< < 224 Sec4 > >
ย้อนเวลากลับไปเล็กน้อย—หลังจากที่ดิลุคเข้าปะทะกับมิคาเอลจนทำให้เกิดการกระจัดกระจาย
ยูจิด้วยความบังเอิญก็ได้ปลิวมาที่ที่เดียวกันกับเอเธอร์ ทั้งสองจ้องหน้ากันชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะโบกมือทักทายกันอย่างเป็นมิตร และพุ่งเข้าใส่กัน ก่อนจะสวนหมัดกันไปคนละหนึ่งที
คนที่เร็วกว่าก็คือเอเธอร์ หมัดอัดเข้าที่หน้าของยูจิเต็มแรง จงยูจิถึงกับลงไปทรุดกับพื้น
เหมือนว่ายูจิจะเป็นฝ่ายแพ้ แรงรวมถึงความเร็วของเขาน้อยกว่าเอเธอร์เล็กน้อย ทำให้เกิดผลลัพธ์อย่างนี้ขึ้น …กระนั้นก็ไม่ใช่การโจมตีที่น่าสนใจอะไร เพราะมันไม่แม้แต่จะทำให้ยูจิมีเลือดไหลออกมาจากปาก แค่ทำให้หัวชาหน่อยๆเท่านั้น
แน่นอนว่านี่คือการออกแรงสุดแรงของเอเธอร์แล้ว แต่แค่หมัดเดียวไม่สามารถทำอะไรยูจิผู้ถือครองจุดสูงสุดของโลกได้อยู่แล้ว
“ยังแข็งแกร่งสุดๆไม่เคยเปลี่ยนเลยนะครับ คุณเอเธอร์”
“ไม่หรอกครับ–”
พูดคุยกันสั้นๆ ทั้งสองก็เข้าปะทะกันอีกครั้ง การต่อสู้แลกหมัดกันของสองคนนี้ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับแรงสะเทือนของหมัดมันทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือนได้
****
ย้อนเวลากลับไปเล็กน้อย—บนท้องฟ้าได้ถูกย้อมด้วยหมอกสีขาว จอมมารดิลุคเผชิญหน้ากับทูตสวรรค์มิคาเอล เป็นอีกครั้งที่การต่อสู้ของทั้งสองได้สั่นสะเทือนโลกใบนี้
“คราวนี้นี่แหละจะตัดสิน”
“ฝันไปเถอะ”
ดิลุคลอยอยู่บนท้องฟ้าพร้อมด้วยมิคาเอล เปลวเพลิงเผาแสงศักดิ์สิทธิ์เสียจนหมด แต่ก็โดนทำลายกลับด้วย ‘อัสโตรเฟย์’ พร้อมสวนกลับด้วยหอกบนมือของมิคาเอล ‘มณีวิญญาณ’ ในรูปทรงของหอกยาว
อาวุธในรูปทรงของมณีวิญญาณทรงไปด้วยอานุภาพ เพลิงสีขาวหรือว่าเวทมนตร์ใดๆก็ไม่อาจหยุดวิถีการโจมตีไว้ได้ ดิลุคจึงต้องเอียงตัวหลบทุกการโจมตีแทนการโถมพลังเข้าใส่เหมือนทุกที เพราะเธอถูกจำกัดพลังโดย ‘อัสโตรเฟย์’
การกระหน่ำโจมตีของมิคาเอลทำให้ท้องฟ้าแยกออกจากกัน พลังทำลายล้างจากมณีวิญญาณในรูปทรงหอกมันมากขนาดนั้นเชียวละ
ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม !!!!!!!!!!!
“ให้ตายสิ สร้างเรื่องเก่งจริงๆ”
ดิลุคลอยตัวหนี เปลี่ยนทรงของเพลิงสีขาวเป็นลูกธนู จากนั้นก็กระหน่ำยิ่งเข้าใส่ มิคาเอลเหวี่ยงอัสโตรเฟย์เพียงครั้งเดียว เพลิงสีขาวก็สลายหายไปจนหมด เธอเร่งสปีดเข้าประชิดดิลุคในอึดใจเดียว และยิงแสงศักดิ์สิทธิ์อัดเข้ากลางร่าง
แสงวูบครึ่งหนึ่งจังหวะก่อนระเบิด ร่างของดิลุคปลิวไปกับแสงก็จริง แต่ก็ไม่มีบาดแผลใดๆทั้งนั้น–เธอดีดตัวออกมาได้ทัน
“ชิ!”
