เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 310
< < 194 Sec1 > >
ณ โรงอาหารภายในคุกนรก ‘คัลเซเรม’ ตัวผมยูจิกำลังยืนเผชิญหน้ากับคุณอลิซาเบธ ซึ่ง ..มีสภาพร่างกายที่ต่างจากก่อนหน้านี้ราวกับคนละคร
รูปร่างที่เหมือนกับคนขาดแคลนสารอาหารมาเป็นเวลานาน ได้แปรเปลี่ยนเป็นร่างที่ดูอุดมสมบูรณ์ รูปโฉมซึ่งคล้ายคนวัยสามสิบกลางๆเองก็เปลี่ยนมาเป็นวัยยี่สิบกลางๆ ให้พูดก็คือสภาพของคุณอลิซาเบธในตอนนี้กลับมาเหมือนปกติ
“แค่สองถาดช่วยได้ขนาดนี้เลยเหรอครับ”
ผมแปลกใจเล็กน้อย จากคนใกล้ตายที่แม้แต่จะเดินเองยังเดินไม่ได้ เพราะอดอยากมาหลายวัน สามารถกลับมาแข็งแรงเหมือนปกติได้ในไม่กี่ชั่วโมงจริงๆเหรอ ..
“โครงสร้างร่างกายของแวมไพร์ต่างกับมนุษย์มากนะคะ”
จะว่าไปก็นั่นสินะครับ คุณอลิซาเบธคือแวมไพร์นี่นา
“แต่คิดว่าเป็นเหมือนเดิมน่าจะสะดวกกว่า”
แบบเดิมสะดวกกว่าหมายถึงอะไรกัน? ผมพึ่งสังเกตุถึงสายตาของคนภายในคุกที่จับจ้องมาทางคุณอลิซาเบธ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็นสายตาแบบไหน ในคุกที่มีแต่ผู้ชายด้วยกันเมื่อเทียบกับจำนวนผู้หญิงที่มีเพียงหยิบมือแล้ว
ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แต่ก็พอรู้ว่าคุณอลิซาเบธเป็นคนที่สวยมากๆ ทั้งยังมีรูปร่างที่ดีจากการฝึกฝนมากมาย บนโลกนี้คนที่ผมมั่นใจว่าสวยกว่าคุณอลิซาเบธแน่ๆ คงมีแค่ คุณหนิง กระมังครับ
“ไม่ชอบที่ถูกโลมเลียเลยค่ะ”
“ขอโทษแทนคนอื่นด้วยนะครับ”
“แปลกคนจริงนะคะ ทำไมต้องขอโทษแทนคนอื่นด้วย คุณยูจิไม่ได้ใช้สายตาแปลกๆมองมาที่ฉันเสียหน่อย”
ทำไมเหรอ? ถึงถามอย่างนั้นก็ตอบได้แค่-
“ไม่รู้สิครับ”
“ยิ่งแปลกคนเข้าไปใหญ่ ไม่ได้เจอคนที่ยากจะทำความเข้าใจอย่างคุณมานานแล้วค่ะ”
“คิดว่าบนโลกใบนี้มีคนที่เข้าใจยากกว่าผมเยอะนะครับ”
อย่างคุณเรเซอร์ คุณหนิง หรือว่าเรย์ หลายๆคนเลยที่ผมคิดว่ายากจะทำความเข้าใจได้
“คุณคงถูกเพื่อนพ้องคนสำคัญทุกคนรักใคร่น่าดูนะคะ ”
……
“ผมไม่เข้าใจหรอกนะว่าคุณอลิซาเบธตั้งใจจะให้ผมคิดอะไร แต่ผมไม่ยอมโดนจูงจมูกหรอกนะครับ”
“ขออภัยด้วยค่ะถ้าทำให้ไม่พอใจ”
“ไม่หรอกครับ”
พวกเราไม่ได้คุยอะไรกันต่อ แค่ยืนต่อแถวรอรับถาดอาหาร จังหวะนั้นเอง ‘อัลกาด’ ก็เดินเข้ามาพร้อมกับสมุนอีกสามคน
“เป็นอะไรกันไปจ๊ะ น้องยูจิ กับ ..”
