เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 356
< < 220 > >
“…ตายยากตายเย็นจริงๆนะ แกน่ะ”
“อาจจะเป็นเพราะว่าตัวข้านั้นเหนือยิ่งกว่าความตาย ..ไม่ใช่หรอก ข้าแค่ชนะเดิมพันก็เท่านั้น กลับคืนสู่ต้นกำเนิดของตัวเอง โดยการอาศัยการกระตุ้นจากภายในร่างกาย และทันเวลาพอดีก่อนที่จะตาย ..ทูตสวรรค์สินะ ท่านทำให้ข้านึกถึงเรื่องที่ทั้งดี และไม่ดีหลายๆอย่างขึ้นมาได้มากมายมิใช่น้อย” ลูซิเฟอร์เด็ดปีกสีขาวออกมา และยิ้ม “เทวดาตกสวรรค์คือการปฏิเสธการเป็นข้ารับใช้แก่ทวยเทพ”
….
“หมายความว่าต่อจากนี้อีกไม่นาน ข้าจะต้องกลับไปรับใช้ทวยเทพตามสัญชาตญาณ อาจจะลืมกระทั่งความรู้สึกที่หลงใหลในท่านผู้นั้นไปก็เป็นได้ นั่นเป็นเรื่องน่าหวาดกลัวสำหรับข้าไม่ผิดแน่ ตัวข้าในวันวานจะกลับมาอีกครั้ง หากให้พูดถึงข้อดีเดียวก็มีแค่ข้าจะได้ลบมลทินคนทรยศเสียที ..ทว่าก็รู้กันดี ว่าความจริงมันเป็นอย่างไร ต่อให้มลทิลหายไปหรือไม่หายไป ความน่าอับอายของข้าก็จะถูกบันทึกไว้บนโลกใบนี้ ..ในมุมมองของท่าน คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้กัน ข้าสงสัยจนอดเอ่ยถามไม่ได้”
“น่าสมเพซ จะไปตายที่ไหนก็ไป”
“ข้าจะคิดว่านั่นคือคำอ้อนวอนนะท่าน ..ไม่ต้องห่วง หลังเสร็จเรื่องทุกอย่าง ข้าจะฆ่าตัวตายในตอนที่ยังได้สติ และตั้งใจว่าจะตายให้ห่างจากท่านด้วย”
“ก็ยังดี ..แต่ฉันไม่ตายหรอก ไปตายคนเดียวละกัน”
“เรื่องนั้นท่านไม่ใช่คนตัดสินเสียหน่อย”
ลูซิเฟอร์ยิ้มมุมปาก ชี้นิ้วมาทางเคียวยะ
“มานาไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว แค่จะสื่อสารกับภูตที่ทำพันธสัญญาด้วยก็ไม่น่าไหว สภาพอย่างนั้นจะชนะตัวข้าที่สมบูรณ์ได้อย่างไรกัน”
“ถ้านั้นก็รีบๆฆ่าซะสิ ถ้าขี้ขลาดพอจะชนะด้วยวิธีพวกนี้ ..สุดท้ายฉันก็เป็นผู้ชนะ ส่วนแกก็แค่คนที่กลับไปสู่อดีต ใครกันแน่ที่พ่ายแพ้ แกคงจะรู้ดีแก่ใจ”
“ตั้งใจจะยั่วโมโหสินะท่าน”
“ส่วนแกก็กำลังหงุดหงิดอยู่ใช่รึเปล่าละหา? ไอตัวขี้ขลาดจอมทรยศ!”
