< < 209 > >
ภายในป่ายามค่ำแถวหมู่บ้าน
เรย์ออกมาพบกับ ‘เทพดาบ’ ‘แกนน่อน’
“เติม ‘คุณ’ ด้วยสิ เจ้าหนู”
“ฮะๆๆๆ นั่นสินะ แกนน่อนจริงๆแล้วเป็นคุณป้านี่นะ”
“…..”
จิตสังหารพวยพุ่งออกมากระทันหัน เรย์หน้าซีดตัวสั่น และเกือบจะฉี่แตกออกมาแล้ว แต่ยังดีที่แกนน่อนเก็บจิตสังหารกลับไปก่อน
เกือบจะสูญสิ้นความเป็นคนแล้วไงละ
“คือว่านะ ช่วยใจดีกันหน่อยจะเป็นบุญคุณมากเลย ทางฉันแค่โดนจิตสังหารนิดๆหน่อยๆก็ช็อคตายได้แล้วนะ”
“โชคดีนะที่ยังอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้ได้น่ะ”
“ดูพูดเข้าสิ”
“ว่าแต่มาทำอะไรที่นี่เหรอ?”
“แค่บังเอิญเฉยๆ”
พูดจบแกนน่อนก็เดินเข้าไปในป่า ไม่สนใจใยดีเรย์ เรย์เดินตามโดยไม่ได้ขอ เดินไปไม่นานก็พบกับที่พักอยู่อาศัยชั่วคราวซึ่งมีกองไฟตั้งอยู่ แกนน่อนลงไปนั่งพิงต้นไม้ข้างๆกองไม้ จากนั้นก็หยิบเอาเนื้อตัวอะไรสักอย่างเสียบไม้ขึ้นมาย่าง
“…อ๊ะ”
โครกกกกก เสียงท้องร้องของเรย์ดังขึ้นกระทันหัน
“จะว่าไปยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยงเลย”
พอได้รับข้อมูลจากเซียนมาก็นั่งประชุมกันต่อว่าจะเอายังไงยาว ตอนที่ทุกคนแยกย้ายไปทำอย่างอื่นเรย์ก็เลือกจะนั่งคุยเรื่องของเทพดาบกับเซียนต่อยาวๆจนเย็น จากนั้นก็ไปเข้านอนทั้งๆที่ไม่ได้กินอะไรเลย เมื่อตอนมายามค่ำคืนจะรู้สึกหิวก็ไม่ได้แปลกอะไร ยิ่งกับเด็กหนุ่มนักดาบที่ในแต่ละวันใช้พลังงานร่างกายมหาศาลนั้นยิ่งแล้วใหญ่
วัยประมาณนี้ควรจะรับประทานอาหารให้เยอะๆละนะ
“เอาไปสิ”
แกนน่อนยื่นเนื้อเสียบไม้มาให้ราวห้าไม้
“หาวิธีทำให้มันสุกเองนะ”
“โทษทีนะๆ ขอบคุณมากเลย ว่าแต่เนื้ออะไรละนั่น”
“มองโกเลีย”
“…กินได้แน่นะ ไม่ใช่ว่ามีพิษเหรอ?”
“แค่บางตัวเท่านั้น”
“แค่บางตัวที่ว่าอาจจะเป็นตัวนี้ก็ได้นะเห้ย!
“ล้อเล่นน่า ก็จริงที่บางตัวนั้นมีพิษ แต่ตัวที่ข้าคัดมาไม่มีทางมีพิษหรอก ไม่ได้โง่พอเอาพิษเข้าสู่ร่างหรอกนะ”
เธอหัวเราะพึมพำให้กับท่าทางตื่นตระหนกของเรย์
“ไม่เห็นมีอะไรน่าตลกเลย ไอฉันไม่ได้ยอดมนุษย์แบบยูจิที่ถ้าพิษที่ได้ไม่ได้ถึงขั้นตายก็จะเริ่มเจ็บหน่อยๆ หรืออย่างเรเซอร์ที่แค่ดีดนิ้วลบพิษก็สิ้นเรื่อง มีแค่ร่างกายของมนุษย์ธรรมดาๆที่แค่โดนพิษกระจอกๆเข้าไปก็หมดสภาพ”
เขาเองก็แอบน้อยใจเรื่องนี้เล็กน้อย เพราะเพื่อนรอบตัวนี่แทบจะหลุดคอนเซปต์ของมนุษย์ไปไกลกันแล้ว แต่ตัวเองยังไปได้ไม่ถึงไหน อย่าว่าแต่คู่ต่อสู้ระดับราชาอัศวินที่สำหรับสองคนนั้นดันเป็นได้แค่ศัตรูข้างทาง กับอีแค่นักดาบขั้นบรรลุทั่วๆไปด้วยกัน สำหรับเรย์ยังตึงมืออยู่เลย
“เรื่องนั้นข้าก็ไม่ต่างกันหรอก”
“เอ๊ะ!? แกนน่อนเองก็ไม่ได้มีต้านทานพิษเหรอ?”
