เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 332
< < 203 Sec4 > >
ทำไมต้อง—ท้าทายผมด้วยกัน
ผมเกลียดการดิ้นรนพรรค์นี้ที่สุด
โชคชะตาคือการไหลเวียนของชีวิต มันคือความจริงของโลก
ยอมอยู่เฉยๆ ใช้ชีวิตที่ถูกต้องของตัวเองไปอย่างเดียวก็แพ้แล้วแท้ๆ แต่ ..ทำไมถึงได้–ดื้อด้านกันขนาดนี้
ประกายดาบ และเพลิงทำลายล้าง ส่องประกายขึ้นไม่เว้นแม้แต่วินาทีเดียว การโหมโจมตีอย่างเอาเป็นเอาตายของทั้งสองคนนั้นยอดเยี่ยม ถ้าคู่ต่อสู้ไม่ใช่ผม บนโลกนี้คงยากจะหาใครเอาชนะทั้งสองคนพร้อมกันได้
ในช่วงแรกแม้จะลำบาก แต่พอรู้ไส้รู้พุงทั้งหมด มันก็ไม่ได้ยากอะไรอีกต่อไป
การสวนกลับของเรย์ที่อันตราย แค่ใช้การโจมตีที่ต่อให้กันได้ก็กันได้ไม่หมดก็พอ
การโจมตีอย่างบ้าคลั่งของคุณหนิง แค่สวนกลับด้วยการโจมตีที่เร็วกว่าก็พอ
ใช้วิธีรับมือนี้สองอย่างพร้อมๆกัน เพียงแค่นั้น–ผลลัพธ์แห่งชัยชนะก็ปรากฏ
การร่ายรำดาบกลางเปลวเพลิงมหามังกรได้สิ้นสุดลงในเวลาไม่นาน
“โธ่—เว้–”
ผมส่งเรย์ลงไปนอนกองกับพื้นอีกครั้งอย่างสมบูรณ์ คราวนี้คงจะหมดจริงๆแล้ว ต่อไปก็คือคุณหนิง
แค่สามจังหงะ ผมทำการขังเธอไว้ในผนึกวิชาไสยศาสตร์ แยกเธอออกจากมิติเดียวกัน
“ยูจิ! ปล่อยนะ ยูจิ!!!!”
แต่ก็ยังพูดคุยกันได้อยู่ ….
“พวกคุณแพ้แล้วครับ หลังจากเล่นงานผมได้เพียงครั้งเดียว ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น พวกคุณก็ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบ ..ได้เวลาลืมตาตื่นดูความจริงแล้วครับ”
เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับผม ..ควรจะยอมรับความจริงในคำโกหกทั้งหมดได้แล้ว
ต่อจากนี้ ผมจะ ..ลงมือฆ่าทั้งสองคน
บางทีพวกเขาอาจจะลืมตาตื่นได้เสียที
ผมเดินไปหาเรย์ที่นอนกองเลือดอยู่บนพื้น ยกมือขึ้นมา และคิดจะลงมือสังหาร อีกเพียงแค่ก้าวเดียวผมก็จะพิสูจน์ความจริงของผมให้ทั้งสองคนได้แล้ว
แต่ทำไมกันนะ
…….
…….
“…จะให้โอกาสอีกหนึ่งครั้งเท่านั้น” ผมกัดฟันกรามแน่น “ถ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปจากที่นี่ได้แล้วครับ!!!”
ไม่ว่าอย่างไร ผมจะต้องมอบจุดจบให้แก่โลก ทุกคนบนโลก ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ในบทสรุปจะถูกผมบดขยี้จนไม่เหลือกระทั่งเศษซาก ไม่ช้าก็เร็ว ทุกอย่างจะถูกทำลายอยู่ดีแท้ๆ แต่ว่า แค่ตอนนี้เท่านั้น ถ้ายังมีเวลา ถ้ายังไม่จำเป็นก็ได้ ..ผม
“ใช้โอกาสพร่ำเพรื่อจริงๆนะนายเนี่ย”
เรย์ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ร่างกายที่น่าจะหมดสภาพกลับเคลื่อนไหวไปต่อได้ ..
“แต่ก็ดีแล้วละ เพราะนายเป็นคนที่พร้อมจะให้โอกาสคนอื่นเสมอล่ะนะ!”
