เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 325
< < 201 Sec4 > >
หลังจากที่เดินลงมาจากบนยอดของคัลเซเรมได้แล้ว ผมก็เริ่มพอจะมีแรงกายเดินด้วยตัวเองได้ จึงไม่จำเป็นต้องยืมบ่าให้ลำบากคุณแจ็คสันอีกแล้ว
พวกเราสองคนเดินลงคัลเซเรมโดยเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะนำกุญแจมาปลดล็อคอุปกรณ์เวทย์ที่คุมขังตัวผมเอาไว้
อย่างไรก็ตาม แม้ในเวลาแบบนี้ผมก็มีเรื่องสงสัยอยู่มากมาย
“คิดดีแล้วเหรอครับที่ยอมเป็นศัตรูกับอาณาจักรเกรลเพื่อช่วยผม”
แค่แหกคุกคัลเซเรมก็ไม่มีเรื่องต้องคุยกันมากไปกว่านี้แล้วด้วยซ้ำ แต่ถึงขนาดชิงตัวผมที่เป็นเป้าหมายของลีออนมาอย่างนี้มันยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ ถ้าหากว่าพลาดขึ้นมาคงไม่พ้นโดนจับเข้าคุก และรอกำหนดการณ์วันประหารชีวิตอย่างแน่นอน
ไม่แปลกเลยละที่จะบอกว่าที่พวกคุณอลิซาเบธกำลังทำอยู่คือการเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงเพื่อผม
คิดดีแล้วเหรอ ..กับคนอย่างผม ชีวิตของพวกคุณมันไม่ได้ราคาถูกขนาดนั้นสักหน่อย
“ทำมาตีหน้าเศร้าตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะ ยูจิ เธอเดินตามผมมากี่ก้าวแล้วเชียว มาตีหน้าเศร้าแล้วบอกว่าจะดีเหรอครับ คิดดีแล้วเหรอครับเนี่ย จะให้ทางผมตอบยังไงละนั่น ฮ่าๆๆๆๆ บางทีคนที่ฉลาด และดูทำได้แทบทุกอย่างแบบยูจิก็มีมุมเหมือนเด็กนะนั่นน่ะ”
“เหมือนเด็กสินะครับ”
“ใช่! แทนที่จะก้มหน้าเศร้า สู้มาวิ่งลงจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแล้วรวมพลังกลับไปช่วยพวกอลิซาเบธกันเถอะน่า!”
..แทนที่จะยืนอยู่ตรงนี้สู้เดินไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด
นั้นเองเหรอ ..นั่นสินะ มันควรจะเป็นอย่างนั้นสินะถึงจะถูก
“ตรงไปอีกหน่อยก็จะถึงทางแยกแล้ว—วะ เวรละ!!”
“จะเป็นหรือตายก็ได้ หยุดเจ้าพวกนั้นให้ได้!!”
ผู้คุมขังที่ในมือพร้อมด้วยดาบวิ่งกรูเข้ามาหาผมราวหกชีวิต มองแค่ผิวเผินก็พอรู้ได้ว่าทุกคนอยู่ในระดับนักดาบขั้นกลางเป็นอย่างต่ำ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะเอาชนะได้ง่ายๆในสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ หรือต่อให้ชนะได้ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะปลอดภัยดี
ผมไม่ได้ทำการเก็บสะสมมานามาก่อนด้วย หมายความว่าลำพังแค่ผมที่ใช้ได้แค่ร่างกายเปล่าๆกับคุณแจ็คสันจะต้องรับมือทั้งหมดหกคนเองนั้นเหรอ? การต่อสู้ตรงๆไม่น่าใช่วิธีที่ถูกต้องสักเท่าไหร่นะ อาจจะเสียเวลาไปหน่อย แต่
“คุณแจ็คสัน ทางนี้ครับ”
“ระ รับทราบ!”
ผมกับคุณแจ็คสันวิ่งเลี้ยวไปทางอื่น พวกเราจำเป็นจะต้องผ่านสะพานข้างหน้าเพื่อไปหากุญแจสำหรับปลดล็อคอุปกรณ์เวทมนตร์ ไม่ว่ายังไงก็ต้องผ่านทางเชื่อมนั้นให้ได้ เพราะอย่างนั้นวิธีเดียวที่มีคือต้องหนีรอดจากกลุ่มผู้คุมขัง แล้วอาศัยจังหวะทีเผลอวิ่งทะลุผ่าไปตรงๆเลยนี่แหละ
ต้องคำนวณทุกการเคลื่อนไหว หาช่องโหว่ และจุดที่โดดเด่น ใครบ้างที่โดดเด่นที่สุด ใครบ้างที่ห่วยแตกที่สุด ทุกความเร็วของอีกฝ่าย และทุกความเร็วของตัวเอง ไม่นานภาพการวิเคราะห์ที่สมบูรณ์แบบก็ปรากฏ ผมออกวิ่งเลี้ยวไปซ้าย ขวาตามที่วิเคราะห์เอาไว้ และพ้นจากระยะของผู้คุมขังหกคนมาได้
“บ้าอะไรเนี่ย พ้นระยะไปได้ยังไงกันวะ!?”
