เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 367
< < 225 > >
หญิงสาวตรงหน้าผมก็คือ ‘ยูนา’ ในวัยยี่สิบปีกลางๆ ก่อนหน้านี้เธอตวัดดาบด้วยความสง่างามสมกับเป็นเธอในทุกๆจังหวะ ดวงตาที่เฉียบคมนั่นดูอ่อนโยนเมื่อจ้องตาของผม ..เธอยืนนิ่ง ไม่นานก็ถอนหายใจออกมา และหยักไหล่ให้ผมด้วยท่าทางดูกวนๆ
ยูนา ..ยูนา ..ยูนา ยูนา ยูนา นี่ ยูนา ยูนา ยูนา ยูนา ยูนา!!!
ผมพยายามเรียกเธอในใจ แต่ไม่มีทีท่าว่าเธอจะได้ยิน อะไรบางอย่างได้ตัดขาดกันโดยสมบูรณ์ [ตัดมิติ]-[ถลายขีดจำกัด] ของผมถูกลบหายไปดื้อๆ ..พันธสัญญาระหว่างพวกเรามันไม่มีอีกแล้ว คำสัญญาระหว่างพวกเรา ผู้ใช้งาน และวิญญาณระดับเทพ ไม่มีอีกแล้ว คิดได้ดังนั้นผมก็หน้าซีดเผือก สติแทบจะหลุดออกไปจากร่าง เพราะอย่างนั้นเลยจะถูกเธอฆ่าเหรอ? ทำไมล่ะ ทำไมกัน ทำไมมันถึงได้ลงเอยอย่างนี้กันเล่า จริงๆแล้วยูนารังเกียจผมน่ะเหรอ? รู้สึกอยากฆ่าให้ตายมาโดยตลอดเหรอ? ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้
เรื่องบ้าอะไรกัน ไม่เข้าใจอะไรเลย—จนกระทั่งยูนาโพล่งขึ้น
“มาสเตอร์ ..อาจจะเข้าใจยากไปหน่อย แต่ว่า ..เหมือนว่าฉันจะสูญเสียสิทธิ์การควบคุมร่างกายไปเสียแล้วอย่างไม่ทราบสาเหตุ ให้พูดถึงสิ่งที่ร่างกายและสมองจะทำตอนนี้ก็มีเพียงแค่ การสังหารภัยคุกคามของสวรรค์ค่ะ” ยูนาหัวเราะพึมพำ “กระดากปากไปเสียหน่อย แต่ก็กลายเป็นเรื่องที่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำค่ะ นี่แหละที่น่ากลัว”
………
…..
โดนควบคุมนั้นเหรอ? โดยอะไร? แสงเมื่อสักครู่น่าจะเป็นคำตอบ
พอสันนิฐานว่ายูนาแค่ถูกควบคุม สติผมก็กลับมาเต็มร้อย เรื่องที่สติหลุดไปไกล เพียงเพราะโดนยูนาเกลียดแบบเมื่อครู่นี้ผมจะเก็บเงียบไว้ ไม่เอาไปบอกใครอย่างเด็ดขาด เพราะมันค่อนข้างน่าอับอาย
“เบลลามี”
“อือ เรารู้จัก นั่นคืออำนาจของ ‘เทพแห่งกฏเกณฑ์’ ‘รูล่า’ คาดว่าคนที่ถือครองน่าจะใช้มันแทรกแทรงกฏของวิญญาณระดับเทพ แล้วทำให้วิญญาณระดับเทพกลับมามีชีวิตได้ อย่างอื่นนอกจากนั้นเราไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่มีข้อมูล”
เงื่อนไขอะไรต่างๆนานาพวกเราไม่รู้ แต่ที่รู้ๆเป้าหมายของยูนาตอนนี้คือการฆ่าผม …อยากจะหัวเราะ
“ฮะๆๆ จะฆ่าฉันเหรอ คิดว่าทำได้รึไง” ผมชี้หน้ายูนา “คิดว่าลำพังแค่เธอจะเอาชนะฉันได้เรอะ”
“วัวลืมตีนสินะคะเนี่ย แค่พักนี้มีอะไรเป็นของตัวเองขึ้นมาหน่อยก็เริ่มลำพองใจ คิดว่าจะเอาชนะท่อน้ำเลียงหลักอย่างฉันได้นี่มันก็สุดจะบรรยาย แต่ก็พูดได้เพียงสมกับเป็นมาสเตอร์ดีนะคะ ไม่ได้น่ารังเกียจสำหรับฉัน แม้ว่ามันจะน่ารังเกียจในฐานะมนุษย์”
ด่ากลับซะผมหน้าหันเลยนะนั่น นี่แหละยูนาตัวจริงเสียงจริง อย่างน้อยๆจิตใต้สำนึกก็ไม่ได้โดนควบคุมไปด้วย
ผมหัวเราะแห้งสุดๆ ยูนาหัวเราะแห้งๆเลียนแบบ ก่อนจะเงียบลง และก้าวเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“มาสเตอร์ หากมั่นใจว่าจะชนะฉันได้ก็ช่วยชนะด้วยนะคะ ช่วยเอาจริง ทุ่มสุดตัวเพื่อเอาชนะฉัน แม้ว่ามันจะหมายถึงการฆ่าฉันให้ได้ไปในตัวด้วยก็ตาม” ยูนายิ้มให้ “ให้ฉันฆ่ามาสเตอร์ด้วยมือตัวเอง มันออกจะโหดร้ายไปหน่อยน่ะค่ะ”
…..