มิคาเอลบินตามไป และติดกับ— [ทวนสายฟ้า] บินฝ่าอากาศทะลุมาข้างหลัง
“—”
เธอเหวี่ยงหอกมณีวิญญาณ เบี่ยงเบนวิถีทวนสายฟ้า—และชั่วอึดใจเดียว ท้องฟ้าก็ดึงกึกก้องด้วยเสียงประหลาด พร้อมด้วยดิลุคที่เคลื่อนตัวหนี
ตั้งใจจะทำอะไรกัน? มิคาเอลพึมพำเบาหวิว “[คริสตัล] ” มณีวิญญาณเปลี่ยนร่างตามที่เธอปารถนา จากนั้นเธอก็บีบมันทิ้ง—-ท้องฟ้าสว่างไสว หมอกสีขาวถูกชำระล้างด้วยมณีวิญญาณ
พริบตาที่ทิวทัศน์สว่างขึ้น– [ทวนสายฟ้า] นับร้อยบทก็พุ่งเข้าใส่มิคาเอลในทุกๆทิศทาง มิคาเอลหัวเราะในลำคอ ก่อนที่ [บังลังค์แห่งราชาผู้พิชิต] จะบินผ่านมารับมิคาเอลขึ้นไปนั่ง ทวนสายฟ้าทุกๆบทพลาดเป้า ชนเข้าหากันเอง และระเบิด
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
มิคาเอลยืนอยู่บนบังลังค์แห่งราชาผู้พิชิต เธอบนบังลังค์แห่งราชาผู้พิชิตพุ่งตรงไปหาดิลุคเพียงพริบตาเดียว
“ [ดาบเปลวเพลิงx10] [หอกวารีx10] [ขวานปฐพีx10] ”
การร่ายเวทมนตร์พร้อมกันสิบบทแบบย่อๆ เทคนิคพิเศษที่มีแค่ดิลุคคนเดียวทำได้บนโลกใบนี้ ทุกอย่างที่เธอปารถนาปรากฏตรงหน้าตามที่สั่ง ดิลุคควบคุมเวทมนตร์ทั้งสามสามสิบบทโดยการดีดนิ้ว
ดาบเปลวเพลิง หอกวารี และขวานปฐพี ชี้เข้าใส่มิคาเอล และพุ่งออกไป—มิคาเอลควบคุมบังลังค์แห่งราชาผู้พิชิต บินหลบผ่านการโจมตีทั้งหมดอย่างง่ายดาย พร้อมกันนั้นดิลุคก็ดีดนิ้ว
“ [เฟรมบาสเตอร์] ”
เพลิงทำลายล้างขั้นบรรลุพวยพุ่งออกมาในปริมาณที่มหาศาล มิคาเอลหาว และคว้าเอา [ผ้าคลุมราชันย์หมาป่า] ออกมาสวมใส่—-เธอบินผ่านเฟรมบาสเตอร์ได้ง่ายๆ ด้วยผ้าคุลมราชันย์หมาป่าซึ่งสามารถต้านทานความเสียหายทางเวทมนตร์ได้มหาศาล ระดับที่เฟรมบาสเตอร์ไม่แม้แต่จะทำให้เกิดรอยไหม้
กล่าวได้ว่าการโจมตีที่สามารถทะลุผ่านผ้าคลุมราชันย์หมาป่าได้นั้นจำเป็นต้องเป็นการโจมตีระดับ ‘มหาเวทย์’ อาทิเช่น [โนอาห์คาโน่(ปืนใหญ่วันสิ้นโลก)] เท่านั้น
มณีวิญญาณลอยกลับมาอยู่ข้างตัวเธออีกครั้ง มิคาเอลยิ้มและขยี้มันให้กลายเป็นหอก—บังลังค์แห่งราชาผู้พิชิตพุ่งผ่านชนเข้ากับดิลุคจังๆ ร่างเล็กๆขาดเป็นสองส่วน และหลอมรวมกลับเข้ามาใหม่ได้อีกครั้ง
“หืม?” ดิลุคหมุนตัวหลบ
ไม่มีเวลาแม้แต่จะหายใจ แขนของดิลุคก็ถูกแยกออกด้วยหอก และหากหลบไม่ทันร่างก็ไม่พ้นจะโดนผ่าเป็นสองซีก แขนที่ขาดไม่สามารถหลอมรวมได้