“ใช่สิ ข้าเองก็เป็นแค่มนุษย์ทั่วๆไปคนหนึ่ง”
“ไม่ใช่ว่าตอนโดนพิษแค่ชักดาบมาฟันพิษในร่างกายทิ้งก็สิ้นเรื่องหรือไง!?”
“ทำได้ที่ไหนแบบนั้น วิธีเดียวที่จะรอดการโจมตีประเภทพิษหรือคำสาปได้ก็มีแค่ฆ่าอีกฝ่ายก่อนโดนเล่นงานแค่นั้นแหละ”
“นี่มันความรู้ใหม่ชัดๆ เทพดาบในตำนานที่เซียนยกย่องให้แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งโดนพิษเข้าไปก็จบเห่”
ทั้งสองคุยไปพลางย่างเนื้อเสียบไม้ไปด้วย
“เซียน ..หมายถึง ‘ฮุ่ยหมิ่น’ เหรอ?”
“อ่า ใช่ๆ พึ่งคุยกันไม่นานมานี้น่ะ”
“แนะนำว่าอย่าไปฟังเจ้านั่นมาก ก็แค่ผู้ชายเพ้อเจ้อคนหนึ่งเท่านั้น”
เรียกเซียนผู้ขึ้นชื่อเรื่องปราดเปรื่องที่สุดบนโลกแบบนี้ได้ที่ไหนกันเล่า เรย์ส่งสายตาอยากจะบอกอย่างนั้นออกมาพลางกินเนื้อมองโกเลียย่างไปด้วย
“แล้วคุยเรื่องอะไรกันล่ะ”
“หลักๆก็–เรื่องของเธอ”
แกนน่อนนิ่งลงกระทันหัน เธอจ้องกองไฟด้วยสายตาที่เหม่อลอย
“คุยกันถึงไหน”
“แทบจะทั้งหมดที่ท่านเซียนรู้เกี่ยวกับแกนน่อนละมั้ง”
“….ขอทราบเจตนาด้วยได้รึเปล่า”
เรย์ยิ้มออกมาราวกับกำลังรอคำๆนี้อยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ในฐานะผู้ท้าชิงย่อมต้องการข้อมูลสำคัญของศัตรู .. ‘แกนน่อน’ ฉันจะก้าวข้ามเธอในฐานะเทพดาบ เหตุผลที่อยากจะรู้เรื่องของเธอไม่ได้มากหรือน้อยไปกว่านี้!”
“ตามใจ”
“เอ๊ะ? ..นึกว่าจะตกใจกว่านี้ซะอีก แบบว่าไอฉันก็คาดหวังจะเห็นเทพดาบทำหน้าอึ้งๆแล้วคิดในใจไปว่า–ไอหมอนี่มันอะไรกัน ไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย น่าสนใจ อะไรราวๆนี้ซะอีก คาดหวังนะเนี่ยจะบอกให้”
“สบายใจได้ คนไม่รู้จักประเมินตัวเองอย่างเจ้าหนูน่ะไม่เยอะทีเดียว ก่อนจะสู้ก็มักจะพล่ามเจตจำนงศ์ของตัวเองซะยืดยาว แต่สู้จริงๆก็จบในวิหรือสองวิอยู่ดี ไม่ได้แปลกใหม่อะไร”
“จะบอกว่าฉันเองก็เป็นหนึ่งในพวกนั้นเรอะ”
“ไม่ใช่รึ? ให้ดูแบบหยาบๆ แค่ดาบเดียวเจ้าหนูก็แพ้ข้าแล้ว เจ้าหนูที่เด่นด้านการวิเคราะห์น่าจะเข้าใจถึงความห่างชั้นดีไม่ใช่รึ?”
