เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 299
< < 187 Sec3 > >
“ลาล่า …แม่ขอโทษนะ ลาล่า”
แม่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ใจแทบจะขาด เธอพยายามรั้งร่างของฉันไว้แต่ก็ถูกดึงไปด้วยท่านพ่อ
“เธอคือผู้ถูกเลือกนะ พอได้แล้ว”
“—ผู้ถูกเลือกอะไรกัน! คุณต้องการให้ลูกของตัวเองเจอกับสงครามรึไง!? เธอพึ่ง10ขวบเองนะ!”
“เพราะเธอถูกเลือกให้ไปไงเล่า!!”
“คนอย่างคุณนี่มัน!!”
“อย่ามางี่เน่าหน่อยเลย!! มาแต่งงานกับฉันที่มีสายเลือดก็ต้องทำใจไว้แล้วไม่ใช่หรือไง!”
“รู้อยู่แล้วนี่อะไร!? ใช่ที่รู้อยู่แล้วว่าลูกต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือน่ะหรือคะ!?”
“นังนี่!”
พ่อและแม่ต่างเถียงกันสุดเสียง แม่ร้องจะช่วยเหลือฉันไว้ให้ได้มากที่สุด ส่วนพ่อก็เถียงด้วยดวงตาที่โกหก
ทั้งสองไม่ได้อยากปล่อยมือจากฉันไป เพราะฉะนั้น——ฉันถึงต้องเป็นมัน
ถ้าเป็น ‘ผู้กล้า’ ละก็
“ฉันจะเป็นเอง”
พี่ชายกล่าวขึ้นมา เขายกมือขึ้นแล้วจ้องมาที่ฉัน
..พี่ชายจะเป็นผู้กล้าแทนฉัน? ทั้งๆที่คุณสมบัติไม่เพียงพอ? แบบนั้นไม่ใช่ว่าจะไปสู้แล้วก็ตายโดยไม่ได้ทำอะไรเลยเอาหรือไง?
…นั่นทำให้ตัดสินใจได้
ถ้าเป็นผู้กล้าละก็ จะปกป้องทุกคนได้ เพราะฉะนั้นต้องเป็นผู้กล้า เพื่อไม่ให้คนที่อยู่ข้างหลังต้องเป็นอะไร
ฉันตัดสินใจเช่นนั้นพร้อมกับรับตำแหน่งผู้กล้ามา
นับจากนั้นฉันจึงชื่อว่า ‘ผู้กล้าลำดับที่ 99 ลาล่า’
******
“กลับมาแล้ว” ผมโพ่งขึ้นหน้าคฤหาสน์ “..บ้านฉันเอง”
“คฤหาสน์ชัดๆค่ะ”
นั่นสินะ ..
จากนั้นสักพักประตุคฤหาสน์ยักษ์ก็เปิดออกด้วยแรงช้างของน้องสาว——ผู้กล้า ลาล่านั่นแหละ
น้องสาวผู้กล้าปรากฏตัวออกมา เธอวิ่งมาหาผมด้วยรอยยิ้มก่อนจะไปสะดุดที่อาเบลสีมรกต
ลาล่าทันทีที่เห็นก็ผงะไป ก่อนจะเขม่งใส่ผม
“พึ่งทะเลาะวิวาทไปเองนะพี่ หนูไม่ชอบอาชญากรรมนะรู้มั้ย?”
