< < 207 Sec1 > >
ณ จักรวรรดิราชามังกรซึ่งถูกกล่าวขานว่ามหาอำนาจลำดับที่ห้า เวลายามเช้าอันเป็นปกติของทุกๆวัน—-บนท้องฟ้ามีหญิงสาวผู้หนึ่งยืนอยู่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด หญิงรูปงามในชุดเกราะ และปีกสีขาวสง่างามเสมือนกับภาพวาดทูตสวรรค์ ‘มิคาเอล’ บินอยู่บนท้องฟ้าโดยที่ในมือถือผนึกสีดำเอาไว้ เธอผู้นั้นพึมพำออกมาสั้นๆ–พร้อมเขวี้ยงผนึกสีดำลงพื้น
“ตู้ม”
จากนั้นเช้าวันนี้ที่จักรวรรดิราชามังกรก็แตกต่างจากทุกที
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
และแล้วก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่จักรวรรดิราชามังกร
****
หลังจากการระเบิดผ่านไปได้ไม่กี่นาที จักรวรรดิราชามังกรก็อยู่ในโฉมที่ส่วนกลางหายไปทั้งหมด ผู้คนมากมายเสียชีวิตในการระเบิดเพียงครั้งเดียว
มิคาเอลบินลงจอดกลางพื้นที่เป็นหลุมระเบิดฝีมือตัวเอง เธอชายตามองรอบๆตัวเองที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังไปจนถึงซากศพที่ยังเหลือเศษอยู่บ้าง
“น่าสะอิดสะเอียนเหลือเกิน”
เธออยากจะอ้วกกับเศษซากของมนุษย์ชั้นต่ำ–ทั้งๆที่เป็นฝีมือตัวเองแท้ๆ
“ไม่คิดแบบนั้นบ้างหรือคะ? เอเธอร์”
“ตัวผมไม่ได้รังเกียจมนุษย์เป็นพิเศษเช่นเดียวกับเธอหรอกนะครับ แล้วก็การไม่เคราพการสูญเสียเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดสำหรับมนุษย์เชียวนะครับ”
ข้างๆมิคาเอล ‘เอเธอร์’ เองก็โผล่มาด้วย ตัวเขามองไปรอบๆด้วยรอยยิ้มที่ไม่จริงใจเหมือนทุกที
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังรออะไรบางอย่าง—
“ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับที่แห่งนี้”
‘ราชามังกร’ ‘กลอเลียส’ ก็ได้ปรากฏตัวออกมาในชุดสีขาวอันใหญ่โตสมเป็นราชา
กลอเลียสกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะอย่างที่ควรจะเป็น
“จอมมารอยู่ที่ไหนหรือคะ?”
“จอมมาร? เรื่องนั้นข้าไม่รู้หรอก ถามไปก็ไม่ได้อะไร”
“ช่วยไม่ได้ นั้นระเบิดจักรวรรดิแห่งนี้ทิ้งเลยดีกว่าสินะคะ ยังไงๆฆ่าจอมมารได้โดยแลกกับชีวิตของมนุษย์ไม่กี่แสนคนก็คุ้มค่ากว่ามาก”
“เรื่องนั้นคงยอมไม่ได้”
กลอเลียสเดินตรงมาข้างหน้า มิคาเอลถอนหายใจ ทำท่าคว้าอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเวทมนตร์ เอเธอร์ไม่สนใจสิ่งใด และเดินผ่านกลอเลียสไปอย่างหน้าตาเฉย
“เจ้าเองก็ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ เอเธอร์”
“นั่นสินะ ถ้าสงสัยก็ลองค้นคว้าด้วยตัวเองดูก่อนนะครับ”
กล่าวอย่างเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความกวนประสาท ตามฉบับของเอเธอร์จบ เขาก็เดินออกจากที่แห่งนี้
“เป็นชายที่ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเลย เห็นด้วยหรือเปล่าคะ? กลอเลียส”
“เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ว่า–เล่นมาทำลายสมบัติของข้าทิ้งอย่างนี้ อย่าคิดว่าจะได้กลับครบสามสิบสองเชียว เจ้านางฟ้าตกสวรรค์”
“ตกสวรรค์? ตัวฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ..”
