เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 305
< < 189 Sec3 > >
(มุมมองบิลเซบับ)
“บิลเซบับ ..อย่านะ”
ที่อย่าเนี่ยหมายถึงอะไรกันนะ? ท่านเบลลามีจะฉลาดเป็นกรดเกินไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ชวนให้แปลกใจอะไร เพราะท่านตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วคือผู้ที่ทรงสติปัญญากว่าทุกๆชีวิตบนโลก ไม่เว้นกระทั่งทวยเทพ หรือทูตสวรรค์
เวลาที่ฉันตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ ก็มีท่านนี่แหละที่จะมาหยุดฉันไว้ได้ตลอด แต่ว่าคราวนี้ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็คงไม่ทัน ..น่าเสียดายจริงๆ ด้วยปัญญาของท่าน พวกเราเกือบจะเอาชนะเซราฟิมได้ด้วยกำลังเพียงน้อยนิด แต่ดันไปเจอตัวแปรภายนอกเข้าให้
น่าเสียดายจริงๆ ..
“มิคาเอล ฉันไม่ยอมลงไปเทียบเท้าเธอหรอกนะคะ”
“เรื่องนั้นคนที่ตัดสินคือตัวของเรา”
“ผิดแล้วค่ะ คนที่ตัดสินคือ–ท่านเบลลามี ต่างหาก และคนที่ฉันจะลงไปกราบไหว้ก็มีเพียงแค่ท่านผู้นั้นคนเดียวเท่านั้น”
..มหาบาปแห่งความโลภ
“จงกลืนกิน”
แส้สีดำพุ่งมาจากข้างหลังของเรา สองสิ่งนั้นอ้าปากกว้าง และกลืนกินตัวของเราเอง
“หืม?”
หากให้พูดถึงข้อเสียของท่านเบลลามีหรือท่านจอมมารก็คงมีอยู่บ้าง
“คิดจะทำอะไรกันแน่ บิลเซบับ”
“กลืนกินตัวเอง เพื่อสร้างตัวเองที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”
ฉันกู่ร้องออกมาสุดแรงเกิด อากาศเกิดการสั่นสะเทือน
แต่ว่าก็นึกไม่ออกเลย ทั้งๆที่คิดว่าควรจะมีข้อเสียบ้าง แต่ฉันนึกไม่ออก อาจจะเป็นเพราะว่าตัวฉันหลงใหลในท่านเบลลามีมากเกินไปเสียจน ..ตาบอดไปแล้ว แต่ให้นึกดูดีๆก็นึกออกอยู่ข้อหนึ่ง แต่ก็ยังไม่แน่ใจหรอกนะ ว่าเรียกว่าข้อเสียได้เต็มปากรึไม่
“ปีศาจมหาบาปจะเวียนว่ายตายเกิดได้ตลอดก็จริง แต่เล่นกลืนกินตัวเองเข้าไปแบบนี้ท่านจะไม่ได้อาศัยอยู่ในฐานะปีศาจผู้มีพันธต้องเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเคียงข้างจอมมาร หากแต่กลายเป็นก้อนมานาที่ถูกสร้างขึ้นโดยบาปของตัวเองเท่านั้น”
มิคาเอลหัวเราะขึ้นจมูก ประหนึ่งว่ากำลังดูถูกความคิดนั้นของบิลเซบับ
“หมายความว่าท่านจะไม่สามารถเกิดใหม่ได้อีกแล้ว แลกกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล”
“ฉันเดิมพันทุกอย่างกับการตัดสินใจนี้ ไม่ได้โกหกหรอกนะที่พูดน่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะว่าท่านเป็นคนที่โง่จนเกินเยียวยา คิดจริงๆหรือว่าพลังเพียงน้อยนิดที่ตัวเองมี หากได้รับการเพิ่มขึ้นสิบเท่าแล้วมันจะมากพอต่อกรกับตัวของเรา”
“เรื่องนั้น ..”
จู่ๆฉันก็หลุดหัวเราะออกมา
“ไม่รู้สิ”
“บิลเซบับ! หยุดนะ!”