แกนน่อนพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งก็ใช่ ทั้งความต่างชั้นระหว่างตัวเธอกับเรย์ และการฆ่าคนที่มาท้าทายเธอมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการหายใจเข้าหายใจออกสักเท่าไหร่
“รักษาน้ำใจกันหน่อยก็ดีนะ”
“จะลองตอนนี้เลยก็ได้นะ”
จะให้ฆ่าตอนนี้เลยก็ทำได้–เนื้อความที่ไปคนละทิศทางกัน แต่ให้ความรู้สึกไม่ต่างกันนี้ช่างน่าขนลุก
“…ฮะ ฮะ ตอนนี้คิดว่า”
“ ‘ยังก่อนดีกว่า’ สินะ อย่างน้อยความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์ก็ไม่ได้สูญเปล่า ต่อให้จะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหน หรือถือครองดาบมังกรเหล็กบรามุนต์ มันก็ไม่มากพออยู่ดี”
แกนน่อนหัวเราะขึ้นจมูกเย้ยหยันเรย์
“พวกเจ้าละช่างแปลกคนกันจริงๆ ลูกศิษย์กับอาจารย์ดูท่าสมองน่าจะกลับหัวเหมือนๆกันหมด คิดว่าเป็นพวกพอฉลาดอยู่บ้าง แต่แท้จริงแล้วคือพวกคนเขลาที่ไม่รู้จักประมาณตัวเอง ทั้งยังเป็นพวกหลงทางขั้นหนัก ไม่ต่างอะไรกับโรคจิตประเภทหนึ่ง ..เส้นชัยของการชนะเทพดาบคืออะไร การได้รับงานของฆาตกรมาเป็นของตัวเองมันมีค่าอะไรกัน ปลายทางของชัยชนะไม่ได้มีอะไรนอกเหนือไปจากการชนะสุดยอดฆาตกรคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์แท้ๆ” แกนน่อนพูดอย่างมีน้ำโห “ขอถามหน่อยสิ เรย์ คามาเลีย เจ้าและอาจารย์ของเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่”
“..แค่เดานะ ฉันเองก็ไม่ได้เข้าใจในตัวของอาจารย์เท่าไหร่หรอก แต่ในฐานะลูกผู้ชายเหมือนกัน–คงคิดว่าแกนน่อนไม่เหมาะกับดาบเลยสักนิด”
แกนน่อนเบิกตาโพลงกว้าง เธอหันมาจ้องหน้าเรย์ด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
“วิชาดาบที่แสนงดงาม ดันออกมาจากผู้หญิงที่ไม่เข้าใจความงามของมันเลยสักนิด ไม่ต่างอะไรกับการดูถูกวิชาดาบ—การได้เห็นเธอคนนี้ฟาดฟันชีวิต และได้เห็นใบหน้าที่เจ็บปวดยามต่อสู้ มันชวนให้รู้สึกเจ็บปวดจนอยากจะ ‘ชิงดาบ’ มาจากเธอคนนั้น”
เรย์เกาแก้มตัวเอง และหัวเราะร่า
“สำหรับฉัน ฉันแค่อยากจะพิสูจน์ในวิถีดาบที่ฉันเชื่อ เพื่อเป็นการพิสูจน์จิตใจของตัวเอง การโค่นเทพดาบอมทุกข์ในยามถือดาบเลยเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่อยากจะไปให้ถึง”
ในทีแรกก็เป็นเพียงเจตจำนงศ์ของอาจารย์ที่ส่งต่อมา และเขาก็รับเอาไว้เท่านั้น แต่ว่า–มันเปลี่ยนไปแล้ว ตอนที่ได้ใช้วิชาดาบของชายคนนั้น ตอนที่ได้จับดาบด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากแต่ก่อน หรือตอนที่ได้ฟังเรื่องราวของแกนน่อนเองก็เหมือนกัน
เธอคนนี้ไม่เหมาะกับดาบ เพราะอย่างนั้นจะช่วงชิงมันมาเอง
“ช่วงชิงดาบ ..นี่คือสิ่งที่เจ้าหนูกับเกรย์คิดกันเหรอ?”