ด้วยร่างกายที่พังนั่น เรย์พุ่งเข้าใส่ผมอีกครั้ง การโจมตีครั้งถัดไปจะเป็นการพรากชีวิตชายคนนี้อย่างแน่นอน ต่อให้มันเบาหวิวแค่ไหนก็ตาม
ว่าแล้วเชียว ผมน่ะ ..
“เกลียดที่สุด”
ลาก่อนนะครับ เรย์—-ผมใช้ฝ่ามือแทงสวนวิถีดาบ เรย์สามารถหลบการโจมตีได้ และเหวี่ยงดาบขึ้นเสยอย่างสวยงาม แน่นอนว่าด้วยความต่างของพลัง ผมสามารถเปลี่ยนวิถีการโจมตี และพุ่งไปตัดแขนเรย์ทิ้งได้ง่ายๆ
ดาบหลุดออกจากมือ เลือดพุ่งออกจากร่างกาย เสียงร้องอวดครวญของชีวิตที่ใกล้จะดับดังขึ้นเบื้องหน้า อีกสามวิ ทุกอย่างจะจบ
ทว่า
แขนที่น่าจะถูกตัดขาด สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ วิเคราะห์พลาดไปนั้นเหรอ? ไม่ใช่ ไม่มีทา—เปลวเพลิงสีทองพวยพุ่งขึ้นอย่างกระทันหัน ร่างกายของเรย์ถูกคลุมด้วยเพลิงปริศนานี่ ร่างที่บาดเจ็บสาหัสกลับมาดีดั่งเดิม พร้อมกับมือที่เอื้อมไปจับดาบได้สำเร็จ
ดาบมังกรเหล็กส่องประกาย เรย์กวาดวิถีดาบหมายจะผ่าหน้าท้องของผม
“วิหคอมตะ …เรเซอร์ ดราแคล์!!!”
ผมกระโดดหลบการโจมตีของเรย์ และแหงนหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า
ตามที่คาดเอาไว้
ชายผู้นั้นมาขวางทางผมอีกแล้ว
เลือนผมสีทอง ดวงตาสีแดง ‘เรเซอร์ ดราแคล์’ ในชุดเสื้อบอดี้สูทสีดำ และกางเกงหนังสีน้ำตาลลักษณะพิเศษ ปรากฏตัวบนฟ้าในสภาพขี่คทาเวทย์ ‘เรลันดาฟ’ มือทั้งสองข้างสวมใส่ถุงมือสีขาวซึ่งมีประกายผลึกจาก ‘การาวิเทีย’ ติดเอาไว้
เขาปรากฏตัวมาในสภาพที่พร้อมต่อสู้ที่สุด ผิดกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มราวกับไม่ได้มาสู้
“โย่ว ไม่ได้เจอกันนานนะ ยูจิ”
“…!!”
ผมดีดตัวเองขึ้นท้องฟ้า หมายจะกระซากชายคนนี้ลงสู่พื้น ทว่าคนๆนี้ก็สวนกลับโดยการดิ่งตัวเองลงพื้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมพลาดเป้า และขณะที่คิดจะหมุนกลับไปไล่ล่า เปลวเพลิงมหามังกรก็พุ่งมาจากทางขวาของฝ่ามือ ผมหันไปมองก็พบกับคุณหนิงที่ดับเครื่องชนเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
“[ลูกเตะสุดแรง]”
ตั้งชื่อท่ามั่วๆ และพุ่งเข้าใส่ผมในท่ากระโดดถีบ
ผมยื่นมือสวนกลับ คว้าขาของเธอเอาไว้ ช่วงชิงเปลวเพลิงง่ายๆพวกนั้น จากนั้นก็เหวี่ยงเธอลงพื้นด้วยแรงเหวี่ยงกะเอาตาย
“เอ๋!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
แพละ .. ร่างแหลกเละ และเศษเนื้อตรงพื้นก็หลอมรวมกันกลายเป็นเธออีกครั้งด้วยเพลิงวิหคอมตะ
เธอลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ใช้มือคว้าเอาเสื้อผ้าจากกระเป๋าเวทมนตร์มาสวมใส่ และยืนกอดอกอยู่ข้างล่าง พร้อมกับอีกสองคน
“…”
****
“ไม่เจอกันแค่แปปเดียว แกร่งขึ้นเป็นกองเลยนะ ยูจิ”
