เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 354
< < 218 > >
แสงสีม่วงและสีดำพุ่งเข้าใส่กันเป็นเกลียว สองแสงนั้นพุ่งประกบกันทยานขึ้นสู่ฟ้า เหลือทิ้งไว้เพียงออร่าสีม่วง และขนนกสีดำที่ล่วงหล่น–ลูซิเฟอร์ และเคียวยะ ทิศทางการเคลื่อนไหวของทั้งสองเคลื่อนไหวประหนึ่งรูปวาด การต่อสู้ของทั้งสองคนนั้นสร้างปรากฏการณ์ฺ ‘อิลูมินาติด’ บนท้องฟ้า
“อย่ามาล้อเล่นนะเว้ย!!!! แกตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ เล่นตกลอยู่หรือ-ไง!!”
“ภายหลังจากที่การต่อสู้ของสองเราได้จบสิ้นลง เศษซากของการต่อสู้ระหว่างท่านและข้าคือ ‘อิลูมินาติด’ ที่ย้อมด้วยสีม่วงของท่าน ไม่คิดว่าวินาทีที่การต่อสู้จบลง ..มันจะงามระเบิดไปเลยรึท่าน?”
ลูซิเฟอร์ลูบคางตัวเอง พลางนั่งอยู่บนอาอากาศโดยใช้ปีกสีดำทั้งหมดสิบสองแห่งเป็นที่รองรับ
“เล่นตลกอยู่รึไงวะ!!”
เคียวยะเข้าประชิด และเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ลูซิเฟอร์
“โอ๊ะ โอ้ หมัดหนักนะเนี่ย”
“..หา?”
หมัดของเคียวยะถูกลูซิเฟอร์หยุดเอาไว้ด้วยนิ้วชี้ข้างเดียว ลูซิเฟอร์โชว์หาวหนึ่งหาว ก่อนหมุนตัวเตะ ร่างเกราะสีดำทมิฬปลิวไปกับแรงเตะราวสามเมตรกลางอากาศ และตั้งหลักได้ในทันที
“..โคริน ฟื้นฟูด้วย”
‘ขะ เข้าใจแล้ว เคียวยะ’
KY HOPE บริเวณหัวไหล่ถูกลูกเตะของลูซิเฟอร์ทำให้บิดอย่างน่าสยอง ชวนให้สงสัยว่านี่ใช่การชนกันตรงๆของโลหะ และผิวหนังจริงๆเหรอ?
แสงสีเทาเข้าปกคลุมเกราะส่วนที่บิดเบี้ยว เคียวยะใช้ดวงตามหาปราชญ์จ้องลูซิเฟอร์เขม็ง
“เป็นอะไรไปรึ? ถ้าไม่รีบเข้ามาเป็นปลิงดูดมานาจากข้า ระวังมานาจะหมดตัวจากการใช้ HOPE พร้อมกับดวงตามหาปราชญ์เอาละท่าน”
“ไม่ต้องมาพล่ามสอนกัน ..”
“ท่านเป็นเช่นนี้เสมอมาเลยนะ ไม่เคยมีสิ่งใดเปลี่ยนอกเสียจากความแข็งแกร่ง”
กล่าวจบ ลูซิเฟอร์ก็กางปีกออก วงแหวนสีม่วงผุดขึ้นพร้อมกันสิบจุด เคียวยะกระโดดถอยหลัง เหยียบพื้นบนอากาศ และยื่นมือออกมาข้างหน้า
“[ชาร์จ]-[ONE]!!!”
“ปีกอันน่าชิงชังของข้า— [อาร์มาเกดอน]”
ชื่อท่าอะไรของมันวะ!?
ลำแสงสีดำเข้าปะทะกันลำแสงสีม่วง ผลลัพธ์ คือ เสมอ
ขีดพลังงานทั้งหมดห้าขีดของ KY HOPE บัดนี้เหลือสองขีด
“แม้แต่การ [ชาร์จ] ก็เอาชนะไม่ได้!?”