“กรณีของอาจารย์น่าจะต่างกับฉันเล็กน้อย”
“ช่วยบอกทีสิ”
“มันก็พูดยากอยู่นะ ฮะๆๆๆ น่าอายหน่อยๆด้วยเรื่องพวกนี้”
“บอกมาซะ ..ข้าอยากจะรู้จริงๆ”
แกนน่อนพูดด้วยใบหน้าเปื้อนทุกข์
“อยากจะรู้มาโดยตลอด”
….
“ขอร้องละ”
..เรย์เกาศรีษะตัวเองก่อนตอบ
“ชายที่ฉันยอมรับในฐานะอาจารย์ ‘เกรย์’ ตกหลุมรักแกนน่อน เรื่องมันก็แค่นั้นเลย”
“ตกหลุมรัก?”
“ความสัมพันธ์เชิงๆชู้สาว ไม่สิ ของอาจารย์น่าจะบริสุทธิ์กว่านี้เยอะ แต่ก็อยู่ในลู่ทางความสัมพันธ์ระหว่างเพศตรงข้ามนั่นแหละนะ”
“นั่นคือเหตุผลที่เกรย์อยากจะช่วงชิงดาบของข้า?”
“คงจะใช่”
…….
…….
เสียงของกองไฟ และไออุ่นของมันทำให้แกนน่อนรู้สึกสงบ
“ผู้หญิงอย่างข้ามีสเน่ห์ในเชิงนั้นด้วยเหรอ?”
“ก็ต้องมีสิ ผู้หญิงทุกคนบนโลกมีสเน่ห์ในแบบของตัวเองหมดนั่นแหละ”
ชัยโย ในที่สุดก็ได้พูดแล้วหนึ่งในประโยคพูดของผู้ชายเนื้อหอมที่อ่านมาจากในนิตยสาร เขาว่ากันว่าถ้าพูดประโยชน์นี้ตัวเองจะเนื้อหอมขึ้นสิบเท่าโดยไม่รู้ตัวเชียวละ
“หลักฐานล่ะ”
“ถึงจะไม่เท่าอาจารย์ แต่ฉันก็คิดว่าแกนน่อนหน้าตาดีจะตายไป จากแหล่งข้อมูลที่ฉันหา และวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน แกนน่อนอยู่แรงค์ A เชียวนะ เป็นผู้หญิงที่หน้าตาดีระดับนานๆทีจะได้เห็นเป็นบุญตา การที่ไปไหนมาไหนแล้วจะมีผู้ชายมาติดสักที่ละสิบคนก็ไม่ได้แปลกอะไรเลย”
แต่ที่ไม่มีใครมาตามจีบเลยก็อาจเป็นเพราะแกนน่อนปกปิดหน้าตาตัวเองด้วยผ้าคลุม แค่นั้นไม่พอ คนที่เห็นหน้าตาก็ไม่น่าพ้นเป็นเป้าหมายฆ่าอีกด้วย ทำให้เสน่ห์ที่แท้จริงของแกนน่อนโดนปกปิด แถมยังเป็นเผ่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ที่มีสเน่ห์ตรงอ่อนไหวง่ายในบางจุดผิดกับมนุษย์ ..