เขาจ้องหน้าของคุณอลิซาเบธด้วยความแปลกใจ ก่อนจะก้มหน้ามองสลับบนกับร่างไปมาเพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่าง จบท้ายด้วยการลูบคางของตัวเองอย่างสนอกสนใจ
“ใช่คนเดียวกับเมื่อเช้าจริงๆเปล่าเนี่ย”
“อลิซาเบธค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“โอ้ ชื่อ อลิซาเบธ หรือครับเนี่ย คนสวย คนที่งามขนาดนี้ นานๆทีจะได้พบได้เจอนะเนี่ย สุดยอดเลย ได้ของดีเลยไม่ใช่รึไง น้องยูจิ” อัลกาดมองหน้าอกของอลิซาเบธ “เทียบกับพวกผู้หญิงในคุกแล้ว ยัยนี่เด็ดที่สุดเลยแฮะ”
อัลกาดเท้าสะเอวและหัวเราะลั่นออกมา
“ไม่อยากเชื่อเลยแฮะว่าในคุกจะมีของดีๆให้ชมด้วย ปกติมีแต่พวกติดยาผอมแห้ง ไม่ก็ พวกโรคจิตเอาไม่มัน อืมๆ เห้ย น้องยูจิ ขอยืมตัวสักวันได้หรือเปล่า?”
“บอกแล้วไงครับว่า–”
“พระเอกจังเลยน้า น้องยูจิเนี่ย ถ้านั้นก็ขอนะ”
อัลกาดยื่นมือมาสัมผัสหน้าอกของอลิซาเบธตามใจชอบ
“ไม่ไหวแล้วว–”
ก่อนที่จะทำอะไรไปมากกว่านี้ คุณอลิซาเบธปัดมือของอัลกาดทิ้ง เธอหรี่ตามองด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“รู้กฏในคุกชั้นนี้รึเปล่า”
“….”
“กฏในคุกชั้นนี้คือ–พวกแกทุกคนเป็นขี้ข้าของฉัน และไม่มีสิทธิ์จะขัดขืน!!”
อัลกาดเลือดขึ้นหน้า เขาคิดจะลงไม้ลงมือกับคุณอลิซาเบธ—ผมพุ่งตัวในจังหวะเดียวกัน ปัดมือของอัลกาดทิ้ง และสวนหมัดเปล่าเข้าหน้าท้องของเขา
“อั้ก!!!!”
ร่างยักษ์ถึงสามเมตรของอัลกาดปลิวไปกับแรงกระแทกจากหมัด เขากลิ้งไปมากับพื้น ถาดอาหารของหลายๆคนหล่นลงหัวของอัลกาด เลือนผมของอัลกาดเวลานี้เต็มไปด้วยน้ำซุปที่มีเศษอาหารติดมา
“กะ แก!!”
อัลกาดสำรักอากาศ ผมเบือนหน้าหนีเมื่อลงไม้ลงมือไปแล้ว
“…??”
หมัดลูกสมุนของอัลกาดพุ่งมาขยี้หน้าของผม ร่างของผมเซไปข้างหลัง และตามด้วยลูกถีบจากใครก็ไม่รู้
เผลอแค่แปปเดียวก็มีคนเกือบสิบคนโผล่มารุมผมแล้ว ผมพยายามจะตอบโต้ให้ทัน แต่จำนวนก็เยอะเกินไปจนไม่ไหว สุดท้ายผมก็โดนรุมอัด โดยตอบโต้อะไรไม่ได้เลย คิดว่าปล่อยไว้แบบนี้อีกหน่อยผมได้ล้มลงไปกองกับพื้น แล้วโดนเตะอัดซ้ำจนสาหัสเข้าแน่ๆ
แต่ก่อนจะได้ตัดสินใจแก้สถานการณ์ ผู้คุมขังก็วิ่งมาทางนี้
“แยกย้าย!!”