แถมยังเสมอให้กับท่าที่ตั้งชื่อมั่วๆจับต้นชนปลายไม่ถูกถึงความเข้ากันอีก ลูซิเฟอร์โบกสะบัดปีกไปมาด้วยสีหน้าที่กำลังเบื่อหน่ายได้ที่
“ทีเด็ดคือการ [ชาร์จ] พลังงานที่ถูกเร่งด้วยการวิวัฒนาการณ์ที่ไร้จุดสิ้นสุด ประหนึ่งกับดาบแห่งผู้กล้า หรืออำนาจของเหล่าผู้ถูกเลือกซึ่งสามารถเอาชนะได้ในดาบเดียว ใช่ และใช่ มันคือพลังสำหรับผู้ถูกเลือกให้เป็นวีรบุรุษ! ทว่า! การชาร์จของท่าน ต่อหน้าตัวข้าตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับแสงไฟที่วูบขึ้น และดับลงในทันที ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนี้ทั้งสิ้น! ฮะ ฮ่า! นี่น่ะเหรอการวิวัฒนาการณ์ที่ไร้จุดสิ้นสุด นี่น่ะเหรอ HOPE? แค่ตัวเปิดปิดไฟมิใช่?”
“แก…แก!!!!” เคียวยะแหกปากดังลั่น “[ชาร์จ]-[ONE]!!!!!!!!”
“จะบอกอะไรให้เองนะ ท่านผู้ถูกเลือก”
ลูซิเฟอร์ขยิบตา พร้อมกับดวงตาข้างที่เปิดอยู่เปล่งแสงออกมา—เคียวยะพุ่งเข้าใส่ลูซิเฟอร์ประหนึ่งแสงด้วยการชาร์จ แรงถีบที่มหาศาลทำให้เคียวยะมาถึงตัวลูซิเฟอร์อย่างรวดเร็ว พร้อมกันกับที่พุ่งไป เคียวยะหมุนตัวถีบเข้าใส่
ทว่า ขาของลูซิเฟอร์ได้เข้าปะทะกับขาของเคียวยะ และ–
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เคียวยะกัดฟันกรามจนมีเสียงเล็ดออกมา
“คึก!!!”
“สิ่งที่ชำระล้างข้าได้ไม่ใช่แสงที่วูบขึ้นเพียงวิเดียว หากแต่เป็นแสงที่ไม่มีวันดับต่างหากละท่าน”
หนึ่งวิ คือการคงอยู่ของชาร์จ วินาทีที่ชาร์จหมดประสิทธิภาพ ลูซิเฟอร์ก็พลิกร่างของเคียวยะลงพื้น และอัดเข้ากลางหน้าท้องด้วยขาข้างขวา
“ล่วงหล่นไปเสีย”
“อย่าฝัน!!”
เคียวยะหมุนตัว สร้างพื้นบนอากาศ ถีบตัวเองไปทางอื่น พร้อมกับพุ่งเข้าใส่ลูซิเฟอร์อีกครั้งด้วยความคล่องแคล้ว
“ใครมันจะไปยอมกันวะ!”
“สมกับเป็นผู้ถูกเลือก ตอบโต้ได้ดี”
“บัดซบเอ้ย บัดซบเอ้ย บัดซบเอ้ย!”
เคียวยะวิ่งไปตามบนอากาศที่ต่ำกว่าลูซิเฟอร์ ระหว่างนั้นโดรนที่ถูกขี่โดยโครินก็บินตามมา
แสงสีดำพุ่งผ่าพื้นอากาศเข้าใส่ขาหนึ่งข้างของเคียวยะ—
“คิดว่าจะหนีจาก [อาร์มาเกดอน] ได้รึ”
ร่างของเคียวยะสะดุดกับพื้นอากาศ เพราะขาอีกข้างสูญเสียการควบคุมกระทันหัน ร่างเกราะสีดำดิ่งลงพื้น
‘เคียวยะ!!!’
“บัดซบเอ้ย–”
ตุ้ม!!! เกราะ KY HOPE นอนกองอยู่ภายในป่าที่ไร้แสงอาทิตย์สาดส่อง
เคียวยะนอนคากับพื้นในสภาพที่ไม่น่าดู ชุดเกราะไม่ได้รับความเสียหายจากการตกที่สูงเลยก็จริง แต่ส่วนขาข้างหนึ่งถูกแสงสีดำเข้าจู่โจมจนบิดเบี้ยว
‘ทำยังไง ทำยังไงดี ทำยังไงดี’
“หุบปากไป”
‘แต่ว่าเคียวยะ พวกเรากำลังจะแพ้นะ พวกเราสู้ลูซิเฟอร์ไม่ได้เลย!’
