เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 352
< < 217 Sec2 > >
‘ปีศาจมหาบาปแห่งความเย่อหยิ่ง’ ‘ลูซิเฟอร์’ มองดูสนามรบจากที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลกันนัก
เขาปล่อยให้ชายเสื้อโค้ทปลิวไปกับสายลม เฝ้ามองสงครามประหนึ่งผู้อยู่บนจุดที่หลุดพ้นจากคำว่ามนุษย์
“ความวุ่นวายโกลาหลที่เกิดมาจากสงคราม มิได้มีผลดีต่อโลกใบนี้เลยแม้แต่นิดเดียว เหล่าผู้ริเริ่มล้วนมากด้วยสติปัญญาไม่ได้ต่างกัน แต่แล้วทำไมสงครามจึงเกิดขึ้นเสมอกันล่ะ? น่าพิศวงยิ่งนัก ตัวข้าไม่ได้เข้าใจอะไรเลย เช่นเดียวกันกับผู้ริเริ่มทั้งหลาย เหตุใดกัน เพื่ออะไรกัน—โลกใบนี้แสนผิดเพี้ยน คิดเช่นนั้นหรือไม่ สหายอาซาเซล”
‘เมี๊ยวววว’
แมวน้อย ‘อาซาเซล’ ตอบกลับลูซิเฟอร์ผู้โหยหาคำตอบ
“เข้าใจดีถึงประสงค์ของท่านนะ อาซาเซล หากล่มสลายไปท่านก็จะไม่ได้รับประทานอาหารอร่อยๆอีก แต่ว่าไม่คิดหรือว่าความสุขที่แท้จริงนั้นคือการหลุดพ้น?”
‘เมี๊ยวๆๆๆ’
“แบบนี้นี่เอง ตัวข้าพูดอะไรไม่รู้เรื่อง จับต้นชนปลายไม่ถูก จะบอกอย่างนั้นเองรึ โหดร้ายเสียจริงๆนะ” ลูซิเฟอร์หัวเราะพึมพำ “เช่นนั้นคำถาม หากข้าเป็นเพียงคนเพ้อตามที่ท่านว่าแล้ว สิ่งที่ถูกต้องคืออะไรกันแน่ ต้องเป็นอย่างไรจึงจะไม่ใช่คนพร่ำเพ้อกัน”
‘เมี๊ยว’
“ถามท่านไปคงจะไม่ได้ความอะไรนอกจากวิธีพูดรูปแบบเดิมๆอันไร้แก่นสาร”
แน่นอนอยู่แล้วสิ คู่สนทนาเป็นแค่แมวที่ไม่เข้าใจภาษามนุษย์นะ
‘เมี๊ยว’
“คิดจะบ่นอะไรข้าอีกกันน่ะท่าน ต่อว่าข้าขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจอีกหรือ?”
“เพี้ยนไปแล้วรึไงแกน่ะ”
…..
ลูซิเฟอร์หันหลังกลับไปมองผู้มาเยือน
“นั่นมันท่านเคียวยะไม่ใช่หรือ”
“เออ ฉันเอง”
“ทีว่าเพี้ยนเนี่ยคิดเช่นเดียวกับตัวข้าเลยสินะ ใช่แล้วละ โลกใบนี้เพี้ยนไปแล้ว อ้างอิงโดยตัวข้าผู้ผ่านโลกนี้มาอย่างยาวนาน ..”
