< < 234 > >
ทะเลสีรุ้งคืออะไรกันแน่?
วินาทีที่นักรบทั่วทั้งจักรวรรดิได้พบกับคลื่นทะเลสีรุ้งที่พัดผ่านซากศพของ ‘ราชันย์มอนสเตอร์’ ‘ไฮดร้า’ ไปมา พร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งผู้หัวเราะไม่หยุดอยู่บนศพของไฮดร้านั้นก็อดจะตั้งคำถามเช่นนั้นไม่ได้
มหาสมุทรที่อันตรายที่สุดได้ถูกย้อมด้วยสีรุ้ง กลายเป็นทะเลสีรุ้ง สภาพอากาศบิดเบือนไปกับทะเลสีรุ้ง ร้อน หนาว ปะปนกันไปอย่างผิดธรรมชาติ ราวกับท้องทะเลได้ถูกย้อมให้เต็มไปด้วยปาฏิหาริย์สีรุ้ง พลังประหนึ่งพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าสิ่งใดก็บรรดาลให้กลายเป็นจริงได้
ณ วินาทีนั้น ทุกคนที่พบเห็นเหตุการณ์ได้กล่าวว่า โอลิเว่อร์คือเด็กหนุ่มผู้ถือกำเนิดมากับปาฏิหาริย์สีรุ้ง เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาแห่งการพิชิต
หากแต่รู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว–ความลับของทะเลสีรุ้งมิใช่โชคชะตา หากแต่เป็นการแล่นไปกับกระแสของโชคชะตา และควบคุมมันไว้ให้ได้ แต่ก็คงจะใช่อยู่อย่างหนึ่ง ตรงที่ว่า โอลิเว่อร์นั้นคือสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาเพื่อพิชิต กระทั่งโชคชะตา
****
ทะเลสีรุ้งคือพลังที่ใช้เพิ่มลดปริมาณ โอกาส คุณภาพ ได้ตามใจชอบแล้วแต่ปริมาณมานาที่อัดเข้าไป จะกล่าวว่าเป็นพลังคล้ายๆกับปาฏิหาริย์ที่บันดาลสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่จริงให้เป็นจริงขึ้นมาได้ก็ว่าได้ การจะเรียกมันว่าปาฏิหาริย์ไม่ใช่สิ่งที่แปลกเลยแม้แต่นิดเดียว
แสงศักดิ์สิทธิ์มากมายของมิคาเอลถูกทะเลสีรุ้งเข้าซัด พร้อมกับอีสเตอร์ช่วยสนับสนุนอีกที ทำให้ลำดังแค่พลังศักดิ์สิทธิ์ของทูตสวรรค์ไม่อาจจบเกมได้ง่ายๆ มีแต่ต้องรอให้พวกโอลิเว่อร์และอีสเตอร์หมดแรงไปเอง แล้วก็ไล่ต้อน ทว่าเวลามีไม่มากนัก ทั้งทางฝั่งมิคาเอล และมาเจลแล้ว—มีความจำเป็นต้องจบให้เร็วที่สุด
มิคาเอลจึงได้ดึงเอาอาวุธมากมายออกมาจากกระเป๋าเวทมนตร์ แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นคือสมบัติที่โอลิเว่อร์เคยเป็นผู้ครอบครองมาก่อน
[บังลังค์แห่งราชาผู้พิชิต]
[ผ้าคลุมราชันย์หมาป่า]
[มณีวิญญาณ]
มิคาเอลทิ้งตัวลงนั่งบนบังลังค์แห่งราชาผู้พิชิต และสวมใส่ผ้าคลุมราชันย์หมาป่า พร้อมกับมณีวิญญาณที่ลอยอยู่ข้างๆนั้นก็เปลี่ยนรูปไปเป็น–วงแหวนเวทย์ทั้งหมดสิบจุด อันเป็นตัวช่วยร่าย ทั้งสิบจุดนั้นเปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ของทูตสวรรค์ นั่นเป็นสัญญาณทำให้โอลิเว่อร์ และอีสเตอร์รู้ว่าการกระหน่ำยิงแสงศักดิ์สิทธิ์ของมิคาเอลตอนนี้มันกำลังทวีคูณขึ้นหลายเท่าตัว
บังลังค์ลอยฟ้าเคลื่อนที่–ด้วยความเร็วสุดจะจินตนาการ พร้อมกับแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งออกไปประหนึ่งการกระหน่ำยิงธนูนับหมื่นดอกด้วยทหารเป็นหมื่นรายพร้อมๆกัน
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“ตายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!”