ไม่มีทาง ผมไม่มีทางฆ่ายูนา—ยูนาเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ
“ได้โปรด—ช่วยฆ่าฉันด้วยค่ะ”
“ไม่มีทาง!!”
ยูนากัดฟันกรามจนมีเสียงออกมา พร้อมกับพุ่งเข้าใส่ผมด้วยความรวดเร็วที่สุดจะน่าเหลือเชื่อ— ‘เอเธอร์’ แล้วก็ ‘ไรเดน อาคาสะ’ ความเร็วของยูนาอยู่ในระดับเดียวกับตัวตนข้างต้น ตัวตนที่ถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัย
ไม่มีการตัดมิติอีกต่อไปแล้ว ผมไม่สามารถเร่งการเคลื่อนไหวของตัวเองได้—กลับกัน คู่ต่อสู้ของผมคือผู้ใช้การตัดมิติ
วิถีดาบอีกไม่นานจะเหวี่ยงมาถึงตัวผม—คาดเดา
วิเคราะห์–สรุปออกมา!
คทาเวทย์ ‘เรลันดาฟ’ เปลี่ยนรูปทรงกลายเป็น [ดาบ] ผมเร่งสปีดตัวเองเหวี่ยงดาบไปทางทิศทางที่คาดเดาเอาไว้—แขนซ้ายของผมถูกตัดขาด ตามมาด้วยไหล่ขวาที่หากพุ่งตัวหลบไม่ทันผมจะสูญเสียแขนอีกข้าง
ยูนาปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าผม พร้อมด้วยดาบเกรดธรรมดาที่เธอน่าจะเก็บได้ตามพื้น
ทิศทางการเคลื่อนที่เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ แต่ผมตัดสินใจพลาดที่จะใช้ดาบตั้งรับ—ในฐานะนักดาบ ยูนาอยู่ในระดับที่ไม่ได้ด้อยกว่า ‘เทพดาบ’ เลย เธอถือว่าเป็นหนึ่งในเซียนดาบคนหนึ่งบนโลกใบนี้เลยด้วยซ้ำ การออกดาบ การเคลื่อนที่ชั่วพริบตา ทุกอย่างๆในฐานะนักดาบ เธออยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเทพดาบที่สุดคนหนึ่งด้วยซ้ำ ในบางแง่นั้น เหนือกว่า ‘ไรเดน อาคาสะ’ เสียด้วยซ้ำ
ควรจะรู้ตัวตั้งแต่แรกด้วยซ้ำว่าการแลกดาบกับยูนามันใช้ไม่ได้! ผมถอยหลัง เปลี่ยนฟอร์มเรลันดาฟอีกรอบ
วิหคอมตะพวยพุ่งออกมารักษาร่างกายผมจนสมูบรณ์ อึดใจเดียว ยูนาก็เข้ามาประชิดจะลงดาบใส่ผมซ้ำอีกครั้ง—
กลับไปใช้ [คทาเวทย์] ไม่ได้ ใกล้เกินไป ผมไม่มีความมั่นใจว่าจะดวลทักษะกับยูนาได้ อย่างที่เห็น ทักษะด้านการใช้อาวุธของยูนาห่างไกลกับผมคนละโลก ผมโดนตัดแขนโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้น
“ [โล่] !”