“ที่เพี้ยนน่ะมันแกต่างหาก พล่ามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง”
คำพูดขวานผ่าซากของเคียวยะ ทำให้ลูซิเฟอร์ถึงกับคิ้วกระตุก
“ยังคงหยาบคายไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยนะท่าน”
“ให้พูด แกเองก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่”
เคียวยะหรี่ตามองอาซาเซล ก่อนพูด
“ตัวข้าอยู่มานานจนมีอัตลักษณ์ที่คงเดิมผิดกับมนุษย์ไปแล้ว ต่อจากนี้ก็จะใช้ชีวิตโดยไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงเสมอผิดกับพวกท่าน”
“เป็นพวกไร้วิวัฒนาการณ์สินะ”
“กล่าวให้ถูก คือตัวตนที่ไปถึงจุดบรรลุแล้วต่างหากละท่าน”
เคียวยะหยักไหล่ตอบอย่างไม่สนใจในใยดี
“อ่า .. ข้าไม่ได้จะหมายความว่ามนุษย์นั้นต่ำต้อย และเป็นไปไม่ได้ที่จะมาถึงจุดเดียวกับข้าหรอกนะท่าน นายเหนือหัวของข้าเองก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับพวกท่าน เพียงแต่สูงส่งกว่าราวร้อยเท่าตัวก็เท่านั้น แต่ก็น่าสนใจจริงๆอยู่ดีนะ เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร พวกเขามักจะคว้าอนาคตมาได้เสมอ เหมือนดั่งท่านในตอนนี้”
ลูซิเฟอร์หัวเราะในลำคอ พลางตบมือให้ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
“ละสายตากันแค่ครู่เดียว ท่านก็ก้าวมาอยู่ขอบเขตุของสัตว์ประหลาด รวดเร็วเสียจนน่ากลัว นี่แหละมนุษย์ หัวใจที่รวดเร็วยิ่งกว่าแสงดาว”
“..เลิกพูดอ้อมโลกไปมาได้แล้ว ลูซิเฟอร์ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาพูดคุยโต้ตอบกับแก”
“ข้ากำลังชมอยู่เลยแท้ๆ หรือว่าตีความในสิ่งที่ข้าจะสื่อไม่ได้กัน? เพราะมีหัวใจที่รวดเร็วยิ่งกว่าแสงดาวหรือเปล่านะ มนุษย์จึงได้เมินเฉยต่อเรื่องราวข้างทางตลอดมา”
“แค่รำคาญแกก็เท่านั้นแหละ”
สายลมพัดผ่านทั้งสองคน ทั้งเสื้อโค้ท และเส้นผมที่บังหน้าของเคียวยะต่างปลิวไปกับลมเหนือนี้
“ตอบคำถามของฉันมาซะ ลูซิเฟอร์ ฉันมีทั้งหมดสามคำถาม”
“ว่ามาเลย หากว่าเป็นเรื่องที่ข้าให้คำตอบได้”
“จุดประสงค์ของการจัดงานแต่งครั้งนี้คืออะไรกันแน่”
“เหมือนกับที่เทพแห่งวัฐจักรออโรโบรอสเลยสร้างเอาไว้ นายเหนือหัวของข้าเองก็ตั้งใจที่จะสร้าง ‘ทวยเทพ’ ขึ้นมา ..ไม่สิ เหนือยิ่งกว่านั้น ท่านคิดจะสร้าง ‘พระเจ้า’ ขึ้นมาเลยต่างหาก พระเจ้าที่จะแย่งการปกครองจากโลกใบนี้ พระเจ้าเพียงหนึ่งเดียวของโลกทั้งใบ” ลูซิเฟอร์หรี่ตา และพูด “งานแต่งงานเองก็คือหนึ่งในขั้นตอนเตรียมการณ์ทั้งหมด เป็นวิธีเพียงหนึ่งเดียวที่ใกล้เคียงกับการให้กำเนิดตัวตน”
เคียวยะทำเสียง “หา?” อย่างไม่ปิดบัง
“ท่านคงคิดว่ามันเป็นวิธีที่โง่เขลา ในมุมมองของมนุษย์ผู้ถูกขีดจำกัดหลอกหลอนก็คงจะเป็นเช่นท่าน การสร้างพระเจ้าขึ้นมามันยากเย็นยิ่งกว่าการคืนชีพเทพมังกรเสียอีก ทว่า ด้วยน้ำมือของท่านผู้นั้น ไม่มีสิ่งใดที่เกินเอื้อม นายเหนือหัวของข้ามักจะคว้าทุกอย่างไว้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะมาอยู่ในกำมือ มันเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด แล้วก็ใช่ ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างสง่างาม ..จิกซอว์ทั้งหมดครบแล้ว”
…..
“การสร้างตัวตนที่ทัดเทียมพระเจ้า จำเป็นต้องมีสิ่งที่ใกล้เคียงกันแลกเปลี่ยน สิ่งนั้นคืออะไรกัน”
“ผู้เดียวที่ทัดเทียมกับพระเจ้าก็มีเพียงแค่ ‘จอมมาร’ เท่านั้นแหละท่าน”
“…พวกแก คิดจะสังเวยเจ้านายของตัวเองนั้นสินะ พวกชั้นต่ำ”
เคียวยะเดือดดาลขึ้นมา เพราะคนที่จะต้องถูกใช้เป็นพิธีคือเพื่อนคนสำคัญของเขาอย่าง เบลลามี
“ซ้อนทับกฏของโลกโดยการสร้างกฏใหม่ขึ้นมา นี่คือโลกที่จอมมารของพวกแกปารถนานั้นเรอะ ก็แค่สร้างโลกเดิม ที่เปลี่ยนผู้ปกครองก็แค่นั้นไม่ใช่รึไง!?”