มาเจลแหกปากร้องแบบเสียหมา อีสเตอร์เห็นท่าไม่ดีก็โยนผู้เป็นนายทิ้ง และกลับคืนสู่ร่างที่แท้จริงของตัวเอง—อสูรกายมรณะแห่งแดนนรกกินคน ‘ผู้กลืนกินมนุษย์’ ‘อีสเตอร์’ ปรากฏตัวอีกครั้ง ณ ที่แห่งนี้ สัตว์ประหลาดผู้กลืนกินโบกสะบัดหางพัดเอาแสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดลอยขึ้นฟ้า กระนั้นแรงระเบิดจากแสงศักดิ์สิทธิ์ต่อจากนี้ก็คงมากพอทำให้ทหารรอบๆเสียชีวิตได้ทุกคน โอลิเว่อร์เห็นท่าไม่ดีจึงดีดนิ้วเรียกเอาทะเลสีรุ้งขึ้นมาพัดเอาแสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดลงสู่พื้น อีสเตอร์เห็นก็ผสานงานพุ่งไปเขมือบทุกอย่างเข้าไปในท้อง
อรไกไกรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงร้องสุดบ้าพลังทำให้เผ่าพันธ์จากสวรรค์ล่วงลงสู่พื้นประหนึ่งแมงวี่ ทหารพวกเดียวกันบนพื้นหลายคนก็สลบจากเสียงข่มขู่นั่นอย่างช่วยไม่ได้
สิ่งมีชีวิตที่อยู่คนละมิติเดียวกับมนุษย์ โอลิเว่อร์วิ่งฝ่าฝูงชนตามพื้นไปดึงมาเจลขึ้นบนบ่า และใช้แรงที่มหาศาลไต่ตามร่างของอีสเตอร์ขึ้นไปยืนอยู่บันหัว โอลิเว่อร์โยนมาเจลลงพื้นจนมีเสียงกระดูกดังแอ๊ก จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะคลั่งยกใหญ่
“วะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!! เป็นไงล่ะ อีสเตอร์ของพวกข้า เป็งไงล่าอีสเตอร์ของนายเหนือหัวของข้า!! ไอเดียที่จะจับราชันย์มอนสเตอร์มาเป็นสัตว์เลี้ยงเนี่ยแม้แต่ข้าก็ยังคิดไปถึงเลยนะว่ามันจะทำได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ แล้วดันทำได้จริงๆอีกด้วยเว้ยเห้ย น่าสนุกสุดๆไปเลยใช่มั้ยล่ะ ภรรยาของข้า มิคาเอลคิดเห็นอย่างไรบ้างล่ะ!!?”