“ทำหน้าที่ของตัวเองไปเถอะน่า! การที่ฉันแพ้ไม่ได้หมายความว่าแกจะแพ้ หรือว่า HOPE จะแพ้ แต่มันเป็นเพราะว่าฉันแพ้ต่างหาก! มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแกเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเข้าใจแล้วก็อยู่เงียบๆไปซะ!”
‘เคียวยะต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง!’
ทันทีที่ถูกโครินสวนกลับ เคียวยะก็ถึงกับอึ้ง และพูดไม่ออก
‘เพราะพวกเราสองคนร่วมมือกัน มันถึงก่อให้เกิด KY HOPE ไม่ใช่เหรอ? เพราะมีทั้งฉันและเคียวยะต่างหาก ไม่ใช่ผลงานของเคียวยะคนเดียวสักหน่อย ถ้าแพ้ก็ต้องแพ้ร่วมกันสิ ..ฉันไม่อยากแพ้ ..เคียวยะ ยังไงฉันก็ไม่อยากแพ้’
“..”
‘ฉันปารถนาจะเป็น ‘ภูตแสนวิเศษผู้ไม่มีใครหน้าไหนกล้ามาดูถูก’ เพราะอย่างนั้นจะไปแพ้ให้กับอีแค่ปีศาจมหาบาป มันน่าอับอายนะ!!’
“จะบอกว่าการที่ฉันแพ้มันน่าอับอายนั้นเหรอ ..”
‘ใช่สิ ทั้งกับฉันและเคียวยะ มันสุดจะน่าอับอายเลย! เคียวยะเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าความพ่ายแพ้มันน่าอับอาย’
“…แล้วจะให้ทำยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ แกที่เอาแต่บ่นมันจะช่วยอะไรได้”
‘ใช้ดวงตามหาปราชญ์ของเคียวยะวิเคราะห์ที! ฉันจะถ่วงเวลาให้เอง’
“หา?”
โครินคือภูตที่แปลกกว่าภูตตนอื่น สิ่งที่เธอมีก็มีแค่การยกระดับผู้ใช้นิดเดียวโดยการช่วยร่ายเวทย์ และเสริมการทำงานของวงจรเวทย์ โดยที่ผลลัพธ์มันจะไปลำบากผู้ใช้ ไม่ใช่ตัวตนเหมือนกับภูตปกติที่มีหน้าที่ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้พลังได้สะดวกขึ้น
ให้พูด การมีอยู่ของโครินมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรขนาดนั้น ..ภูตที่ช่วยยกระดับผู้ใช้ตามขีดจำกัดของผู้ใช้ เป็นจุดที่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วผู้ใช้ก็ต้องไปถึง สุดท้ายโครินก็จะไร้ประโยชน์ในไม่ช้าก็เร็ว เพราะรู้ตัวเองดีว่าเป็นอย่างนั้น เลยเอาแต่อยู่ในป่ามหาภูต ไม่ยอมทำพันธสัญญากับใครหน้าไหนทั้งนั้น
หากจะมีคนๆเดียวที่ดึงขีดจำกัดของโครินได้ ไม่ใช่คนทั่วไปที่จะถูกโครินดึงขีดจำกัดละก็ ..คนผู้นั้นจะต้องเป็น ‘ชายผู้ไร้ขีดจำกัด’ เท่านั้น
เพราะอย่างนั้น โครินกับเคียวยะจึงได้พบกัน
ในป่ามหาภูต ชายคนนั้นยื่นมือมาให้โคริน ชายที่ถูกกำหนดให้มีขีดจำกัดตั้งแต่แรก แม้จะมีดวงตามหาปราชญ์ แต่ยังไงก็ยังเป็นมนุษย์ ไม่ช้าก็เร็ว ตัวตนของโครินจะไร้ค่า ..
‘ฉันคือชายที่ไร้ขีดจำกัด ส่วนแกเป็นภูตที่จะพามนุษย์ไปสู่ขีดจำกัด’ เคียวยะโพล่งออกมาอย่างหนักแน่น ‘การมีอยู่ของแก จะทำให้ฉันคนนี้ไปสู่ขีดจำกัดของคำว่าไร้ขีดจำกัดเสมอ’
ประโยคเพียงแค่นั้นได้เปลี่ยนใจของโครินโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไรมาเป็นประกัน เคียวยะไม่ได้ถือครอง HOPE เหมือนตอนนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลานั้นมีดวงตามหาปราชญ์อยู่กับตัว ..แต่ว่าโครินเชื่อในตัวชายที่เชื่อในพลังของตัวเอง
เพราะอย่างนั้น ..