“อย่ามาล้อเล่นน่า นี่คือเด็กหลงที่จะให้เธอช่วยหน่อย”
“…หนูพึ่งเหนื่อยจากศึกคราวก่อนมาเองนะ”
“โทษที จะพยายามด้วยตัวเอง”
ดันไปยุ่งเวลาพักเธอซะได้ อุตส่าห์พยายามมาตั้งมากมาย
ลาล่าเห็นท่าทางของผมก็พลันหัวเราะเบาๆ เป็นการล้อเล่นกับตัวผมเหมือนทุกครั้งที่มีโอกาส
“ถึงจะเสียดายเวลาที่ได้อยู่กับท่านพ่อท่านแม่ แต่ได้อยู่กับท่านพี่ก็ไม่เลว”
“-อ โอ้”
อาเบลเห็นท่าทางของลาล่าก็เหมือนมองอะไรสักอย่างทะลุอีกเธอเลยพยายามกระซิบบอกผม แต่เพราะขนาดตัวต่างเกินไปเลยไม่สำเร็จ
“มีอะไรรึเปล่า อาเบล”
“…เปล่าค่ะ”
อาเบลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะโค้นศรีษะให้ลาล่า
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดิฉันอาเบลเป็นเด็กหลงทางที่ท่านชุนรับมาช่วยเหลือ”
“แหม่”
ลาล่าดูจะทึ่งกับความสุภาพและน้ำเสียงการพูดของแอมโบว์เล็กน้อย คงจะหาเด็กวัยแค่นี้ที่คุยรู้เรื่องยาก
“หนูอาเบลสินะ เดี่ยวท่านผู้กล้าจะพาไปส่งโดยสวัดดิภาพเอง”
เห็นอย่างนั้นก็คงจะไม่มีอะไรแล้ว ชุนจึงพยายามจะลุกขึ้นเดินไปทำธุระอื่น แต่ก็โดนลาล่าจับปลายคอเสื้อไว้ก่อน
“พี่เองก็ต้องมาด้วยนะ”
“อะไรกัน”
****
จากนั้นทั้งสามก็เดินไปตามทางของเมืองแห่งผู้กล้า ‘ยูซาริเซี่ยน’
ด้วยการกระจายข่าวปากต่อปากของลาล่า ทำให้ไม่นาน แม่ของอาเบลก็วิ่งมาหาพวกเธอเองโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมาก
“ขะ ขอโทษด้วยนะคะ”
ผู้เป็นแม่ที่น่าจะชื่อ ริริ โผล่มาก็โค้งศรีษะขอโทษตัวของอาเบลก่อนเลย ซึ่งนั่นชวนให้แปลกใจพิลึก หลังจากนั้นเธอก็หันมาโค้งศรีษะให้ทางชุนกับลาล่าอย่างเร่งรีบ ก่อนจะรีบจูงมืออาเบลเดินไปทันที
อาเบลไปโดยไม่กล่าวลาอะไร
“..รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้แฮะ”
“จะรู้สึกแปลกๆก็ไม่แปลกหรอก ก็เด็กคนนั้นเป็นถึงเชื้อสายราชวงศ์นี่นะ”
…..
“เอ๊ะ? ราชวงศ์!? ราชวงศ์!!!?”
“ดวงตาสีมรกตนั่นเป็นเอกลักษณ์จะตาย พี่ไม่เคยได้ยินเหรอ ฉายาของ ‘เจ้าหญิงมรกต’ ที่ฉลาดเป็นกรดไม่พอ ยังงดงามสุดๆนั่น”
ชุนอาจจะเข้าไม่ถึงความงดงามเท่าไหร่นัก เพราะเมืองแห่งผู้กล้าคือบ้านเมืองที่อาศัยโดยผู้มีสายเลือดผู้กล้าเป็นส่วนใหญ่ และผู้มีสายเลือดผู้กล้าจะมีหน้าตาที่ดีเยี่ยมเกินกว่าใครๆ ชนิดที่ว่าจะถูกจัดให้สง่างามที่สุดบนโลกก็ไม่แปลกเลย สำหรับเขาแล้ว อาเบลก็มีหน้าตาระดับเดียวกับลาล่าน้องสาวของตนเองเนี่ยแหละ จึงไม่ได้เอะใจ
ว่าตามตรง ตามปกติก็ควรเอะใจ แต่มาตรฐานค่าสติปัญญาของชุนจึงไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้อะไรเลย
“..ซวยแล้วสินั้น ฉันไปทำเสียมารยาทกับเจ้าหญิงคนสำคัญซะเยอะเลย”
“พี่เนี่ยชอบทำอะไรไม่คิดตลอดเลยนะ”