เรลันดาฟเปลี่ยนไปเป็นโล่ ดาบปะทะเข้ากับโล่จนหัก เพราะเป็นดาบธรรมดาด้วย
“ตัดสินใจได้ดีค่ะ”
หากใช้โล่ ผมจะปกป้องตัวเองได้ง่าย เพราะแค่หักไปทางทิศทางที่ถูกก็พอ แล้วก็ [เรลันดาฟ]-[โล่] มีคุณสมบัติพิเศษคือมันจะเบาหวิว แล้วก็มองทะลุจากข้างในได้อีก นอกจากนั้น-
“ [เฟรมบาสเตอร์] !”
เพลิงทำลายล้างพุ่งออกจากกลางโล่ ด้วยอานุภาพที่ไม่ได้ด้อยกว่าเก่าเลย แต่แลกกับการที่ผมจะร่ายได้แค่ทีละสี่บทเท่านั้น ต่างกับฟอร์ม [คทาเวทย์] แต่ก่อนที่ร่ายได้ถึงสิบบท
ยูนากระโดดหมุนตัว และคว้าเอาดาบตามพื้นขึ้นมา—
“[สะบั้น] ”
เพล๊ง!!! เฟรมบาสเตอร์มีรอยกระจกแตกเกิดขึ้น และสลายไปกับจังหวะดาบนับสิบครั้งในอึดใจเดียว
“จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายดีกันนะ ที่ตัวฉันดันโดนเรียกกลับมาในช่วงอายุที่แข็งแกร่งที่สุด”
เร็วมาก—ความเร็วในการใช้ตัดมิติมันมากกว่าผมตอนใช้ยูนาเสียอีก นี่สินะ ผู้ใช้งานตัดมิติตัวจริง
ยูนาโน้มตัวมาข้างหน้า และพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง
แต่ก็นั่นสินะ ยูนาเว้นระยะไปตามที่ผมต้องการแล้ว ถือว่ามูฟนี้ผมเป็นผู้ชนะ
“เบลลามี!”
“อือ”
เพลิงสีดำเข้าโอบทั้งผม และเบลลามีจากรอบๆ ยูนาเปลี่ยนเป้าหมายไปทิศทางอื่น และเว้นระยะห่างไปในตัว
‘เพลิงสีดำ’ มีความสามารถในการเผาผลาญระยะประชิดสูง ผิดกับเพลิงสีขาวที่สามารถใช้ตัดมิติฟันสวนแล้วหักล้างกันโดยตรงได้ เพลิงสีดำนั้นยากจะหักล้าง ด้วยอนุภาคทางมานาและโครงสร้างที่เข้มข้นกว่า ทำให้การใช้ตัดมิติเผชิญหน้าโดยตรงไม่ใช่ทางออกที่ฉลาดนัก
ผมกับเบลลามีส่งสายตาให้กัน ผมเปลี่ยนเรลันดาฟกลับไปเป็น [คทาเวทย์] ตามเดิม จากนั้นก็ชี้ปลายคทาเวทย์ไปข้างๆ เพลิงสีดำแยกตัวออกจากกัน
“ [ไอซ์เอดจ์] ”
ผมกระแทกปลายคทาเวทย์เข้าพื้น พร้อมขานเรียก
น้ำแข็งเกาะตามพื้นพุ่งขึ้นด้วยความรวดเร็ว—ทว่า ทุกอย่างไม่ทันจะไปถึงไหนก็โดนตัดมิติสลายทิ้งจนหมด ความเร็วการตัดมิติของยูนาของเธอน่าเหลือเชื่อชะมัด
ยูนาวิ่งเข้าใส่ผมอีกครั้ง โชคดีที่พอมีระยะให้หายใจอยู่ ผมเลยยกคทาเวทย์ขึ้นมา และใส่สุดแรงในระดับที่เชื่อว่ายูนาจะเอาตัวรอดได้
“ยูนา!!!!”