‘จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคำว่าไร้ขีดจำกัดของพวกเราจะมีมลทิน!’
“เรื่องนั้นรู้ตั้งแต่แรกแล้วเว้ย ไม่ได้บอกด้วยว่าจะยอมแพ้ อย่ามาพล่ามเหมือนว่าตูจะยอมแพ้จะได้รึเปล่าวะ? ไอเปรตเอ้ย!!”
เคียวยะลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ก่อนจะพิงหลังตัวเองกับต้นไม้แถวๆนั้น
“ฉันจะรักษาส่วนขา ไปหามานามาให้ซะ ถ่วงเวลาลูซิเฟอร์ด้วย แล้วก็ห้ามถูกทำลาย ..ไม่สิ ต่อให้ถูกทำลายก็จงทำหน้าที่เบื้องต้นให้สำเร็จซะ ไปตายเพื่อฉันซะ”
‘แค่เปรีบเปรยใช่มั้ย? คงไม่ได้คิดจะให้ฉันไปตายจริงๆใช่มั้ย?”
“ต่อให้โดนทำลายแกก็ไม่ตายหรอก แค่ฉันจะอ่อนแอลง เพราะจะไม่มีโดรนที่เป็นหนึ่งเดียวกับแกมาคอยสนับสนุน แต่ถ้าสู้จนตัวตายได้ก็ทำๆไปซะ ตายเพื่อฉันซะ”
‘เอ๋ ..’
“กลับกัน เพื่อไม่ให้แกอับอาย ฉันจะยอมตายให้ก็ได้”
‘…รู้แล้ว ตั้งใจอย่างนั้นตั้งแต่แรกแล้วด้วย จะเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อเคียวยะเอง’
“เข้าใจตรงกันก็รีบๆไปซะ ส่วนที่เหลือฝากให้ฉันจัดการเอง”
โครินทำท่าตะเบ๊ะให้บนโดรน ก่อนจะหันทิศทางตรงไปบนฟ้า มุ่งเข้าหาลูซิเฟอร์ที่เวลานี้อยู่ไกลเกินเอื้อม-เคียวยะพยายามจะเอื้อมไปให้ถึง แต่ก็ไม่มีทางไปถึง เพราะตัวเขาตอนนี้ยืนอยู่บนพื้น ไม่อาจกลับขึ้นไปยืนบนฟ้าทัดเทียมกับเทวดาตกสวรรค์ตนนั้นได้ ..เพื่อการนั้น—ต้องพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น
ดวงตาเปล่งแสงสีม่วงออกมาอีกครา ‘ดวงตามหาปราชญ์’ ทำงานอย่างหนักเพื่อวิเคราะห์ตัวตนของ ‘ปีศาจมหาบาป’ ‘เทวดาตกสวรรค์’ ‘อดีตทูตสวรรค์’
หรือก็คือ ‘ลูซิเฟอร์’
ถือกำเนิดมาได้อย่างไร?
“ข้ารับใช้ของทวยเทพ ถูกสร้างโดยหนึ่งในเทพทั้งสิบ”
มีสถานะอย่างไร?
“เป็นทูตสวรรค์ นักรบสูงสุดแห่งแดนสวรรค์”
ความแข็งแกร่ง?
“หนึ่งในสามทูตสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด”
เหมือนกับใคร?
“ ‘มิคาเอล’ และ ‘อาซาเซล’ ”
มีอะไรอีก?
“…”
รู้อะไรมากกว่านี้มั้ย?
“…”
สิ่งที่มองเห็นได้ มีเพียงแค่สิ่งที่อยู่ในปัจจุบันเท่านั้น ดวงตามหาปราชญ์ไม่สามารถมองไปถึงอดีต หรือสิ่งที่แม้แต่ดวงตามหาปราชญ์ก็ไม่มีข้อมูลได้ ..เพราะดวงตามหาปราชญ์ถือเนิดหลังยุคโบราณ ทำให้ไม่อาจมองไปมากกว่านี้ได้
นี่คือขีดจำกัด กระนั้นเคียวยะก็ยังฝืน จนกระทั่งน้ำตาสีเลือดไหลออกมา—
****
เคียวยะยืนอยู่บนโลกสีขาว ..ที่ตรงหน้าของเขามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ เป็นผู้หญิงในชุดคลุมสีขาว ผู้ปกปิดใบหน้าตัวเองด้วยผ้าบางๆ
“ยินดีที่ได้พบรึเปล่านะ?”