“..พูดไม่น่าฟังเลยสักนิด ทำตัวแบบนั้นท่านจอมมารไม่ชอบหรอกนะท่าน”
“เหมือนอยากให้มาชอบกันมากนั้นแหละ อย่าเข้าใจผิดเชียวละ กะอีแค่รู้สึกปลื้มหน่อยๆไม่ได้หมายความว่าอยากจะได้มาครอง หรืออะไรทั้งนั้น แถมยัยนั่นยังเป็นของๆคู่แข่งของฉันอีก ได้มาก็ไม่ดีใจหรอกโว้ย”
“คิดว่าถ้าชิงมาได้ก็เท่ากับชนะในบางแง่”
“ชัยชนะที่ได้มาจากการขัดขามันจะไปมีค่าอะไร ไม่สนหรอกเรื่องพวกนั้น ไม่ได้อยากเหนือกว่าในแง่นั้นด้วย ..สักวันหนึ่ง ฉันจะแข็งแกร่งมากกว่าเจ้านั่น แล้วก็เจ้านั่น แล้วก็เจ้านั่นอีกตัวด้วย ส่วนแกน่ะตอนนี้ผ่านมาได้แล้ว เป็นได้แค่หมาขี้แพ้ในสายตาของฉันคนนี้”
“เคียวยะผู้น่าสงสาร ถูกต้อนจนมุมจนสติกระเจิง ..ไม่สิ ที่สติกำลังกระเจิงน่าจะข้ามากกว่า ดันหลงไปกับการหลอกล่อซะได้”
ลูซิเฟอร์หัวเราะพึมพำในลอคอ และลงมือโดยไม่รีรอ—เขาพุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว หมายจะปริดชีพของเคียวยะทิ้งในอึดใจเดียว ทว่าก่อนหน้านี้ถูกท่วงเวลาเอาไว้ คงจะเพราะเหตุผลนั้น ทำให้ไม่อาจจบทุกอย่างลงได้
ร่างของลูซิเฟอร์ถูกหยุดลงด้วยพลังปริศนา
ชายในชุดผ้าพันแผล ‘การ์ป’ ปรากฏตัวออกมา พร้อมกับเทพแห่งธรรมชาติ ‘เอโด-เวโด้’ หรือ ‘คาร่า’
“นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้วนะเนี่ย การ์ป”
“พูดตรงๆก็ถือว่าหวุดวิดเลยละครับ”
เคียวยะเห็นทั้งสองคนปรากฏตัวมาก็เผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว
“มาช้ากันเป็นบ้า”
การ์ปตอบกลับแบบหน่ายใจ
“นายต่างหากละที่รีบมาจนเกินไป ฉันกับคาร่าไม่ได้มีพลังกายเหนือมนุษย์สักหน่อย ..แล้วก็ ‘อานิม่า’ กับ ‘เมอัน’ ไปช่วยสนับสนุนทางฝั่งพวกหนิงเลยไม่ได้พามาด้วย แต่ดูท่าจะคิดผิดนะ โม้ซะเยอะ ไปแพ้เขาได้ยังไงล่ะ?”
“ชิ ..วิเคราะห์เอาเองละกัน”
“เจ็บใจสุดๆเลยนะ”
“หนวกหูน่า!”
..เคียวยะจงใจถ่วงเวลารอสองคนนี้นี่เอง
“วันสิ้นโลกหรืองานรวมญาติรึไงกันเนี่ย ผู้ถือครองอำนาจของเทพ กับทวยเทพตัวเป็นๆ รวมกันตั้งสองท่านอย่างนี้”
“วันสิ้นโลกกับวันรวมญาติ ความหมายมันคนละขั้วกันเลยนะจ๊ะ ..ก่อนอื่น ไม่ได้พบกันนานนะจ๊ะ ลูซิเฟอร์ เดี๊ยนขอโทษด้วยนะที่มาขัดจังหวะ”
“ยังไงท่านก็ไม่ได้คิดจะขอโทษอยู่แล้ว คำขอโทษที่ไร้ความจริงใจ ข้าคิดว่ามันไร้ค่า—”
ลูซิเฟอร์ลงมือพุ่งไปหักคอของคาร่า เร็วมาก เร็วขนาดที่การ์ปไม่อาจตามความเร็วได้ทัน
“คาร่า!”
