เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 381
< < 236 > >
สามวันก่อนเทพมังกรจะถือกำเนิด ภายในเรือรบของสภาโลกที่ใช้ไปเจรจาร่วมมือกับกองทัพจอมมารนั้น
เรย์ คามาเลีย ได้โผล่มาดักหน้า ‘ดาบนกยูง’ ‘พาโว’ ด้วยสัมผัสจิตต่อสู้อ่อนๆที่ได้จากตัวของเรย์ ทำให้พาโวเอาดาบสัมผัสที่ปลายด้ามจับเอาไว้อย่างช่วยไม่ได้ มองในอีกมุมก็อาจกล่าวได้ว่าเรย์นั้นแข็งแกร่งระดับที่พาโวจำเป็นต้องระวังตัวก็ว่าได้
“ช่วยสอนวิชาดาบให้ผมทีสิ”
ทีแรกนึกว่าจะมาท้าดวลหรืออะไรซะอีก เนื่องจากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่ทั้งสองคนเคยปะทะกันแบบเอาถึงตาย คิดว่าอีกฝ่ายจะเคียดแค้นเลยมาเอาคืนแต่ที่ไหนได้ พาโวแปลกใจนิดหน่อย
“..อะไรกัน มาแปลกจริงๆนะ เป้าหมายที่ขอติดตามเรือของสภาโลกมาด้วยคือเรื่องนี้เองเรอะ”
“ใช่แล้วละ วิชาดาบของผมตอนนี้มันยังไม่ดีพอ รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป ทั้งยังสำคัญมากๆด้วย”
“สิ่งที่ขาดไป ..ลองหาดูด้วยการประดาบสักรอบดูดีมั้ย?”
ว่าแล้วทั้งสองก็เอาตามนั้นที่บนดาดฟ้าของเรือเลย พาโวโยนดาบโลหะคุณภาพต่ำไปให้ พาโวเองก็ใช้ดาบคุณภาพเดียวกัน เพื่อไม่ให้มีความเสียหายมากเกินไป จึงหลีกเลี่ยงจะใช้ดาบที่แค่สัมผัสก็ทำเรือมีลอยได้ โดยเฉพาะกับดาบมังกรเหล็กบรามุนต์เล่มนั้น
“ถ้านั้นก็”
“เข้ามาเลย”
ประดาบโดยไม่ใช้วิชาดาบเพียงแค่สามครั้งก็รู้ผล พาโวเป็นผู้ชนะ เนื่องจากดาบหลุดจากมือของเรย์
“..เร็ว”
“ร่างกายตอบสนองไม่ทัน เป็นปัญหาที่ร่างกายละนะ ไปหาวิธีเพิ่มพลังกายให้ได้มากกว่านี้น่าจะดี”
ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ ขีดจำกัดความสามารถของมนุษย์เรามันจะเหมือนกับกระดาษเปล่าที่วาดเขียนได้ตามใจชอบ ซึ่งพรสวรรค์อยู่ที่คุณภาพของปากกา อันเป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตว่ามากหรือน้อยแตกต่างกันเท่าไหร่ อีกส่วนก็คือกระดาษซึ่งขนาดของกระดาษมีส่วนกับขีดจำกัดว่าจะไปได้ไกลมกาแค่ไหน แล้วแต่รายบุคคลไป
บางคนใช้เวลาแค่เดือนเดียวในการยกระดับตัวเองจากคนธรรมดาเป็นยอดมนุษย์ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเพราะพรสวรรค์
“แค่สามวันไม่พอยกระดับร่างกายหรอกครับ”
“นั่นสินะ แล้วต้องการอะไรล่ะ”
“ช่วยสอนวิชาดาบให้ผมที ขอประสบการณ์ทั้งหมดที่คุณมีทีสิ”
“.. เรย์ คามาเลีย สิ่งตอบแทนที่ฉันจะได้จากนายคืออะไรกัน?” พาโวหรี่ตามอง “ฉันไม่ใช่เจ้าสำนักหรอกนะ มีหรือที่จะยอมเผยวิชาดาบตัวเองให้คู่แข่งง่ายๆ”
“ฉันจะให้ความรู้เกี่ยวกับวิชาดาบที่ฉันมี ..การแยกธาตุของวิชาดาบ การทำความเข้าใจในวิถีดาบที่ฉันคิดค้นขึ้นมาเอง จะบอกให้คุณฟังเป็นคนแรกเลย”