“เรื่องนั้นทางคุณเองก็เช่นกันครับ”
นั่นสินะ
ผมเริ่มควงคทาเวทย์เรลันดาฟ มันเปลี่ยนร่างของตัวเองกลายเป็น ‘ธง’ ในจังหวะการควงสุดท้าย ผมกระแทกปลายธงเข้าที่พื้น จากนั้นแสงสีทองก็เข้าปกคลุมพื้นที่บริเวณคัลเซเรมทั้งหมดตามที่ใจของผมปราถนา ผมสร้างโดรมขนาดยักษ์ที่กันผู้คนไว้ให้หนีไปไหนได้ขึ้นมา จากนั้นก็
“ฝากทีนะ ยูนา”
ดาบสีม่วงอันเป็นสัญลักษณ์ของการตัดมิติปรากฏขึ้นข้างไหล่ผมทั้งสองข้าง มันได้ทำการฟาดฟันใส่หนิงและเรย์หนึ่งครา
“[ตัดมิติ]-[ทลายขีดจำกัด]”
จากนั้นมิติก็แตก ร่างของทั้งสองส่องแสงเป็นประกายสง่างาม ขีดจำกัดถูกดันขึ้นโดยการตัดมิติ พลังที่มากกว่าเดิมพวยพุ่งออกมาจากตัวทั้งสองคน
“ทำดีมากพวก!”
“ไม่ได้ขอก็จริง แต่ไนซ์ไทม์มิ่ง”
“ไม่ได้ขอให้ชมก็จริง แต่ขอบใจ”
พวกเราสามคนยกนิ้วโป้งออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน นั่นดูราวกับการเล่นตลกของเด็กวัยรุ่น ไม่สิ ถูกแล้วละ ไม่ใช่ราวกับ แต่พวกเราทุกคนเป็นเพียงแค่เด็กวัยรุ่นจริงๆนี่แหละนะ ยูจิเองก็ด้วย
โอ๊ะ อะไรละนั่น มองซะตาเป็นวาวเลย ไม่เคยรู้มาก่อนเลยแฮะว่าสายตาของยูจิมันน่ากลัวได้ขนาดนี้น่ะ พับผ่าสิ
“สบายใจได้ๆ การต่อสู้ครั้งนี้ฉันไม่คิดจะเข้าไปสู้ด้วยตัวเองหรอกนะ แต่เดิม ให้ฉันสู้ไปมันก็ไม่มีความหมายอะไรกับนายหรอก จริงรึเปล่า?”
ถ้าเกิดมีควาหมายจริงๆ เรื่องมันคงจะจบไปตั้งแต่ตอนที่พวกเราสู้กันล่าสุดแล้วละนะ
“เพราะอย่างนั้นนี่จะไม่ใช่เวทีของฉัน หน้าที่ของฉันมีแค่คอยสาดส่องแสงสปอร์ตไลท์ให้ถูกที่ถูกทาง พลางสนับสนุนนักแสดงเอกบนเวทีคราวนี้ ..อืม ใช่ ‘ซัพพอร์ตเตอร์’ จะเรียกฉันอย่างนั้นก็ได้นะ”
อย่างที่เคยบอกไว้เมื่อไม่นานมานี้—ผมจะไม่ยื่นมือให้ยูจิอีกต่อไปแล้ว มันไม่ใช่หน้าที่ของผม มันไม่ใช่สิ่งที่ผมทำได้ เพราะฉะนั้นผมจะปล่อยวางให้คนอื่นทำแทน
“อย่างนั้นแหละนะ ..หนิง ..เรย์ ฝากที่เหลือด้วย”
“ “โอ้ว!!!” ”
เสียงกู่ร้องของทั้งสองดังสนั่นภายในโดรมเวทมนตร์ พร้อมกับเสียงถีบพื้นพุ่งไปข้างหน้าประหนึ่งกระสุน ตัวผมที่ไร้เรลันดาฟวิ่งตามหลังไปในฐานะซัพพอร์ตเตอร์
****
3 ต่อ 1 ดูยังไงมันก็ไม่น่าจะกลายมาเป็นการต่อสู้ที่สูสีได้
เรย์ตวัดดาบห้าครั้งได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่าตัว หนิงปล่อยเพลิงอย่างยิ่งใหญ่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ทั้งสองคนแข็งแกร่งขึ้นด้วย [ตัดมิติ]-[ถลายขีดจำกัด] เป็นอย่างมาก พร้อมกับวิหคอมตะที่ปกคลุมร่างของทั้งสองแทบจะตลอดเวลานั่นก็ช่วยรีดประสิทธิภาพสูงสุดให้
อาจกล่าวได้ว่า–นี่คือจุดที่พีคที่สุดแล้ว
“ย๊ากกก!!!”