“ทะ ทำไงดี ลาล่า อีแบบนี้ได้โดนจับแขวนคอแหงๆ!”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ถ้าเรื่องที่ทำมันไม่ได้เลวร้ายมาก ฉันพอจะช่วยคุยได้อยู่ ยังไงก็เป็นถึงท่านผู้กล้านี่นะ ตัวฉันน่ะ”
ลาล่ากล่าวพลางหัวเราะร่าออกมา และเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี
****
ชุนกลับมาที่บ้านซึ่งเหมือนกับคฤหาสน์ ที่แห่งนี้มีแค่เขาและคนใช้อาศัยอยู่ นอกเหนือจากนั้นทุกคนมีงานที่ต้องทำ ทั้งพ่อและแม่มีงานสำคัญในฐานะคนของตระกูลผู้กล้า น้องสาวคือผู้กล้าที่จะต้องพยายามเพื่ออาณาจักรแห่งนี้ตลอดเวลา จนแทบจะไม่มีวันหยุด
แต่ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ เธอได้รับวันหยุดแสนมีค่ามาราวหนึ่งคืน
แต่น่าเสียดาย ที่พ่อและแม่สองคนนั้นไม่ว่างในวันนี้ ทำให้ที่แห่งนี้มีเพียงชุนและลาล่าเท่านั้น สุดท้ายก็ทั้งสองก็เริ่มมืออาหารสำหรับสองคน และจบลงไปอย่างเงียบเหงา ก่อนจะเข้านอน และอีกไม่นานก็คงจะพ้นวันหยุดแสนมีค่าของผู้เป็นน้องสาว …
ทว่า ในค่ำคืนนั้น
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูได้ดังขึ้นหน้าห้องนอนของชุน
“ใครกันที่มาในเวลาแบบนี้”
ดึกมากแล้วแท้ๆเชียว ชุนลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู และพบกับลาล่าที่ปรากฏตัวมาในชุดนอนของเด็ก ดูเหมือนเด็กน้อยผิดกับสถานะผู้กล้า
“มีธุระอะไรดึกๆดื่นๆรึ ลาล่า”
“แค่คิดว่าพี่ชายอาจนอนไม่ได้หลับเลยมานอนเป็นเพื่อนค่ะ”
กล่าวจบลาล่าก็วิ่งเข้ามาโดยไม่ขออนุญาติ และพุ่งไปนอนบนเตียงขนาดยักษ์ของชุน
“เดี่ยวสิ ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ”
เป็นถึง ‘ท่านผู้กล้า’ เชียวนะ อยากจะบอกอย่างนั้นแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปแบบเต็มปาก
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ นานๆที ปกติมักจะได้นอนแคมป์ตามป่า ไม่ก็ใน ดันเจี้ยน ตลอด นานๆทีก็อยากนอนเตียงใหญ่เว่อร์ของพี่บ้างเหมือนกันนะ”
“..แต่ว่า”
“พี่น้องกันจะกลัวอะไรกันคะ?”
“..อือ ยุ่งยากจริงๆแฮะ”
ชุนเลิกคิดเรื่องยุ่งยาก แล้วลงไปนอนตามลาล่า แม้จะนอนเตียงเดียวกัน แต่ก็เว้นระยะห่างกันราวยี่สิบเซนเป็นอย่างต่ำ แถมลาล่ายังเป็นฝ่ายเอาหมอนข้างมากั้นทางไว้ด้วย แบ่งอาณาเขตุชัดเจนเช่นนี้ก็หายห่วงได้
“พี่ชายเป็นคนนอนดิ้นน่ะ ไม่อยากตื่นมาแล้วอยู่ในสภาพโดนทับ”
“มะ ไม่ได้นอนดิ้นสักหน่อย”
“ทำมาเป็นพูดนะคะ”
“ก็บอกว่า–”
“นอนดีกว่าค่ะ”
ลาล่าทำเมินการประถ้วงของชุน เธอนอนกอดหมอนข้างอีกอัน และนอนหันหน้าไปทางอื่น ชุนเห็นแม้จะเจ็บใจสุดท้ายก็เลือกจะนอนหันหน้าสวนทางกับลาล่า …
……
…..
“เป็นผู้กล้าเป็นยังไงบ้างเหรอ?”