จู่ๆท่านเบลลามีที่มักจะพูดเสียงเบาตลอดก็ตะโกนสวนกระแสขึ้นมา เธอพยายามขยับร่างกายที่ขาดการควบคุมไปแล้วของตัวเองสุดชีวิต ค่อยๆคลายมาทีละนิด
ดูใบหน้านั่นสิ ดิ้นรนสุดๆ หาดูได้ยากมากเลยนะนั่นน่ะ ..
ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของท่านเบลลามีก็คือ ..
“ที่ทำไปมันเปล่าประโยชน์! บิลเซบับ!! ขอร้องละหนีไป!”
ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ..การที่ท่านรักตัวฉันมากเกินไป แค่มนุษย์ชั้นต่ำอย่างฉัน กับความรักที่ผู้ยิ่งใหญ่มอบให้ มันไม่เข้ากันเลยค่ะ
แต่ว่าไม่ปฏิเสธหรอกนะ ..ฉันดีใจค่ะที่ท่านเป็นห่วงฉันถึงขนาดฝืนตัวเองเพื่อมาหาฉันที่ตัดสินใจทำเรื่องโง่เขลาลงไป
“มิคาเอล เธอจะไม่มีทางได้หัวของท่านเบลลามี”
“…”
“คนชั้นต่ำอย่างพวกเธอไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้ชนะ!!”
ฉันเร่งมานาสุดขีด ใช้เวทมนตร์ง่อยๆยิ่งออกไปพร้อมกับเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมชนิดเทียบไม่ติด
ตัวฉันเวลานี้แข็งแกร่งกว่าเดิมสิบเท่าได้—-มิคาเอลสะบัดปีกใส่ฉัน แขนและขาถูกทำลายเส้นประสาท ตามมาด้วยลำแสงที่พุ่งใส่ลำตัวของฉันโดยที่ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตา
ร่างของฉันลงไปนอนกองกับพื้น พลังที่พวยพุ่งออกมาดับหายไปเพียงชั่วพริบตา ..การเดิมพันด้วยชีวิตคือเรื่องสูญเปล่า ในแง่ที่ว่าฉันจะสู้กับมิคาเอลได้หรือไม่
“…บิลเซบับ?”
ท่านเบลลามีหยุดเคลื่อนที่ ท่านมองมาที่ฉันด้วยดวงตาที่โศร้าโศรก พอเห็นท่านทำตาอย่างนี้ ฉันก็รู้สึกแย่ขึ้นมาเลยละ
ขอโทษด้วยนะคะ ท่านเบลลามี ฉันขอเล่นขี้โกงนิดหน่อย ..ที่ทำอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ท่านถูกใจนัก แต่ว่าทั้งหมดจะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ
..ฉันน่ะ ได้ท่านช่วยเอาไว้ค่ะ
ไม่ใช่เรื่องที่ช่วยฉันจากงานแต่งสุดเลวร้าย หรือช่วยฉันไว้จากการจมน้ำที่ท่านเป็นต้นเหตุ ..แต่ว่าท่านได้ช่วยฉันไว้จากโลกที่แสนน่าเบื่อใบนี้
ท่านได้แสดงให้ฉันเห็นถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘อิสรภาพ’ ที่ไม่ว่าใครต่อใครก็ถือมันเอาไว้ ไม่แบ่งแยกชายหรือหญิง ไม่แบ่งแยกเผ่าพันธ์ุ ไม่ว่าใครก็ล้วนถือสิ่งนี้เอาไว้ ท่านได้สอนให้ฉันรู้ถึงเรื่องนี้ และทำให้ฉันได้พบเจอกับชีวิตที่ควบคุมโดยตัวฉันเอง
ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ เศร้าหรือยินดี ..ฉันก็จะไม่โทษสิ่งอื่นใดทั้งนั้น
ฉันน่ะ—มีชีวิตอยู่เพื่อจะใช้ชีวิตไปจนจบ