กล่าวจบ การต่อสู้ระหว่างทูตสวรรค์และราชามังกรก็ได้เริ่มขึ้น—
****
ภายในวังศ์ที่แสนเงียบสงบของจักรวรรดิราชามังกร-ใช่ เงียบสงบๆทั้งๆที่น่าจะอยู่ในความวุ่นวายแท้ๆ เหตุผลคืออะไรกัน? คำตอบก็คือทุกคนถูกเอเธอร์จัดการจนหมด ไม่ทันที่จะได้ตอบโต้หรือเรียกกำลังเสริม ทุกชีวิตถูกเอเธอร์ทำให้หลับใหลชั่วขณะหนึ่ง
เผลอเพียงแค่ครู่เดียว ทั้งราชวังศ์ก็ตกอยู่ภายใต้ความสงบ
เอเธอร์ก้าวเท้าไปทีละก้าวอย่างมั่นคง จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง เขาผลักประตูออกพร้อมกับเดินเข้าไปภายในห้อง
สิ่งแรกที่พบก็คือ ‘โซล่า เลนน่อน’ เทพธิดาผู้สร้างที่อยู่ในสถานะเจ้าหญิงนิทรา เธอนอนสลบอยู่บนแท่นที่คล้ายกับโรงศพพิลึก ..สิ่งสังเกตุต่อจากเทพธิดาผู้สร้างก็คือหญิงสาวผู้มีเลือนผมสีขาวสีเดียวกับเอเธอร์
“ไม่ได้พบกันนานนะ”
“อือ นานจริงๆนั่นแหละ”
ทั้งสองสนทนากันสั้นๆ ..เป็นการสนทนากันในรอบหลายร้อยปีของสองพี่น้อง
ตรงหน้าเอเธอร์ก็คือ ‘จอมมาร’ ‘โซโลม่อน’ หรืออีกชื่อก็คือ ‘ดิลุค’
“แล้วช่วยโซล่าได้หรือยังครับ?”
“ตัวเราตอนนี้ยังทำไม่ได้”
จอมมารสัมผัสร่างของ โซล่า เลนน่อน ด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกได้
“น่าเสียดายนะครับ”
เอเธอร์เดินอ้อมโซล่า ตรงไปหาจอมมาร
“อยากจะเข้ามากอดนั้นหรือ? ท่านพี่”
“ค่อนข้างใกล้เคียง—”
ตรงที่อย่างน้อยๆก็คือการเอาร่างกายมาสัมผัสกัน อาทิเช่นการขยี้หัวใจอีกฝ่ายให้เละ
เอเธอร์ลงมือทำอย่างรวดเร็ว จอมมารกระโดดถอยหลังไปพร้อมกับเปลวเพลิงสีขาวที่พวยพุ่งออกมาอย่างมหาศาล
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!