คำสั่งของผู้คุมขังถือเป็นที่สุด พวกสมุนของอัลกาดถุยน้ำลายใส่หน้าผม ก่อนจะพากันเดินไปหาอัลกาดซึ่งพยายามลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก
อัลกาดจ้องมาที่ผมด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
“แรงดีไม่ใช่เล่นเลยนี่ น้องยูจิ”
“ไม่ใช่ว่าคุณอัลกาดแรงน้อยเองเหรอครับ?”
“ทำเป็นปากดี แต่สภาพดูไม่ได้เลยไม่ใช่รึไง?”
นั่นสินะ-ผมเช็ดริมฝีปากที่มีเลือดฉิบออกมา และยิ้มตอบอัลกาด
“เรื่องนั้นพวกเราคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ครับ”
“…พอๆ แยกย้ายๆ เห็นแก่ที่น้องยูจิผู้เลิกปอดกล้าตอบโต้สักที วันนี้จะยอมปล่อยไปก็ได้ ไอ้ที่เขาเรียกว่าฉลองการเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวยังไงละ”
“พอแล้วอัลกาด กินเสร็จแล้วก็รีบๆกลับไปทำงานซะ” ผู้คุมขังโพล่งเสียงดัง
“เข้าใจแล้วน่าๆ ไปกันเถอะพวก”
อัลกาดกับสมุนหัวเราะออกมา และเดินออกจากโรงอาหารกันไป …
“ไม่เห็นต้องออกตัวแทนฉันเลยค่ะ แค่คนระดับนั้นฉันจัดการด้วยตัวเองไหวอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยรีบบอกผมสิครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ครั้งหน้านะคะ”
“พวกแกเองก็รีบไปกินข้าวแล้วกลับไปทำงานซะ” ผู้คุมหันมาเตือนทางผม
“ครับ”
****
ผมกับคุณอลิซาเบธมานั่งกินข้าวที่โต๊ะแห่งหนึ่ง โดยที่พวกเรานั่งตรงข้ามกัน คราวนี้ผมเองก็ร่วมกินด้วย เนื่องจากคุณอลิซาเบธบอกว่าสารอาหารเมื่อเช้าเพียงพอแล้ว ทว่า ทั้งๆที่เจ้าตัวพูดแบบนั้น แต่ก็จ้องถาดอาหารของผมตาเป็นวาวราวกับเสียดายอยู่ดี ..
ตอนนี้ผมมีรอยฝกซ้ำตามใบหน้าเล็กน้อย จากการทะเลาะวิวทากับพวกอัลกาด
“ที่นี่มีห้องพยาบาลรึเปล่าคะ?”
“ไม่มีหรอกครับ ..ไม่ต้องห่วงไปครับ ร่างกายของผมพิเศษกว่าคนอื่น ต่อให้วงจรเวทย์ไม่สมบูรณ์ แผลผมก็หายได้ในไม่กี่ชั่วโมงครับ”
“ห่วง?”
คุณอลิซาเบธเอียงคอฉงน คงจะสงสัยว่าเธอเอาอะไรมาห่วงผม ..
“ขอโทษละกันครับที่ทำให้เข้าใจผิด”
“ไม่หรอกค่ะ”
จากนั้นบรรยากาศก็เริ่มมาคุขึ้นมา อาจเป็นเพราะเธอคิดว่าผมโดนหักหน้าก็ได้ ทั้งๆที่ผมไม่ได่ใส่ใจเรื่องนั้นเลยแท้ๆ
“เอ่อ ยูจิ แล้วก็อลิซาเบธ ใช่รึเปล่าครับ?”
ชายวัยกลางคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายผมกับคุณอลิซาเบธ เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีที่มีรอยกละอยู่ตรงแก้มทั้งสองข้าง ผมของเขาออกฟูๆเล็กน้อย เป็นใบหน้าตามต้นตำหรับของชาวเมืองอาณาจักรเกรล
“อ๊ะ จู่ๆเข้ามาหวัดดีแบบนี้ก็ดูแปลกๆเนอะ ไม่เคยได้เจอกันสักหน่อย เอาเป็นว่าผม ‘แจ็คสัน’ นะ เป็นรุ่นพี่ของพวกเธอเนื่องจากอยู่ที่นี่มาได้สี่ปีแล้ว และเหมือนๆกับพวกเธอ เป็นนักโทษระดับ 3” แจ็คสันขยิบตาให้หนึ่งครั้ง “คดีที่ทำให้เลื่องชื่อแล้วโดนลากเข้าคุกคือคดีฆ่าผู้หญิงติดต่อกันสี่สอบศพอันโด่งดัง”
แจ็คสันยื่นมือมาให้ผม ทว่าผมไม่คิดจะจับมือกับเขา
“….?”
“ผมไม่จับมือกับฆาตกรครับ”
“อะไรกัน เป็นฆาตกรเหมือนๆกันแท้ๆ”
“มีธุระอะไรเหรอครับ คุณแจ็คสัน”
“เอาเถอะ อย่างน้อยไม่ได้เมินกันก็บุญแล้ว” แจ็คสันลงมานั่งข้างผม “เห็นด้วยละนะ ตอนที่ยูจิซัดเจ้าอัลกาดจนปลิวน่ะ สุดๆไปเลยนะนั่นน่ะ ขนาดโดนจำกัดความสามารถไปตั้งเยอะ แต่ยังมีแรงขนาดนั้นอยู่ ยูจิต้องเป็นคนที่น่าอัศจรรย์คนหนึ่งแหงๆเลยละ”
“ครับ แล้ว?”
“ว่าไงดี ให้พูดก็น่าอาย คือฉันอยากเป็นเพื่อนกับยูจิแล้วก็อลิซาเบธจังเลยน้า กำลังคิดแบบนี้อยู่”
ชายวัยกลางคนที่มีสำนวนการพูดแบบร่าเริงๆอย่างกับเด็กวัยรุ่น ไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่เลยนะครับ
“คนอย่างผมไม่เหมาะจะมีเพื่อนหรอกครับ”
“ต่อให้เป็นฆาตกรเหมือนกัน?”
“ต่อให้เป็นฆาตกรเหมือนกันก็ไม่น่าใช่ความคิดที่ดีครับ”
“น่าเสียดาย ถ้าฉันบอกว่าเป็นคนบริสุทธิ์แต่โดนใส่ร้าย จะยอมเป็นเพื่อนฉันรึเปล่า?”
คนๆนี้ไม่รู้ว่าเข้าใจอะไรผิดอยู่
“ยังไงก็–”
คุณแจ็คสันเข้ามกระซิบข้างๆหูผมว่า “ผมรู้น่าเรื่องที่ยูจิคิดจะแหกคุก” พูดจบคุณแจ็คสันก็กลับไปนั่ง ณ จุดๆเดิม พลางขยับหัวไปมาอย่างอารมณ์ดี
“จะบอกดีมั้ยนะ? หรือจะไม่บอกดี? คิดดีๆนะครับ ยูจิ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคำตอบของยูจิล้วนๆเลย”
“….”