สุดท้ายของสุดท้ายก็นอนไม่หลับ เพราะในหัวมีแต่เรื่องที่อยากจะถาม และพูดคุยด้วย
“ก็ลำบากอยู่ แต่ไม่ได้มากมายอะไรค่ะ คิดว่าคงจะผ่านไปได้ไม่ยาก”
“สุดยอดเลยนะ ..ได้ยินว่าการฝึกผู้กล้ามันโหดเทียบเท่าหน่วยรบพิเศษของราชาเลยนี่ เท่าที่ได้ยินมาการฝึกแบบนั้นถ้าไม่ใจแข็งพอ อาจจะสติแตก หรือพลาดตายเข้าสักวันก็ไม่แปลกนะ”
แต่กลับบอกว่าไม่เท่าไหร่ซะอย่างนั้น ช่างย้อนแย้งกับข่าวลือ
“เทียบกับตอนฝึกฝนก่อนเข้ารับดาบแห่งผู้กล้าแล้ว หฤโหดกว่าเยอะนะคะ วันดีคืนดีก็โดนคนจากต่างแดนเข้าจู่โจม หมายจะเอาชีวิตฉัน หรือไม่ก็ ต้องทำหน้าที่คอยปกป้องบุคคลสำคัญ และเอาชีวิตเข้าแลกกับศัตรูที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว” ลาล่าพูดพลางหัวเราะพึมพำ ถึงจะเจอแต่เรื่องหินๆแต่ก็พลาดมันมา่ได้หมดแล้ว สำหรับเธอ เรื่องที่เล่าอาจจะเป็นเรื่องโม้ประจำวงเหล้าในอนาคตก็เป็นได้ “ครั้งหนึ่งเคยเจอนักดาบขั้นบรรลุเลื่องชื่อด้วยค่ะ ชื่อว่า ‘ดาบนกยูง’ ‘พาโว’”
“เจ็ดคาบสมุทรพาโว!?”
ไม่มีทางที่ผู้คนจะไม่รู้จักชื่อนี้ หากนึกถึงนักดาบแห่งยุคผู้ที่อยู่เหนือนักดาบขั้นบรรลุด้วยกันเองไม่รู้กี่ขั้นแล้วก็ต้องมีชื่อของ ‘เกรย์’ เทพดาบผู้ถือครองดาบมังกรเหล็กบรามุนต์ กับตำนานปราบสัตว์อสูรมากมาย ‘คาลอส’ ราชาอัศวินดาบคลั่ง ที่รู้จักในฐานะอัศวินอมตะ ‘ไรเดน อาคาสะ’ ราชาดาบมาร และ ‘พาโว ซี มารีน’ ดาบนกยูงผู้เป็นหนึ่งในเจ็ดคาบสมุทร กลุ่มทหารเรือที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรเนลยอน
“นั่นเป็นศึกที่ยากลำบากมากค่ะ เป็นครั้งแรกเลยที่ลำพังพลังของฉันไม่อาจต่อกรกับผู้อื่นได้ในการต่อสู้ 1-1 สุดท้ายก็เสียเพื่อนร่วมรบไปถึงสามคน จึงจบการต่อสู้ และแยกย้ายกันได้เนื่องจากกำลังเสริมมาถึง แต่ถ้าสู้ต่ออีกหน่อย ฉันพอจะเดาจุดจบของตัวเองได้เลย ฮะ ฮะ ฮะ”
แม้แต่ ลาล่า ที่สุดยอดยังเร็วไปที่จะเป็นคู่มือให้พาโว ..ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาละก็–ได้ตายแน่ๆ
“ในฐานะผู้กล้าแล้ว การพ่ายแพ้ให้แก่คนจากต่างแดนคือเรื่องน่าอับอายค่ะ ถ้าเกิดไปถึงหูชาวเมืองเข้าคงจะหมดศรัทธาในชื่อชั้นของตระกูลเอาได้ ฉันเลยพยายามฝึกอย่างหนัก จนตอนนี้ ..เหมือนจะบรรลุเป็น ‘นักดาบขั้นบรรลุ’ แล้วค่ะ”
“..สุดยอดเลยไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ค่ะ แต่แค่นี้มันยังไม่มากพอ”