ได้ยินอย่างนั้น พาโวก็เบิกตาโพลงกว้าง มีหรือที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้ ครั้งก่อนพวกเขาสองคนได้เผชิญหน้ากันหนึ่งครั้ง และการอ่านวิชาดาบที่เรย์คิดค้นขึ้นมาเองนั่นก็น่าสนใจมาก ระดับที่หากพัฒนาไปต่ออาจจะถึงขั้นพลิกโฉมวิชาดาบทั่วทั้งโลกได้เลยก็เป็นไปได้ แต่ว่าข้อเสนอมันดีเกินไป
“การฝึกดาบแค่สามวันมีค่าต้องยอมขนาดนั้นเลยหรือไง”
“บอกไว้ก่อนนะ คุณพาโว เป้าหมายอันดับหนึ่งของฉันไม่ใช่การโค่นคุณ หากแต่เป็นการโค่นเทพดาบต่างหาก ฉันเหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้น ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรฉันก็จะทำเพื่อให้ฉันขึ้นไปเทียบเคียงกับเทพดาบคนนั้นได้ ต่อให้ต้องยอมแบ่งปันวิชาดาบให้กับคู่แข่งอันดับสองอย่างคุณ แต่มูลค่ามันเทียบกันไม่ติดเฟ้ย!”
ดาบนกยูงพาโว โดนบอกว่าเป็นแค่คู่แข่งอันดับสอง กับนักดาบที่แทบจะเป็นอันดับสองรองมาจากเทพดาบคนนี้เนี่ยนะ เด็กคนนี้จะว่าไม่รู้โลกหรือว่ามีอยู่ในโลกที่แคบเกินไปดีกันนะ ..ไม่สิ หากพูดถึงเทพดาบ กับตัวของพาโวแล้ว ระดับมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ราวกับเป็นมนุษย์คนละมิติ นักดาบทุกคนเมื่อเทียบกับเทพดาบก็ล้วนมีสภาพไม่ต่างกับพาโว
แม้แต่ ไรเดน อาคาสะ คนนั้น ก็ไม่มีทางเทียบเคียงเทพดาบในด้านของวิชาดาบได้
ใช้การฝึกฝนแค่สามวันให้ออกผล แล้วเอามันไปใช้ช่วยสู้กับเทพดาบ ดูยังไงก็เป็นไปไม่ได้ด้วยสภาพของเรย์ตอนนี้ เขามีพรสวรรค์ในการวิเคราะห์โครงสร้างของวิชาดาบ ถึงขนาดเอามาทำเป็นแขนงของการเรียนดาบใหม่ได้ แต่ในฐานะนักดาบด้วยกันก็อยู่แค่ระดับนักดาบที่มีพรสวรรค์หาตัวจับได้ยาก ซึ่งยังห่างไกลเกินไป หากเป็นเพื่อนของเด็กคนนี้ อย่าง ‘ยูจิ’ คนนั้น เวลาเพียงสามวันก็ดูมีความเป็นไปได้อยู่ แต่กับเรย์นี่ไม่น่าจะไหว
จะหลอกลวงแล้วชิงวิชาดาบมา หรือบอกตามความเป็นจริงเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองดี พาโวครุ่นคิดอย่างจริงจัง
“สำหรับเรื่องนั้นยังไงก็ไม่คุ้มเสียหรอก ควรจะมองโลกความเป็นจริงให้มากกว่านี้นะ คิดซะว่าเป็นคำเตือนในฐานะรุ่นพี่ ..สิบปี ไม่สิ สักยี่สิบปี ค่อยคิดเรื่องจะท้าเทพดาบดวล”
ต่อให้ใช้เวลาร้อยปีพร้อมดาบมังกรเหล็กบรามุนต์ พาโวก็ยังเชื่อว่าไม่มีทางชนะอยู่ดีก็เถอะ
“ระว่างฉันกับคุณ ใครจะโค่นเทพดาบได้เร็วกว่ากัน ..เพื่อการนั้นอะไรที่ใช้ได้ก็ควรจะใช้ มันควรเป็นแบบนี้ไม่ใช่รึไง”
“..จะตำหนิการตัดสินใจของฉันสินะ”
“เออสิ ดาบนกยูง พาโว ศักดิ์ศรีในฐานะนักดาบคืออะไรกันแน่ ..รักษาเกียรติของวิชาดาบอย่างที่คุณทำ? หรือว่าขัดเกลาตนเองให้ไปอยู่ระดับที่เหนือกว่านี้ ระดับที่เหนือกว่าเทพดาบกันแน่?”