“เอาเป็นว่าค่อยๆคิดนะครับ ทางนี้ขอตัวไปทำงานก่อน”
คุณแจ็คสันคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะเดินจากไป
“โดนแบล็คเมย์จนได้นะคะ”
“..รู้ได้ยังไง”
“ตรงกำแพงมีรอยทบของคุณอยู่นะคะ แม้แต่ฉันที่พึ่งเห็นครั้งแรกยังพอเดาได้เลยว่าคุณน่าจะพยายามแหกคุกแบบใช้กำลังล้วนๆในทีแรก แบบนี้ถ้าผู้คุมขังรู้เค้าคงจะลำบากแย่เลยค่ะ”
ผมรู้สึกหน้าซีดขึ้นมาบ่อยๆ ขืนโดนจับตาดูเป็นพิเศษเข้าผมจะเคลื่อนไหวลำบากขึ้นเยอะเลย
“บางทีคุณก็ดูบ๊องตื้นผิดคาดนะคะ”
“เรื่องอะไรเหรอครับ?”
คุณอลิซาเบธไม่ตอบคำถาม เธอลุกขึ้นยืนเอาถาดอาหารไปเก็บ และเดินไปทำงานในฐานะคนคุกต่อเลย ..ผมเห็นอย่างนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากกลับไปทำงานต่อ ไม่อย่างนั้นจะโดนผู้คุมขังจับตาดูเป็นพิเศษเอาได้
****
การทำงานช่วงบ่ายนั้นยาวไปจนถึงหัวค่ำ การทำงานคราวนี้ไม่ใช่การดูดมานาเหมือนช่วงเช้า แต่เป็นการใช้แรงงานปั่นพลังงานไฟฟ้าโดยไม่มีหยุด ระหว่างที่ทำก็สามารถพบเห็นคนที่สลบ หรือว่าตายจากการถูกใช้แรงงานติดต่อกันได้เป็นเรื่องปกติ
ผมผ่านการทำงานพาร์ทนี้ได้เหมือนกับทุกวัน จากนั้นก็โดนผู้คุมขังจังขับเข้าคุก พร้อมกับถาดอาหารที่ใส่ขนมปังเปื้อนดินราวสองชิ้นมาให้ ไม่มีน้ำหรือว่าแยมตามอย่างที่คนปกติเขาได้กินกัน
“เป็นการใช้แรงงานที่โหดร้ายไม่ใช่น้อยเลยนะคะ”
อลิซาเบธโพล่งขึ้นขณะที่ยัดขนมปังเข้าปากตัวเองด้วยท่าทางดูเอร็ดอร่อย น่าสงสัยจริงๆว่าขนมปังแบบนี้มันมีอะไรน่าอะไรกัน
“ชอบขนมปังหรือครับ?”
“ชอบการกินค่ะ”
ดูจากที่กินอย่างตะกละแล้วก็พอเดาได้อยู่บ้างครับ
“เอาของผมมั้ยครับ สักครึ่งหนึ่ง”
“จะดีเหรอคะ?”
“โดยส่วนตัวผมไม่มีปัญหาครับ”
“ถ้านั้นก็ขอรับไว้นะคะ คุณยูจิ”
คุณอลิซาเบธหยิบขนมปังส่วนของผมไปครึ่นหนึ่ง เมื่อกินของตัวเองจนหมด เธอก็ลงมือกินส่วนของผมต่อทันที ไม่คิดจะแบ่งไว้กินเวลาอื่นเลย อาจเป็นผลกระทบที่ตกถอดมาจากการโดนอดอาหารหลายวันก็เป็นได้ ทำให้มีความอยากอาหารสูง หรือไม่ก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณอลิซาเบธ
ท่าทางการกินที่ตะกละ และสีหน้าที่ดูมีความสุขเวลารับประทานอาหาร ทำให้ผมแอบนึกถึงคุณหนิงขึ้นมาเล็กน้อย นั่นอาจจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ผมไม่รู้สึกอยากวางตัวเป็นศัตรูกับคุณอลิซาเบธ เพราะคล้ายกับเธอคนนั้น
“ระวังติดคอนะครับ”
“อุก ..”