“เจ้าหนูได้ฟังเรื่องของข้ามาแล้วไม่ใช่รึไง”
“ก็นะ”
“น่าจะรู้ดีนี่ว่าข้าเป็นผู้หญิงแบบไหน ..ข้าน่ะแปดเปื้อน แค่คืนๆเดียวข้าก็ผ่านผู้ชายไม่ต่ำกว่าสิบคน และอาจจะถึงร้อยคนด้วยซ้ำ ถูกกระทำเหมือนดั่งสินของราคาถูกที่ใช้ทิ้งขว้าง ถ้าหากมีคุณค่าจริงๆมันไม่น่าจะลงเอยเช่นนี้”
..แกนน่อนคือเด็กสาวเผ่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ทั่วๆไป ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกับครอบครัว อาศัยอยู่แถบชนบท จนกระทั่งวันหนึ่งก็ถูกโจรบุกทำลาย และนำตัวไปขายให้กับขุนนางโรคจิต
ชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่อายุไม่ถึงสิบห้าด้วยซ้ำก็ได้ถูกป่นปี้ความเป็นมนุษย์ ปาร์ตี้สำหรับขุนนางนั้นไม่ต่างอะไรกับปาร์ตี้ของสัตว์เดรัจฉาน
เรื่องเล่าที่เรย์ได้ฟังมานี้ทำให้เรย์ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะพูดยังไงดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะการปลอบใจมันอาจจะทำให้นึกย้อนถึงอดีตก็เป็นได้
“คุณค่าของผู้หญิงคือการให้กำเนิดชีวิต ..แต่ว่าข้าไม่สามารถทำได้ เพราะตรงนั้นของข้ามันพังไปแล้วตั้งแต่เรื่องเมื่อตอนนั้น เรื่องที่เจ้าหนูพูดมามันอาจชวนให้รู้สึกสนใจอยู่บ้าง แต่นี่แหละคือความจริงเกี่ยวกับตัวข้า”
“…แต่ว่าอาจารย์ก็ชอบแกนน่อนที่เป็นแบบนี้นะ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าแกนน่อนไร้ค่าสักหน่อย! เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนี่ ทำไมเรื่องมันกลายเป็นว่าตัวเธอมันไร้ค่าได้กันเล่า”
“ว่าตามตรง ข้าก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ข้าไม่ได้คิดจะมีความรักหรือให้กำเนิดใครอยู่แล้ว ถึงทั้งหมดที่คิดมันจะเป็นเรื่องหลังจากผ่านเหตุการณ์พวกนั้นไปแล้วก็ตาม”
นั่นมันเหมือนกับว่าเพราะเสียไปแล้ว เลยไม่คิดจะมีอะไรแล้วมากกว่า ….
“เทียบกับสิ่งที่ข้าทำหลังจากนี้มันก็ไม่ได้เทียบกันไม่ติดหรอก เก็บความเวทนานั้นไปให้กับคนที่ถูกรังแกแทนเถอะ”
เรื่องราวหลังจากนั้น—ในฐานะเครื่องจักรสังหารช่วงสงครามแย่งชิงอำนาจ
เธอต้องฆ่าเพื่อมีชีวิตต่อไป ทำเช่นนั้นวนไปมา จนกลายเป็นตัวตนที่จะมีชีวิตไม่ได้หากไม่ฆ่า แม้จะถูกกล่าวหาว่าเลือดเย็น แต่พวกพ้องที่ร่วมสู้รบกับเธอไม่คิดอย่างนั้น เธอได้รับความอบอุ่นมากมายจกาพวกเขา
ทว่า ในบทสรุป แกนน่อนก็หักหลังทุกคน เลือกจะมีชีวิตต่อไป และสังหารทุกคนด้วยน้ำมือของตัวเอง
ตั้งแต่ตอนนั้นหัวใจของเธอก็ถูกแช่แข็ง อายุขัยไม่เดิน กระทั่งเสียงของหัวใจก็ไม่ได้ยิน กลายเป็นตัวตนที่ห่างไกลกับคำว่ามนุษย์ ..นามของ ‘เทพดาบ’ เบื้องหลังคือฆาตกร
นับจากวันที่หัวใจของเธอถูกแช่แข็งไป
“ทำเรื่องที่เลวร้ายลงไปไม่พอ ยังทำตัวเหมือนกับตัวเองเป็นเหยื่อ ดาบบนมือไม่มีวันที่จะหยุดแกว่ง จำนวนชีวิตที่ฆ่าไปก็เข้าใกล้คำว่านับไม่ถ้วนขึ้นทุกๆวัน ..คิดอย่างโง่เขลาว่าสักวันจะมีคนมาปลอดปล่อยชีวิตที่น่าสมเพซนี้ แต่คนๆนั้นก็ไม่ปรากฏมาเสียที—ไม่สิ เคยปรากฏมาแล้วครั้งหนึ่ง ชายที่แข็งแกร่งอย่างผิดธรรมชาติ แต่ว่าเจ้าหมอนั่นก็ไม่สนใจข้า ปล่อยให้ข้ามีชีวิตต่อไปจนถึงทุกวันนี้ ..”
ตัวจริงของแกนน่อน—เป็นเพียงเด็กสาวที่บิดเบี้ยวจากโชคชะตาเท่านั้น
..