“— [เทพแห่งธรรมชาติ]-[เอโด-เวโด้]”
ร่างของคาร่าสลายกลายเป็นใบไม้ และปลิวไปกับสายลม ใบไม้ทั้งหมดลอยมาอยู่บนมือของการ์ป ทั้งหมดก่อร่างขึ้นเป็น ‘หนังสือ’ อำนาจของเทพแห่งธรรมชาติ ลูซิเฟอร์หน้าซีด พยายามจะก้าวเข้าไปฆ่าการ์ปทิ้ง ทว่าแรงโน้มถ่วงก็ทำให้ลูซิเฟอร์มาไม่ถึง ก่อนที่จะได้ทำลายการพันธนาการรอบตัวทิ้ง การ์ปก็กางหนังสือออก และโพล่งคำขู่ออกมา
“ถ้าขยับแม้แต่ก้าวเดียว แกจะถูกบังคับให้กลายเป็นทูตสวรรค์โดยสมบูรณ์อีกครั้ง ด้วยหนังสือเล่มนี้ ..เวลาของแกจะหมดลง”
ด้วยอำนาจของเทพแห่งธรรมชาติ เธอจะหวนคืนลูซิเฟอร์สู่การเป็นทูตสวรรค์โดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ เพียงแค่เร่งเวลาจากเดิมมาก็เท่านั้น
“เป็นคำขู่ที่เลวร้ายสุดๆเลยนะท่าน ..โปรดอย่าได้ลืมว่าหากตั้งใจ ข้าก็สามารถฆ่าท่านได้ง่ายๆ”
“ทำไมไม่ทำล่ะ?”
……
“ถ้าแกทำ แกจะกลายเป็นลูกน้องของทวยเทพในทันที แม้ว่าแกจะสามารถฆ่าเคียวยะได้ รวมถึงสามารถฆ่าฉันได้ด้วย แต่แกจำใจที่จะเป็นคนทรยศอีกรอบได้จริงๆเหรอ? จะปล่อยให้ตัวอันตราย และตัวแถมอย่างฉันหนีรอดไปได้ หรือว่าจะยอมเป็นคนทรยศอีกรอบ เลือกมาซะ!”
ทรยศต่ออะไร ..ทรยศต่อจอมมาร ยอมรับคำสั่งจากหนังสือเล่มนั้น ผิดกับการฆ่าตัวตายหลังจากจบเรื่อง
ลูซิเฟอร์จ้องเขม็งไปทางเคียวยะ ศรีษะปวดขึ้นในทุกๆวินาทีที่เวลาผ่านไป
จะทำให้ตัวเองอับอาย หรือว่าจะยอมแพ้กัน ถ้าเกิดยอมแพ้ ผลลัพธ์จะกลายเป็นว่าอีกฝ่ายไม่เสียอะไรเลย แต่ถ้ายอมทรยศ จะสามารถฆ่าใครสักคนได้ และอย่างแน่นอน เอโด-เวโด้ จะถูกทำให้หายสาบสูญ
พูดให้ถูก ตั้งแต่ที่ เอโด-เวโด้ เปลี่ยนตัวเองไปเป็นอำนาจของทวยเทพ ตัวตนของเธอก็ไม่มีอยู่อีกแล้ว ไม่ว่าจะเลือกทางไหน เอโด-เวโด้ ก็ได้ตายจากไปแล้ว
ทำไมถึงตัดสินใจเลือกทางนี้กัน ..ทำไม—-การ์ปหลั่งน้ำตาออกมา
“เลือกมาซะ ลูซิเฟอร์ !!”
คิดจะดึงลูซิเฟอร์เข้าพวก ..ถึงกับแลกชีวิตของตัวเอง ช่างเป็นเทพที่บ้าบิ่นอะไรขนาดนี้กัน ลูซิเฟอร์อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว
ทางเลือกที่อยากจะตัดสินใจ ..สุดท้ายแล้ว ก็มีแต่ต้องเลือกผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในฐานะคนทรยศ
ลูซิเฟอร์ตัดสินใจได้ก็คิดจะ–ฆ่าทิ้งให้หมด
“..อภัยให้ข้าด้วย ท่านจอมมา—อั้ก!!!”
……
…..