“..ที่สูง..อุก..จะอ้วก”
มาเจลที่เหมือนกับลูกไล่มากกว่านายเหนือหัวอุดปากตัวเองที่คลื่นไส้ได้ที่เอาไว้ ขณะเดียวกันลูกน้องโอลิเว่อร์ระเบิดเสียงหัวเราะ ลูกน้องอีสเตอร์ก็คำรามไม่หยุด สภาพดูไม่เห็นเหมือนว่ามาเจลจะเป็นหัวหน้าของสองคนนี้ได้ ..มิคาเอลหมดความสนใจในตัวมาเจล จากแต่เดิมที่ไม่มีอยู่แล้ว ตอนนี้เธอมองมาเจลราวกับไร้ตัวตนแทน จากนั้นก็หันไปให้ความสนใจกับอีสเตอร์แทน
มณีวิญญาณแปลงกายเป็นแว่นตา และสวมใส่ให้มิคาเอลโดยอัตโนมิติ มิคาเอลใช้แว่นตาจ้องอีสเตอร์ ข้อมูลความสามารถทุกอย่างผุดให้เห็นจนหมด นั่นทำให้มิคาเอลหงุดหงิดขึ้นมา
“..ชิ ”
ผู้กลืนกินมนุษย์ อีสเตอร์ มีความสามารถในการกลืนกินมานา และเปลี่ยนมาเป็นพลังให้แก่ตัวเอง นอกจากนั้นในกรณีที่ไม่สามารถกลืนกินได้ ผิวหนังของมันก็มีพลังในการทนทานมานามากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่มีทางที่จะสร้างความเสียหายให้มันได้แบบเข้าเนื้อ ..
ตัวปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่โอลิเว่อร์ แต่เป็นอีสเตอร์ที่ต่อให้ไม่มีการสนับสนุนจากทะเลสีรุ้งก็คงจะสู้กับเธอได้อย่างสูสีนับหลายชั่วโมง แน่นอนว่าอีสเตอร์มีพลังมากพอจะสร้างความลำบากทางการรบให้ในวงกว้าง หากต้องการอีสเตอร์ก็สามารถอาละวาดไปได้ทั่วทั้งสนามรบ และพวกทูตสวรรค์ระดับต่ำกว่าเธอ หรือวิญญาณระดับเทพตนอื่นก็อาจพลาดโดนอีสเตอร์ฆ่าทิ้งได้ไม่ยากเย็น
“น่ารังเกียจชะมัด”
มิคาเอลถอนหายใจเฮือกโต จากนั้นก็บินลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า กางปีกที่สง่างามออก จากนั้นก็ย้อมท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วย ‘พระอาทิตย์’ มิคาเอลเอ่ยคำร่ายออกมา
“มานาทั้งหลายทั้งมวลเอ๋ย จงฟังเสียงเรียกของข้า จงตอบรับเสียงเรียกของข้า และจงปรากฏร่างให้ข้าเห็นเสียที ถึงรูปร่างที่แท้จริงของเจ้า–จงตอบรับเจตจำนงศ์ของข้า ..มานาเอ๋ย จงแสดงให้ข้าเห็นถึงเพลิงวันสิ้นโลกที”
เพลิงคล้ายกับพระอาทิตย์ผุดขึ้นซ้อนทับกับดวงจันทร์ เปลวเพลิงทั้งหมดค่อยๆหมุนกันเป็นเกลียวแปลงเป็นร่างของปืนใหญ่สีแดงร้อนละอุ
“ [โนอาห์]-[คาโน่] (ปืนใหญ่วันสิ้นโลก)”
มาเจลเบิกตาโพลงกว้าง
“นั่นมัน ..เหมือนกับที่เรเซอร์มันเคยใช้”
“มหาเวทย์ ‘โนอาห์ คาโน่’ สินะ จะว่าไปก็เคยสอนให้มิคาเอลใช้ด้วยเหมือนกัน”
“ให้สมบัติไม่พอ ยังสอนวิชาอันตรายขนาดนั้นให้อีก แกนี่มันโง่จริงๆเลยโอลิเว่อร์”
“ช่วงนั้นตัวข้าต้องทำสงครามกับโลกทั้งใบน่ะครับ กำลังของมิคาเอลเลยเป็นสิ่งจำเป็น ..เพื่อให้เธอสามารถใช้ ‘มหาสุริยะ’ ได้ในยามค่ำคืน ข้าเลยสอนให้ใช้ โนอาห์ คาโน่ เป็น แต่มันก็ยากเกินไป ในกรณีที่ไม่ได้เข้าใจเรื่องเวทมมนตร์ขนาดนั้น เพราะอย่างนั้น ใช่เลยๆ”