“ของที่ยืมมาจากคนรักสุดยอดไปเลยนะ”
“ไม่จำเป็นต้องไปพูดถึงคนๆนั้นหรอก”
อัสโตรเฟย์บนมือของมิคาเอลส่องสว่าง พลังในการแยกส่วนนั้นทำให้แขนของดิลุคหลุดจากร่างไปโดยสมบูรณ์ชั่วขณะหนึ่ง ดิลุคแสยะยิ้มมุมปาก เปลวเพลิงสีขาวพวยพุ่งออกมาจากร่างอีกครั้ง คราวนี้อัสโตรเฟย์ก็ได้เปลี่ยนวิถีการควบคุม จากแขนข้างที่ขาดมาเป็นเพลิงสีขาวแทน
แขนของดิลุคจึงงอกกลับมาอีกครั้ง เธอใช้แขนที่พึ่งงอกมาใหม่ชี้ไปทางมิคาเอล หลากหลายเวทมนตร์พุ่งเข้าใส่ประหนึ่งจรวด มิคาเอลใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ยิงทะลุผ่านทุกเวทมนตร์
แสงศักดิ์สิทธิ์อันเปรียบเสมือนกับเวทมนตร์ของเหล่าทูตสวรรค์นั้นมีพลังทำลายในระดับ ‘เวทมนตร์ขั้นบรรลุ’ เป็นอย่างต่ำ และสามารถปรับเปลี่ยนความรุนแรงได้ ซึ่ง ต่ำสุดก็คือเวทมนตร์ขั้นสูง และสูงที่สุดก็คือเวทมนตร์ขั้นบรรลุ ในชั้นเดียวกับเวทมนตร์ขั้นบรรลุที่มีพลังทำลายล้างสูงที่สุด ประหนึ่งเดียวกับ เวทมนตร์ตระกูล [บลาสเตอร์] เพียงแต่เป็นแสงที่มีความรวดเร็วสูงด้วยเช่นกัน มันจึงเปรียบเสมือนเวทมนตร์ขั้นบรรลุที่เร็วที่สุดก็ไม่ปาน—ไม่มีทางที่เวทมนตร์ครึ่งๆกลางๆจะทำอะไรได้
เป็นดังนั้น เพลิงสีขาวจึงผุดขึ้นมาอีกครั้งเพื่อทำลายแสงศักดิ์สิทธิ์ แต่นั่นคือความต้องการของมิคาเอล
มิคาเอลเข้าประชิดในอึดใจเดียวโดยการเร่งสปีดของบํงลังค์แห่งราชาผู้พิชิต เธอเหวี่ยงอัสโตรเฟย์เข้าใส่ดิลุคในระยะเผาขน หากเรียกเก็บเพลิงสีขาว ก็จะถูกประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ลงโทษ หรือหากรับอัสโตรเฟย์ตรงๆก็จะจบด้วยการที่ร่างโดนแยกเป็นสองส่วนและไม่อาจกลับมารวมเป็นหนึ่งได้อีก
ดิลุคถูกไล่ต้อนด้วยสารพัดอาวุธทลายโลกา และอำนาจของทูตสวรรค์ระดับมิคาเอล ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ทูตสวรรค์
การจะพ่ายแพ้ให้แก่มิคาเอลไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร
“—ตายซะ!”
“ไร้สาระ”
หากว่านี่ไม่ใช่ ‘จอมมาร’ ละก็–วิถีดาบถูกหยุดไว้ด้วยมือเปล่า
“…เทคนิคเดียวกับท่านเอเธอร์ ..นี่แก!”
“ใช่ว่าจะนั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆเสียหน่อย ถึงจะไม่เท่าก็เถอะ แต่ก็—ฮึบ”
ดิลุคเหวี่ยงอัสโตรเฟย์ไปทิศทางอื่น จากนั้นก็อัดเวทมนตร์เข้าที่กลางหน้าท้องของมิคาเอล
“อึก!!!”