“แกเป็นใคร”
“ยินดีที่ได้พบจริงๆด้วย นั่นสินะ ตัวข้ากับเคียวยะไม่เคยได้พบกันเลยนี่นะ อือ ควรจะเป็นอย่างนั้น”
หญิงสาวอ้าแขนทั้งสองข้าง และแนะนำตัว
“ตัวข้ามีนามว่า ‘อาเธียน่า’ ถูกผู้คนเรียกขานว่า ‘เทพแห่งปัญญา’ เป็นเจ้าของดั้งเดิมของดวงตามหาปราชญ์น่ะ จะบอกว่าเป็นหนึ่งในผู้ให้กำเนิดเคียวยะราวๆยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ต่างอะไรกับแม่ของเคียวยะเลยก็ว่าได้ จะเรียกข้าว่า ‘ท่านแม่’ ก็ไม่เกินจริง เอ้า รออะไรอยู่ละ คุณลูกชาย โปรดเรียกข้าว่าท่านแม่ด้วย”
“คิดจะทำอะไรกับฉัน ถึงได้ลากฉันมาที่นี่ ถ้าจำไม่ผิดก่อนหน้านี้ฉันกำลัง–”
“คิดหาวิธีเอาชนะลูซิเฟอร์อย่างยากลำบากอยู่ไง เพราะเห็นว่า อ่า เด็กคนนี้ไม่น่าไหว แม่ผู้ให้กำเนิดอย่างข้าเลยลากมาหาวิธีชนะไปด้วยกันที่นี่ อ๊ะ พูดดักก่อนนะว่าการมีอยู่ของข้านั้นถือว่าเป็นพลังของเคียวยะเหมือนกัน ฉะนั้นอย่าได้คิดว่าแม่ผู้ประเสริฐคนนี้เป็นคนนอกเลยนะคะ! พิวะพิวะ!”
หญิงสาวผู้อ้างตนว่าแม่ทำท่าเคกหัวตัวเองด้วยท่าทางดูน่ารัก แถมยังทำเสียงเอฟเฟคพลางทำปากจู๋เองอีก แม้จะไม่เห็นใบหน้าของเธอเลยก็ตามที แต่คิดว่าน่าจะเป็นยัยป้าทำแอ็บแบ้วไม่ผิดแน่
“ก่อนอื่น ก่อนที่จะเข้าเรื่อง โปรดเรียกข้าว่า ‘ท่านแม่’ ทีนะ ไม่อย่างนั้นเวลาจะดำเนินต่อไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงเทียบกับโลกความจริงที่นี่จะยาวนาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเวลาบนโลกความจริงจะหยุดลง”
คำขู่ผสานกับคำขออย่างลงตัว เคียวยะไม่มีทางเลือกนอกจากจำใจพูด
“จะยังไงก็ช่าง รีบๆเริ่มสักที ทะ ..ท่านแม่”
“นี่แหละที่อยากได้ยิน เอาละๆ”
หญิงสาวดีดนิ้ว ทันใดนั้นโลกสีขาวก็โดนย้อมด้วยเหตุการณ์นับล้านรอบๆตัวเคียวยะ
“..นี่มัน”
“ผลลัพธ์นับล้าน ลองใช้ดวงตามหาปราชญ์หาหนทางชนะดูสิ”
เคียวยะปราดมองทีเดียวก็ได้คำตอบ
“ไม่มีเลยแม้แต่ความเป็นไปได้เดียว ..นั้นเหรอ?”