ลาล่าหรี่ตาลง จ้องไปที่แสงไฟจากเทียนที่ไม่ใกล้ไม่ไกลไปภายในห้อง
“พลังของฉันยังเทียบชั้นกับหลายๆสิ่งบนโลกใบนี้ไม่ได้ แค่นี้ไม่มากพอที่จะปกป้องทุกคนค่ะ ต้องพยายามมากกว่านี้ ..นอกจากภารกิจปกป้อง หรือโดนดักฆ่าแล้ว เรื่องที่หนักที่สุดในฐานะผู้กล้าคือการสู้กับมอนสเตอร์นี่แหละ ก็จริงที่ง่ายกว่าในแง่ของการคาดเดา แต่ว่าการรับมือมอนสเตอร์ระดับสูงตรงๆนั้นยาก ออร์คที่มีพลังกายทัดเทียมกับพวกนักดาบขั้นบรรลุ มังกรที่มีเวทมนตร์รุนแรงเทียบเท่าเวทมนตร์ขั้นบรรลุ บ้างก็เจอมอนสเตอร์ระดับแรงค์ ‘S’ ที่ทรงพลังในทุกๆด้าน”
“ลำบากแย่เลยนะ”
“ใช่ค่ะ หลายครั้งเลยที่ล่าไม่สำเร็จ และต้องตามล่ามอนสเตอร์ไปเพื่อสังหารมันไม่ให้ไปก่อเรื่องเข้าในเขตุที่ผู้คนอาศัยอยู่ บางทีก็ต้องติดตามเป็นสองสามวันติดต่อกัน หนักสุดเลยคือภารกิจล่า ‘หมาป่าดวงจันทร์’ มอนสเตอร์ระดับ S ที่อยู่ทางเหนือของทวีปค่ะ”
ชุนพยักหน้ารัวๆตอบรับการเล่าเรื่องของผู้เป็นน้องสาว
“จุดเด่นของมันคือความเร็ว หากเผลอแม้แต่นิดเดียวร่างก็จะถูกบดขยี้ด้วยกรงเล็บ ไม่ก็ อำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่มีความรวดเร็วเทียบเท่าเวทมนตร์ขั้นบรรลุอย่าง [ทวนสายฟ้า] เป็นศัตรูตัวเป้งที่ต่อให้เอานักดาบขั้นบรรลุมาสู้ก็ไม่น่าไหว เลยต้องรุมเอา อีกทั้ง พอจะชนะมันก็วิ่งหนีไปด้วยความเร็ว แค่หมาป่าดวงจันทร์ตัวเดียวถึงกับต้องใช้เวลาตามล่าถึงหนึ่งเดือนเต็มๆค่ะ ..แวะนอนป่าบ้าง นอนถ้ำบ้าง โดนอาการหนาวเหน็บเล่นงานจนเกือบตายบ้าง เจอมอนสเตอร์ระดับสูงข้างทางจนเกือบเอาตัวไม่รอดบ้าง เรียกได้ว่างานหินสุดๆเลยค่ะ ยากกว่าตอนสู้กับดาบนกยูงเสียอีก”
…..
“ตอนสุดท้ายก่อนจะฆ่าได้ก็เสียพวกพ้องไปอีกหนึ่งคน จอมเวทย์ก็ใช้มานาจนหมเแล้วด้วยทำให้รักษาไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องขุมหลุมฝังคนๆนั้นไว้ที่แห่งนั้นอย่างช่วยไม่ได้ พอกลับไปที่เมืองก็โดนชาวบ้านแถวนั้นมาบ่นเข้าค่ะว่าใช้เวลานานเกินไป ทำให้รอบๆมีความเสียหายจากหมาป่าดวงจันทร์ แม้จะจำกัดการเคลื่อนไหวไว้แล้ว แต่ขอบเขตุภัยอันตรายของมอนสเตอร์ระดับ S มันก็สร้างความลำบากให้ชาวบ้านอยู่ดี นอกจากนั้นก็โดนคนรักของนักดาบที่ตายไปมาตบหน้าค่ะ”
อะไรกันฟร้ะนั่น? ชุนอยากจะตะโกนขึ้นมาเสียงดังๆ และวาร์ปไปซัดคนที่กล้ามาจบหน้าน้องสาวของตัวเอง ..