เวทมนตร์รามไปถึงแขน—แขนของมิคาเอลระเบิดออก อัสโตรเฟย์หลุดออกจากมือ ดิลุคอาศัยจังหวะนั้นคว้าเอาอัสโตรเฟย์ไว้บนมือของตัวเองแทน
“ [ดาบประกายแสง] ”
“คึก—-”
แม้จะพยายามหลบให้พ้น แต่ก็ไม่ทัน บังลังค์แห่งราชันย์ผู้พิชิตถูกผ่าเป็นสองส่วน ตามด้วยปีกของมิคาเอลที่โดนตัดหลังจากตัดสินใจจะหันหลังหนี—อำนาจของอัสโตรเฟย์ทำให้ปีกไม่สามารถกลับมาเหมือนเก่าได้
ในชั่ววินาทีเดียวก่อนที่ดิลุคจะลงดาบสังหารมิคาเอลซ้ำ—แสงสีขาวก็ได้พุ่งผ่านมิคาเอลไป ทูตสวรรค์ ‘ราฟาเอล’ ปรากฏตัวมาช่วยเหลือมิคาเอลได้ทันเวลาพอดี
“เกือบไปแล้วนะ”
ราฟาเอลหิ้วร่างของมิคาเอลไว้บนบ่า จากนั้นเธอก็ใช้มืออีกข้างกระหน่ำยิงประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง อย่างน้อยๆก็เพื่อเบรคไม่ให้ดิลุคตามมาได้
ตามที่คาดหวังเอาไว้ ดิลุคเลือกจะไม่บินตาม เธอเรียกเพลิงสีขาวมาทำลายทุกการโจมตี และวิเคราะห์จากระยะปลอดภัย
“ประมาทไปนะคะ ท่านมิคาเอล”
“..โธ่เว้ย ..”
“แค่นั้นไม่พอ อัสโตรเฟย์ยังโดนชิงไปอีก แถมยังอยู่ในมือของจอมมาร..ปัญหาใหญ่เลยนะคะนั่น”
“ไม่ต้องห่วง ..ตัวเราจะจัดการทุกอย่างเอง”
“ยังไง?”
มิคาเอลผลักราฟาเอลออก กระนั้นราฟาเอลก็ยังดึงเอาไว้ไม่ให้หลุดมือไป ไม่อย่างนั้นมิคาเอลได้ดิ่งลงพื้นแน่นอน
“เร็วเกินไปก็จริง แต่จะใช้สิ่งนี้ ..”
สิ่งนี้?
ดิลุคเงี่ยหูฟังและได้ยินทุกบทสนทนา สิ่งนี้ที่ว่าหมายถึงอะไร? แม้จะไม่เข้าใจว่าพูดถึงอะไร แต่ดิลุคก็ตัดสินใจพุ่งเข้าใส่โดยทันที ทว่าจู่ๆรอบตัวของมิคาเอลก็เกิดกำแพงอากาศขึ้น ทำให้เธอเข้าไปใกล้ไม่ได้ พอสังเกตุดูก็พบว่ามิคาเอลพึ่งจะบีบอะไรบางอย่างจนแตกไป
ครั้นจะใช้อัสโตรเฟย์ หรือเพลิงสีขาว—ก็ไม่อาจผ่านไปได้อีก
“สมกับเป็นคนที่วิ่งเล่นอยู่บนโลกใบนี้มาหลายล้านปี มีของเล่นหลากหลายดีจริงๆนะ”
“..อันนี้ของใช้ครั้งเดียวแล้วหมด จริงๆมันไม่ควรถูกเอามาใช้ เพราะเรื่องไร้สาระอย่างนี้ด้วยซ้ำ!”
