง
มืออีกข้างของเทียแมธยกขึ้น ยูจิสร้างแขนวารีขึ้นมา และออกหมัดแลก
ตู้ม!!!!!!!!!!!! ทั้งสองกระเด็นแยกออกจากกัน ผู้แพ้ในการแลกหมัดคือยูจิอย่างแน่นอน ยูจิกลิ้งไปมาตามพื้น ก่อนที่หนิงจะไปดันหลังไว้ไม่ให้ไปไกลมากกว่านี้
“ฮะ ฮะ ฮะ แรงหมัดนี่สุดๆเลยครับ สมกับเป็นเทพมังกรต้องบอกแบบนี้รึเปล่านะ”
เลือดไหลออกจากมุมปากของยูจิ การแลกหมัดนั่นเทพมังกรเป็นฝ่ายชนะแบบขาดลอย หนิงช่วยพยุงยูจิลุกขึ้นยืน และรักษาด้วยเพลิงมหามังกรรูปแบบพิเศษ พริบตาเดียวร่างกายก็กลับมาเป็นปกติ หนิงจงใจแอบลูบหัวยูจิหลังรักษาเสร็จ ยูจิเหมือนจะรู้ถึงเจตนาของหนิงดีก็หันหน้าไปหาในระยะเผาขนที่อีกนิดเดียวก็จะเป็นจูบ
“เรื่องของคุณคาลอส ..เสียใจด้วยนะครับ แล้วก็” ยูจิยิ้มให้ “ขอบคุณนะครับ ได้คุณหนิงช่วยไว้ตลอดเลย”
“อ๊ะ ..อืม”
อย่างกับ การเซอวิซ เล็กๆน้อยๆ ถ้าเกิดเป็นสถานการณ์ปกติหนิงคงจะกรี๊ดกร๊าดไปแล้ว
ยูจิลุกขึ้นยืนปัดเศษฝุ่นตามร่าง มองไปรอบๆ ไม่ว่าจะเทพมังกร หรือว่ากำลังรบโดยรอบทั้งหมด เมื่อวินิจฉัยจนเรียบร้อยแล้วก็–ประกาศออกมาสุดเสียง
“พวกผมจะรับมือกับชายคนนี้เอง!! พวกคุณทำหน้าที่ของตัวเองที่สามารถทำได้ต่อไปเลยครับ!!!”
..หน้าที่ของตัวเอง?
“อะไรละนั่น”
“พวกเราทำอะไรได้ที่ไหน”
“สัตว์ประหลาดพวกนั้นใครจะไป..”
“ศัตรูนอกจากเทพมังกรแล้วก็ทูตสวรรค์ยังมีอยู่ครับ! นั่นคือหน้าที่ของพวกคุณครับ!!”
…..
“พวกคุณไม่ได้ไร้พลัง!! พวกผมจะไร้พลังต่างหาก หากไม่ได้พวกคุณช่วย เพราะอย่างนั้นได้โปรด!! ผมไม่อยากจะแพ้ อยากจะกลับบ้านไปพักผ่อนแล้วก็ใช้ชีวิตต่อในวันพรุ่งนี้ครับ!”
…….
“..ฉันกำลังจะแต่งงาน”
“เงินเดือนยังไม่ออกเลย กะว่าจะใช้เงินให้สุดเหวี่ยงตั้งแต่ต้นเดือนสักหน่อยแท้ๆ แต่ดันมาเจอเรื่องแบบนี้..”
“อยากจะเปิดร้านเหล้าของตัวเอง!”
“ไม่ยอมตายหรอกโว้ย!!”
ทหารนับมืดเริ่มกลับมาฮึดอีกครั้ง แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด อาจจะแค่เกือบๆครึ่ง หรือไม่ก็มากกว่าครึ่งเล็กน้อย แต่ว่า-ยูจิชี้นิ้วใส่ขอของตัวเอง เวทมนตร์สีม่วงปกคลุมปลายนิ้วคอของยูจิ พร้อมกับ ‘วาจาศักดิ์สิทธิ์’ ที่กระจายออกไป
“มาพยายามทำตามหน้าที่ของพวกเราต่อไปกันเถอะครับ”
“ “ “ “ “โอ้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ” ” ” ” ”
สิ้นสุดคำขอร้องของยูจิ กองทัพก็พากันกระจายออกจากเทพมังกร รูปขบวนเดินผุดขึ้นอีกครั้ง แต่เป้าหมายไม่ใช่เทพมังกร แต่เป็นพวกเผ่าพันธ์สวรรค์ในการต่อสู้จุดอื่นๆ
เวทย์สีม่วงที่ปลายนิ้วดับไป เห็นผลลัพธ์ออกมาอย่างนี้ยูจิก็ถอนหายใจโล่งอก
“ทำบ้าอะไรของแกเนี่ย”
เคียวยะพร้อมเมอันเดินมายืนข้างๆ และเอ่ยถาม ยูจิมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะแห้งๆ และตอบกลับ
“เวทมนตร์กึ่งๆควบคุมจิตใจน่ะครับ ทำให้คนที่กำลังลังเลอยู่ทุกคนตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง จากเวทมนตร์ของผม ผสมกับกระแสความคิดของผู้คนที่ปลุกระดุมขึ้นมา ..แต่ก็เป็น 8 ต่อ 2 ส่วนนะครับ ไม่ใช่ว่าผมเชิดพวกเขาทั้งหมด แค่ทำให้อะไรๆมันชัดเจนขึ้นก็เท่านั้น”