โอลิเว่อร์ชี้ไปบนฟ้า
มิคาเอลได้เปลี่ยนสภาพของมณีวิญญาณให้กลายเป็น ‘มือของจอมเวทย์’ เพื่อให้สามารถใช้ โนอาห์ คาโน่ ได้ คนไม่มีความรู้เรื่องเวทมนตร์อย่างเธอจึงต้องยืมมือสิ่งอื่น โดยแลกกับมานาจำนวนมหาศาลของตัวเอง
โนอาห์ คาโน่ ค่อยๆเป็นรูปร่างขึ้นเรื่อยๆ
มาเจลแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แต่เหงื่อท่วมทั้งตัว
“จะปล่อยให้ทะลุผ่านมาไม่ได้”
“นั่นสินะ ถ้าสละชีวิตของอีสเตอร์ก็คงจะรอดไปได้อยู่นะ”
อีสเตอร์ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งเสียงขู่ใส่โอลิเว่อร์ ก่อนที่เจ้าตัวจะหัวเราะร่าพลางพูดว่าล้อเล่น ไม่เช่นนั้นเขาคงได้โดนเขมือบเข้าเป็นแน่
“เอายังไงต่อดีนะ ต่อให้สละชีวิตอีสเตอร์ไปผลกระทบก็คงยันไว้แค่ โนอาห์ คาโน่ ยังมีมหาสุริยะที่ต้องรับมืออีก ..แข็งแกร่งสมกับเป็นภรรยาของข้าจริงๆ นี่แหละนะ ภรรยาที่แท้จริงของราชาผู้พิชิตเช่นข้า”
“..เห้ย โอลิเว่อร์”
“ว่าไงรึนายของข้า?”
“ภรรยาของแกจะต้องตายที่นี่ แล้วบางทีแกเองก็อาจจะต้องตายไปด้วยเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับคำตอบของแกต่อจากนี้” มาเจลหรี่ตามองอย่างจริงจัง “โอเครกับข้อตกลงนี้มั้ย?”
“…อืม แล้วจำเป็นต้องถามด้วยรึ ข้าเป็นเพียงบริวารของมาเจลนะ ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงอะไรมากมายนักหรอก แน่นอนในฐานะคู่รักแห่งศตวรรษย่อมไม่อยากให้ใครคนใดคนหนึ่งพรากจากไป”
“แต่มันเป็นไปไม่ได้ ในฐานะราชาผู้พิชิตขี้ข้าของฉัน แล้วก็ทูตสวรรค์มิคาเอลที่เป็นศัตรูแล้ว”
มาเจลเปิดตากว้าง และพูดต่อโดยที่ดวงตาเปิดค้างเอาไว้
“ไม่มีคำปลอบใจใดๆให้แกทั้งนั้น ยังไงมิคาเอลต้องตาย แต่แกสามารถเลือกจะไม่ตายแล้วเดินตามฉันมาต่อได้โดยที่ทิ้งชื่อของราชาผู้พิชิตไปซะ”
“..หา?”
“ทิ้งไปซะชื่อกากๆอย่างราชาผู้พิชิต แล้วเดินตามหลังฉันมาต่อในฐานะโอลิเว่อร์ ก้าวผ่านซากศพของภรรยาที่แกรักซะ”
มาเจลลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผลโง่ๆที่เกิดจากการล้ม แต่แผ่นหลังดูใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ
“การจะเอาชนะมิคาเอลได้จำเป็นต้องให้แกสละชื่อของราชาผู้พิชิต
คนๆนี้ตั้งใจจะทำอะไรบางอย่าง แม้จะอ่อนแอ และโง่เขลา แต่ก็มักจะมีแง่มุมประหลาดผุดขึ้นตลอด ราวกับโอลิเว่อร์ที่แต่ก่อนมีประโยคพูดประจำใจอย่าง ‘เวลาแห่งการพิชิตมาถึงแล้ว!!’ อย่างไรอย่างนั้น
พอดีเลยที่โอลิเว่อร์ถูกใจกับช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก ทำให้เปลวเพลิงปะทุขึ้นกลางดวงใจของโอลิเว่อร์
“ตั้งใจจะบอกอะไรกันแน่นะ?”