“จะบอกว่าตัวเราไม่มีค่าพอนั้นสินะ น่าสนใจจริงๆว่าอะไรทำให้มั่นใจอย่างนั้น–”
แสงสีทองปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า หมอกควันสีขาวทั้งหมดถูกลบหายไปจากบนฟ้า ก้อนเมฆรวมถึงพระอาทิตย์ได้ถูกลบหายไปจากทิวทัศน์บนฟากฟ้า เหลือเพียงแค่แสงสีทองซึ่งเป็นตัวแทนอำนาจของทวยเทพ
มิคาเอลไม่เจรจาหรือพูดคุยใดๆ เธอตัดสินใจเร่งลงมือทันที
“โปรดให้ยืมอำนาจของท่านด้วย ‘ท่านรูล่า’ ”
ชื่อของ ‘เทพแห่งกฏเกณฑ์’ ‘รูล่า’
ทันทีที่ชื่อนี้ปรากฏใบหน้าของดิลุคก็เปลี่ยนสี เธอเรียกเพลิงสีขาวอัดเข้าใส่ช่องว่างอากาศที่ไม่มีวันผ่านไปได้
“—โปรดมอบกฏให้แก่โลกใบนี้อีกครั้งด้วยเถิด”
มิติสีทองปรากฏขึ้นข้างๆมิคาเอล พร้อมด้วยแขนสีขาวที่ยื่นเอาคันธนู และลูกศรสีทองมาให้ มิคาเอลคว้าเอาทั้งสองสิ่งมาไว้ในกำมือ จากนั้นก็ตั้งท่ายิงอย่างรวดเร็ว
“.. [กฏแห่งวิญญาณระดับเทพ]”
มิคาเอลเริ่มง้านการยิง—
“.. [จงเปลี่ยนแปลง] .. [ชีวิตที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม] .. [ศรัธทาเสีย] .. [จงศิโรราบต่อสวรรค์] ” มิคาเอลโพล่งเสียงดัง “ [จงหวนคืนเหล่าตำนาน] !”
ศรสีทองพุ่งออกจากปลายคันธนู ดิลุคเคลื่อนตัวหมายจะไปหยุดไว้ให้ได้ แต่สิ่งนั้นก็ทะลุไปด้วยความเร็วที่เหนือยิ่งกว่าแสง ไม่สิ อาจจะเหนือยิ่งกว่ากาลเวลานับล้านๆปีก็เป็นได้ เพราะมันคือ ‘การเปลี่ยนแปลงกฏของโลก’
“–ไม่ทัน”
เบื้องล่าง การต่อสู้ขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้น เหล่าสัตว์ประหลาด ทูตสวรรค์ ปีศาจมหาบาป ผลงานที่ล้มเหลวของทวยเทพ จอมมารแห่งจุดเริ่มต้น จอมมารแห่งจุดสิ้นสุด หรือกระทั่งกฏที่แข็งแกร่งที่สุดก็ต่างหยุดนิ่งให้กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ….
ศรปักเข้าที่พื้น
โลกได้ถูกย้อมด้วยสีทองเป็นเวลาทั้งหมดสามวินาที—
****
เอเธอร์ และยูจิแลกหมัดเข้าใส่กัน—-
ตู้ม!!!!!!!!!!!!! เสียงแลกหมัดที่ราวกับระเบิดลง ทั้งเผ่าพันธุ์จากสวรรค์ และอาร์คเดม่อนที่มาขวางต่างพากันปลิวไปคนละทิศคนละทาง หากจะมีคนที่อยู่รอดจากแรงปะทะนี้ได้ก็เหลือเพียงแค่ตัวตนระดับสูงอย่างปีศาจมหาบาปเท่านั้น
ลิเวียธานวิ่งอยู่รอบการต่อสู้ของทั้งสองคน
“นายคนนั้น เพื่อนของดิลุคไม่ใช่รึไง? ช่วยออมแรงหน่อยจะได้รึเปล่าคะ? พวกพ้องของทางดิฉันมันปลิวไปหมดแล้ว”
“คุณลิเวียธานสินะครับ คือว่านะครับ–ขอโทษด้วยนะครับ คุณเอเธอร์เขา แรงเยอะเกินไป ถ้าออมมือจะไม่ไหวเอา”
ตุ้ม! ตุ้ม! สองหมัดแย็ป และ ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! หมัดสุดท้ายที่แรงที่สุด
มือจากแขนเทียมวารีไม่อาจทนแรงได้ไหว สุดท้ายก็ระเบิดออก ทำให้ยูจิเหลือแค่แขนเดียว ซึ่งไม่มีทางแลกหมัดชนะ
ยูจิกระโดดถอยออกมา และสร้าง [ดาบแห่งแสง] ออกมาตวัดเป็นจังหวะดาบ ทว่าทั้งหมดก็โดนเอเธอร์อ่านออก และฟันสวนเข้าที่หน้าท้อง ยูจิเกร็งกล้ามเนื้อ วิถึดาบไม่อาจผ่านร่างกายของยูจิไปได้ เอเธอร์ยิ้มเบาหวิว และถูกยูจิเตะสวนเข้ากลางหัว ร่างของตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดปลิวไปกับพื้นดินได้สองตลบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไร้บาดแผล และฝุ่นดินตามพื้น เอเธอร์หันหน้ามาหายูจิ ….หืม?