“ฮึบ!”
จังหวะปะทะดาบดำเนินไปอย่างสูสี จากการช่วยบีบวงการเคลื่อนไหวด้วยเปลิวเพลิงของหนิง และการสนับสนุนมากมายจากเรเซอร์ เรย์สามารถต่อกรกับยูจิได้อย่างทัดเทียมชั่วขณะหนึ่ง นั่นสร้างความประหลาดใจให้ยูจิไม่ใช่น้อย
“อึก–โธ่เว้ย!”
“ช้าขึ้น ไม่สิ ฉันเร็วขึ้นสินะเนี่ย!!”
เรย์หัวเราะออกมา และแล้วจังหวะดาบก็นำยูจิไปหนึ่งก้าว เพียงแค่อึดใจเดียวดาบเล่มนั้นก็จะสะบั้นยูจิได้หนึ่งแผล แต่ก็พลาด ยูจิก้มตัวหลบ และสวนกลับด้วยลูกกระโดดเตะ
“อั้ก!”
เสียงกระดูกหักดังสนั่น เรย์ปลิวไปกับพื้นหลายเมตร
“[ไฟเยอ–”
ก่อนที่ยูจิจะซ้ำเติมเรย์ที่ถูกเล่นงานได้ หนิงก็เข้ามาขัดจังหวะไว้
“[แส้แห่งความรัก]!!”
อำนาจมหามังกรกลายเป็นเพลิงสีชมพู และกลายเป็นแส้ในที่สุด หนิงจับปลายแส้และเหวี่ยงไปมา
เพลิงมหามังกรที่ดัดแปลงโครงสร้าง ไม่อาจช่วงชิงได้ง่ายๆ ยูจิจึงเบิกตาโพลงกว้างเพื่อวิเคราะห์ พลางเคลื่อนตัวหลบคลื่นการโจมตีที่ไม่มีหยุดนี้
เรย์ที่ได้รับบาดเจ็บ กลับมาเหมือนเก่าในไม่กี่วินาที เพราะวิหคอมตะกำลังเผาไหม้ร่างกายอยู่ ยูจิกัดฟันกรามแน่นอย่างเจ็บใจ และจับจ้องไปที่เรเซอร์ซึ่งคอยสนับสนุนจากข้างหลัง
ปัญหาใหญ่ที่สุดไม่ใช่เรย์หรือหนิง แต่เป็นเรเซอร์ต่างหาก คิดได้ดังนั้นจึงหมายจะเล่นงานเรเซอร์ก่อน
หักล้างพุ่งออกมาทั้งหมดสี่แขน มันทำการบีบอัดอากาศบริเวณรอบๆ เพื่อชาร์จพลังสำหรับการทำบางสิ่ง ยูจิพุ่งตัวไปทางขวา เว้นระยะห่างจากการโจมตีของหนิง และเรย์ จากนั้นก็ระเบิดทุกอย่างออกมา
“ตายซะ คุณเรเซอ–”
“[ลำจันทร์เสี้ยว]”
[ลำจันทร์เสี้ยว] หนึ่งในวิชาดาบขั้นบรรลุของวิชาดาบจันทร์เสี้ยว มีความสามารถในการตัดรับการโจมตี และสวนกลับด้วยพลังขับเคลื่อนที่มากกว่าเดิม โดยการฟาดฟันประหนึ่งจันทร์เสี้ยว
เรย์คาดเดาการเคลื่อนไหวของยูจิล่วงหน้า และพุ่งดักทางไว้ได้ด้วยการกะเวลาที่เพอร์เฟ็ค พร้อมกับตั้งรับการโจมตีกายภาพผสมหักล้างของยูจิ
“ย๊ากกก!!!!”