พาโวทำเมิน และเดินไปต่อ เรย์ไม่หยุดที่จะพูด
“ตามใจของคุณเลย ถ้าอยากจะมุดหัวอยู่ในกระดองเพื่อรักษาเกียรติของวิชาดาบที่คิดเองเออเองขนาดนั้น ก็ทิ้งๆมันไปซะ เป้าหมายอย่างการโค่นเทพดาบน่ะ!”
คำพูดนั้นทำให้พาโวหยุดเดินตามสัญชาตญาณ เจ้าตัวหันกลับมามองเรย์พร้อมจิตสังหารที่ทำให้เรย์แทบคลั่ง ..
“ฉันจะโค่นเทพดาบ เพื่อการนั้น อยากจะหลอกเอาข้อมูลจากฉันไปแค่ไหนก็เชิญเลย ..ขอแค่ฉันเป็นคนแรกที่เหนือกว่าเทพดาบได้ ขอแค่นั้นมันก็มากพอแล้ว”
“….”
ถ้าหากทำได้จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าเกิดเรย์สามารถเหนือกว่าได้จริงๆด้วยการซึมซับวิชาดาบของพาโว ผสมกับเทคนิคของตัวเองจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น?
“คุณกำลังเดินตามหลังผมอยู่นะ พาโว”
ใช่แล้ว พาโวหยุดเดินอยู่ ผิดกับเรย์ที่กำลังเดิน กับคนที่อยู่ใกล้กว่าแต่หยุดเดิน กับคนที่อยู่ไกลกว่าแต่ไม่หยุดเดิน ผลลัพธ์ตามนิทานจะลงเอยที่คนไม่หยุดเดินเสมอ
“ต่อให้ผมแพ้ แต่ผมก็อาจจะจบลงด้วยตำแหน่งอันดับสอง ..ดีแล้วเหรอที่โดนเขี่ยไปอยู่ใต้เท้าของผมน่ะ? ดีแล้วเหรอหา?”
“..เป็นเด็กหนุ่มที่ช่างพูดจริงๆนะ เรย์ คามาเลีย” พาโวถอนหายใจเฮือกโต จากนั้นก็ชักดาบจริงๆของตัวเองออกมาใช้ “อย่ามาเคียดแค้นกันทีหลังซะละ”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
กล่าวจบ เรย์ก็ดึงดาบมังกรเหล็กบรามุนต์ออกมาใช้ นับจากวันนั้นอีกสามวันการฝึกฝนดาบของทั้งสองก็ดำเนินต่อไป แลกดาบด้วยกันจบก็พูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับวิชาดาบ ช่วงพักก็อธิบายประสบการณ์ของตัวเอง เขล็ดลับของวิชาดาบ แล้วก็เรื่องของธาตุดาบที่เรย์คิดค้นมาด้วย
“นั่นมัน ..น่าสนใจ”
“ไม่จำเป็นต้องตามให้ทัน ไม่จำเป็นต้องมีแรงมากกว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ..หลังจากที่ได้เรียนวิชาดาบจันทร์เสี้ยวมา มันก็ทำให้ผมรู้สึกเปิดโลกขึ้นน่ะ เพราะมันคือวิชาดาบที่จะแข็งแกร่งขึ้นตามศัตรู เลยชวนให้คิดว่าหรือจริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องเหนือกว่าก็ชนะได้กัน
“ผมรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางเหนือกว่าเทพดาบ กระทั่งคุณพาโวที่พล่ามบอกว่าตัวเองยังห่างไกลกับหลายๆคน ผมก็นึกภาพตัวเองที่เหนือกว่าคุณอย่างแน่นอนไม่เคยได้เลยแม้แต่สักครั้ง ..กำลัง และความเร็ว ไม่ต้องพูดถึงวิชาดาบ แค่สองอย่างนี้ ต่อให้ทุ่มเวลาทั้งชีวิตของผมก็ยังไม่มีทางขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกันได้อยู่ดี”