“ตามฉันมาซะ โอลิเว่อร์!!”
มาเจลก้าวไปข้างหน้า และชี้นิ้วขึ้นฟ้า
“ฉันจะเด็ดปีกของมัน แล้วก็ฆ่ามันทิ้ง ส่วนแกก็ต้องทำใจมองดูภรรยาของตัวเองตายจากไป แล้วทำงานรับใช้ฉันคนนี้ต่อ!”
กล่าวจบมาเจลก็เข้าไปกระซิบข้างหูโอลิเว่อร์ในไม่กี่วินาที จากนั้น……โอลิเว่อร์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้มันได้แบบนี้เซ้นายของข้า มันต้องแบบเน้!!!!”
“ใช่มั้ยล่ะ ต้องแบบนี้ใช่มั้ยล่ะ ชักจะสนุกแล้วสิโว้ย!! ยังไงๆมันก็ต้องแบบนี้แหละละวะ!!”
“เอาเลย จะอะไรข้าก็ทำ ให้ทำอะไรข้าก็ทำ ช่วยแสดงให้ข้าเห็นมากกว่านี้ทีสิ ราชาของข้า!!”
“เออรู้แล้วน่า! เดินตามมาอย่าแตกแถวซะละ ไอขี้ข้า!”
มาเจลกับโอลิเว่อร์เป็นบ้าไปแล้ว อีสเตอร์ถึงกับเหงื่อตก
“เป็นอีกครั้งที่ท่านปลุกไฟในตัวของข้า!”
“เออดิ”
“เป็นทุกๆครั้งที่ข้าจะคลั่งแทบตายเพราะท่าน”
“เออสิวะ”
“เพราะอย่างนั้นมีหรือจะปฏิเสธ”
“ก็ต้องอย่างนี้สิวะ!”
มาเจลแสยะยิ้มราวกับหมาบ้า
โอลิเว่อร์หยิบเศษกระดาษขึ้นมา และลงมือบันทึกเนื้อหาเอกสารเข้าไปภายในนั้นด้วยทะเลสีรุ้งเล็กๆ จากนั้นก็โยนมันขึ้นไปบนฟ้า ส่งมันลอยไปหามิคาเอล—มิคาเอลซึ่งอยู่บนฟากฟ้า คว้าเอาจดหมายนั้นขณะที่อีกมือก็ใช้งาน โนอาห์ คาโน่ ไปด้วย
“…หืม?”
ทันทีที่เห็น ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ และมีรอยปูดยักษ์ผุดขึ้นบนศรีษะ
เนื้อหาในจดหมายก็คือ ‘ใบหย่า’ มิคาเอลฉีกมันทิ้ง และแหกปากดังลั่น
“โอลิเว่อร์ แก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ในที่สุดก็กลับมาโสดแล้วจ้า!!”
โอลิเว่อร์ดีดนิ้ว ทะเลสีรุ้งผุดขึ้นรอบๆ ทั้งหมดรอมกันเป็น— ‘โนอาห์ คาโน่’ โอลิเว่อร์เริ่มร่ายเวทย์พร้อมกับใช้ทะเลสีรุ้งช่วยเร่งสปีดให้ทันคำร่ายของมิคาเอล เพียงไม่นานก็ตามจนทันร
“มานาทั้งหลายทั้งมวลเอ๋ย จงฟังเสียงเรียกของข้า จงตอบรับเสียงเรียกของข้า และจงปรากฏร่างให้ข้าเห็นเสียที ถึงรูปร่างที่แท้จริงของเจ้า–จงตอบรับเจตจำนงศ์ของข้า!!!”