ห้องที่ถูกสร้างไว้เพื่อดูแลร่างของ โซล่า เลนน่อน บริเวณหน้าต่างถูกทำลายด้วยเพลิงสีขาว
จอมมารพุ่งออกมาจากห้องรักษาตัวแห่งนั้น พร้อมกับเอเธอร์ที่กระโดดตามมาติดๆ–เพลิงสีขาวพุ่งเข้าใส่ประหนึ่งกระสุน เอเธอร์ใช้แขนเพียงข้าวเดียวขยี้เปลวเพลิงของจอมมารทิ้ง และสวนกลับด้วยเวทย์สายฟ้าที่พุ่งผ่าสวนเข้าใส่จอมมารกลางอากาศ
“ฮึม”
เธอเอียงคอหลบการโจมตีประหนึ่งคาดเดาไว้แล้ว จากนั้นก็ใช้เพลิงสีขาวรับตัวเองที่ตกลงจากที่สูง และยกมือขึ้นฟ้า ยิงห่ากระสุนแสงเข้าใส่เอเธอร์นับไม่ถ้วน
“เปล่าประโยชน์ครับ โซโลม่อน”
ทุกการโจมตีถูกเอเธอร์ปัดทิ้งได้หมดด้วยเวทมนตร์ พริบตาเดียวเจ้าตัวก็แรนดิ่งลงพื้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“มาตัดสินกันดีกว่าครับ โซโลม่อน”
“เรื่องนั้นเราก็อยากเหมือนกันนะ ท่านพี่ เพียงแต่–” จอมมารชำเลืองมองไปทางอื่น “มีตัวขัดจังหวะน่ะ เพราะอย่างนั้นไว้วันหลังดีกว่า”
เอเธอร์หันไปมองทิศเดียวกับที่น้องสาวมอง และพบ ‘ผู้กล้า’ ‘แอสทอเรียส’ เข้าให้
แอสทอเรียสเดินเข้ามาด้วยท่าทางห้าวหาญ พร้อมกับชักดาบแห่งผู้กล้าออกมาชี้ใส่สองภัยคุกคาม
“ถอยไปก่อนเถอะครับ ท่านเอเธอร์ จอมมารเป็นเหยื่อของผม”
ผู้กล้ากล่าวออกมาพร้อมกับจิตสังหาร และประกายศักดิ์สิทธิ์จากตัวดาบ จอมมารเห็นก็ผิวปากกวนประสาท
“หนักแน่นดีนะ สมกับตำแหน่งผู้กล้า”
“วันแห่งการตัดสินมาถึงแล้ว จอมมาร!”
พริบตาเดียว แอสทอเรียสก็เข้ามาประชิดจอมมาร ด้วยแรงถีบที่เหนือมนุษย์ พร้อมกับแรงเหวี่ยงที่เกินปกติไปหลายเท่าตัว อีกไม่นาน คอของจอมมารคงจะหลุดออกจากหัวเป็นแน่แท้ ถ้าหากว่าเอเธอร์ไม่มาขวางไว้ละก็
เอเธอร์เข้ามาขวางการโจมตีไว้ได้โดยการใช้มือจับปลายดาบของผู้กล้า
“..ท่านเอเธอร์ คิดจะทำอะไรกันแน่ครับ”
“ขอคืนคำพูดนะ จอมมารเป็นเหยื่อของผมต่างหาก”
เอเธอร์ยิ้มมุมปาก ก่อนจะถีบเข้าที่หน้าท้องของผู้กล้า และส่งร่างนั้นปลิวไปชนกับต้นไม้นับสินต้น
“ตัวเราช่างเป็นผู้หญิงที่บาปหนา ถึงขนาดต้องเกิดศึกนางเพราะตัวของเรา”
“ค่อนข้างใกล้เคียงนะ”
วิธีพูด และวิธีตอบที่ไม่ต่างกับก่อนหน้านี้คือสิ่งที่ทั้งสองจงใจพล่ามออกมา อาจจะนึกสนุกหรืออะไรอยู่ก็ไม่ทราบ
อย่างไรก็ช่าง เอเธอร์หมุนตัวมาทางจอมมาร และเริ่มลงแรงหมายจะขโมยหัวใจของจอมมารตรงตามตัวอักษร
****
บนฟากฟ้าเต็มไปด้วยประกายแสงระยิบระยับ อันเกิดจากการปะทะกันของสองตัวตนระดับตำนาน
“แข็งแกร่งกว่ารุ่นแรกเยอะเลยนะคะ”
มิคาเอลพูดอย่างสบายใจ พลางกัดแอปเปิ้ลบนมือหนึ่งครั้ง ก่อนจะโยนมันทิ้งกลางอากาศ-ขณะที่เธอกำลังนั่งอยู่บนบังลังค์ซึ่งมีรูปทรงคล้ายเรือบิน