“โดนด่าค่ะว่าเป็นผู้กล้าที่ห่วยแตก ..ทั้งๆที่พยายามเต็มที่แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังทำอะไรหลายๆอย่างได้ไม่ดีพอ ในฐานะผู้กล้าแล้วต้องพยายามมากกว่านี้ ศึกษามอนสเตอร์ และวิชาหลายๆแขนงมากกว่านี้ เพื่อรับมือให้ดียิ่งขึ้น การฝึกก็ต้องเข้มงวดด้วย คิดว่าถ้าพยายามอีกสักปีหรือสองปี น่าจะพอใช้เวทมนตร์ขั้นบรรลุได้สักบทสองบท กำลังคิดอยู่ค่ะว่าจะฝึกฝนเวทมนตร์เกี่ยวกับอะไรดี ประเภทจู่โจมก็น่าสนใจ ประเภทควบคุมสถานที่ก็น่าสนใจ กำลังคิดเรื่องแนวทางของตัวเองจู่ๆก็มีงานหนักมาให้ทำต่อ นักดาบคนใหม่ที่มาก็เข้ากันไม่ค่อยได้ด้วย แบบว่ามีอะไรให้คิดหลายอย่างในทุกๆวัน จนบางทีก็พักผ่อนไม่เพียงพอบ้าง เผลอวูบหลับไปโดยไม่รู้ตัวบ้าง ต้องให้ฮิลเลอร์ช่วยเยียวยาสมองเพื่อที่จะใช้งานร่างกายได้ต่อบ้าง ..จะพูดยังไงดี ..มัน ..รู้สึก ..เหนื่อยค่ะ”
เสียงสะอื้นดังมาจากอีกฝั่งของหมอนข้าง ท่านผู้กล้าในตำนานตอนนี้กำลังหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่ปิดบัง
“การเป็นผู้กล้ามันเหนื่อยมากจริงๆ ..ต้องแบกรับความหวังของผู้คน และทำมันให้สำเร็จเร็วที่สุด ต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองตลอดเวลา ..หลายๆครั้งก็เหนื่อยจนร่างกายรับไม่ไหวค่ะ กลายเป็นว่าตอนนี้ก็เอาแต่คิดอะไรมากมายในหัวจนนอนไม่หลับ คิดว่าถ้ามานอนกับพี่ชายอาจจะช่วยให้นอนหลับก็ได้นะ ..น่ะค่ะ”
“ลาล่า”
ชุนยื่นมือข้ามหมอนข้างที่ขวางทั้งสองเอาไว้ และสัมผัสที่ศรีษะของท่านผู้กล้าที่กำลังร้องไห้อยู่
“ถ้าไม่อยากเป็นจะเลิกก็ได้นะ”
“..พี่ชาย?”
“..ฉันจะเป็นแทนเอง ..ผู้กล้าอะไรนั่นน่ะ”
ลาล่าได้ยินก็หัวเราะขณะที่กำลังสะอื้นอยู่ในลำคอ
“อย่ามาพูดบ้าๆสิ เรื่องนี้ทางตระกูลเขาตัดสินใจไปนานแล้วนะคะ นอกจากนั้นฉันก็มีพร้อมสวรรค์ในฐานะผู้กล้ามากกว่าพี่เยอะเลยด้วย ไม่มีใครที่เหมาะสมไปกว่าฉันแล้ว พี่ชายไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงแบบไม่จำเป็นหรอกค่ะ”
“พูดถึงข้อดีคือร่างกายของฉันที่ดีกว่าคนทั่วๆไป ถ้าเป็นฉัน คงจะเผชิญหน้ากับสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากได้แน่ๆ”
“มีดีกว่าแค่ข้อเดียวแท้ๆ วิชาดาบพี่ก็อยู่แค่ขั้นกลาง เวทมนตร์ก็ใช้ไม่ได้ สติปัญญาก็ไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่อีก คนเราจะพูดอะไรก็ได้ก็จริง แต่ควรรู้จักประมานตัวเองนะคะ ..เรื่องที่ฉันเป็นผู้กล้าฉันเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง พี่จำไม่ได้เหรอ?”
“แต่ว่าเธอไม่ชอบไม่ใช่รึไง?”