“ใช่แล้วละ สิ่งที่กำลังทำมันห่างไกลกับจุดเริ่มต้นอย่างมาก ..ทำลายกฏ? เพราะทำไม่ได้ จึงช่วยไม่ได้ที่ต้องสร้างกฏใหม่ขึ้นมาทับแทน ..ทว่า มันคือทางเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่พวกข้าจะไตร่ตรองได้—แต่เดิมนี่ไม่ใช่แผนของท่านผู้นั้น แต่เป็นแผนของพวกข้าเอง” ลูซิเฟอร์ยิ้มมุมปาก ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “ท่านจอมมารควรจะถึงเวลาต้องหลุดพ้นจากโลกใบนี้แล้ว ..ไม่จำเป็นต้องทุกข์ทรมานเพื่อสิ่งอื่นใดอีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องถูกมนุษย์ที่ตัวเองรักหักหลังครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่จำเป็นต้องสู้—โลกที่อ่อนโยนกับท่านผู้นั้น พวกข้าจะรังสรรค์ขึ้นมาเอง”
…….
“ท่านไม่คิดแบบเดียวกับข้ารึ?”
“..พวกแกมีเหตุผล กว่าจะมายืนอยู่จุดนี้ ไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ—แล้วใครสนกัน จะทำให้จอมมารหลุดพ้น? อย่ามาล้อเล่นนะเว้ย หลุดพ้นอะไรกัน ปีนี้ยัยนั่นพึ่งจะอายุสิบหกปี ก่อนจะตายน่ะ อยู่ให้ได้อย่างน้อยอีกสักสี่สิบปีก่อนเถอะ”
“…หึม พูดถึงท่านจอมมารเบลลามีสินะ”
“ใครสนกันวะ เรื่องชะตากรรมของโลกใบนี้ ทำไมฉันต้องสนด้วย! ..คำถามที่สอง ลูซิเฟอร์—ยอมแพ้แล้วให้ปล่อยตัวจอมมารมาซะ”
“นั่นประโยคคำสั่งนะท่าน”
“นี่คือการตั้งคำถามที่สุภาพที่สุดของฉันแล้ว”
เคียวยะจับหน้าอกของตัวเอง และขยี้ กัดฟันกรามแน่นด้วยโทสะ
“..คืนเพื่อนของฉันมาซะ”
“ ‘เพื่อน’ ? ..คิดเช่นนั้นจริงๆรึ” ลูซิเฟอร์ครุ่นคิด “ข้าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่อัดแน่นในหัวใจของท่าน คิดว่าสิ่งนั้นมันมากกว่าคำว่าเพื่อนเล็กน้อยนะท่าน”
“เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ผู้ใช้ดวงตามหาปราชญ์มีสิ่งที่ไม่เข้าใจด้วยสินะ”
“เออสิ คงอย่างที่แกว่า ลูซิเฟอร์ มนุษย์น่ะมีขีดจำกัดอยู่ ..เพราะอย่างนั้นจึงต้องยืมสายตาของคนอื่น เพื่อที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นให้ได้ในสักวัน”
เคียวยะเปิดใช้งานดวงตามหาปราชญ์ จับจ้องไปที่ลูซิเฟอร์ด้วยรอยยิ้ม
“เพราะอย่างนั้น บอกให้ฟังเอาบุญซะสิ ว่าฉันรู้สึกยังไงกันแน่”
“นั่นสินะ …ท่าน—”
“ ‘กำลังตกหลุมรัก’ ”
ตกหลุมรัก? ใครกัน
“ท่านหลงรักนายเหนือหัวของข้า หลงรักท่านดิลุค และท่านเบลลามี เป็นเด็กหนุ่มที่เจ็บปวด เพราะคนที่ตัวเองรักมีชะตากรรมที่ท่านไม่พึงพอใจ”
“..หา? ..พูดบ้าอะไรกัน”
“เท่าที่ข้าเห็นมันเป็นอย่างนั้น”
..
เคียวยะสัมผัสหน้าอกของตัวเองอีกครั้ง ..ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ?
