เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 351
< < 217 Sec1 > >
พิธีงานแต่งงานเริ่มขึ้นในเวลาเที่ยงตรงของวัน
บริเวณหน้าโบสถ์ของพิธี
กองทัพอาร์คเดม่อนกว่าพันชีวิตยืนคุ้มกันอยู่ข้างหน้า โดยที่มีจุดศูนย์กลางของทัพทั้งหมดสองจุดได้แก่ ทางซ้ายที่นำโดย ‘มหาบาปแห่งความริษยา’ ‘ลิเวียธาน’
เธอคือหญิงสาวที่มีเลือนผมสีฟ้ายาวถึงเอว ไว้ผมเปิดหน้าผาก เพื่อโชว์ให้เห็นเขาอันเป็นสัญลักษณ์ของเผ่ามังกรน้ำ ดวงตาสีฟ้าประหนึ่งท้องทะเล ผิวสีขาวราวหิมะ ยิ่งกว่าภาพลักษณ์ที่เหนือธรรมชาตินั้นก็คือเลือนร่างของเธอที่สมบูรณ์แบบ สูงถึง 170 ซ.ม. และการแต่งกายที่เผยเนื้อผิวเยอะของเธอก็ช่วยเพิ่มสเน่ห์ในฐานะหญิงสาวเข้าไปใหญ่ และสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือต่างหูอันเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจมหาบาป
และทางขวา ‘มหาบาปแห่งความเกียจคร้าน’ ‘อังเฟกอร์’
สิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่นอนอยู่บนใบไม้ รูปร่างหน้าตาของเธอยากจะเห็นได้ชัด
ทั้งสองทำหน้าที่เป็นผู้นำของเหล่าอาร์คเดม่อนเพื่อคุ้มกันงานแต่งงานครั้งนี้ ระหว่างที่งานดำเนินอยู่จะยอมให้มีใครสักคนเข้าไปไม่ได้เด็ดขาด ..กระนั้น
ก็คงรู้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นคงไม่ตั้งขบวนกันเสียจริงจังหรอก
ประกายแสงสีขาวผุดขึ้นจากท้องฟ้า—นับไม่ถ้วน จำนวนอาจจะมากกว่าพัน และอาจจะถึงหมื่นก็เป็นได้
ลิเวียธาน กับอังเฟกอร์ยกมือขึ้นฟ้าพร้อมกันกับอาร์คเดม่อนนับพันชีวิต—โล่ป้องกันปกคลุมทั้งกองทัพอาร์คเดม่อน
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ระฆังการต่อสู้ได้ดังขึ้นก่อนระฆังงานแต่งงานจนได้
การปะทะกันครั้งแรก ไม่มีความเสียหายใดทั้งนั้น ด้วยพลังของสองปีศาจมหาบาป และอาร์คเดม่อนนับพัน ทำให้ปัดป้องการโจมตีที่รุนแรงของทูตสวรรค์ไปได้ไม่ยากเย็น
“พวกทูตสวรรค์ชั้นสวะ จะฆ่าทิ้งให้หมดเลยคอยดู—!!” ลิเวียธานโพล่งออกมาอย่างดุดัน
“ทูตสวรรค์ แล้วก็อาจมีแขกรับเชิญพิเศษมาอีก ..คนเยอะเกินไปแล้วค่า ไม่ใช่งานที่นีทอย่างฉันจะทำไหวเลยนะคะ ท่านดิลุค!”
“หยุดโวยวายได้แล้ว ยัยบึ้มไร้สมอง!”
“หงะ!!?”
สิ้นสุดเสียงก่นด่า ทูตสวรรค์ที่บุกโจมตีก็ปรากฏตัวขึ้นบนฟ้า พร้อมกับลูกสมุนเผ่าพันธ์บนสวรรค์จำนวนน้อยกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งฟื้นคืนชีพมาด้วยวิธีเดียวกับอาร์คเดม่อน
นำมาโดย ‘มิคาเอล’ หัวหน้าของเหล่าทูตสวรรค์ และสองทูตสวรรค์ที่ยังเหลือรอด ‘ราฟาเอล’ และ ‘กาเบรียล’
ทั้งสามมองต่ำลงมาที่พื้นดิน
“แค่สองตัวเองรึ? ทั้งยังเป็นมังกรหลงฝูง กับลูกครึ่งภูตนีทสวะอีก จอมมารตกต่ำลงถึงขนาดนี้แล้วจนได้สินะคะเนี่ย”
มิคาเอลบินแหลมออกหน้าออกตาจากสามทูตสวรรค์ เธอเป็นคนที่เลวร้ายที่สุด ปีศาจมหาบาปรวมถึงทูตสวรรค์ด้วยกันเองเข้าใจความจริงข้อนี้ดีที่สุด
สำหรับเธอ บนฟ้าคือทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยม เพราะมันง่ายต่อการสังหารหมู่ฝูงมด
“เอาละ ..ออกมาซะ [มหาสุริยะ]”
ก้อนเมฆเปิดกว้าง เผยให้เห็นดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่าง เพียงแค่ไอร้อนก็สามารถแผดเผาอาร์คเดม่อนบางตนจนตายได้แล้ว หอกแห่งพระอาทิตย์กำลังจะเคลื่อนมาหามิคาเอล ทว่ามันก็ผล็อยสลายไปก่อนจะมาถึงมือ
“…หา?”