สิ่งนี้คือ ‘บังลังค์แห่งราชาผู้พิชิต’ ตรงตามชื่อ นี่คือบังลังค์ของราชาผู้พิชิต สามีของมิคาเอลนั่งเอง มันสร้างมาจากทุกสิ่งทุกอย่างของ ‘สกอลล์ฮาติ’ หนึ่งในสี่ราชันมอนสเตอร์ผู้ถูกโอลิเว่อร์พิชิต
บังลังค์แห่งราชาผู้พิชิตบนไปมาบนท้องฟ้า พร้อมกับมังกรยักษ์สีขาวที่ไล่ตามหลังมาติดๆ
กรรรรรรรร!!!! เสียงร้องของมันเต็มไปด้วยวาจาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นคำสาปแก่ผู้ที่ได้ยิน ด้วยเหตุนั้นเองมิคาเอลจึงใช้ที่อุดหูวิเศษจากสวรรค์ในการอุดหูของตัวเองเอาไว้
“โลกมนุษย์ตกต่ำถึงขนาดเรียกการคำรามราคาถูกของเผ่ามังกรให้เป็นวาจาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วสินะคะเนี่ย”
ตั้งแต่เมื่อครู่แล้วที่เธอบินไปมาด้วยบังลังค์แห่งราชาผู้พิชิต และรับมือกับราชามังกรในร่างจริงด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย ให้พูดกลอเลียสไม่สามารถแตะต้องมิคาเอลได้เลย ผิดกับมิคาเอลที่แวะหันมายิงแสงใส่จนเกิดบาดแผลขนาดใหญ่ที่บริเวณไหล่
ระหว่างที่กลอเลียสบินตาม เลือดจากบาดแผลก็ทะลักออกมาเป็นจำนวนมหาศาลขึ้นเรื่อยๆ
“ลูกเล่นมีอยู่แค่นี้เองหรือคะ? น่าเบื่อซะจริงๆ”
ในที่สุดมิคาเอลก็ลุกขึ้นยืนบนบังลังค์ และหันหลังมาจ้องกลอเลียสโดยตรง
วิถีการบินเปลี่ยน บังลังค์พุ่งสู่จุดที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ กลอเลียสเห็นก็บินตามมาติดๆพร้อมกับชาร์จพลังของมังกรไว้ในปาก
เทคนิค ‘เซนต์’ ถูกเปิดขึ้นพร้อมๆกัน กลอเลียสหวังจะปิดฉากมิคาเอลในคราเดียว ด้วยการผสานระหว่างพลังของมังกร และเทคนิค ‘เซนต์’ การส่งมานาขั้นสูงของตัวเอง
กรรรรรรรรร!!!!!! เสียงคำรามดังขั้นตามการตอบสนองของมานา
มิคาเอลดีดนิ้วเรียก ‘มณีวิญญาณ’ ประกายไฟสีเงิน ออกมา นี่คือหนึ่งในอาวุธทลายโลกาทั้งเจ็ดสิบสอง ซึ่งถูกสร้างมาจากราชันย์มอนสเตอร์ ‘พูเรียสม่า’ มีคุณสมบัติในการแปลงเป็นอาวุธตามที่ใจของมิคาเอลปารถนา
“[พูเรียสม่า]-[ป้องกัน]”
มณีวิญญาณเปลี่ยนร่างเป็นโล่ยักษ์ที่ตรงกลางเป็นเปลวเพลิงสีเงิน
“หวังว่ากลิ่นปากของมังกรที่พอมีอารยะอยู่บ้างจะไม่เหม็นสักเท่าไหร่นะคะ”
ปากของกลอเลียสอ้าออกมา พร้อมกับพลังทำลายล้างมหาศาลที่พุ่งออกมาเป็นลำแสงสีฟ้า มิคาเอลเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว และใช้โล่แปลงกายรับลำแสงทำลายล้างเอาไว้
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! แสงสีฟ้าเข้าปะทะกับโล่ยักษ์จนเกิดการสั่นสะเทือนของอากาศขึ้น
ทว่าก็ได้แค่นี้
“นี่คือที่สุดสินะคะ”
มิคาเอลสะบัดโล่หนึ่งครั้ง ลำแสงทำลายล้างถูกหักล้างเอาเสียง่ายๆ
“ไม่จบแค่นี้หรอก!”