ทว่า เรย์กำหมัดแน่น
“ขอแค่ห้าวิก็เพียงพอแล้ว เวลาห้าวินี้ผมสามารถอ่านวิชาดาบได้หมดเปลือก ตอบโต้กลับด้วยวิชาดาบที่ชนะทาง ..แล้วก็กำชัยมาในชั่วอึดใจเดียวในชีวิตนี้ สำหรับผู้ต่ำต้อยอย่างผมแล้ว—-”
สำหรับผู้ต่ำต้อยอย่างผมแล้ว
“แค่ — ก็พอแล้วละ”
****
ประกายดาบผุดขึ้นยามราตรีเป็นประกายระยิบระยับ ดูคล้ายกับแสงมากกว่าสเก็ดการปะทะกันของดาบ
“ย๊ากกกกกกก!!!!!!”
“พัฒนาได้เร็วขึ้น? ไม่ใช่สินะ”
แกนน่อนหลบวิชาดาบของเรย์โดยไม่แม้แต่จะใช้ดาบเข้าปะทะ เธออ่านจังหวะการเคลื่อนไหวทั้งหมดจนหมดเปลือก แม้ว่าจะพึ่งเคยเห็นแบบนี้ครั้งแรก นี่แหละความสุดยอดของเทพดาบแกนน่อน ผิดกับเรย์ที่ต้องวิเคราะห์หาเหตุผลซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“โธ่เว้ย!!”
“ใช้ได้เลย”
วิชาดาบกระทบเข้าหากัน เรย์ทำท่าจะฝืนดันทุรังไปต่อ แต่วินาทีก่อนที่จะเข้าประชิดตัวมากกว่านี้ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารและการเคลื่อนไหวต่อจากนี้ ทำให้เรย์ถีบตัวออกมาเพื่อวิเคราะห์ก่อน
“..แฮก..แฮก..แฮก”
ทั้งสมอง และพลังกายถูกดึงออกมาอย่างมหาศาล ระดับที่เพียงแค่ขยับดาบรอบเดียว เหงื่อก็ท่วมตัวเสมือนออกกำลังกายแบบไม่หยุดมาหลายชั่วโมงแล้ว ด้วยการใช้พลังกายแบบคลั่งขนาดนี้ ส่งผลให้ร่างกายเริ่มอ่อนล้าเป็นธรรมชาติ
“แฮก แฮก แฮก แฮก แฮก แฮก”
ในหลายนาทีแรกอาจจะทนได้ แต่การต่อสู้ดำเนินมาหลายนาทีแล้ว ..เรย์หายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ จากแค่หอบก็เริ่มเหมือนคนขาดอากาศหายไป ดวงตาสั่นไปมา เช่นเดียวกับร่างกายที่สั่นไม่หยุด
ทุ่มเททุกอย่างของร่างกายขนาดนี้แล้วแต่ก็ยังไม่ไหว เทพดาบแกนน่อนไม่แม้แต่จะเอาจริงเลยด้วยซ้ำ เธอก็แค่หลบวิชาดาบของเรย์ และตั้งรับเป็นบางครั้ง เหมือนกับเป็นหุ่นที่คอยให้เรย์ร่ายรำวิชาดาบอยู่ฝ่ายเดียว ..ต่างชั้นกันเกินไป ต่อให้คิดการเข้าใจในวิชาดาบเพิ่มเข้ามา แต่ความเข้าใจในวิชาดาบของเรย์ก็ห่างไกลกับแกนน่อนหลายสิบเท่าตัวอยู่ดี พรสวรรค์ต่างกันราวฟ้ากับเหวไม่พอ ประสบการณ์เองก็ต่างกันนับร้อยๆปีด้วยเหมือนกันอีก
เหมือนกับที่พาโวคาดเอาไว้ เรย์ไม่มีทางเหนือกว่าเทพดาบได้ แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวก็ไม่มีทาง
ผลลัพธ์ปรากฏให้เห็นโต้งๆแล้ว ..