ความร้อนจากแสงอาทิตย์หายไปเสมือนเรื่องโกหก มิคาเอลกวักมือซ้ำไปมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรก่อนขึ้น ก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่สามารถเรียกมหาสุริยะได้ก็สายไปแล้ว—-
“[มหามังกรดรอปคิก]!!!!!!”
หญิงสาวรูปงาม ‘หนิง’ ลอยมาจากบนฟ้าที่เหนือกว่า พุ่งตรงมาหามิคาเอลด้วยท่ากระโดดถีบอันเลื่องชื่อ ทั่วทั้งร่างย้อมด้วยเพลิงสีชมพู ต้นเหตุที่ทำให้แสงอาทิตย์มาไม่ถึงอาจจะเป็นเธอกระมัง?
“มหามังก—”
“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!”
ถูกเตะเข้าเต็มหน้า มิคาเอลปลิวไปกับแรงระเบิดเพลิงสีชมพู—-
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เพียงครู่เดียว มิคาเอลคนนั้นก็โดนเด็กผู้หญิงจากที่ไหนไม่รู้กระโดดถีบพาดิ่งลงพื้น
เปลวเพลิงสีชมพูพวยพุ่งออกจากพื้นดินอย่างไร้ขีดจำกัด ทว่าทั้งหมดก็โดนซัดจนปลิวไปในวินาทีถัดมา
“บัดซบ!!!!”
“ถะ ถึกเป็นบ้า!”
“บังอาจมากนะแก ไอมนุษย์ชั้นต่ำที่มีสายเลือดชั้นต่ำอยู่ในตัว–”
“[มหามังกรดรอปคิก]!”
หนิงเล่นทีเผลอ กระโดดถีบมิคาเอลจนปลิวอีกรอบ—-ครั้งนี้มิคาเอลสามารถตั้งหลักมายืนใหม่ได้ทันทีหลังจากกลิ้งไปมาสามรอบได้
“แก!!!!!”
“เอาสิ มาเลย”
เพลิงสีขาว และประกายแสงสีขาวเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด อาร์คเดม่อนรอบๆมากันหลีกทางให้ทั้งสองต่อสู้กันตามใจตัวเอง
ระหว่างที่การต่อสู้ของทั้งสองทำให้การประกาศสงครามหยุดนิ่งลง—ประกายเพลิงมหามังกรก็วูบขึ้นอีกครา
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
‘ชิน’ และ ‘ฟัฟนิร์’ สองมหามังกรเพลิงที่แท้จริงวิ่งฝ่าอาร์คเดม่อนมาอย่างสง่างาม นอกจากนั้นก็มี ‘เรย์’ คอยวิ่งตาม และระวังหลังให้ทั้งสองคน
สงครามเริ่มขึ้นแล้ว แต่ไม่ใช่ระหว่าง จอมมาร และทูตสวรรค์ แต่ดันเป็นของใครที่ไหนก็ไม่รู้ กับจอมมาร และทูตสวรรค์เสียอย่างนั้น
ลิเวียธานที่เห็นภาพตรงหน้าถึงกับกุมขมับตัวเอง
“..พวกเพื่อนของหวานใจยัยนั่นสร้างปัญหากันเก่งจริงๆนะ”
“อีเว้นต์บุกชิงตัวเจ้าสาว!? นี่มันความฝันของฉันเลยนะคะ! ท่านหญิงดิลุค น่าอิจฉาจังเลย ~ อยากมีบ้างอ่าๆๆๆ”
“เลิกเพ้อได้แล้ว ยัยป้านีท”
“หงะ!!”