“สุดยอดเลย ว่าแล้วเชียว ยูจินี่สุดยอดสุดๆ!”
คุณแจ็คสันวิ่งไปหัวเราะเฮฮาไปกับสถานการณ์แสนจะตึงเครียดนี่ คนๆนี้ช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักความกลัวเลยจริงๆสินะเนี่ย อดไม่ได้ที่ผมจะแอบคิดเช่นนี้
ทว่า แค่นี้ไม่น่าจะพ้นได้อยู่แล้ว
ข้างหน้าผมเองก็มีผู้คุมขังราวสี่คนยืนดักอยู่
ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้ตรงๆ สี่คนยังไงก็ดีกว่าหกคนที่ตามมาข้างหลัง
แต่ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไร เหล่าผู้คุมขังก็ถูกกระแทกจากข้างหลัง จนครึ่งหนึ่งล่วงลงจากสะพานเชื่อม— ‘อัลกาด’ โผล่มาช่วยเอาไว้
“คุณอัลกาด?”
“เกินคาดนะเนี่ย!?”
ทำไม—
“หนวกหูแล้วรีบๆไปซะ!! ฉันจะออกจากคุกบ้าๆนี่แล้วพลังของแกเป็นสิ่งสำคัญ!!”
“ยังไงๆก็ขอบใจนะ อัลกาด ไว้จะตอบแทนทีหลัง”
คุณแจ็คสันกล่าวขอบคุณก่อนจะวิ่งคู่กับผมผ่านคุณอัลกาดไป
ไม่อยากจะบอกเลยนะครับว่าหลังจบเรื่องแล้ว ผมกับคุณอลิซาเบธจะช่วยกันจับคนที่ควรอยู่ในคุกกลับเข้าคุกตามเดิม ..แต่สำหรับตอนนี้ปล่อยให้คุณอัลกาดเข้าใจอย่างนั้นไปก่อนจะช่วยได้เยอะเลย
ทางหลังจากนั้นค่อนข้างจะสะดวก แม้จะมีการต่อสู้เป็นระยะๆ แต่ก็ไม่มีผู้คุมขังคนไหนมีเป้าหมายหยุดผมโดยเฉพาะ
นักโทษหลายคนเข้าต่อสู้กันเอง หลายคนเข้าต่อสู้กับผู้คุมขัง หลายคนออกวิ่งเหมือนกับผม แต่คนละทาง ความสับสนวุ่นวายแสนโกลาหลนี้เกิดขึ้นได้ยังไงกัน กับคุกที่ขึ้นชื่อว่าคุกนรกแห่งนี้—ในช่วงที่ภาพตัดไป คงจะเกิดเรื่องหลายๆอย่างขึ้นเหมือนกัน
ผมออกวิ่งสุดแรง ทั้งอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เร็วอะไรมาก ราวกับพลังทั้งหมดของตัวเองมันหายไป ซึ่งก็ใช่ แต่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น มันยากที่จะอธิบายออกมา แต่ว่า—ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นตัวเองที่แสนอ่อนแอเหมือนก่อนหน้านี้ ตัวเองที่แรงน้อย วิชาดาบไม่ถึงขั้น ใช้เวทย์ไม่ได้เรื่อง อะไรหลายๆอย่างแสนจะธรรมดา มีเพียงแค่ความฝันเดียวที่ใฝ่หา เป็นความฝันบ้านๆอย่างการเป็นวิศวกรณ์อุปกรณ์เวทมนตร์
ไม่ได้ดีเด่นอะไร ก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ตัวผมที่กำลังวิ่งวุ่นเพื่อจะปลดล็อคพลังของตัวเองไปช่วยคุณอลิซาเบธตอนนี้–คือตัวผมคนนั้น
ตัวผม ..ที่มีชื่อว่า ‘ยูจิ’ ไม่ใช่ใครอื่น
…..
….
“ควีน!! พาตัวยูจิมาแล้ว!”