ร่างของลูซิเฟอร์ถูกแทงทะลุมาด้วยแขนในชุดสูทสีขาว กระนั้นเลือดของทูตสวรรค์ตนนี้ก็อาจจะบริสุทธิ์เกินไป หรือไม่ก็ชุดสูทนี้นั้นบริสุทธิ์เกินไป ทำให้ไม่มีรอยเลือดติดอยู่บนสูทเลยแม้แต่น้อย
ผิดกฏแห่งธรรมชาติ—ตัวตนนั้นมีเพียงผู้เดียว
“ขอโทษด้วยนะครับที่ขัดจังหวะ ตามปกติผมไม่ใช่พวกที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นสักเท่าไหร่ เพียงแต่–จะไม่มีใครเป็นคนทรยศทั้งนั้นครับ ยินดีด้วยนะครับ ลูซิเฟอร์”
“…แกมัน .. ‘เอเธอร์’ ?” เคียวยะโพล่งออกมา
เอเธอร์พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะสะบัดแขนโยนลูซิเฟอร์ไปชนกับต้นไม้จนล้มลง
ตุ้ม!!!!!!! เป็นแรงเหวี่ยงที่มหาศาล ร่างของทูตสวรรค์ถึงกับหักไปหลายส่วน
“อะ ..เอเธอร์ เอเธอร์นั้นเหรอ—”
“ตกใจเกินไปแล้วครับ”
พริบตาเดียว ร่างของการ์ปก็ถูกเอเธอร์กระซวกเข้าให้ เม็ดเลือดพุ่งเข้าใส่หน้าของเอเธอร์ แต่ทั้งหมดไม่อาจทำให้ร่างที่ผุดผ่องของเอเธอร์แปดเปื้อนได้เลยแม้แต่หยดเดียว
“รีบๆใช้อำนาจของ เอโด-เวโด้ สิครับ จะใช้เพื่อยื้อชีวิตตัวเอง หรือใช้เพื่อควบคุมลูซิเฟอร์เร็วๆ ผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิม”
แค่ฆ่าการ์ป และเคียวยะทิ้งทันทีหลังจากการใช้งานหนังสือเล่มนั้น การควบคุมลูซิเฟอร์ต่อจากนี้ก็จะตกอยู่ในมือของ ‘เอเธอร์’ ผู้มีศักดิ์ไม่ต่างอะไรกับหนึ่งในทวยเทพ การ์ปรู้เรื่องนี้ดีจึงยับยั้งตัวเองเอาไว้
“เจ็บ ..เจ็บๆๆๆๆๆๆๆ”
“เช่นนั้นก็รีบๆด้วยครับ ผมจะช่วยให้ไปสบายเอง”
“ใครมันจะไปยอม—คาร่า คาร่าได้โปรด ช่วยผมด้วย ได้โปรด”
“ขอร้องจากคนตายไปก็เปล่าประโยชน์ครับ เช่นนั้น”
เอเธอร์ขยี้ร่างของการ์ปซ้ำ บีบบังคับให้การ์ปเลือก—
“ขอโทษ ..ขอโทษ ..เคียวยะ ขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกอย่าง แล้วก็”
“การ์ป—”
“ฝากขอโทษยูจิแทนฉันด้วย ได้โปร—”
ตุ้บ!!! ..สุดท้ายร่างก็ถูกบีบจนเหลือแค่กองเลือด ..เอเธอร์ยืนอยู่ท่ามกลางกองเลือด เขาจับจ้องไปที่หนังสืออันเป็นอำนาจของ เอโด-เวโด้ วินาทีที่กำลังจะคว้าไปหยิบ หนังสือก็ได้สลายเป็นใบไม้
ใบไม้ปลิวไปตามลมปริศนา มาหยุดอยู่บนหัวของเคียวยะ
“..นี่คือทางเลือกของพวกเธอสินะครับ”
เอเธอร์มองกองเลือดของการ์ปด้วยแววตาที่ว่างเปล่า ไม่นานก็เบือนหน้ามาทางเคียวยะแทน และแอบตกใจเล็กน้อย
“ทำไมถึงร้องไห้เหรอครับ?”