เป้าหมายคือถ่วงเวลา เพื่อวิเคราะห์ถึงทางออก—
****
ทั่วทั้งสนามรบเต็มไปด้วยความโกลาหลที่ทวีคูณมากยิ่งขึ้น การมาถึงของ ‘ไอน์’ ทำให้ทุกสถานที่บนสนามรบราวกับวันสิ้นโลก พายุโหมหลายสิบจุด และทอร์นาโดยักษ์หนึ่งจุดกลางสนามรบ นอกจากนั้นพื้นดินก็ถูกยก และแยกออกจากกันอย่างมหาศาล
ในแง่ของพลัง ไอน์นั้นด้อยกว่ายูนา และอลันอย่างแน่นอน แต่พลังของไอน์สามารถสร้างความวุ่นวายในวงกว้างได้มากกว่า โดยการควบคุมแรงโน้มถ่วงในระดับที่เหนือยิ่งกว่า ‘การาวิเทีย’ ไอน์ส่งเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง และพัดเอาชีวิตไม่ว่าจะเผ่าสวรรค์หรือปีศาจตามใจชอบ
หากให้พูด ไอน์คือตัวตนที่เด่นที่สุดในเวลานี้ มากกว่าใครๆ
“วะฮ่าๆๆๆๆๆ น่าสนุกจริงโว้ย!!”
หนิง และอังเฟกอร์ตั้งใจจะไปหยุดการอาละวาดของไอน์ไว้ให้ได้ ทว่าประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งมาขวางเอาไว้นับครั้งไม่ถ้วน
“เกะกะจริงๆ!”
“ให้ผ่านไปไม่ได้หรอก”
‘ทูตสวรรค์’ ‘กาเบรียล’ รั้งทั้งสองคนเอาไว้ด้วยกำแพงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเรื่องการอาละวาดของไอน์ และเรื่องของยูจิที่ต้องรับมือกับอลันและเอเธอร์พร้อมๆกันมันก็–ทำให้หนิงทนความหัวร้อนไม่ไหว เธอจึงระเบิดอารมณ์พุ่งเข้าใส่กาเบรียลทันที
“แก!!!”
เพลิงสีชมพูพุ่งเข้าใส่กาเบรียลอย่างบ้าคลั่ง และไม่ยับยั้ง เผลออีกที พายุเพลิงชมพูก็สร้างความเสียหายโดยรอบให้แก่พื้นดินไม่ได้น้อยไปกว่าไอน์เลย
อังเฟกอร์มองดูภาพที่เกิดขึ้น แล้วกุมขมับ
“ไอหยา อีแบบนี้จะทำยังไงดีนะ ตามไอน์ไปก็ใช่ว่าจะตามทัน ถึงไปถึงก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะหยุดได้ด้วยตัวคนเดียวด้วยสิ รั้งจะปล่อยไว้อาร์คเดม่อนโดนเล่นงานไปจนหมดก็ไม่ได้อีก ..”
“จะสนับสนุนเองขอรับ”
ชินพร้อมด้วยฟัฟนิร์กระโดดขึ้นมานั่งอยู่บนใบไม้เดียวกับอังเฟกอร์จากข้างหลัง
“เดี่ยว–” อังเฟกอร์สังเกตุเห็นใบหน้าของชิน และเงียบไป “..สู้ตายค่า!
ไม่ทันใดก็พบกับคนในโชคชะตาเสียแล้ว
“ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่รีบไปกันเถอะขอรับ”
“ค่า!! เพื่อหนุ่มหล่อสู้ตายค่า!! ช่วยรับเป็นเจ้าสาวด้วยนะค่า”
“เรื่องนั้น–”
ก่อนที่ชินจะได้ตอบปฏิเสธ อังเฟกอร์ก็คลั่งเร่งสปีดตรงไปหาไอน์
……
………
ไม่ไกลกันนัก
ตู้ม!!!!!!!