สมาธิในการต่อสู้ของทั้งสองถูกดึงไปจนหมด ไม่ว่าจะยูจิหรือเอเธอร์ก็พากันหันหน้าไปในทิศทางเดียวกันอย่างไม่ทราบสาเหตุ ลิเวียธานพึ่งจะรู้สึกตัวทีหลังก็หันตามไปมอง
“..คุณดิลุค? กับคุณมิคาเอล?”
“ปฏิกิริยาทางมานานี้มัน… ‘รูล่า’ สินะ” เอเธอร์ยิ้มมุมปาก “ยูจิ ขอเตือนว่าให้ระวังหลังนะครับ”
ระวังหลัง? วินาทีที่ถูกเอเธอร์เตือน ทั่วทั้งโลกก็ได้ถูกปกคลุมด้วยแสงสีทอง …. 3 วินาที ผ่านไป แสงสีทองก็ค่อยๆเลืองหายไปจากโลกจนกลับมาเป็นโลกตามปกติ เพียงแต่ ….ยูจิหันหลังกลับไป และพบกับมนุษย์ร่างใหญ่ยักษ์สูงกว่าสองเมตร
มนุษย์ผู้ชายผิวสีน้ำเงินเข้ม มีทั้งหมดสี่แขน ร่างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ สวมใส่กางเกงสีขาวบาง และเครื่องประดับทองคำมากมายตามตัว มีเลือนผมสีดำยาว และดวงตาสีน้ำตาลดูอ่อนโยน
“…”
ใบหน้านี้ยูจิรู้จักดี—
“ ‘อลัน’ ?”
วิญญาณระดับเทพภายในตัวของยูจิ ‘สัตว์ประหลาดแห่งแดงสวรรค์’ ‘อลัน’ ..ผู้ถือครองการหักล้างทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้
“ไม่ได้พบกันนาน ..แล้วก็ขอโทษนะ ยูจิ”
อลันยกมือขึ้น ทำการฉีกกระซากอากาศขณะที่ยูจิยังยืนอึ้งอยู่ ยูจิลืมถึงความสามารถของอลันในเวลานี้—-เพราะอย่างนั้นเลยพลาดเข้า
ร่างของยูจิ—ถูกกระซากด้วยการหักล้าง
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
รู้สึกสึกตัวอีกทีได้ด้วยความเจ็บปวด ร่างถูกบิดไปคนละทาง และกลิ้งไปกับพื้น ..เลือดพุ่งออกจากปากของยูจิ ยูจิตั้งสติ รักษาตัวเองด้วย [ฮิล] จนหายเป็นปริดทิ้ง และลุกขึ้นยืนในสภาพที่เสื้อผ้าท่วมด้วยเลือด
“…” ยูจิไม่พูดอะไร วิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดอย่างใจเย็น แต่สุดท้ายก็- “ทำไมกันครับ!? อลันที่เป็นวิญญาณระดับเทพไม่มีทางปรากฏตัวบนโลกใบนี้ได้ด้วยกายเนื้อไม่ใช่รึไงครับ!?”
อลันทำท่าจะพูด แต่สุดท้ายก็ไม่พูด ทั้งยังเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ..เอเธอร์เห็นอย่างนั้นเลยตัดสินใจพูดแทน
“เพราะถูกรูล่าเรียก พูดให้ถูกก็คือโดนมิคาเอลใช้งานอีกทีนี่แหละครับ”
“เทพแห่งกฏเกณฑ์ ..อย่าบอกนะว่า”
“กฏบนโลกใบนี้ถูกเปลี่ยนแปลงเข้าให้แล้วละครับ ทั้งยัง—เป็นกฏแห่งวิญญาณระดับเทพเสียอีก”
……
“…หา?”