“ไม่สิ มันไม่ได้สำคัญอะไร”
เคียวยะนึกถึงภาพที่เรเซอร์ยืนอยู่เคียงข้างเบลลามี โดยที่มีเขาเดินตามจากข้างหลัง–สิ่งที่เขาอยากจะมอบให้แก่ทั้งสองคนคือรอยยิ้มของตัวเขาเอง ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่านั้น
“ฉันชอบเบลลามี ..แปลกใหม่ดีนะ แต่ว่าไม่ได้รู้สึกน่าตื่นตกใจอะไรเลย ไม่ได้ตื่นรู้เหมือนกับในนิยายที่เคยเขียน การที่รู้สึกตัวถึงเรื่องนี้ ไม่ได้ทำอะไรให้ในตัวฉันเปลี่ยนไปเลย”
เบลลามีเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ยิ้มให้กับเคียวยะ ในวันที่ตัวเองตกต่ำที่สุด เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในความคิดของเคียวยะ ทว่าความรู้สึกอยากจะครอบครอง หรือเข้าแข่งกับเรเซอร์ไม่มีอยู่เลยในหัว ช่างน่าแปลกประหลาด
หากเป็นนิยายที่เคียวยะเคยเขียน การตระหนักรู้ในเรื่องนี้ จะไปสู่การแข่งขันอันเป็นโค้งสุดท้ายของความสัมพันธ์ ตัวเขาจะมีหน้าที่ทำให้คู่พระนางตระหนักรู้เช่นเดียวกับตัวเอง และลงเอยกันในบทสรุป ..แต่เรื่องของตัวเองมันกลับไม่เป็นอย่างนั้น
ตั้งแต่เริ่มรู้สึก เขาก็ปารถนาให้ทั้งสองเดินเคียงข้างกันในฐานะเพื่อน
อาจจะเป็นเพราะเคียวยะก็รัก ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ ไม่ได้น้อยไปกว่าเบลาลมีเลยก็เป็นไปได้ ..ไม่สิ มันเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ เพราะรักทั้งสองคนมากๆ
เป็นอีกไม่กี่ครั้งที่เคียวยะยิ้มออกมา
“ฉันคิดมาโดยตลอดว่าความรักเป็นเรื่องไร้สาระ หากพูดถึงประโยชน์ของมันก็มีแค่ถ้าเอาไปใส่ในนิยาย คนอ่านจะอิน และปาเงินมาให้เป็นจำนวนมากอย่างไม่ทราบสาเหตุ ..แต่ความจริงมันมีอะไรมากกว่านั้นสินะ”
เสียงถอนหายใจลากยาวของเคียวยะทำให้ลูซิเฟอร์แปลกใจ
“ได้ไอเดียใหม่แล้วละ หลังจากจบเรื่องทุกอย่าง ฉันจะไปออกหนังสือเล่มใหม่ เล่มนี้จะต้องเป็นเล่มที่สนุกที่สุดที่เคยเขียนมาก่อนได้อย่างแน่นอน”
“ดูอารมณ์ดีจริงๆนะท่าน”
“เออสิ เรื่องนี้คงต้องขอบคุณแกด้วย คิดซะว่าทำบุญไปละกัน ต่อไปคำถามสุดท้าย”
…..
“จะรังเกียจรึเปล่า ถ้าชีวิตของแกต้องพังเพราะฉัน”
“เป็นประโยคคำถามที่เลวร้ายมากเลยนะท่าน”
“ฉันจะหยุดแกที่นี่ จอมมารจะต้องสูญเสียหมากตัวสำคัญ แกจะไม่มีสิทธิ์ได้ไปช่วยเบลลามีเจ้านายของแก ตัวตนของแกจะถูกลบออกจากสนามรบด้วยน้ำมือของฉัน”
“ปล่อยข้า แล้วไปทำแต้มที่งานแต่งไม่ดีกว่าหรือ? ดูยังไงๆมันก็คืออีเว้นต์ปั่นแต้มแข่งกับศัตรูหัวใจนะท่าน”
ลูซิเฟอร์พูดหยอกล้อ เคียวยะได้ยินก็หัวเราะอย่างร่าเริง ผิดกับปกติฟ้ากับเหว
“ที่ตรงนั้นมีพระเอกนิยายรออยู่แล้ว บทของพระรองมีแค่ไปเฝ้ามองงานแต่งงานจากที่ที่แสนห่างไกลเท่านั้น—ฉันคนนี้จะขอรับบทของพระรองชั่วคราว”
เคียวยะปลดกระดุมเสื้อออกหนึ่งเม็ด ก่อนยกมือขึ้นฟ้า
“และวินาทีที่ฉันโค่นแกลงได้ ก็จะสิ้นสุดทางของการเป็นพระรอง ฉันจะถือกำเนิดใหม่อีกครั้งในฐานะ ‘เคียวยะ’ !!!!”