ยูจิ และอลันได้เข้าต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งทั้งสองผลักกันรุก และรับอย่างสูสี จุดสูงสุดของโลกในทุกๆศาสตร์ และการหักล้างที่ขยี้ทุกสิ่งจนเละได้คามือ การดวลหมัดต่อหมัดของสองคนนี้เปรียบเสมือนการระเบิดนับครั้งไม่ถ้วน
ขณะเดียว เอเธอร์ยืนดูการต่อสู้ของสองคนนี้อยู่ข้างสนาม ทั้งๆที่คนอื่นๆวอบวงเขาพากันวิ่งหนีตายกัน โชคยังดีที่มี เพื่อน? มารับชมด้วย
“แข็งแกร่งเป็นบ้า ..ที่สำคัญสูสีกันเกินไปแล้ว”
“ในบทสรุปยูจิจะชนะครับ แต่ก็คงไม่ได้ง่ายดาย”
เหตุผลที่ยังยืนอยู่เฉยๆกันทั้งคู่เป็น เพราะ–เอเธอร์ใช้มือจี้ที่คอของลิเวียธานอยู่
“แม้ว่าอลันจะเหนือกว่าในการสู้ระยะประชิด แต่นอกจากหักล้างแล้วก็ไม่มีอะไรที่อลันสามารถเอาชนะยูจิได้เลย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่ามันไม่มีอะไรแน่นอน”
“ก็จริงอย่างที่ว่านะ แต่แล้ว? ทำไมดิฉันต้องมาฟังคุณบ่นอะไรก็ไม่รู้ด้วยกัน เอเธอร์”
“คิดว่าถ้ายืนอยู่เฉยๆไม่พูดไม่คุยกัน มันจะสร้างบรรยากาศขุ่นเคืองใจเอาได้น่ะครับ”
“…จะฆ่าแกให้ดู ดิลุคและฉันจะฆ่าแกให้ดู ครั้งนี้จะแกแยกเป็นแปดส่วนเลย ไอบัดซบ”
“จะตั้งตารอนะครับ”
……….
“ฮึบ!”
ลิเวียธานทำท่าจะผลักเอเธอร์ออก พริบตาเดียว คอของเธอก็หลุดออกจากบ่า พร้อมกับร่างที่โดนเอเธอร์เคลื่อนตัวไปขยี้จนกลายเป็นเศษเนื้อ
ทว่า เศษเนื้อกลับล่องลอยไปกับอากาศ ..
“ภาพลวงตาแบบนี้ แอสโมเดียสสินะ”
ทันทีที่จับได้ ดวงตามหาปราชญ์เปล่งประกายขึ้นชั่วพริบตา เอเธอร์ทำท่าจะเคลื่อนที่ไปกระซากคอทั้งสองคนที่หนีไปได้ ทว่า–เพราะดวงตามหาปราชญ์ทำให้รู้ว่าตัวอะไรบางอย่างกำลังลอยลงมาจากท้องฟ้า เอเธอร์จึงเดินถอยหลังสามก้าว และตั้งรับ
“ตายซะ!!!!!!!!!!!!!!!!!”
‘ซาตาน’ ใน [เฟซ 3] พร้อมด้วยสัตว์อสูรมากมายดิ่งดาบทลายโลกาเข้าใส่เอเธอร์จากบนฟ้า เอเธอร์โค้งตัวก่อนจะถีบตัวเองสวนกลับ
—แคว้ก—
สัตว์อสูรทั้งหมดถูกกระซากคอจนขาด ซาตานเองก็ไม่พ้นที่จะโดนเล่นจนเละ แต่ว่าเพลิงคลั่งก็จับร่างที่โดนแยกออกจากกันกลับเข้าที่เดิม ซาตานหมุนตัวกลับมาเหวี่ยงดาบใส่เอเธอร์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอเธอร์เองก็ก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้า และเบี่ยงดาบทลายโลกาไปทางอื่นค้างไว้อย่างนั้น ด้วยเทคนิคมานาพิเศษของตนเอง
มือที่น่าจะโดนเผา สูทที่ไม่น่าเหลือกระทั่งซาก ทุกอย่างไม่ได้รับความเสียหายใดๆจากดาบทลายโลกาเลย
“ฉันไม่เข้าใจอะไรเลย! ไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น จู่ๆท่านจอมมารก็ไปร่วมมือกับศัตรู จู่ๆอะไรต่อมิอะไรก็โผล่มา!!”
“ลำลากแย่เลยนะครับ”
“และเพราะไม่รู้อะไรเลยนี่แหละ การเล่นงานเอเธอร์เลยง่ายที่สุด!! ขอโทษทีนะ!!!! แต่ถ้าจะโทษใครก็ไปโทษแอสโมเดียสที่ลากฉันมาที่นี่ซะนะ!!!!”
“จะทำอย่างนั้นนะครับ”
สมกับเป็นปีศาจแห่งโทสะ แหกปากโวยวายเสียทุกประโยค ..เอเธอร์ตอบรับซาตานอย่างไม่เต็มใจ ความร้อนเร่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ขนาดที่ทำให้ทุกชีวิตใกล้เคียงโดนเผาจนเหลือแค่กระดูก มีเพียงแค่ เอเธอร์ ซาตาน ยูจิ และอลัน เท่านั้นที่สามารถต่อสู้ได้ภายในพื้นที่ร้อนระอุแห่งนี้