“แค่เจอเรื่องยากลำบาก มันไม่ได้ทำให้อุดมคติของผู้กล้าเลืองหายไปนะคะ เจตนารมณ์ของผู้กล้าตั้งแต่รุ่นแรกไม่ได้ราคาถูกขนาดลูกหลานอย่างพวกเราจะทิ้งหน้าที่ตัวเองเอาดื้อๆได้ลงคอ ….ฉันจะเป็นผู้กล้าที่ยิ่งใหญ่ค่ะ เป็นผู้กล้าของทุกคน และของพี่ชาย อาจจะมีช่วงที่ยากลำบากบ้าง แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
ลาล่าเดินออกจากเตียงนอนของชุน และหันมายิ้มให้ชุนซึ่งกำลังมองมาด้วยสีหน้าแสนเจ็บปวด
“คิดไปคิดมา ฉันยังมีงานสำคัญที่ต้องทำต่อ ขอตัวก่อนนะคะ”
“สำคัญขนาดทิ้งเวลาพักตัวเองเลยเหรอ?”
ชุนลุกขึ้นจากเตียงเหมือนๆกัน ท่าทางดูเป็นห่วงสุขภาพของลาล่า แต่เธอกลับยิ้มตอบกลับอย่างสดใส
“ปกติฉันจะนอนแค่สามวันครั้งอยู่แล้วด้วย นี่พึ่งจะเข้าวันที่สองเอง ..นอกเหนือจากนั้นก็ชาร์จพลังงานเต็มที่แล้วด้วยค่ะ”
“พูดอย่างกับคนอื่นเป็นก้อนมานาซะได้”
ลาล่ายิ้มให้ชุนอย่างซุกซน แต่ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปเธอก็ได้หันมาเล่าอะไรบางอย่างให้ฟังก่อน
“ช่วงนี้ระวังตัวหน่อยนะคะ พี่ชาย พอดีว่าภารกิจล่าสุด ฉันบังเอิญเห็นเข้าน่ะค่ะ ..เผ่าปีศาจชั้นสูง ‘อาร์คเดม่อน’ ”
“อาร์คเดม่อน!? แน่ใจแล้วเหรอว่าใช่น่ะ? ถ้าอาร์คเดม่อนปรากฏตัวก็แปลว่า ..”
เผ่าปีศาจสูญพันธ์ไปตั้งแต่ยุคผู้กล้ารุ่นแรกแล้ว ถ้าหากว่าโลกใบนี้มีการปรากฏตัวของปีศาจ นั่นคือลางบอกเหตุที่ว่า–จอมมารกำลังจะหวนคืนสู่โลก
“ใช่ค่ะ เลยต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับอาร์คเดม่อนเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันเลยกลับมาที่เมืองแห่งผู้กล้าเพื่อหาบันทึกหลายร้อยปีก่อนไปส่งให้ฝ่ายวิเคราะห์ค่ะ ถ้าหากยืนยันได้ว่าเป็นอาร์คเดม่อนก็ต้องรีบไปกำจัด และเสาะหาเบาะแสเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จอมมารจะถือกำเนิดต่ออีก ..อ๊ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ในฐานะผู้กล้าขอเอาหัวเป็นเดิมพันเลยว่าจะไม่ทำให้ทุกอย่างมันบานปลายค่ะ”
ชุนดูหดหู่ขึ้นมาทันตา
“….”
แหงอยู่แล้ว น้องสาวของตัวเองอาจจะต้องเผชิญหน้ากับปีศาจระดับสูง และก็มีความเป็นไปได้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับจอมมารในฐานะผู้กล้าด้วย จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไรกัน ..
“อ่า ฮะ ฮะ ไม่น่าเล่าให้ฟังเลยนะ เช่นนั้นพี่ชาย ขอตัวกลับห้องก่อนนะ ถ้าเกิดบังเอิญเจอบันทึกที่เข้าข่ายก็ฝากเอามาให้ด้วยนะคะ”
“อ่า”
ลาล่าเดินออกจากห้อง และประตูห้องก็ค่อยๆปิดลง พร้อมกับแสงไฟจากเทียนที่ได้ดับลง …ชุนตัดสินใจไม่คิดอะไร พยายามข่มใจตัวเอง และหลับตาลงบนเตียงขนาดยักษ์ที่แสนสบาย