“..หนวกหู”
“เคียวยะเป็นคนที่อ่อนไหวกว่าที่คาด เรื่องนี้พอรู้อยู่ ทว่า ไม่ใช่ว่ากับคนที่ไร้ค่าต่อตัวของเคียวยะอย่างการ์ปแล้ว จะเป็นตายไร้ดียังไงก็ไม่เกี่ยวกัน ควรจะเป็นอย่างนั้นนี่ครับ น่าสงสัยจริงๆ”
“…..”
เคียวยะปาดน้ำตาออก
“ไม่มีชีวิตไหนที่ไร้ค่า ..ไอคนขี้ขลาด”
“ขี้ขลาด? พวกเคียวยะกับลูซิเฟอร์ต่างหากที่ลีลาครับ ฆ่ากันไม่ตายสักที เพราะทนดูไม่ไหวเลยต้องรีบมาจัดการให้จบๆนี่ไงละครับ ..เท่านี้ก็หมดปัญหาไปอย่างหนึ่ง ต่อไปก็-” เอเธอร์เดินไปทางลูซิเฟอร์ที่พยายามจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง และถีบเข้าสุดแรง “ช่วยนอนไปอีกสักพักนะครับ ไว้ผมจะเรียกใช้งานทีหลัง”
ไม่ทันที่จะลุกขึ้นยืน ลูซิเฟอร์ก็ถูกถีบจนเละ เป็นการเล่นทีเผลอก็จริง แต่ในการต่อสู้จริงๆผลลัพธ์เช่นนี้ก็เกิดขึ้นได้เหมือนกัน ขอเพียงแค่เอเธอร์ได้เอาจริงสักครั้งหรือสองครั้ง
“ต่อไปก็-”
“ไม่มีต่อไปหรอก .. [โคริน]”
‘ได้สติกลับมาแล้วละ เคียวยะ’
“จัดชุดใหญ่ให้มันหน่อยดีกว่า”
แสงสีม่วงพุ่งผ่าเข้าใส่กลางหัวเคียวยะ
[KY HOPE] ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ในสภาพที่การชาร์จทั้งหมดเต็มห้าขีด ด้วยอำนาจของหนังสือเล่มนั้น ทำให้สภาพของเคียวยะกลับมาสมบูรณ์ พร้อมที่จะต่อสู้กับเอเธอร์ติดๆกัน อีกหนึ่งยก—
“หลีกทางไปซะ เอเธอร์!!!!!!”
“คำพูดของผมต่างหาก เคียวยะ”
****
สนามรบเต็มไปด้วยความวุ่นวายมากกว่าเดิมด้วยการมาถึงของ เทพแห่งจิตวิญญาณ ‘อานิม่า’ และมหามังกรเทียม ‘เมอัน’ นอกจากนั้น—-คือ ‘ผู้กล้า’ ที่โบกสะบัดดาบศักดิ์สิทธิ์เข้าใส่อาร์คเดม่อน เพียงแค่คลื่นดาบก็สังหารไปกว่าสิบชีวิตในคราเดียว
“สถานการณ์อะไรกันเนี่ย”
เรย์โพล่งขึ้นอย่างหงุดหงิด
จากแต่เดิมที่โกลาหลอยู่แล้ว โดยการจับคู่สู้กันของหนิงและอังเฟกอร์ที่ร่วมกันต่อกรกับมิคาเอลชั่วคราว กับลิเวียธานและราฟาเอล พอมีสามบุคคลเพิ่มเข้ามาอีก ลิเวียธานก็ต้องหันไปชนกับผู้กล้าแทน เพื่อกันไม่ให้ดาบศักดิ์สิทธิ์ทำลายอาร์คเดม่อนไปมากกว่านี้ โดยต้องรับมือถึงสองคนพร้อมกัน ความวุ่นวายจึงกระจายมากยิ่งขึ้น ชนิดที่ว่าพื้นที่รอบๆสั่นสะเทือนไม่เว้นแม้แต่วินาทีเดียว
เดินแค่ก้าวสองก้าว ภูมิประเทศรอบๆก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นตลอด ทำให้เรย์ต้องวิ่งไต่พื้นดิน กระโดดข้ามไปมาพลางเหวี่ยงดาบต่อสู้กับอาร์คเดม่อน และเผ่าพันธ์จากสวรรค์ทุกๆช่วงเวลาภายในสงคราม
นอกจากนั้น ..เรย์มองไปทางโบสถ์งานแต่งงานที่บนฟ้าซึ่ย้อมไปด้วยเพลิงสีแดงลาวากำลังปะทุ ตั้งแต่พื้นถึงก้อนเมฆ
“..รีบๆเคลียร์ให้จบๆทีเถอะนะ เรเซอร์ ย๊าก!!”