ตอนนี้ตอนจบของฉันได้มาถึงแล้ว ฉันไม่มีเรื่องที่ต้องเสียใจอะไรทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างของฉันมันบรรลุแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกับท่าน ..สิ่งเดียวที่ฉันจะทำในวันสุดท้ายของฉันก็คือ แค่ก้าวเดียวก็ยังดี ฉันอยากจะดันหลังของท่านให้ใกล้ความฝันของท่านขึ้น สักก้าวก็ยังดี
และบทสรุปของฉันก็จะปรากฏขึ้น เพื่อสิ่งนั้น
ร่างของฉันค่อยๆสลายไปตามที่ควร ตัวฉันในตอนนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในกะเพาะของของตะกละ เมื่อถูกทำลายมันก็จะถูกย่อยสลาย …
การตายของฉันมันไร้ค่า แต่ว่าจุดเริ่มต้นของการที่ฉันตาย มันคือก้าวต่อไปของท่านค่ะ
พลังของฉัน อำนาจมหาบาปของฉัน แต่เดิมมันคือสิ่งที่ท่านมอบให้แก่ฉัน ทุกอย่างจะหวนคืนสู่ท่านค่ะ—โปรดรับทุกอย่างไว้ และลืมตาตื่น ..ฉันเชื่อว่าต่อให้ลืมตาตื่น ท่านก็ยังเป็นท่าน ไม่ใช่ใครอื่น
ท่านเบลลามี
“เดินหน้าต่อไปนะคะ—ฉันจะเฝ้าดูตลอด”
ตัวฉันได้เลืองหายไปพร้อมกับสายลม ตัวตนของฉันในฐานะบิลเซบับ และเพื่อนของท่านเบลลามีได้จากโลกใบนี้ไปแล้วตามการกระทำที่ใจปารถนา
****
(มุมมองของเบลลามี)
……….
……..
…..
“พี่!!!!!!!!!!!!!”
เสียงร้องของแอสโมเดียสเรียกสติเราจากห้วงลึก
บิลเซบับหายไปแล้ว เธอหายไปพร้อมกับสายลมที่พัดไปทางเหนือ
ปีศาจมหาบาปไม่ควรจะตายโดยสมบูรณ์ได้แท้ๆ แต่ว่า ..เธอกลับตายไปแล้ว
“…”
เราจ้องมองเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าหัวสมองของตัวเองมันประมวลอะไรบางอย่างไม่ทัน ..อาจเป็นเพราะโดนความรู้สึกมากมายถาโถมจนควบคุมอะไรไม่ได้แล้ว กระทั่งเรียบเรียงความคิดในสมองก็ทำไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ปวดหัว ทรมาน หายใจไม่ออก—เรา
….
ฟู่ววว …ไออุ่นของเปลวเพลิงจากกองไฟตรงหน้าปลุกเราจากการหลับใหล
เราลืมตาตื่นขึ้น ณ ถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากตัวเมือง เนื่องจากว่าฝนตกพวกเราเลยต้องมาพักรักษาตัวที่นี่ก่อน
ดูเหมือนว่าเราจะหลับไปนานพอสมควรเลยละ ..หืม?
ข้างๆเรา สัมผัสแสนอ่อนโยนที่เราใช้พิงนอนมาตลอด บิลเซบับนั่งกอดเข่าอยู่ข้างตัวเรา และหรี่ตามองหน้าของเรามาตลอด
ในช่วงที่หลับเราคงจะเผลอใช้ไหล่ของเธอเป็นหมอนสินะ นอกจากนั้น ..
“บิลเซบับ เธอยังไม่ตายเหรอ?”
เรื่องราวก่อนหน้านี้ทั้งหมดเป็นเพียงความฝันเท่านั้นสินะ ไม่มีใครตายทั้งนั้น พวกเรารอดตายจากทูตสวรรค์แล้วก็มานั่งอยู่รอบกองไฟได้อย่างปลอดภัย
“พวกเราตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอ?”