“พอใจแล้วหรือยัง?”
คำพูดนั้นทำให้สมองของเรย์สั่นสะท้าน ..เรย์กัดฟันกรามแน่น ตั้งดาบชี้ดาบเข้าใส่แกนน่อน
“ทำไมไม่ฆ่าให้จบๆไป สมเพซฉันอยู่รึไง”
“เลือกได้ก็ไม่คิดจะฆ่าลูกศิษย์ของเกรย์หรอก”
“อึก—แกนน่อน ฉันยังไม่ได้แพ้หรอกนะ ยังเหลืออีกหลายอย่างที่ฉันสามารถทำได้”
แกนน่อนพยักหน้ารับว่าง่าย
“มังกรเหล็กบรามุนต์ยังไม่ได้สำแดงพลังที่แท้จริงสินะ ถ้านั้นก็รีบๆเรียกมาสวมใส่เสียสิ ข้าจะแสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นเอง”
“..”
“ไม่ใช้ซะล่ะ จะได้หมดข้ออ้างเสียที”
ยังไม่ใช่ตอนนี้ ตัวเองที่ทำให้แกนน่อนเอาจริงยังไม่ได้ ต่อให้ใช้พลังนั่นไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี ..ต้องมากกว่านี้ ต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้ตอนจะใช้มัน—-เรย์วิ่งเข้าใส่อีกครั้ง แรงที่ลดลง ส่งผลให้วิชาดาบเบาบางลงด้วย เป็นการง่ายที่แกนน่อนซึ่งใช้แรงเท่าเดิมตลอดจะสามารถแยกหัวออกจากร่างของเรย์ได้
ความตายพุ่งตัดหน้าของเรย์ไป เรย์พลิกตัวหนี หลบจังหวะดาบได้หนึ่งครั้ง และคิดถูกว่าถ้าดึงดันจะฟันไปโต้งๆตัวเองต้องตายแน่ๆ เรย์หน้าซีด แกนน่อนไม่ปราณีก้าวเท้ามาซ้ำต่อ การกระหน่ำดาบธรรมดาของเทพดาบนั้นราวกับวิชาดาบขั้นสูง
“ [ลำจันทร์เสี้ยว] ”
เรย์สามารถปัดป้องและสวนกลับได้ แต่ชั่วพริบตาเดียว แกนน่อนก็เร่งระดับของตัวเอง ทำให้วิชาดาบที่ทวีคูณความแรงอย่างลำจันทร์เสี้ยว ไม่สามารถสู้แรงกับการลงดาบที่ออกแรงมากขึ้นธรรมดาของแกนน่อนได้
เอ๊ะ
ดาบใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรย์ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ไม่มีพลังแฝงใดๆทั้งนั้นในเวลานี้ เขาจะต้องตาย
ง่ายๆแบบนี้นี่แหละ—-
“ [ดาบประกายแสง] ”
คนที่ก้าวข้ามความเป็นความตายได้ มักจะไม่ใช้เขาเสมอ
ยูจิวิ่งขวางกั้น พร้อมกับวิชาดาบที่–เปี่ยมด้วยคุณภาพ และงดงามกว่าไม่รู้กี่เท่าตัว
ใช่แล้ว มันมักจะเป็นอย่างนี้ตลอด
แกนน่อนก้าวขาหลบพลางใช้ดาบยันการโจมตีเอาไว้ อึดใจเดียวกันตอนที่ดาบสัมผัสกัน–วิชาดาบของทั้งสองก็กระหน่ำเข้าใส่กัน
เพร้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!!