“โลกสวยอย่างแกใช้เวทย์พรรค์นี้เป็นด้วยสินะ”
“เป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะครับช่วงเวลานั้น”
“..อ่อเรอะ แล้วชนะได้จริงๆเรอะ”
ยูจิยื้มเจื่อนๆขึ้นมา
“ยากเหมือนกันนะครับ ขอบเขตุของเทพมังกรไม่แน่ชัดด้วยสิ บางทีที่พวกเรายังยืนคุยกันอยู่ได้น่าจะเป็นเพราะว่าเขาไม่รีบด้วยละครับ” ยูจิหรี่ตามอง “ถ้ารีบจริงๆ ผมคงไม่มีโอกาสพูดปลุกใจคนอื่นเลยด้วยซ้ำ”
“..แกกับหนิงสู้ไปก่อน ฉันกับเมอันจะรีบกลับมาช่วย”
“เข้าใจแล้วครับ ในอนาคตก็ฝากด้วยนะครับ”
ยูจิกับหนิงลุกขึ้นยืนพร้อมกัน และออกเดินเข้าหาเทียแมธ
เคียวยะกับเมอันที่หมดสภาพจากข้างหลัง แอสโมเดียส อังเฟกอร์ และลิเวียธานที่บาดเจ็บอยู่ทางขวา ฟัฟนิร์ทางซ้ายที่ยืนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก นี่คือกำลังรบสุดท้ายที่เหลืออยู่ในที่แห่งนี้
เท็งงุ เบ็นจิโร่ ที่หายสาบสูญไป คาลอสที่ตายจากการปะทะกับเทพมังกร–ทำให้เหลือแค่นี้
“ลำพังแค่นี้คงจะไม่ไหว แต่ว่าไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีคนมาช่วยแน่ๆ ก่อนจะถึงตอนนั้น พวกผมจะเป็นคู่มือให้เองครับ ‘เทียแมธ’ ”
“…”
โดยไม่พูดไม่จา การต่อสู้กับเทพมังกรได้เริ่มขึ้น—
****
บนเรือรบยักษ์นับร้อยลำที่เทียบอยู่บริเวณชายฝั่ง แสงสว่างจากตะเกรียงเวทมนตร์ช่วยให้เอาชนะความมืดของโลกได้ ความมืดปริศนาที่เกิดขึ้นทำให้ผู้อาศัยอยู่ในห้องบังคับบัญชาวิ่งออกมาสาเหตุกัน
แองเจลิน่า ดราแคล์ พร้อมด้วยเซบาสเตียนยืนมองสถานการณ์โดยรวมจากบนสุดของเรือ และก็ต้องแปลกใจ เพราะดวงจันทร์ไม่มีอยู่บนท้องฟ้าอีกแล้ว น้ำทะเล ทุกสิ่งทุกอย่างนอกเหนือจากเรือที่เปล่งแสง และพื้นผิวเลืองแสงของแดนนรกกินคน ..ราวกับว่าดวงจันทร์ถูกชิงไปจากโลกใบนี้
“…เรื่องอะไรกัน”
ระหว่างนั้นเอง เรเซลก็วิ่งมาจากข้างหลัง
“ท่านแองเจลิน่า–ท่าน ฮิโรชิ ประกาศให้กำลังพลที่สองเคลื่อนตัวแล้วค่ะ!”
“แสดงว่าเกิดเรื่องอะไรสักอย่างขึ้นสินะคะ ..เข้าใจแล้วค่ะ จะทำตามคำสั่งนั้น”
กล่าวจบ กำลังพลทั้งหมดจากกองเรือยักษ์ก็ติดตั้งอุปกรณ์เวทมนตร์มอบแสงสว่างเข้าตัว และออกวิ่งลงสู่แดนนรกกินคน เหลือเพียงแค่บุคคลระดับผู้นำสั่งการณ์ และคนคุ้มกันจำนวนหนึ่งในเรือแต่ละลำเท่านั้น
“ท่านแองเจลิน่า”
หลังจากกองกำลังเสริมพากันวิ่งไปได้ไม่นาน เซบาสเตียนก็เอ่ยขึ้นข้างตัวแองเจลิน่า ..ทั้งสองจ้องหน้ากันอยู่พักหนึ่ง ไม่นานแองเจลิน่าก็ถอนหายใจเฮือกโต เพราะเธอพอจะเดาความในใจของเซบาสเตียนได้อยู่บ้าง
“..ถ้าจะไปช่วยพวกเรเซอร์ ฉันยอมให้ไปก็ได้”
“ขอบพระคุณมากครับ”
“แต่ว่าห้ามตายเชียวนะ” แองเจลิน่าหรี่ตามอง “ถ้าตาย ไม่ใช่แค่ฉัน พ่อของฉัน ..ลำบากใจที่จะพูดจริงนะ ..พ่อของฉัน เอล็กซ์ จะต้องเสียใจเหมือนกันแน่ๆ”
“จะพยายามครับ”
“..ควรเป็นต้องทำให้ได้มากกว่านะ–เซบาสเตียน”