“เพราะไม่รู้มันจึงไม่มีต่างหาก ต่อให้เคียวยะพยายามแค่ไหนด้วยดวงตามหาปราชญ์ก็ไม่มีทางไปถึงชัยชนะได้ ด้วยความที่ ‘ไม่รู้’ คำว่า ‘ไม่รู้’ มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยละ มันไม่สามารถเปลี่ยนจากไม่รู้เป็นรู้ได้ โดยไม่ผ่านการรับรู้ในบางเรื่อง ด้วยเหตุนั้นเองจึงต้องยืมพลังของข้า”
เทพแห่งปัญญา อาเธียน่า ดีดนิ้ว ภาพนับล้านแตกสลาย—พร้อมกันนั้น ภาพใหม่ๆนับล้านก็ปรากฏ หากแต่เป็นภาพของลูซิเฟอร์ไม่ใช่ภาพของเคียวยะ
“เพื่อที่จะรับรู้ จึงต้องรับรู้ในบางเรื่องก่อน เอาละ ลูกชายของข้า โปรดใช้ดวงตาของตัวเอง สร้างคำตอบที่ถูกต้อง
“จนเปลี่ยนนับล้านเหตุผล กลายเป็นเหตุผลเดียวที่จะพิสูจน์ว่า—ไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้ให้แก่ชายผู้นั้น”
หญิงสาวก้าวเดินสาวก้าว ก่อนหมุนตัวกลับมาหาเคียวยะ ผ้าคลุมที่บังหน้าของเธอปลิวไปกับแสงสีขาว เผยให้เห็นใบหน้าจริงๆของเธอ
เลือนผมสีม่วงยาว และดวงตาที่เปล่งประกาย งดงามราวกับแสงดาว เป็นดวงตาที่เหมือนกับดวงตาของเคียวยะ
“แม่?”
เธอมีใบหน้าที่เหมือนกับมารดาผู้ให้กำเนิด เหตุผลข้อนั้นทำให้น้ำตาไหลออกมา
“หน้าคล้ายกันก็จริง แต่ไม่ใช่แม่คนแรกหรอกนะ แม่คนที่สอง ไม่สิ แม่คนที่สามของเคียวยะต่างหาก ลำดับที่สามจากหนึ่ง น่าเจ็บใจจริงๆ! พิวะพิวะ”
“หยุดทำเสียงเอฟเฟคแปลกๆทีเถอะ อึก..ได้โปรด”
เคียวยะเป็นเด็กหนุ่มผู้เบาะบาง น้ำตาแตกได้ง่ายกว่าที่หลายๆคนคิด เรื่องนี้ได้รับการพิสูจน์มาแล้วโดยคนเหล่านั้น รวมถึงผู้ให้กำเนิดผู้เฝ้ามองเรื่องราวมาตลอดเองก็ทราบดีกว่าใครๆ
อาเธียน่าเห็นก็อดยิ้มเอ็นดูไม่ไหว
“เหมือนกับที่เพื่อนตัวน้อย โครินได้พูดกับเคียวยะ อย่าได้แพ้เชียวละ เพราะมันน่าอับอาย สำหรับตัวข้าที่เป็นถึงเทพแห่งสติปัญญา การที่บุตรของตัวเองพ่ายแพ้มันสุดจะน่าอับอาย จนชนะ แล้วก็ชนะต่อไปเรื่อยๆ”
“ถ้าฉันชนะต่อไปเรื่อยๆ ..กฏของโลกจะต้องถูกทำลาย”
“หมายความว่าสักวันข้าก็จะต้องหายไปนั่นเอง”
“ดีแล้วเหรอที่จะให้ฉันชนะน่ะ ..ฉัน..”
“ข้าอาจจะไม่มีสิทธิ์พูดสักเท่าไหร่ แต่ว่านะ เคียวยะ—ข้าดีใจที่ลูกชายคนนี้เติบโตมาอย่างสง่างามได้ขนาดนี้ ต่อให้ไม่ต้องเลี้ยง ไม่ได้รับสิทธิ์ให้เลี้ยง แต่ก็อาศัยอยู่ในตัวเคียวยะตลอด ก็ทำให้รู้ว่าโตมาหล่อเหลาขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย แถมยังแข็งแกร่งมากๆด้วย ถึงจะไปเทียบกับเพื่อนๆสองคนนั้นแล้วจะดูด้อยกว่านิดนึง แต่มันก็ช่วยไม่ได้ กฏที่สูงที่สุด กับตัวแหกกฏเนี่ย เกินเบอร์ไปนิด รวมๆก็ไม่ไกลคำว่าเติบโตมาอย่างดีเยี่ยม จากโรคจิตเปลี่ยนมาเป็นผู้ชายปากแข็งล้นสเน่ห์ได้อย่างเนี้ย คนเป็นแม่ภูมิใจอย่างหาที่สุดไม่ได้”
อาเธียน่าชูสองนิ้วใส่ดวงตา
“อีกอย่าง ไม่ได้มีความปารถนาบ้าๆบอๆเหมือนเจ้าออโรโบรอส อย่างการคืนชีพพระเจ้าอะไรนั่นด้วย ข้าก็แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ จะถึงวันตายเข้าสักวันก็ไม่ได้แปลกอะไร เป็นเรื่องของธรรมชาติที่ใครๆก็เข้าใจ ….ความตายจึงไม่ได้น่ากลัวอะไร อืม แต่ปฏิเสธไม่ได้นะว่าครั้งหนึ่ง ข้าสุดจะเจ็บใจเลยที่โดนเจ้าจอมมารเหม็นเปรี้ยวนั่นฆ่าทิ้ง เป็นไปได้ ก็อยากจะหายไปตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องโดนจอมมารนั่นฆ่าอีก”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ จอมมาร ..เบลลามีเป็นพวกเดียวกับฉัน” เคียวยะหรี่ลง “อีกอย่าง ไม่ได้เหม็นเปลี้ยวด้วย เบลลามีรักสะอาดจะตายไป”
“พูดแล้วก็เจ็บใจที่ลูกตัวเองไปหลงคารมย์จอมมารนั่นเข้าให้ ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่ตั้งสองจอมมารเชียวนะ”
“ไม่ได้รวมเจ้าเรเซอร์ไปด้วยใช่มั้ย”
“ไม่ใช่หรอกเหรอ?”