ในที่สุดก็มาถึง ณ ห้องโถงขนาดยักษ์ที่มีคุณควีน และมือขวาอย่างคุณเควินยืนอยู่บนอัฒจันทร์ ทั้งสองรวมถึงลูกน้องที่รายล้อมอยู่รอบตัวจับจ้องมาที่พวกผม
“ยินดีต้อนรับกลับมานะจ๊ะ ‘ยูจิ’ เป็นอย่างไรบ้างความรู้สึกของความพ่ายแพ้”
“…ไม่เลวครับ”
ผมยิ้มตอบควีน เธอเห็นดังนั้นก็หยักไหล่ให้ ก่อนจะโยนบางอย่างมาให้ ผมรับมันไว้ และไม่จำเป็นต้องเดาก็รู้ว่ามันคือกุญแจสำหรับปลดล็อคอุปกรณ์เวทมนตร์
“จะดีเหรอครับ?”
“หมายความว่ายังไงหรือจ๊ะ?”
ไม่ใช่ดีแล้วเหรอที่ยอมช่วยผม แต่
“ที่ทำไม่ต่างกับการยื่นมีดให้ศัตรูเลยนะครับ ไม่ใช่ว่าตัวผมสำหรับคุณแล้วคือศัตรูหรือครับ”
มาพูดเอาตอนที่ได้กุญแจแล้วก็ยังไงอยู่ แต่ผมอยากจะรู้เหลือเกินว่าทำไม เหมือนกับหลายๆเรื่องที่ผมสงสัย เพราะผมไม่ได้ฉลาดพอจะเข้าใจทุกเรื่องได้ จึงต้องถาม
“พวกเราอยากจะออกไปจากที่นี่น่ะจ๊ะ จริงๆตอนแรกก็ไม่ได้คิดอยากจะออกหรอก เพราะอยู่มาวันนานเข้าก็เริ่มสร้างอำนาจภายในคัลเซเรมได้แล้ว ชีวิตความเป็นอยู่นี่ดีกว่าตอนล่องเรือเป็นโจรสลัดหากินกับคนบริสุทธิ์ไปวันๆซะอีก แทนที่จะไปทำร้ายชาวบ้านตาดำๆ เปลี่ยนมาทำร้ายพวกคนชั่วที่โดนจับมาขังที่นี่เหมือนกันยังจะสนุกกว่าซะอีก ..”
อดีตหัวหน้ากลุ่มโจรสลัด .. สมแล้วกระมัง ช่างเป็นแนวคิดที่น่ากลัวจริงๆ
“อะไรทำให้เปลี่ยนใจเหรอครับ?”
“ความพ่ายแพ้ แล้วก็ทะเลสีรุ้ง”
ควีนแสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนจะอ้าแขนออกอย่างยิ่งใหญ่
“การต่อสู้กับเธอทำให้ฉันพ่ายแพ้ กระนั้นฉันก็ได้พบกับทะเลสีรุ้ง–ฉันเองก็ปารถนาอยากจะได้ครอบครองทะเลสีรุ้งเหมือบกับเจ้ามาเจลนั่นเหมือนกัน ซึ่งของพรรค์นั้นไม่สามารถหาได้จากคัลเซเรมแห่งนี้ ฉันจึงจะก่อตั้งกลุ่มโจรสลัดใหม่อีกครั้ง และออกตามหาทะเลสีรุ้ง–แห่งผู้พิชิตด้วยตัวของตัวเอง!!”
คนๆนี้พูดเรื่องเป้าหมายของตัวเองอย่างสนุกสนาน ..