“โทษที”
แกนน่อนพึ่งรู้สึกตัวมาตัวเองพล่ามอะไรออกมา เธอจึงใช้มือปิดปากตัวเอง
“ข้าเผลอตัวไปหน่อย”
“ขอโทษเหมือนกันนะ ฉันไม่ใช่คนหล่อเท่ เลยคิดคำพูดที่ใช้ปลุกใจเธอไม่ออกเลย”
“ช่วยอยู่เงียบๆข้าจะยินดีมากกว่า”
“..อะไรเป็นสิ่งที่ถูกและผิดกันแน่ ฉันไม่ได้ฉลาดพอจะตัดสินขี้ถูกผิดจริงๆได้ ฉันแค่คิดแบบเอาตัวเองเป็นที่ตั้งว่ามันคงดีกว่านี้ถ้าแกนน่อนไม่จำเป็นต้องจับดาบน่ะ”
แกนน่อนอยากจะตาย พร้อมกับทุกสิ่งที่ตัวเองถือครอง อาทิเช่นดาบ เธอจึงไม่หยุดจะปล่อยวางมัน ไม่ใช่แค่ฆ่าตัวตายเพื่อจบทุกอย่าง แต่เธอปารถนาจะถูกทำลายให้เละเทะ ..เพราะอย่างนั้น
“ที่บอกว่าจะ ‘ช่วงชิง’ ดาบของเธอ ฉันก็จะทำมันเหมือนเดิม เหตุผลที่เธออยากจะตายไม่ใช่ เพราะคิดว่าตัวเองสูญสิ้นคุณค่า หรือเพราะเธอประสบกับเรื่องเลวร้ายมากมาย คนโง่อย่างฉันยังดูออกเลย—เธอก็แค่อยากจะตายเพื่อที่จะได้ไม่จับดาบอีกต่อไปแล้วก็แค่นั้นไม่ใช่รึไง!?”
เรย์ลุกขึ้นยืนกระทันหัน พร้อมกับชักดาบมังกรเหล็กบรามุนต์ออกมา
“ฉัน ‘เรย์ คามาเลีย’ ขอท้าดวล”
“….”
แกนน่อนลุกขึ้นยืน เธอชักดาบออกมาจากฝัก ..และเก็บดาบเข้าที่เดิม
“….เอ๊ะ? เดี่ยวสิ นี่ท้าดวลอยู่นะ อย่างน้อยๆก็ช่วยพูดชื่อตอบรับ—”
เลือดพุ่งออกมาจากปาก เรย์หน้าซีดพึ่งจะรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ..ตรงท้องของเขา มีรอยแผลฟันขนาดใหญ่ อวัยวะภายในถูกทำลายจากการโจมตีที่ไม่ได้ยินกระทั่งเสียง เรย์ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น และไอออกมาเป็นสายเลือด
“แค้กๆ ..เร็วไปแล้ว…เว้ย”
“เจ้าหนูคือผู้ท้าดวลที่อ่อนแอที่สุดในรอบสิบปีนี้เลยละ”
“….คึก ..โธ่เว้ย ..โธ่เว้ย!!” เรย์ทุบพื้น จากนั้นก็โพล่งขึ้นสุดเสียง “[บรามุนต์]!!!!”
เกราะมังกรเหล็กเข้าปกคลุมร่างของเรย์ อวัยวะภายในได้รับการย้อนกลับไปเป็นเหมือนเดิมชั่วคราว เรย์จับดาบมังกรเหล็กไว้แน่น และก้าวเข้าใส่แกนน่อน—
“[ดาบประกายแสง]”
“[ลำจันทร์เสี้ยว]!!”