พื้นดินสั่นสะเทือนอีกครา ไม่ใช่ด้วยฝีมือของยูจิ เอเธอร์ หรืออลันผู้มีพลังมากพอจะทำ แต่เป็นเพราะ ‘วิญญาณระดับเทพ’ อีกตนที่อยู่ไกลออกไป
“นอกจาก ‘อลัน’ ก็มี .. ‘ไอน์’ ผู้ทำพันธสัญญากับการ์ปสินะครับ”
ตามที่คาดเอาไว้ พื้นดินรวมถึงต้นไม้ในบริเวณใกล้เคียงกับที่การ์ปตาย ‘ไอน์’ ชายแก่ร่างเล็กในชุดนักมายากลปรากฏตัวอีกครั้งบนท้องฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างบริเวณใกล้เคียงโดนยกขึ้นด้วยอำนาจของตัวเขาเอง อยู่ไกลมากก็จริง แต่ก็สังเกตุได้เลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเคลื่อนมาทางสนามรบโดยมีไอน์เป็นตัวนำ
ยูจิหน้าซีดเผือก ก่อนพึมพำออกมา
“..คุณเรเซอร์”
****
บนฟากฟ้า มิคาเอล ราฟาเอล กำลังเผชิญหน้ากับจอมมารดิลุค
“..เอาจนได้สินะ อำนาจของรูล่าที่เก็บสะสมมาตลอดหลายล้านปี มีไว้เพื่อการณ์นี้นี่เอง ..แย่งชิงกฏที่เราสร้างขึ้นมาเป็นของตัวเอง และบิดเบือนมันเสียยกใหญ่ ชั่วร้ายสมชื่อทูตสวรรค์เลยนะ” ดิลุคถอนหายใจ “เพียงเท่านี้ ‘วิญญาณระดับเทพ’ ทุกตนนอกจากเรา ก็จะอยู่ภายใต้คำสั่งของสวรรค์”
……..
[กฏแห่งวิญญาณระดับเทพ]-[จงเปลี่ยนแปลง]-[ชีวิตที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม] -[ศรัธทาเสีย]-[จงศิโรราบต่อสวรรค์]-[จงหวนคืนเหล่าตำนาน]
ดังประกาศิตของทวยเทพแห่งกฏ
“จากนี้ไป ศัตรูของพวกเราจะกลายเป็น—-วิญญาณระดับเทพทุกตน”
****
(มุมมอง เรเซอร์)
แสงสีทองวูบขึ้นราวสามวิ ก่อนจะดับลง
ตรงหน้าผมยังมีผู้กล้าที่ก้มลงกราบอยู่ ข้างๆผมยังมีเบลลามีอยู่ ..นอกจากนั้นยังมีคนอื่นอยู่อีก
ไม่ไกลกันนัก
หญิงสาวผู้มีดวงตาสีม่วง เช่นเดียวกันกับเลือนผม ผมของเธอถูกมัดเอาไว้เป็นไซด์โพนี่เทล ให้อธิบายตามที่เห็นมันไม่ได้ดูน่ารักตามชื่อทรงผม แต่ดูเท่เสียมากกว่า ชุดที่เธอใส่เป็นชุดของโรงฝึกดาบสีขาวดำตามที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยรวมเธอคือผู้หญิงที่สวย และดูดีเอามากๆ ทว่า ..สิ่งที่ต้องให้แปลกใจดันไม่ได้มีแค่นั้น
ผมรู้จักเธอดี แน่นอน เคยเห็นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน—แต่ก่อนจะได้เอ่ยทัก วิถีดาบที่ย้อมด้วยแสงสีม่วงก็พุ่งตรงเข้าใส่ผม อาจจะเพราะตกใจมากเกินไป ทำให้ผมมีสติไม่ครบ และตั้งตัวไม่ทัน ไม่มีทางหลบได้
“เรเซอร์!”
เพลิงสีดำเข้าแยกผมกับวิถีดาบนั้นออกจากกัน เพราะโดนผลักออกโดยเพลิงสีดำ ทำให้ผมตั้งสติไปคว้าตัวเบลลามี และพุ่งออกจากวิถีดาบต่อจากนี้ได้ทัน—อากาศถูกสะบั้นเสียจนเละเทะ ทั่วพื้นดินและท้องฟ้ามีประกายแสงสีม่วง และกระจกที่แตกออกปรากฏขึ้น
ปรากฏการณ์นี้เองผมก็รู้จักดี เพราะเคย ‘ใช้’ มันมากมายนับครั้งไม่ถ้วน
ผมกัดฟันกรามแน่น และเอ่ยออกมาสุดเสียง
“ยูนา!!!!”
วิญญาณระดับเทพของผม ‘วีรสตรี’ ‘ยูนา’ ผู้ถือครองการตัดมิติ บัดนี้วิถีดาบของเธอได้ชี้มาทางผมอย่างไม่ทราบสาเหตุ
MANGA DISCUSSION