……
….
“ไม่รู้สิ บางทีอาจจะสำคัญไม่แพ้กันเลย”
เป็นไปได้หลายทิศทาง หลายสถานะในแต่ละคน แต่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดมันคือ ‘รัก’ อย่างแน่นอน
“ผู้ถือครองอำนาจของเทพแห่งปัญญาดันไปหลงจอมมารเข้าให้ เป็นพล็อตเรื่องที่น่าเอาไปเขียนเป็นนิยายตลกดีนะ เป็นชีวิตที่น่าตลกจริงๆนะ คุณลูกชาย”
“มีชีวิตที่น่าตลกก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง”
“ลูกว่าดี แม่ก็ว่าดีแหละนะ พิวะพิวะ!”
“เลิกแอ็บแบ้วสักทีเถอะน่า ..เฮ้อ”
เคียวยะถอนหายใจเฮือกโต ก่อนที่โลกสีขาวจะค่อยๆ พังทลาย
“ไว้ว่างๆ มาคุยกันอีกนะ”
“อ่า จะแวะมาคุยด้วยในโลกใบนี้เรื่อยๆ นะ” เคียวยะยิ้ม “คุณแม่”
****
เคียวยะลืมตาตื่นสู่โลกความจริง น้ำตาสีเลือดที่ไหลออกมาถูกสลายทิ้งด้วยคลื่นสีทองปริศนา เคียวยะกระพริบตาสามครั้ง และลืมตาตื่นอีกครา
ดวงตาที่เสมือนกับท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีแสงดาวบินไปมา ได้แปรเปลี่ยนเป็น–ดวงตาที่เสมือนกับมีดวงดาวสีทองอยู่ข้างใน
“ [ดวงตามหาเทพ]-[อาเธียน่า] ”
รอบตัวเคียวยะเกิดตัวอักษรสีทองขึ้นมาทันทีที่ดวงตามหาทเพปรากฏ อักษรมันผุดขึ้นอย่างอย่างกระหันหัน และรวดเร็ว และแสนมากมาย จน—อักษรรอบตัวลอยขึ้นไปทัดท้องฟ้า และปกคลุมทั่วทั้งผืนป่า เสมือนกับโดรม ทั่วทั้งป่ากลายเป็นฐานข้อมูลที่เกิดจากอำนาจของเทพแห่งปัญญา
ข้อมูลเกี่ยวกับลูซิเฟอร์บินวนไปมา เคียวยะอ่านเรื่องราวทั้งหมดออกได้ในอึดใจเดียว
เคียวยะเดินไปตามพื้นดิน เขาแหงนหน้ามองลูซิเฟอร์และโครินที่ถูกไล่ล่า ก่อนจะสะบัดแขนหนึ่งครั้ง สลายตัวอักษรสีทองทั้งหมดทิ้งในคราเดียว พร้อมกันกับดวงตามหาเทพที่ดับลง กลับไปเป็นดวงตามหาปราชญ์
ดวงตามหาปราชญ์เปล่งประกาย วิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาจากดวงตามหาเทพ
“กลับมาได้แล้ว โคริน ..พวกเราคือผู้ชนะแล้ว”