ทางฝั่งคนจากบนฟ้าเองก็ปวดหัวไม่แพ้ลิเวียธาน
“มิคาเอลโดนเอาตัวไปซะแล้วค่ะ ราฟาเอล” กาเบรียลพึมพำ
“นั่นสินะคะ คนที่มีหน้าที่สั่งการณ์ดันสติแตกเข้าสู้ไม่คิดหน้าคิดหน้าคิดหลังแบบนี้ พวกเราจะทำยังไงกันต่อดีนะ” ราฟาเอลถอนหายใจ ก่อนจะยกมือสั่งการ “บุกโจมตี แล้วก็ฝ่าวงล้อมไปช่วยมิคาเอลกันเถอะ”
กล่าวจบ ทูตสวรรค์ทั้งสองก็ดิ่งลงพื้น พร้อมกับเผ่าบนสวรรค์ที่บินตามลงมา—ปีศาจมหาบาป และอาร์คเดม่อนเตรียมตัวตั้งรับ—-
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ประกายแสงเพลิง และสว่านมรณะเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนตลอดการต่อสู้
“อย่าให้พวกมันผ่านมาถึงท่านอังเฟกอร์ได้เด็ดขาด!!!”
“หยุดมันไว้ให้ได้!!!”
“เพื่อโลกที่ท่านจอมมารปารถนา!!!”
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าใส่อาร์คเดม่อน อย่างกับกระสุนในสงคราม
“ทะลวงไปให้ได้”
“ตามคำสั่งของท่านราฟาเอล”
“ชำระล้างปีศาจชั้นต่ำ!”
ราฟาเอลบินเข้าไปประชิดลิเวียธาน และแลกการโจมตีกันหนึ่งจังหวะ เพียงแค่นั้นก็ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของอากาศที่ทำให้อาร์คเดม่อน และเผ่าพันธุ์บนสวรรค์รอบๆตัวระเบิดเป็นน้ำสีแดง
“ไม่ได้พบกันนานนะคะ ลิเวียธาน สวยขึ้นหรือเปล่าคะเนี่ย?”
“แน่นอนค่ะ—ทางเธอเองก็ทุเรศขึ้นรึเปล่าคะเนี่ย?”
“เป็นถึงเผ่าพันธุ์ที่งดงามแท้ๆ แต่ไร้มารยาทจริงๆนะคะ ..อ๊ะ ประทานโทษค่ะ ลืมไปเลยว่าเทียบกับคนในเผ่าแล้ว ลิเวียธานค่อนข้างจะน่ารังเกียจ”
การปะทะคารมย์ นำไปสู่การต่อสู้อย่างบ้าคลั่งของผู้ที่เคยมีความหลังกันมาก่อน
ปีศาจมหาบาป และทูตสวรรค์ ไม่ว่าอย่างไรสองสิ่งนี้ก็คิดจะฆ่าอีกฝ่ายทิ้งให้ได้ตลอดเวลา
อังเฟกอร์ใช้ความสามารถของตัวเองสนับสนุนอาร์คเดม่อนนับพัน เช่นเดียวกับกาเบรียลที่ถนัดการป้องกันเป็นพิเศษ
การต่อสู้เกิดขึ้นพร้อมกันในหลายๆจุด ในสนามรบไม่ว่าใครก็ต้องมุ่งสมาธิกับการต่อสู้ เพราะอย่างนั้นมันจึงเกิดช่องว่างขนาดใหญ่โดยที่ไม่มีใครรู้สึกตัว
แสงสีขาวพุ่งผ่ากลางสนามรบ เข้าไปภายในโบสถ์—
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ตามมาด้วยผลกระทบย้อนหลัง ที่ทำให้สนามรบระเบิด
****
สนามรบช่างเป็นอะไรที่น่าสยอง ถึงตัวผมจะผ่านประสบการณ์อะไรมามากมายในชีวิต โดยเฉพาะกับเรื่องการต่อสู้ แต่นี่คือครั้งแรกบนสนามรบ
ถึงจะคิดว่ามันน่าสยอง แต่ผมก็ใจเย็นผิดคาด ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกอะไรเลยแม้แต่น้อย มันทำไมกันนะ?
ผมกลายเป็นแสงสีขาวด้วยความสามารถของยูจิ ยูจิพาผมทะลุผ่านสนามรบ มาลงเอยที่โบสถ์งานแต่ง ไม่จำเป็นต้องถีบประตูแบบเท่ๆแล้วตะโกนว่า “มารับเจ้าสาวแล้วโว้ย” ก็ได้ เราสามารถบินมาแล้วพูดประโยคเดิมได้เหมือนกัน
ไม่ซ้ำแล้วเห็นมั้ย?
“มารับเจ้าสาวแล้วโว้ย!!!”