สองวิชาดาบเข้าปะทะกัน การสวนกลับลำจันทร์เสี้ยงพุ่งแหวกอากาศเข้าใส่แกนน่อนด้วยความเร็วจากดาบประกายแสงที่ทวีคูณ แน่นอนว่าระดับเทพดาบย่อมสามารถหลบการโจมตีนี้ได้ไม่ยากเย็น
ตอบโต้ได้บ้าง–พอไหว เรย์ลุยลุกสุดตัว พุ่งเข้าประชิดแกนน่อน
“[ดาบประกายแสงดาว]”
“[ลำจั—-”
พูดไม่ทันจะจบ วิถีดาบของแกนน่อนก็สะบั้นเกราะมังกรเหล็กจนแยกออกจากกันในคราเดียว
เร็วเกินไปจนสวนกลับไม่ทัน—รุนแรงมากๆด้วย ถึงขนาดขยี้เกราะมังกรเหล็กได้ในการโจมตีครั้งเดียว ทั้งๆที่นี่เป็นวิชาดาบ ไม่ใช่อำนาจมานารูปแบบพิเศษ เป็นเพียงความเสียหายกายภาพจากดาบเล่มหนึ่งเท่านั้นแท้ๆ
เรย์กัดฟันกรามแน่น และฝืนจะตะโกนเรียกชุดเกราะมาสวมใส่ซ้ำอีกครั้ง
แน่นอนว่าในสภาพที่ไร้เกราะมังกรเหล็ก พลังกายของทั้งสองต่างกันราวฟ้ากับเหว
รู้ตัวอีกที ดาบของแกนน่อนก็พุ่งมาปาดคอของเรย์ ทำให้ไม่สามารถพูดได้ เรย์ฝืนตัวเองไม่ยอมล้มลง และเหวี่ยงดาบสวนกลับ แกนน่อนหลบวิถีดาบ และใช้ดาบสั้นสะบั้นวงจรเวทย์ทุกส่วนในร่างกายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที
ร่างของเรย์ระเบิดเลือดออกมา และสุดท้ายก็เกินขีดจำกัดของมนุษย์ เรย์ล้มลงไปกองกับพื้นในที่สุด
“…อา…ราน..”
เรย์พูดไม่เป็นภาษา ร่างกายขยับไม่ได้ กระทั่งความเจ็บปวดเขาก็ไม่รู้สึกอีกต่อไปแล้ว
“….”
ยิ่งไปกว่านั้น สติก็ใกล้จะเลือนหายไปเรื่อยๆ ….แกนน่อนเดินจากไปอย่างไม่ใยดี เรย์พยายามจะเอื้อมมือไปขอโอกาสดวลอีกครั้ง แต่ก็ไม่ทัน
…..
…..
เรย์ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งแรกที่เห็นคือดวงจันทร์ และกองไฟที่ดับลง แล้วก็ ‘ยูจิ’ ที่นั่งพิงต้นไม้อยู่ใกล้ๆเขา
“สภาพดูไม่ได้เลย ว่านั้นมั้ย?”
“ไม่หรอกครับ”
ดูจากที่ยูจิตอบกลับ น่าจะรู้ว่าเรย์ไปเจอกับใครมา ..ไม่ใช่ว่าหมอนี่แอบตามมาตั้งแต่แรกแล้วหรอกเหรอ? เพราะอย่างนั้นแกนน่อนเลยลงมือกะเอาตาย เพราะรู้อยู่แล้วว่าเดี่ยวยูจิก็ช่วยรักษา เรย์ขอร้องให้เป็นอย่างนั้นในใจ เพราะเขาไม่อยากเชื่อที่ว่าตัวเองโดนแกนน่อนหมายหัวเล่นงานถึงขนาดเอาตายแบบนี้
ถ้าทฤษฎีนี้ไม่เป็นความจริง ครั้งหน้าที่เจอแกนน่อนเรย์คงไม่กล้ามองหน้าเธอแน่นอน อีแบบนี้คือโดนเกลียดขี้หน้าแล้วชัดๆ นอกจากนั้นก็–
“….เจ็บใจชะมัด”
“…”
“ยูจิ นายคิดว่าฉันจะเอาชนะแกนน่อนได้รึเปล่า?”
“คงเป็นไปได้ยากครับ”
ว่าแล้วเชียว-เรย์หัวเราะออกมาได้ไม่นานก็ไอเป็นเลือด
“ปัดโธ่เอ้ย ..อีแบบนี้จะไปชนะได้ยังไงหว่า”
เรย์เองก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ..แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังสงสัยในความสามารถของตัวเอง แต่ว่านั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมแพ้ หากสงสัยก็แค่พิสูจน์
“ช่วยฝึกดาบให้ฉันเพิ่มหน่อยสิ ยูจิ”
“เข้าใจแล้วครับ แต่ก่อนอื่น–ลุกขึ้นก่อนเถอะนะครับ”
“โอ้ว! ขอบใจหลายๆ”
เรย์จับมือของยูจิ และลุกขึ้นยืน
MANGA DISCUSSION