อย่างกับว่ามีเทพดาบอยู่สองคน ทั้งสองแลกดาบกันด้วยแรงและทักษะที่สูงสุดของตัวเอง เอาจริงกันทั้งสองฝ่าย ฝั่งเทพดาบเองก็ด้วย เอาจริงยิ่งกว่าตอนที่สู้กับเรย์
แต่เหมือนว่ายังไงเทพดาบก็เหนือกว่า ยูจิเห็นท่าไม่ดีก็ถีบตัวออกมา และสะบัดดาบไปมาเป็นอันขู่ไม่ให้แกนน่อนเข้าใกล้มามากกว่านี้ แกนน่อนรับสาร และทำตามนั้น เธอที่มีสัญชาตญาณเอาตัวรอดดีเลิศย่อมรู้ดีว่าการไล่ตามยูจิไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด
“โชคช่วยที่ร่างกายฟื้นกลับมาพอดี–เป็นอย่างไรบ้างครับ เรย์ บาดเจ็บรึเปล่า!?”
เขาเกือบจะไม่รอด ถ้าไม่ได้ยูจิมาช่วยคงจะตายไปแล้ว ..ทั้งอย่างนั้น
“..อีกแล้วเหรอ”
เรย์พร้อมด้วยหนิงวิ่งมาดูอาการของเรย์ ทว่าก็หยุดลงหลังจากเห็นท่าทีที่แปลกไป
“เรย์?”
“ช่วยอย่ามายุ่งจะได้รึเปล่า!!?”
……….
“ฉันจะชนะเทพดาบแกนน่อน เคยบอกไปตั้งนานแล้วไม่ใช่รึไง แล้วทำไมกันเล่า ..ทำไมต้องมาขวางด้วย”
“แต่ว่า เมื่อกี้มัน”
ใช่ ถ้าไม่มาขวาง เรย์ได้ตายจริงๆแน่
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ..แต่ฉันจะก้าวข้ามมันให้ดู ต้องก้าวข้ามให้ได้สิถึงจะถูก กะอีแค่ก้าวข้ามความเป็นความตายยังไม่ได้ จะเอาอะไรไปชนะเทพดาบกัน ..ฉันจะต้องชนะ ต้องชนะให้ได้ ตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับคนๆนั้น—จะต้องชนะเท่านั้น”
เรย์ตั้งท่าดาบอีกครั้ง
“พวกนายสองคนไสหัวไปซะ! ฉันจะชนะให้ได้ด้วยพลังของตัวเอง อย่ามาขวางเชียวละ!”
“..เรย์”
“ช่วยไม่ได้แหละนะถ้าเจ้าตัวว่าอย่างนั้น”
สุดท้าย ยูจิกับหนิงก็ยอมถอยออกมาอยู่ข้างๆเวทีแทน เรย์ปรับลมหายใจใหม่อีกครั้ง พร้อมชี้ดาบใส่หน้าแกนน่อน
“ครั้งนี้แหละจะชนะให้ได้”
“ฟังคำเตือนของเพื่อนหน่อยก็ดีนะ”
“….”
“เด็กอย่างเธอนั้นโชคดีที่มีเพื่อนที่วิเศษขนาดนี้คอยอยู่เคียงข้าง การเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งเพื่อชีวิตของข้ามันไม่คุ้มหรอกนะ ..ต่อให้คนที่ชนะข้าคือเธอจริงๆ ข้าก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเลย ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปทั้งนั้น ..ตัวข้าก็ยังคงเป็นตัวข้าเหมือนเดิม”
แกนน่อนคนเดิมที่ยังติดอยู่กับความเจ็บปวด ..ยังคงผิดเพี้ยนเหมือนกับอดีตไม่เคยเปลี่ยน
ถ้าอย่างนั้นจะพยายามไปทำไมกันล่ะ? จะเสี่ยงชีวิต เสี่ยงในทุกๆอย่างที่เสี่ยงได้เพื่อชนะคนที่ต่อให้ชนะไป ตัวเองก็จะไม่ได้สิ่งที่ต้องการนั้นเหรอ? เกรย์อยากจะชนะแกนน่อน เผื่อว่าชีวิตของแกนน่อนจะเปลี่ยนไป แต่ว่ามันไม่มีทางเปลี่ยน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้นต่อให้แกนน่อนแพ้
ทุกอย่างที่ทำมันสูญเปล่านั้นเหรอ?