“ไม่หรอกค่ะ มันจะจบแค่นี้แหละ”
มิคาเอลสลาย ‘บังลังค์แห่งราชาผู้พิชิต’ และสลาย ‘มณีวิญญาณ’ จากนั้นเธอก็กางปีกออกบนฟ้าที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมา …
“เงื่อนไขครบแล้วค่ะ—ออกมาซะ”
แสงอาทิตย์จ้าขึ้นกระทันหันจนบดบังร่างของมิคาเอล แต่ชั่วพริบตาเดียวหลังจากนั้น ตรงหน้าของทูตสวรรค์ผู้โบยบิยอยู่บนท้องฟ้าก็ปรากฏหอกสีทองซึ่งเต็มไปด้วยออร่าของแสงอาทิตย์
มิคาเอลหยิบหอกนั่นขึ้นมาตั้งท่า และแสยะยิ้มน่าสสยอง
“ถึงเวลาสำเร็จโทษแล้วค่ะ กลอเลียส”
“คึก—บ้าน่า หอกนั่นน่าจะหายสาบสูญไปตั้งแต่ยุคของท่านพ่อแล้วไม่ใช่หรือไงกัน!?”
“สิ่งนี้หายสาบสูญ เพราะตกอยู่ในมือของเราต่างหากละ มังกรป่าเอ๋ย”
“นังเทวดาตกสวรรค์!”
กลอเลียสพุ่งเข้าใส่มิคาเอลสุดแรงเกิด มิคาเอลควงหอกหนึ่งครั้ง และปาสวน—หอกพุ่งไปด้วยความเร็วที่เหนือกว่าแสงหลายเท่าตัว ปลายหอกพุ่งทะลุผ่านร่างของกลอเลียสเสมือนเจาะกระดาษ
“อั้ก—–”
“ ‘มหาสุริยะ’ ”
‘มหาสุริยะ’ หอกพระอาทิตย์ที่จะแผดเผาทุกสิ่งที่ถูกมันแทง หนึ่งในเจ็ดสิบสองอาวุธทลายโลกาที่แข็งแกร่งที่สุด—-ใช่ นี่คืออาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้ แน่นอนว่าครั้งหนึ่งมันเคยไปอยู่บนมือของราชาผู้พิชิต ก่อนจะเปลี่ยนเจ้าของมาเป็นมิคาเอล
แม้เงื่อนไขการใช้งานจะยากเกินไป แต่หากทำตามเงื่อนไขได้ มันก็จะสำริดอำนาจที่สมกับที่ถูกเรียกขานว่าอาวุธที่ทรงพลังที่สุดบนโลกอย่างแน่นอน
“หายสาบสูญไปตลอดกาลเสีย ด้วยวิธีเช่นเดียวกับบิดาของตนเอง”
ผู้ใดที่ถูกมันเล่นงาน จักต้องถูกเผาด้วยเพลิงแห่งแสงอาทิตย์ มันไม่ใช่คำเปรียบเปรยแต่อย่างใด
ร่างของกลอเลียสนิ่งลงอย่างกระทันหัน ไม่นานร่างก็ถูกเพลิงแสงอาทิตย์เข้าปกคลุม และล่วงหล่นสู่ผืนดิน มิคาเอลบินตามลงไป
….
….