****
ยูจิเดินผ่านซากปรักหักพังที่ถล่มลงมาภายในโบสถ์ และจับจ้องไปยัง ‘ซาตาน’ ในชุดเกราะสีดำแดงที่ปะทุสเก็ดเพลิงออกมาตลอดเวลา ทั่วทั้งร่างของซาตานลุกไปด้วยเพลิงเสมือนกับลาวา หากแต่ไม่ใช่ มันคือหนึ่งในเพลิงลักษณะพิเศษ ให้เทียบก็พิเศษคล้ายกับ ‘วิหคอมตะ’ ของเรเซอร์ และ ‘เพลิงสีขาว’ ของจอมมาร
ตั้งแต่ที่เรเซอร์พุ่งออกจากโบสถ์ไป ยูจิรับมือกับซาตานแทนทุกๆคนมาได้พักหนึ่งแล้ว กระนั้นบาดแผลตามร่างกายก็ไม่มีเลยแม้แต่จุดเดียว ไม่ใช่ เพราะ [ฮิล] แต่เพราะซาตานยังไม่มีปัญญาสร้างบาดแผลให้ยูจิได้
คนที่ฮอบหายใจอย่างหนักตอนนี้จึงไม่ใช่ยูจิ แต่เป็นซาตาน
“แฮก ..แฮก ..แฮก”
“ดูจากสภาพแล้วหมายความว่าคุณน่าจะอยู่ [เฟซ 2] แล้วสินะครับ อีกสามเฟซถึงจะสิ้นสุด แต่จะให้ไปถึง [เฟซ 5] ไม่ได้เด็ดขาด”
‘ถ้าซาตานไปถึงเฟซสุดท้ายได้ ต่อให้เป็นยูจิ ถ้าต้องเผชิญหน้าตรงๆก็ไม่น่าจะรอด’
เรเซอร์พูดเรื่องพวกนั้นออกมาโต้งๆ เป็นเรื่องที่ไม่น่าฟังเอาซะเลย
“รู้สึกว่าคุณเรเซอร์จะบอกมาอย่างนั้น”
“—!!!!”
ซาตานอาศัยจังหวะทีเผลอพุ่งเข้ามาโบก ‘ดาบทลายโลกา’ เข้าใส่ ยูจิก้าวถอยหลังหลบ จากนั้นก็หมุนตัว เรียก [ดาบแห่งแสง] ออกมาตั้งรับ และสลายทิ้ง–และตั้งรับอีกครั้งสี่ครั้ง และสลายทิ้ง
“ถ้ามีดาบดีๆสักเล่มจะช่วยได้มากเลยครับ”
เพราะใช้ได้แค่ดาบเวทมนตร์ ทำให้ต้องสร้างและสลายทิ้ง เพื่อหลบหนีการร้อนจากดาบทลายโลกา
“คึก!!!!!” ซาตานส่งเสียงร้อง
ใบหน้าภายใต้ชุดเกราะย้อมไปด้วยโทสะ เช่นเดียวกับเพลิงร้อนที่ปะทุขึ้นโดยรอบ
“จากนี้ไป-” ยูจิถีบซาตานจนปลิว และก้าวถอยหลังสามก้าว พลางมองซ้ายขวาสลับไปมา “ถ้าเกิดเดินไม่ระวังก็อาจโดนไอร้อนเผาเหลือแต่กระดูกได้เหมือนกันนะครับ เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างที่คุณเรเซอร์บอกเอาไว้ไม่มีผิด”
แม้จะได้รับเศษเสี้ยวความทรงจำนับล้านมาแล้ว แต่ยูจิก็ไม่ได้จับรายละเอียดในทุกๆเรื่องได้ ให้ว่ากันตามตรง ที่ได้รับมาแบบครบร้อยก็มีเพียงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตัวเอง และเป้าหมาย กับความรู้สึกเท่านั้น รายละเอียดปรีกย่อยตามตัวบุคคลมีอยู่เพียงเศษเสี้ยว
เพราะอย่างนั้นความรู้ที่เรเซอร์มีเลยยังจำเป็นสำหรับยูจิอยู่
ยูจิเดินหลบไปทางขวา ไม่อย่างนั้นไอร้อนของซาตานจะเผาแขนของเขาจนเละ
“เปลี่ยนสถานที่สู้กันเถอะครับ คุณซาตาน ปล่อยไว้แบบนี้ผมได้ร้อนจนตายแน่ๆ”
“หา??”