เอ๊ะ ..ทำไม
ทำไมต้องสู้กับแกนน่อนด้วยกัน
ไม่มีเหตุผลเลย
“…ทำไม..ทำไม..ทำ..”
‘จับดาบให้แน่นๆหน่อยสิ’
เกรย์ยืนอยู่ข้างๆเขา บางทีอาจจะเป็นเพียงภาพหลอนเท่านั้น เพราะแกนน่อนไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเลย
‘ถ้าแค่จับดาบให้แน่นๆยังไม่ได้ ก็ไม่อาจปกป้องใครไว้ได้หรอกนะ ลืมไปหมดแล้วรึไงเรื่องที่สอนน่ะ’
เสียงตำหนิของอาจารย์ทำให้จิตใจของเรย์สงบลง ..จะชนะไปเพื่ออะไร ได้เปลี่ยนเป็นจะทำยังไงเพื่อชนะ
แต่แรกเดิมที เหตุผลที่อยากจะชนะแกนน่อน เพราะเชื่อว่าหากชนะได้จะต้องปลดล็อคบางอย่างในจิตใจของแกนน่อนได้แน่ๆ ..แค่นั้น แค่เชื่อในสิ่งที่ยังไม่มีทางเกิดขึ้นก็จริง แต่มองอีกมุม เพราะยังไม่มีทางเกิดขึ้นนี่แหละ แกนน่อนก็คงไม่รู้ว่ามันจะรู้สึกยังไง
จะชนะไปเพื่ออะไร เหตุผลยังมีอยู่ แต่ที่ไม่มีตอนนี้คือจะทำยังไงเพื่อชนะต่างหาก
‘ทำยังไงเหรอ? แน่นอนอยู่แล้วสิ สำหรับคนอ่อนแออย่างพวกเราแล้ว–’
สำหรับผู้ต่ำต้อยอย่างผมแล้ว
“..แค่นาทีเดียวก็พอ”
เรย์ปักดาบมังกรเหล็กเข้าที่พื้น ศรีษะของมังกรปรากฏตัวขึ้ข้างหลัง จากนั้นก็กู่ร้องออกมาสุดเสียง
“ขอแค่เหนือกว่าเทพดาบได้แค่นาทีเดียวก็พอแล้ว!!”
‘ใช่แล้วละ นาทีเดียวก็มากพอจะตัดสิน คนอ่อนแอมักจะชนะคนแข็งแกร่งได้ในช่วงเวลาที่กาลเวลาถูกเผาไหม้’
ภาพหลอนของเกรย์ประสานมือเข้ากับด้ามจับดาบของบรามุนต์ ทั้งสองโพล่งออกมาพร้อมกัน
‘ “กลืนกินฉันซะ มังกรเหล็ก จากนั้นก็มอบพลังที่มากพอจะโค่นเทพดาบมาให้ซะ!!!” ‘
ศรีษะของมังกรเหล็กตอบรับ มันเขมือบร่างของเรย์เข้าไป กองเลือดอาบปากของมังกรเหล็กจากนั้นศรีษะก็พังทลาย โผล่ให้เห็นเพียงคริสตัลขนาดสองเมตรที่ค่อยๆทลายผนึกออกมา–เป็นนักดาบในชุดมังกรเหล็กสง่างาม
“ [เกร็ดมังกร]-[บรามุนต์] ”
“ออกมาจนได้นะ ..เกรย์นี่คือสิ่งที่ต้องการสินะ”
เทพดาบตั้งท่าดาบเป็นครั้งแรก สมาธิรวมกันที่จุดๆเดียว ..เทพดาบแกนน่อนเริ่มจะเอาจริงแล้วเหมือนกัน