ผมโผล่มากลางห้องขนาดใหญ่ภายในโบสถ์ พร้อมกับ เบลลามี แอสโมเดียส และยูจิที่ช่วยแยกพวกเรามา
ทว่า เจ้าสาวที่ผมตามหาดันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“เอ๋?” ยูจิหลุด
“ตัวเราอีกคนหายไปซะแล้ว” เบลลามีพึมพำ
“หรือว่าพิธีจบแล้วกันครับ ตอนนี้ท่านจอมมารอีกครึ่งหนึ่งน่าจะไปฮันนีมูนอยู่รึเปล่า” แอสโมเดียสพูดแซว
ผมมองไปทั่วทั้งโบสถ์ ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับคนๆหนึ่ง
ตรงกลางห้องโถงขนาดใหญ่ หญิงสาวร่างเล็ก ‘ซาตาน’ ยืนรออยู่ราวกับกำลังทักทายกัน
“ยินดีที่ได้พบ แขกที่ไม่ได้รับเชิญ”
ซาตานโพล่งขึ้นเสียงดัง ทั้งๆที่ไม่ได้ตะโกนอะไร
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ไม่ทราบว่าคุณดิลุคอยู่ที่ไหนหรือครับ?”
ยูจิรับมุก ถามกลับอย่างสุภาพ ….ซาตานเลือกจะไม่ตอบอะไร เธอยื่นมือไปคว้าพื้นดิน
‘ดาบทลายโลกา’ ปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกผม พร้อมกับความร้อนที่พวยพุ่งออกมา—ซาตานพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง พร้อมกับเหวี่ยงดาบทลายโลกาที่แค่โดนไอร้อนร่างก็กลายเป็นผงเข้าใส่
ยูจิพุ่งสวน ใช้มือเปล่ารับดาบทลายโลกาตรงๆ
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! การปะทะระหว่างดาบทลายโลกา และมือเปล่าของยูจิ ไม่มีอะไรมากไปกว่าคลื่นไอร้อนที่กระจายออกเมื่อเกิดการปะทะ
“..ร้อนเหมือนกันนะครับ ถ้าจับนานกว่านี้สักนาที แขนน่าจะหายไปทั้งแขนแน่ๆครับ”
ทั้งอย่างนั้น ยูจิก็หันมาหาผม และพูดด้วยรอยยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่แขนตัวเองกำลังจะระเหย
“วางใจได้ครับ ผมจะรับมือกับคุณซาตานเอง”
‘ซาตาน’ หนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งซะจนน่าเหลือเชื่อ ในแง่ของพลังทำลายล้าง ซาตานเหนือกว่าจอมมาร และเอเธอร์ซะอีก อาจจะนับรวมซาตานเป็นหนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นเดียวกับเอเธอร์ก็อาจจะได้เหมือนกัน ..แต่ก็นะ
ระดับยูจิ ซาตานคงไม่มีสิทธิ์มาไล่ตามผมได้ อีกฝ่ายเป็นถึงยูจิเชียวนะ ยูจิ—ผู้ที่มอบจุดจบให้โลกใบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ผ่านที่ก้าวผ่านกาลเวลามานับล้าน จุดสูงสุดของทุกศาสตร์บนโลกใบนี้ ตัวตนผู้พิเศษเหนือกว่าใครๆ
ต่อให้ไม่มีอลัน หรือไม่มีคำแนะนำจากออโรโบรอส แต่ยูจิก็ยังเป็นตัวขี้โกงขนานแท้อยู่ดี
ทั้งจอมมาร ทั้งเทพมังกร ก็ล้วนเคยถูกยูจิคนนี้โค่นมาแล้วทั้งนั้น—-กะอีแค่ลูกสมุนจอมมารที่เก่งเป็นพิเศษขึ้นมาหน่อย จะทำอะไรได้บ้าง
“ฝากด้วยละ”
เพราะอย่างนั้น ผมจึงไว้ใจยูจิ
“เช่นกันครับ”
ยูจิเองก็ฝากหลังให้กับผม
เรื่องมันก็แค่นั้น—ผมบินผ่านซาตานไปพร้อมกับอีกสามชีวิต ง่ายๆด้วยการควบคุมแรงโน้มถ่วงจากเรลันดาฟ ซาตานที่พยายามจะเหวี่ยงดาบขัดขวางผมก็โดนยูจิซัดจนจมดิน คล้ายจะบอกว่าต่อหน้ายูจิ การสนใจศัตรูคนอื่นเป็นเรื่องไร้สาระ
ไม่ใช่แค่ยูจิ ผมมีพวกพ้องที่แข็งแกร่ง และไว้ใจได้ หน้าที่ของผมตอนนี้เลยมีแค่–ไปพบกับจอมมาร และทำลายงานแต่งนี่ทิ้งซะ