ยูจิถีบพื้นดินขึ้นมาข้างบน จากดินแปรเปลี่ยนเป็นดาบหิน ยูจิคว้าด้ามจับไว้ และสวนกลับการโจมตีนั่น
“[ดาบประกายแสง]”
ลำจันทร์เสี้ยวเข้าปะทะกับดาบประกายแสง แต่เดิมวิชาดาบขั้นบรรลุควรจะเหนือกว่า แต่ความชำนาญในการใช้ดาบยูจิมากกว่าหลายเท่าตัว
เพล้ง!!!!!!!! การปะทะครั้งนี้จบที่เสมอ
“อ่านออกหมดแล้วเฟ้ย!”
ทั้งยูจิ และเรย์ต้องถอยร่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อปรับโมเมนตัมของการต่อสู้ใหม่
ยูจิใช้หางตาวิเคราะห์พื้นที่โดยรอบ และความสามารถของศัตรูทั้งหมด เรย์ทำเช่นเดียวกัน
“สิ่งที่ฉันถนัดที่สุดก็คือการวิเคราะห์–แต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่านายจะถนัดเรื่องนี้กว่าฉันเยอะ ฮะๆๆๆ สมกับเป็นตัวขี้โกงเลยนะ ยูจิ”
“หนวกหูครับ”
ไม่ต้องมาชวนคุย ยูจิตั้งใจจะสื่ออย่างนั้น เรย์เห็นว่าช่วยไม่ได้ก็หยักไหล่ตอบ ก่อนจะเป็นฝ่ายวิ่งเข้าใส่เอง
“ไม่ใช่แค่นั้น วิชาดาบยังเหนือกว่า ความสามารถของนายนี่มันน่าหมันไส้จริงๆยูจิ!! ทางนี้พยายามจนเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะได้มันมาแท้ๆ!”
“น่าหนวกหูจริงๆเลยครับ”
ยูจิก้าวเท้าหนึ่งก้าว เรย์วิ่งมาจนถึงระยะโจมตี การออกดาบของทั้งสองออกไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
เพล้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!! เสียงการปะทะกันของโลหะดังสนั่น ดาบโง่ๆที่ทำมาจากดินกลับสามารถแลกกับดาบมังกรเหล็กในตำนานได้อย่างสูสี ทำเอาเรย์รู้สึกเศร้าจนอยากจะร้องไห้
“แต่ก็นั่นสิเนอะ แค่สูสีกับนายได้แม่งก็โคตรเจ๋งแล้วนี่เนอะ!!!”
“พูดบ้าๆครับ เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาแท้ๆ”
ยูจิพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เรย์เห็นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
เพล้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!! ระหว่างการแลกดาบหลายจังหวะ เรย์ก็ฉุกคิดถึงบางเรื่องขึ้นมาได้
“แล้วไหงดาบดินมันปะทะแล้วมีเสียงเหมือนโลหะฟร้ะนั่น!?”
เจ้าตัวโวยวายออกมา ขณะเดียวกันมือก็ไม่หยุดที่จะเหวี่ยงดาบเข้าแลกกับยูจิ
“..ไร้สาระ”
ยูจิก้าวเท้าหนึ่งจังหวะ พุ่งเอียงตัว และฟาดเข้าที่กลางลำตัวของเรย์—-
“อ๊ากกกกกก!!!!!!!!!!”
เรย์กลิ้งไปมากับพื้น ส่วนบิน และส่วนล่างถูกแยกออกจากกันด้วยดาบๆเดียว ใช่แล้ว เรย์ตอนนี้โดนฟันจนขาดครึ่งเลยละ น่าสยองชะมัด แต่ยังไงๆก็โชคดีที่มีเรเซอร์คอยสนับสนุนอยู่ ทำให้ไม่นาน ทั้งสองส่วนก็ถูกหลอมติดกันดั่งเดิมด้วยเพลิงอมตะ
“ยะ ยูจิ นี่แก อย่าบอกนะว่าออมมือน่ะหา!? ไอ้เราก็นึกดีใจคิดว่าสูสีกันแล้วเชียวนะเห้ย!!”