หันไปดูอีกทีก็พบภาพของคุณอลิซาเบธที่พยายามอย่างยิ่งในการเอาขนมปังที่ติดในลำคอเข้าไปในท้อง เธอทุบท้องรัวๆด้วยท่าทางเหมือนคนกำลังจะขาดอากาศหายใจตาย
“คุณยูจิ”
พูดไม่ทันขาดคำเลยครับ
“แย่ ..แล้วค่ะ”
ผมถอนหายใจ และเดินไปจับคุณอลิซาเบธลุกขึ้น ก่อนจะทำการกระตุกหน้าท้องของเธอในความรุนแรงที่พอเหมาะพอควร ทำให้เธอรอดพ้นจากความตายมาได้
คุณอลิซาเบธหายใจฮอบอย่างอ่อนล้า เห็นอย่างนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะพูดสวนกลับเธอสักเรื่อง
“คุณอลิซาเบธเองบางทีก็ดูบ๊องๆนะครับ”
มาดมือขวาของผู้ก่อการร้ายที่ดูฉลาดได้หายไปจนหมด ทันทีที่เห็นเธอกินแบบตะกละ จนอาหารติดคอ และตกในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน
“..กรุณาอย่าย้อนจะได้รึเปล่าคะ?”
“ครั้งหน้าจะระวังครับ”
“ค่ะ แล้วก็ช่วยอย่ายิ้มเยาะเย้ยฉันด้วยนะคะ”
ผมกำลังยิ้มอยู่เหรอ? ผมแปลกใจเล็กน้อย ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังอารมณ์ดีจนเผลอยิ้มออกมา
“นึกถึงเพื่อนเก่าน่ะครับ ก็เลย”
อาจจะเป็นเพราะท่าทางของคุณอลิซาเบธนั้นคล้ายกับคุณหนิงก็เป็นได้เลยชวนคิดถึงนิดหน่อย
“คงเป็นเพื่อนเก่าที่ตลกน่าดูนะคะ”
“นั่นสินะครับ”
…….
……
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับทั้งสองคน”
คุณแจ็คสันปรากฏตัวตรงหน้าห้องขัง ทั้งๆที่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะออกมาเดินป้วนเปี้ยนได้ ก่อนที่ผมจะเอ่ยถามว่ามีธุรพอะไร คุณแจ็คสันก็แจ้งจุดประสงค์ของตัวเองออกมาเป็นลำดับแรกก่อนเลย
“มาทวงคำตอบน่ะครับ”
“อย่างที่คุณแจ็คสันรู้ ผมจะแหกคุก ถ้าผมตอบตกลงแล้วผมจะได้รับอะไรครับ?”
“ผมไม่ได้แข็งแกร่งอย่างยูจิด้วยสิ คงให้ได้แค่ ‘ข้อมูลแสนสำคัญ’ ละมั้งครับ”
“ผมจะไม่ยอมเป็นเพื่อนของคุณแจ็คสันหรอกนะครับ”
คุณแจ็คสันผุดสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา ผมพูดต่อ
“แต่ผลประโยชน์ที่คุณแจ็คสันอยากจะได้จากผม ผมจะทำให้ทุกอย่างตามที่ต้องการอยู่แล้วครับ ขอแค่คำว่าเพื่อนเท่านั้นที่ผมจะไม่มอบให้ใครทั้งนั้น”
“ถ้านั้นก็ไม่มีปัญหาครับ แต่น่าแปลกใจจริงๆนะครับ ทำไมถึงได้ไม่ชอบการเป็นเพื่อนกับใครสักคนขนาดนั้นกันครับ?”
…..
“ผมไม่คู่ควรกับคำๆนั้นครับ”
“วัยรุ่นจังเลยนะครับ” คุณแจ็คสันยื่นมือเข้ามาภายในห้องขัง “เช่นนั้นก็ ‘ดีล’ กันเถอะนะครับ”
“ ‘ดีล’ ครับ”
ผมจับมือกับคุณแจ็คสันเป็นอันตกลง