แสงสีม่วงพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ก้อนเมฆแยกออกจากกัน และเผยให้เห็นก้อนเหล็กสีดำขนาดยักษ์ ซึ่งถูกหิ้วด้วยโดรนขนาดเล็ก
“..[โคริน]”
ลูซิเฟอร์แหงนหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า และยิ้มออกมาให้กับภาพที่เห็น
“น่าสนใจจริงๆ”
ก้อนเหล็กสีดำพุ่งลงมากจากแสงสีม่วง สิ่งนั้นทับร่างของเคียวยะ—-ก้อนเหล็กสีดำเกิดมีสีม่วงขึ้นมาเป็นขีดๆ เหล็กถูกบีบไปตามขีดสีม่วง และโดนบดขนาดให้เล็กลง
เพียงแค่ 1 วิ
จากก้อนเหล็กได้แปรเปลี่ยนไปเป็น ‘ชุดเกราะสีดำ’ เกราะมนตรา KY HOPE มีลักษณะที่เรียวบาง ทั่วทั้งเกราะมีวงจรเวทย์ผุดขึ้นและเลืองแสงสีม่วงอย่างสวยงาม และนอกเหนือสิ่งอื่นใดคือแกนกลางของการพัฒนาที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุดตรงหน้าอก มันคือต้นกำเนิดของชุดเกราะ และเป็นสิ่งพิเศษเพียงหนึ่งเดียวบนโลก
“ [KY HOPE] ”
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอบๆตัวเคียวยะเต็มไปด้วยแรงบีบอากาศที่มหาศาล พร้อมกับแสงสีม่วงที่กระจัดกระจายไปทั่วประหนึ่งหมอกควัน ลูซิเฟอร์ยืนล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ท มองดู–
“การวิวัฒนาการณ์ที่ไร้ขีดจำกัดของมนุษย์ HOPE เป็นรูปแบบพลังที่เหมาะกับท่านดีนะ”
ความหวังของเคียวยะ–การวิวัฒนาการณ์ที่ไร้ขีดจำกัดของเคียวยะ
ชื่อนั้นคือ KY HOPE
“ทั้งทรงพลัง และสง่างาม เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นสิ่งนี้กับตา นี่สินะ การวิวัฒนการณ์ที่ท่านถวิลหา วิเศษมาก วิเศษสุดๆไปเลยละท่าน ข้าปลาบปลื้มจนหยุดตบมือไม่ได้เลย”
“[ชาร์จ]-[ONE]”
“ข้าควรจะทำยังไงด—เอ๊ะ ..หืม ..อ๊ะ”
ลูซิเฟอร์ทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้น บริเวณปากถึงจมูกโดนต่อยจนมีเลือดไหลออกมา ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนมองตามแทบไม่ทัน แมวน้อยอาซาเซลบนไหล่วาร์ปไปอยู่บนผนึกสีม่วงบนฟ้าแทน–เคียวยะในร่าง KY HOPE ยืนเหยียบเข่าของลูซิเฟอร์อยู่ตรงหน้า สิ่งนั้นมองต่ำมาที่ลูซิเฟอร์ด้วยดวงตาแสงสีม่วงที่ส่องประกาย
“ถึงเวลาเร่งสปีดแล้ว ลูซิเฟอร์”
“ฮึๆๆ..ฮะ ฮะ ฮ่าๆๆๆๆๆ!”
“อย่าคิดว่าจะได้พักหายใจเชียวละ”
ลูซิเฟอร์ลุกขึ้นยืน ดวงตาส่องประกาย อำนาจบาปแห่งความเย่อหยิ่งถูกเปิดใช้งาน–ทั้งสองแลกหมัดกันหนึ่งจังหวะ
เพียงแค่นั้นก็ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ถูกลบหายไปด้วยพลังทำลายล้างเหนือมนุษย์ของทั้งคู่
‘เมี๊ยว’
ผนึกสีม่วงลอยไปมาบนท้องฟ้า อาซาเซลตัวน้อยจะเป็นสักขีพยานในการต่อสู้ครั้งนี้