“ให้พูดก็คือควีนเขาอยากจะตอบแทนยูจิที่ช่วยทำให้ตัวเองมีไฟ ผนวกกับอยากจะแหกคุกอยู่แล้วเลยร่วมมือกับคุณน่ะครับ”
คุณเควินอธิบายใจจริงของควีนอีกที ไม่รู้ทำไมพอโดนพูดถึงใจจริงออกมาควีนก็แก้มแดงขึ้นอย่างกับหญิงสาวทั่วๆไป
“ไม่ต้องอธิบายมันซะทุกอย่างก็ได้นะจ๊ะ”
“ขอประทานโทษ ..ก็ตามนั้นนั่นแหละครับ เชิญอาละวาดให้เต็มที่เลย”
ผมพยักหน้ารับ และใช้กุญแจปลดล็อคสิ่งที่กำลังพันธนาการตัวเองออก
“ขอบคุณมากครับ แต่ว่าเรื่องที่พวกคุณจะแหกคุกออกไปก่อเรื่องผมคงยอมไม่ได้อยู่ดี”
“แหม่ๆ ตั้งนานไม่พูด มาพูดหลังจากได้สิ่งที่ต้องการแล้วเฉยเลยนะจ๊ะ”
“ทำแบบนั้นมันจะสะดวกกว่าครับ แต่ก็นั่นสินะครับ ผมให้โอกาสพวกคุณลองพยายามหนีดูครับ ถ้าเกิดหนีทันแล้วผมจับตัวไม่ได้เองก็ถือว่าเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ไป”
“ยังไงก็ขอบคุณละกันจ๊ะที่ยังใจดีพอให้โอกาส”
กล่าวจบก็หมดธุระกันและกัน ผมกับควีนอาจจะต้องมาเคลียร์กันอีกทีหลังจบเรื่อง แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมหันหลังกลับพร้อมกับกำมือและปล่อยไปมาเพื่อตรวจเช็ควงจรเวทย์ของตัวเอง
“พร้อมแล้ว ..ไปกันเถอะครับ คุณแจ็คสัน”
****
(มุมมอง มาเจล)
ลีออนพุ่งเข้ามาด้วยความเดือดดาล บนหัวของหมอนี่คงจะร้อนแทบจะระเบิดเต็มแล้ว เห็นอย่างนั้นก็เข้าทางเลย
‘ยั่วโมโหได้ไม่เลวเลยนี่’
“แค่พูดสิ่งที่คิดออกไปก็แค่นั้น—”
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะสอนเรื่องสำคัญให้เจ้าน้องชายหน้าโง่รู้หน่อยละกันว่าการต่อสู้น่ะ–ห้ามประมาทจนสูญเสียตัวตน!!
‘เข้าตัวเองทั้งนั้นเลยนะนายของข้า ฮะๆๆๆ’
พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง
“มาเจล!!!!”
จังหวะแบบนี้ต้อง–
“เจ้าน้องชายหน้าโง่!!!”
ฉันตามน้ำเจ้าน้องชายหน้าโง่ได้ทันเวลาพอดีอย่างกับรู้ใจ จากนั้นก็ใช้ระยะที่ได้เปรียบเรียกทะเลสีรุ้งขึ้นมา พร้อมกับปลดล่อยเวทย์เพลิงพลังทำลายล้างระดับสูงออกมา และนั่นก็คือเพลิงสีส้ม วินาทีที่เปลวเพลิงสีส้มได้ผสานกับทะเลสีรุ้งในระยะที่ฉันได้เปรียบ การต่อสู้ก็ได้จบลงแล้ว
และมันสายไปที่ลีออนจะรู้สึกตัว
เพียงพริบตาเดียว เพลิงสีส้มก็แปรเปลี่ยนเป็นเพลิงสีน้ำเงิน ความเป็นไปได้แห่งทะเลสีรุ้งได้ยกระดับพลังทำลายล้างขึ้นไปอีกขั้นใหญ่
การเล่นแร่แปรธาตุนอกรีตของลีออนถูกเปลวเพลิงสีน้ำเงินแผดเผา ในระยะที่เพลิงสีน้ำเงินทำงาน คุณสมบัติมานาในระดับที่ซับซ้อนต่ำกว่าขั้นสูงจะโดนเผาจนเฮี้ยน!
“–ไม่จริง”
“ความจริงต่างหาก”
ฉันทะลุการป้องกันทุกอย่างของลีออน และเข้าประชิดเจ้าตัวในระยะเผาขน ขอเพียงแค่สะบัดมือที่มีเพลิงสีฟ้านี้เข้าใส่ ชัยชนะก็จะตกเป็นของฉัน
อาจจะเจ็บหน่อย อาจจะถึงปางตายเป็นอย่างต่ำ แต่จะขอเชื่อละกันว่าน้องชายหน้าโง่อย่างแกจะรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้—
ก่อนที่ฉันจะเป็นฝ่ายชนะในชั่วพริบตาเดียว แขนข้างที่ถือครองเพลิงสีฟ้าเอาไว้ก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเสียแล้ว
‘เฮ้อออ อีหรอบเดิม’
ค่อนข้างน่าตกใจทีเดียว แต่ฉันยังใจเย็นไล่ระดับสายตาไปทางเจ้าคนที่กล้าพอมาตัดแขนของฉัน ซึ่งเจ้าคนนั้นก็หน้าคุ้นสุดๆ
“— ‘ตัวแปร x’ !?”