“เรื่องนั้นก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
“นั่นสินะ ถึงจะจำไม่ค่อยได้ แต่หลังจากนั้นพวกเราก็คงหนีเอาตัวรอดแบบไม่คิดชีวิตกันเลย ..ถ้านั้นฝนหยุดตกเมื่อไหร่ เราจะออกไปสำรวจนะ”
“ท่านเบลลามี”
เสียงเรียกนั่นหยุดความคิดในสมองทุกอย่างของเรา คล้ายว่ากำลังถูกปลุกให้ตื่นซ้ำอีกครั้ง
“ทั้งหมดที่เกิดขึ้นคือความจริง และฉันก็ตายไปแล้วนะคะ ท่านเบลลามี”
ทั้งอย่างนั้น บิลเซบับกลับยิ้มออกมา
“..เหรอ”
“ค่ะ ไม่คิดเลยว่าร่างเอาจริงของฉันจะโดนมิคาเอลซัดทีเดียวร่วงเนี่ย ในฐานะบริวารของท่านเบลลามีแล้วใช้ไม่ได้เลยค่ะ!”
“ทำดีที่สุดแล้ว ขอบคุณนะ”
อาจจะเป็นเพราะเรารู้อยู่แก่ใจว่าอะไรคือความเป็นจริง อะไรคือความฝัน เราจึงยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกได้ง่ายๆ
รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว แต่หลอกตัวเองว่าถ้าเป็นอีกแบบได้ก็ดีสิ
“..เธอทำแบบนี้ไปทำไมเหรอ? บิลเซบับที่เรารู้จัก ไม่ใช่คนที่ไร้หัวคิดถึงขนาดหาทางให้ตัวเองตายโดยสมบูรณ์ แล้วโดนเชือดทิ้งเอาง่ายๆหรอกนะ”
“ในสถานการณ์ตรงหน้า ทั้งฉัน และทางเบลลามี ไม่มีทางเอาชนะได้ค่ะ ..นอกจากให้ท่านเบลลามีได้พลังที่แท้จริงกลับคืนมา” บิลเซบับยิ้ม และพูด “พลังของฉันจะไหลคืนสู่เจ้าของดั่งเดิมอย่างท่านเบลลามี สิ่งที่เกิดขึ้นมันจะไปกระตุ้นร่างกายของท่านเบลลามีให้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ท่านเบลลามีจะได้กลับคืนแค่อำนาจมหาบาปอย่างเดียวด้วย ถ้าอย่างนั้นมันก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปอยู่ดี”
“ถ้าอย่างนั้น”
จะทำไปทำไม ..อยากแยกจากเราขนาดนั้นเลยหรือไง? ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พวกเราพึ่งจะสัญญาโอบกอดความสุขในอนาคตไปด้วยกันอยู่เลยแท้ๆ
ราวกับอ่านใจกันได้ บิลเซบับตอบกลับ
“จุดอ่อนของท่านเบลลามี คือท่านรักฉันมากเกินไปค่ะ”
ใช่ เพราะบิลเซบับเป็นเพื่อนคนสำคัญของเรา ไม่มีทางไม่รักอยู่แล้ว
“เพราะอย่างนั้นถ้าฉันตายไป ท่านคงจะเจ็บปวด”
“…”
“พอท่านเจ็บปวด การกระตุ้นระลอกที่สองก็จะเกิดขึ้น ..พลังในฐานะท่านจอมมารของท่านเบลลามีก็จะปรากฏ แลกกับชีวิตของฉัน ท่านเบลลามีจะสามารถก้าวต่อไปได้โดยไม่หกล้มกลางทาง ท่านจะทรงด้วยพลังอำนาจ และท้ายที่สุดไม่ว่าสิ่งใด ท่านจะสามารถคว้ามันเอาไว้ได้ในกำมือ ฉันคิดอย่างนั้นค่ะ”
ไม่เข้าใจอยู่ดี เพื่อสิ่งนั้นถึงกับยอมตายต่อหน้าต่อตาเราเลยเหรอ ..มีเหตุผลที่ดีอยู่หรอก แต่ว่าสำหรับเรา เรื่องเหตุผลมันไม่ได้สำคัญเลย
ตัวเราคงเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง ที่เฝ้าหวังว่าพรุ่งนี้จะได้คุยเล่นกับเพื่อนคนสำคัญไม่ผิดแน่ เพราะอย่างนั้นเลยไม่เข้าใจ และเจ็บปวด
“บิลเซบับ ปารถนาที่จะให้เราเจ็บปวดนั้นเหรอ?”