ยูจิคุกเข่าลงพื้น สัมผัสที่พื้น และโพล่งออกมา–
“[อาณาจักรแห่งสายน้ำ]”
[อาณาจักรแห่งสายน้ำ] เวทมนตร์ตระกูลอาณาจักรเข้าครอบนำพื้นที่ ณ ตรงนี้ ไอร้อนที่สามารถทำลายยูจิได้ทั้งหมดหายไปแล้ว ยูจิจึงถอนหายใจโล่งอก และหันมายิ้มให้ซาตาน
“เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ”
‘ซาตานเป็นตัวที่ฆ่าไม่ตาย ยิ่งฆ่าหล่อนไปมากเท่าไหร่ หล่อนก็จะกลับมาพร้อมกับพลังที่มากกว่าเดิม จนสุดท้ายก็จะไปถึงเฟซสุดท้าย ซึ่งเป็นการระเบิดพลังสังหารอีกฝ่าย’
เรเซอร์พูดออกมาขณะที่นั่งอยู่บนหลังหนิง
‘เพราะอย่างนั้นวิธีที่จะรับมือซาตานได้ดีที่สุดเลยมีแค่ถ่วงเวลา รอความช่วยเหลือจากคนอื่นที่จะหยุดซาตานได้ ..แน่นอน ลำพังแค่หยุดซาตานให้ได้โดยไม่ตอบโต้มากจนเกินไปมันก็ยาก แต่ถ้าเป็นนายที่ครอบครองจุดสูงสุดของโลกเอาไว้—ก็น่าจะง่ายเหมือนปลอกกล้วย ว่ามั้ย?’
อาจจะเป็นเพราะความไว้วางใจที่สุดโต่งของคนๆนั้น ทำให้ผมก็ผล็อยคิดไปเองว่าน่าจะไหว …แต่ไม่ใช่ พอได้สู้กับคุณซาตานไปเรื่อยๆก็ทำให้ตระหนักรู้ได้ว่าการรับมือเธอตรงๆ ผมเองก็ผ่านมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเหมือนกัน
ความทรงจำการต่อสู้ไหลเข้ามาในสมองเรื่อยๆ จนผมแทบจะจับทางทุกอย่างได้ คล้ายว่าเห็นทุกอย่างเป็นสูตร
“หนึ่งชั่วโมง”
คือเวลาสำหรับการยื้อซาตานที่มั่นใจว่าจะทำได้
ยูจิสร้าง [ดาบวารี] ขึ้นมานับสิบเล่มรอบๆตัว ซาตานเดินลากดาบทลายโลกาเข้ามา-ก่อนจะวิ่งเข้าใส่ ยูจิเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเช่นเดียวกัน
“เกะกะ!!!”
“ขอโทษด้วยนะครับ”
ดาบวารีปะทะเข้ากับดาบทลายโลกา และระเหยไป และปะทะเข้ากับดาบทลายโลกา และระเหยไป การรุกรับสลับไปมาของยูจิคือทักษะที่น่าอัศจรรย์ราวกับว่าเขาคือผู้ถือครองทุกศาสตร์บนโลกไว้กับตัวอย่างไรอย่างนั้น