เปลวเพลิงมารวมอยู่ที่เหนือศรีษะของอีสเตอร์ เพลิงรูปปืนใหญ่
“มานาเอ๋ย จงแสดงให้ข้าเห็นถึงเพลิงวันสิ้นโลกที”
นี่คือคำกล่าวสุดท้ายข-
“ออกมาซะ [โนอาห์]-[คาโน่] !!!”
เปลวเพลิงหลอมรวมกันเป็นรูปร่างของปืนใหญ่วันสิ้นโลกในที่สุด–
“ไปตายซะ!!”
“เผาทุกอย่างให้เป็นจุนซะ!!!”
มิคาเอล และโอลิเว่อร์แผดเสียงร้องสุดเสียง พร้อมกับปลายปากกระบอกปืนใหญ่วันสิ้นโลกที่ลั่นออกมา
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! สองระเบิดเพลิงทำลายล้างอันบริสุทธิ์เข้าปะทะกัน
ไม่นานก็หักล้างกันเอง และระเบิดออก
สนามรบ ไม่สิ ..ทั่วทั้งทวีปแซร์อิซ ได้เกิดสั่นสะเทือนทั้งทวีป โดนเฉพาะที่แดนนรกกินคน ไม่ต่างกับการระเบิดครั้งใหญ่
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ทั่วทั้งสนามรบ ไม่เว้นตัวตนระดับสัตว์ประหลาดต่างหยุด และมองมาที่สิ่งที่เกิดขึ้น ชีวิตนับพันนับหมื่นลอยไปกับแรงสะเทือนอันบ้าคลั่ง ผู้คนมากมายตายจากเศษซากของบางสิ่งที่ลอยมา เพียงแค่สเก็ดเล็กๆน้อยๆจากการต่อสู้ ก็มากพอจะทำให้บางจุดสู้รบนั้นพังทลายลง
นี่น่ะเหรอ โนอาห์ คาโน่ นี่น่ะเหรอ ปืนใหญ่วันสิ้นโลก
เรเซอร์ ดราแคล์ ซึ่งกำลังต่อสู้อยู่กับวิญญาณระดับเทพตนอื่นมองสิ่งที่เกิดขึ้น และถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ
เท็งงุ เบ็นจิโร่ มีสีหน้าที่เคร่งเครียดหลังจากนั้น
ยูจิซึ่งสัมผัสได้จากนอกคัลเซเรมได้แต่ยิ้มแห้งๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ดิลุคและเอเธอร์เว้นช่วงไว้สามวิ ราวกับไว้อาลัย ก่อนจะสู้กันต่อ—และสุดท้าย มิคาเอลหลังจากที่ยิงปืนใหญ่วันสิ้นโลกไป มานาของเธอก็หมดสิ้น เธอไม่สามารถกางปีก หรือใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ได้อีกแล้ว ทว่า เวลานั้น ‘มหาสุริยะ’ ก็ปรากฏขึ้น
หอกแห่งพระอาทิตย์ปรากฏอยู่บนมือของมิคาเอล—เธอทิ้งตัว กางปีกควบคุมการแล่นลงพื้นของตัวเอง และตั้งท่ามหาสุริยะ—เปลวเพลิงที่ร้อนละอุนี้ทำให้เกิดแสงอาทิตย์ค้างไว้บนท้องฟ้า ความร้อนที่เกิดขึ้นราวกับว่าสามารถขับไล่วิญญาณออกจากร่างสิ่งมีชีวิตได้
มิคาเอลง้านหอกเต็มที่ และเข้าใส่กลางร่างโอลิเว่อร์ และคงจะทะลุผ่านอีสเตอร์ไปด้วย มหาสุริยะมีพลังพอจะทำลายทั้งสองอย่างทิ้งได้พร้อมๆกัน นอกจากนั้นทะเลสีรุ้งที่เป็นปัญหาเดียวก็ไม่มีอีกแล้ว โอลิเว่อร์มานาหมดแล้ว มันจบแล้ว—-โอลิเว่อร์หลับตายอมรับชะตากรรม ..ด้วยรอยยิ้ม?