ไม่นาน เธอก็มายืนอยู่ตรงพื้นพร้อมกับร่างที่มี้เพียงขี้เถ้า …
“..ท่าน..พ่อ?”
หญิงสาวเผ่ามังกร ลูกสาวของราชามังกร ‘ นักรบผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิราชามังกร ‘ราเมียร์’
มิคาเอลเบิกตาโพลงกว้างด้วยความตกใจหน่อยๆ
“ลูกสาวของกลอเลียสนั้นหรือคะ?”
“แก….แกทำอะไรกับท่านพ่อ!”
“ตามที่เห็นค่ะ”
มิคาเอลทำหน้าเหนื่อยๆ “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว” เธอพึมพำเช่นนั้นพร้อมกับยกมหาสุริยะในมือขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ทันการณ์ มหาสุริยะได้ดับไปก่อนจะได้ใช้งานอีกครั้ง
“ช่วยไม่ได้”
“ตายซะ!!!!”
ราเมียร์วิ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง เวลานี้เธอเป็นได้แค่คนคลั่งเสียสติเท่านั้น แต่ก็ดี เพราะมันเข้าทางมิคาเอลทั้งหมด
มิคาเอลยืนอยู่เฉยๆ กะจังหวะที่เข้าประชิด–เธอใช้แขนขวากระซากแขนของราเมียร์ทิ้ง พร้อมกับเตะตัดขาราเมียร์ทั้งสองข้างทิ้ง ร่างของราเมียร์ที่เสียการควบคุมอย่างรวดเร็วก็หลบลงกับพื้น บนกองขี้เถ้าของพ่อตัวเอง
“….เอ๋?”
“ท่านพ่อที่รักไม่เคยสอนหรือคะว่าก่อนจะตัดสินใจสู้ต้องประเมินอีกฝ่ายให้แน่ใจก่อน”
“…สัตว์ประหลาด”
“สำหรับเผ่าพันธุ์รากหญ้าคงใช่ค่ะ”
“แก ..ทำไมกัน ..ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย ..ท่านพ่อผิดอะไร ..ทุกคนที่อาศัยอยู่ที่แห่งนี้ทำอะไรให้แกกัน!!?”
ราเมียร์ผู้ไร้ทางสู้ร่ำไห้ มิคาเอลเห็นก็เผลอยิ้มไปตามสัญชาตญาณ
“มีอะไรน่าตลกกัน?”
“ทั้งหมดค่ะ แต่ให้เจาะจงเฉพาะคงเป็นเรื่องที่พวกท่านคิดว่าที่แห่งนี้คือที่อยู่อาศัยของตัวเอง ..ผิดแล้วค่ะ ผิดไปหมดทุกอย่างเลย พวกท่านน่ะมากที่สุดก็เป็นได้แค่ทาสรับใช้เท่านั้น แต่ดันพูดจาเรียกร้องความสงสารเสียใหญ่โต จะไม่ให้มีอารมณ์ขันได้อย่างไรคะเนี่ย?”
“สารเลว!!”
ราเมียร์พุ่งเข้ามาหมายจะกัดมิคาเอลให้ได้สักแผล แต่ระดับต่างกันเกินไป ไม่มีทางมาถึงตัว—ก่อนที่ราเมียร์จะถูกมิคาเอลสังหารปิดท้าย แสงจากปลายดาบก็พุ่งเข้าร่วมวง มิคาเอลพุ่งตัวหลบทำให้พลาดการสังหารราเมียร์ไปอย่างน่าเสียดาย
“ใครกันที่มาขัดจังหวะ?”
“ ‘การันเต้’ ราชาแห่งแซร์อิซ จำชื่อนี้ไว้ไปจนวันตายด้วยซะละ คนจากบนฟ้า”
การันเต้โผล่มาในชุดออกรบเต็มพิกัด
“ถ้าหากมีค่าพอละก็”
MANGA DISCUSSION