“..ไม่เคยเลยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมล่ะ–ทำไมต้องทำให้เราเจ็บปวดด้วย”
เราช่างเอาแต่ใจเหมือนกับเด็ก
บิลเซบับไม่ตอบกลับอะไร เธอทำเพียงโอบกอดร่างของเราเอาไว้ในอ้อมกอดซึ่งเต็มไปด้วยไออุ่น ..
“ทำไม ..ล่ะ”
“ท่านเบลลามี”
บิลเซบับซุกหน้ากับศรีษะของเรา และหลับตาลง
“รักนะคะ”
เราคิดว่านี่คงจะเป็นการเจอกันครั้งสุดท้าย ระหว่างเรากับเธอคนนี้ ..จึงกำมือเสื้อของเธอไว้แน่น ร้องไห้ออกมา และกล่าวกับเธอเป็นครั้งสุดท้าย
“ลาก่อนนะ ..บิลเซบับ ..ลาก่อนนะ เมลเบล”
****
ในโลกแห่งความเป็นจริง เวลาอาจจะผ่านไปไม่ถึงวิด้วยซ้ำ อาการปวดหัว หายใจไม่ออก และทรมานร่างกายของเราได้หายไปเพียงชั่วพริบตา
ตัวเราในเวลานี้ ..อาจจะกำลังเจ็บปวดกับเรื่องบางเรื่องอยู่ก็จริง แต่
“ขอบคุณนะ เพื่อนที่ดีที่สุดของเรา”
เปลวเพลิงสีขาวพวยพุ่งออกมาจากร่างของเรา ไม่รู้สึกถึงขีดจำกัดใดๆอีกต่อไปแล้ว ตัวเราในตอนนี้ก็คือ– ‘จอมมาร’
ความทรงจำทั้งหมดย้อนกลับคืนสู่หัวสมอง ทว่าก็ไม่มีสิ่งอื่นใดที่เปลี่ยนไปเลย ไม่ได้คิดอยากจะทำลายโลกอีกต่อไปแล้ว ไม่ได้คิดจะฆ่าผู้กล้า หรือว่าฆ่าทวยเทพเลยหากไม่จำเป็น เราก็ยังคงเป็นเราเหมือนกับที่บิลเซบับบอก
เราคือ เบลลามี เป็นจอมมารที่มีบริวารเป็นปีศาจมหาบาปที่แสนวิเศษ ใช่แล้ว เราก็คือเรา
“ลืมตาตื่นจนได้”
มิคาเอลทำท่าจะคว้าอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเวทมนตร์ เซราฟิมบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและเตรียมจะกระหน่ำกระสุนแสงใส่ร่างของเรา
ทว่า เวลานี้ไม่มีความหวาดกลัวอยู่ในจิตใจอีกต่อไปแล้ว
เลือนผมของเราค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวเพียงแค่ปลายผมจุดเล็กๆ ไม่รู้ว่าเรื่องตลกอะไรที่รูปโฉมที่แท้จริงของเราในตอนนี้ไม่ได้เหมือนกับยุคโบราณซะทีเดียว
น่าแปลกใจก็จริง แต่ว่า
“ทูตสวรรค์เอ๋ย ถ้าเกิดโง่เขลาพอจะไม่รู้จักคิดก็จงดาหน้าเข้ามา”
เพลิงแห่งจอมมารได้แผดเผาทุกสิ่ง ยกเว้นมิตรสหาย เราเคลื่อนเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับเปลวเพลิงที่โอบอุ้มร่างนี้ไว้เสมือนกับเกราะป้องกัน
“เราผู้นี้จะส่งพวกนายลงนรกเอง”