“หนวกหู เจ้าบื้อเรย์ หุบปากที”
หนิงลอยอยู่เหนือหัวของทุกๆคน เธอบินอยู่บนฟ้า พร้อมกับคัณธนูสีเพลิง และลูกศรขนาดใหญ่กว่าสิบเมตรสีชมพู
“เอาแต่โวกเวกโวยวายมันทำให้ฉันไม่มีสมาธินะย่ะจะบอกให้ พลาดเป้าขึ้นมาทำยังไง?”
“หล่อนนั่นแหละ จะพล่ามทำบ้าอะไรเนี่ย อุตส่าห์สู้ถ่วงเวลาไม่ให้ยูจิรู้สึกตัวให้แท้ๆ–อุ้ก!!”
เผลอแค่แปปเดียว ยูจิก็เข้ามัดซัดจนร่างเรย์โดนแยกเป็นแปดส่วนไปคนละทิศคนละทาง หนิงเห็นก็หลุดหัวเราะออกมา
“ไม่สิๆ ตอนนี้ต้อง–ยูจิ รับเอาไว้น้า!!”
“….”
“คิดเสียว่าเป็นความรู้สึกจากฉัน”
หนิงง้านคันธนูยักษ์ พร้อมกับลูกศรยักษ์สีชมพูที่ตรงปลายเป็นรูปหัวใจ
“อย่าตายเชียวละ!” หนิงโพล่งสุดเสียง “[ศรรักจากฟ้า]”
ธนูยักษ์พุ่งลงมาจากฟากฟ้า มันคือศรเพลิงมังกรสีชมพู มันคือเพลิงมหามังกรที่ถูกดัดแปลงสูตรไปจากเดิม แม้จะเป็นการโจมตีที่ดูน่าตลกซะจนขำไม่ออก แต่อาณุภาพของมันไม่สามารถประมาทได้ เพียงแค่มองปราดเดียวก็รู้ หากโดนเข้าไปคงไม่เหลือกระทั่งซาก
ฉะนั้น..ยูจิยกแขนข้างที่ขาดขึ้นมา แขนข้างนั่นค่อยๆก่อร่างกลายเป็นแขนสีเดียวกับศรสีชมพู แขนสีชมพูขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว มันขยายใหญ่ขึ้นจนมันมีขนาดเท่ากับศรรักนั่น
ยูจิเหวี่ยงแขนยักษ์ คว้าศรรักจากฟ้า และบดขยี้ ทั้งแขน และศรรักจากฟ้าหายไปจากทิวทัศน์โดยรอบพร้อมๆกัน
มีเพียงแค่สเก็ดรักรูปหัวใจเท่านั้นที่ล่วงหล่นลงมาสู่พื้น ผลจากการหักล้างด้วยอำนาจสูตรเดียวกัน ผลคือไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งนั้น
“อ่านออกหมดแล้วครับ เพลิงสีชมพูของคุณ”
“คำตอบล่ะ?”
“คำตอบ? คำตอบอะไรครับ”
“นั้นเหรอ แปลว่ายังอ่านไม่ออกสินะ อย่าพูดให้ตกใจสิ”
…..
….
ไม่เข้าใจอะไรเลย ทุกอย่างมันเข้าใจยากไปหมด
แต่ว่า ..พวกเขาทุกคนควรจะเข้าใจในสิ่งที่ผมเข้าใจ
ยูจิผสานมือเข้าหากัน และเปล่งเสียงออกมา
“[วิชาไสยศาสตร์]-[ภาพมายา]”
วงแหวนเวทย์ปรากฏขึ้นทั่วทั้งโดรมเวทมนตร์ด้วยมานาจำนวนมหาศาลแทบจะนับอนันต์ ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ได้
หนิงมองไปรอบๆ เรย์ที่กลับมาเหมือนเดิมแล้วก็แหงนหน้าขึ้นฟ้า ทั้งสองพบกับภาพมายาที่ปรากฏขึ้นตามที่ยูจิตั้งใจ
“ดูแล้วก็ช่วย ..ลืมตาตื่นได้แล้วครับ ทั้งสองคน”