“เกรลต่างหาก”
เผลอแค่หน่อยเดียวก็โดนเกรลเตะตัดขาตามความหมายตรงๆ ขาทั้งสองข้างของฉันปลิวไปกับแรงบ้าๆนั่น ส่งผลให้ร่างนี้ไม่อาจทรงตัวได้จึงล้มลงกับพื้นในที่สุด เจ้ามหามังกรข้างไข่ลีออนโผล่มาได้ทันเวลาพอดีอย่างกับรู้ใจ
ยัยนี่ปรากฏตัวมาในชุดกาวน์เหมือนทุกๆครั้ง แลเหมือนจะเอาของแถมอย่างยัยแวมไพร์ขี้ข้าที่โดนลากมากับพื้นในสภาพที่ไม่มีแขนกับขา
‘มหามังกร อืม เหมือนว่าจะไม่ไหวนะ’
ไม่ไหวบ้าอะไรกัน จะบอกว่าตูเป็นฝ่ายแพ้แล้วนั้นรึไงหา?
‘ถ้านั้นก็ช่วยลุกขึ้นไปสู้กับมหามังกรให้ดูหน่อยสินายของข้า’
ไอ้หมอนี่ไม่ช่วยไม่พอยังพูดมากอีก ชวนยัวะไม่ใช่น้อยเลย ..เอาเป็นว่า
“[ฮิล—อุ้ก!!”
ไม่ทันจะได้รักษาร่างกายตัวเองฉันก็โดนเกรลมันเดินมาซ้ำจนแขนข้างสุดท้ายหลุด สภาพของฉันตอนนี้เป็นเหมือนกับยัยแวมไพร์ขี้ข้าเป๊ะๆเลย
“ทันเวลารึเปล่า?”
“ทันพอดีเลยละ”
ลีออนเดินมาทางฉัน เจ้าหมอนั่นนั่งลงกับพื้น และสัมผัสร่างของฉันอย่างนุ่มนวล
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ท่านพี่ไม่มีสิทธิ์มาขวางทางผม ..เห็นแก่ที่เป็นพี่น้องกัน ผมจะส่งท่านออกจากเขตุของคัลเซเรม”
‘เห้ยๆๆๆๆๆ ซวยแล้วนายของข้า แบบนี้ซวยจริงๆแล้ว’
เสียงร้องของโอลิเว่อร์ในหัวทำให้ฉันพอจะจับผิดบางเรื่องได้
“อย่าบอกนะว่าแกคิดจะส่งฉันคนนี้ไป ‘แดนนรกกินคน’ น่ะหะ!?”
ลีออนทำหน้าเหมือนไม่อยากจะคุยด้วย แต่อีกใจก็ใจดีพอจะอธิบายให้ฟัง
“จริงๆก็อยากส่งท่านพี่ไปในจุดที่ปลอดภัยกว่านี้ แต่โชคร้ายที่มานาผมไม่พอ มากสุดได้แค่นี้นั่นแหละ ถ้าเกิดรอดชีวิตไปได้ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่ถ้าไม่รอดก็คิดเสียว่าท่านพี่โดนโทษประหารจากผมจนตายแทนไปละกัน จะโกรธแค้นอะไรผมไม่มีปัญหา เพราะเสียงของคนตายมันทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
“นี่แก!!–”
เพราะเรียนรู้แล้วว่าการพูดคุยกับมาเจลมันเปล่าประโยชน์ ลีออนจึงใช้งานการเล่นแร่แปรธาตุ เคลื่อนย้ายร่างของมาเจลไปที่ไหนสักแห่งซึ่งพ้นจากอาณาเขตุคัลเซเรมไปเล็กน้อย ซึ่งมันมีอยู่ที่ที่เดียวนั่นแหละ—- ‘แดนนรกกินคน’ ที่อยู่อาศัยของราชันย์มอนสเตอร์ ‘อีสเตอร์’ หนึ่งในอาณาเขตุที่อันตรายที่สุดบนโลก
“บะ บัดซบที่สุ—”
พูดไม่ทันจะจบ ร่างของฉันคนนี้ ของมาเจลปัญญาพระเจ้าผู้นี้ก็ได้หายไปจากทิวทัศน์ ณ ที่แห่งนั้นไปโดยปริยาย
ในใจได้แต่ก่นด่าคำว่า ‘บัดซบ’ ออกมานับครั้งไม่ถ้วน
……..
…….
หลังจากที่ส่งมาเจลไปที่อื่นแล้ว ลีออนจึงหันหน้ากลับมาหาอลิซาเบธ
“ต่อไปก็เธอสินะ แวมไพร์”
“..”
ดวงตาของอลิซาเบธใกล้จะปิดลงไปทุกที แต่ ..ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะไร้ซึ่งแสงสว่าง ยูจิก็ได้ปรากฏตัวออกมาก่อน สติที่คล้ายจะเลืองหายไปถูกฟื้นกลับมา พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“—ขอโทษที่ให้รอครับ คุณลีออน”
ยูจิกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ห้าวหาญ