………….
…………….
“..หา?”
ทะเลสีรุ้งปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันเข้าพัดทั่วทั้งร่างของอีสเตอร์ พร้อมกับผู้ใช้งานที่ยืนอยู่บนกระแสของสายน้ำแห่งโชคชะตา
ข้อผิดพลาเดียวของมิคาเอลก็คือ–การเมินเฉยต่อมาเจล
‘มาเจล’ ราชาแห่งโอลิเว่อร์และอีสเตอร์ ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในฐานะผู้ถือครอง ‘ทะเลสีรุ้ง’ คนใหม่
“ที่บอกว่าให้ทิ้งชื่อของราชาผู้พิชิตมันคือแบบนี้นี่เองสินะ ..นายของข้า”
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่มาเจลก็จะ–ปลุกไฟในตัวของโอลิเว่อร์ขึ้นมาได้เสมอ เหมือนกันกับครั้งนี้ที่–มาเจลได้พิชิตทะเลสีรุ้ง เหมือนกับที่ตัวเขาเคยทำในอดีต เช่นเดียวกัน บัดนี้ ราชาผู้พิชิตตนใหม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
ศักราชแรกของมาเจลก็คือการโค่นทูตสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด
มหาสุริยะพุ่งหมุนไปอัดเข้าร่างของมิคาเอล มันถูกทะเลสีรุ้งพัดสวนกลับ แทนที่จะทำให้ชีวิตของโอลิเว่อร์และอีสเตอร์จบลง คนที่จบลงดันกลายเป็นมิคาเอลแทน เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น พระอาทิตย์ก็ได้ดับลงพร้อมกับออร่าของมหาสุริยะที่เลืองลางไปตามธรรมชาติ เหลือเพียงแต่ตัวหอกที่ไร้แสงอาทิตย์ มิคาเอลล้มลงกับพื้น และกลิ้งไปมาหลายตลบก่อนจะหยุดนิ่งลง …ร่างกายมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่กำลังจะแผดเผาร่างไปจนหมด อีกไม่นานร่างของมิคาเอลจะกลายเป็นแค่ธุรี
กล่าวก็คือ มิคาเอลกำลังจะตาย เพราะมหาสุริยะของตัวเอง เธอได้แต่เอียงตัวมองมาเจลซึ่งยืนอยู่บนท้องฟ้าด้วยทะเลสีรุ้ง ราชาผู้พิชิตตนนั้นเงยหน้ามองฟ้าด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งจนผิดสังเกตุ โดยไม่รู้ตัว เธอเห็นภาพซ้อนทับของโอลิเว่อร์กับมาเจล
“..ทำไมต้องเป็นพวกแกตลอดด้วย”
ใบหน้าของมิคาเอลซีดเผือก ดวงตาสั่นไหวไปมา ปากเปิดกว้างและกัดเข้ากับริมฝีปากจนมีเลือดไหล ..โอลิเว่อร์กระโดดลงจากอีสเตอร์ และมาหยุดอยู่ตรงหน้าของมิคาเอล
“แบบว่าเวลาผ่านไปเร็วจริงๆนะ มิคาเอล”
“..ทำไมต้องเป็นแบบพวกแกตลอดเลย ..โอลิเว่อร์”
เป็นครั้งแรกที่มิคาเอลผุดสีหน้าอ่อนแอออกมา แต่นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่โอลิเว่อร์ได้เห็นสีหน้าเช่นนั้น โอลิเว่อร์ยิ้มพลางยักไหล่ และลงไปนั่งกองกับพื้นข้างๆมิคาเอล
MANGA DISCUSSION