เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 277
< < 177 Sec1 > >
ทันทีที่ลืมตาตื่นมองโลกใบนี้ก็พบกับแสงสว่างที่แสนอบอุ่น แล้วก็เสียงน่ารำคาญสามเสียงที่ปนไปมาอย่างน่าหงุดหงิด
“เจ้าเป็นใครกันเนี่ย?”
“มันคำถามของทางนี้ต่างหาก”
“น่ากลัว”
ขี้โวยวายสอง ขี้กลัวหนึ่ง ..แล้วก็ขี้รำคาญอย่างข้าหนึ่ง
พวกเราคือใครกัน? ไม่มีใครรู้เลย รู้เพียงแต่ว่า-พวกเราคือ ‘มังกร’ ผู้เป็น ‘ศูนย์กลางแห่งมานาทั้งหมดทั้งมวล’ บนโลกใบนี้ หรืออีกชื่อที่จะถูกเรียกขานในอนาคตว่า ‘มหามังกรทั้งสี่’
****
เปลวเพลิงและสายลมล้วนถูกสายน้ำพัดทิ้งจนหมด ก็จริงที่เพลิงอาจจะแพ้น้ำ แต่กระทั่งสายลมก็ด้วยเหรอ? เป็นไปไม่ได้ เว้นแต่ว่าสายลมนั้นจะอ่อนแรงเกินไป ดังเช่น มหามังกรทั้งสองตนผู้เสียพลังไปกว่าเก้าส่วน กับคู่ต่อสู้ มหามังกรวารีผู้อยู่ในอาภรณ์เทพมังกร
“อ่อนแอสุดในหมู่พี่น้องแท้ๆเชียวนะ!”
แซร์อิซที่พึมพำขึ้นมาถูกซัดปลิวไปพร้อมกับสายน้ำ ร่างปลิวชนเสารอบๆหลายตลบ ก่อนจะล้มลงกับพื้นอย่างหมดรูป ฟัฟนิร์ที่พยายามจะปัดป้องให้มากที่สุดก็ไม่ไหว
“จะ ใจเย็นนน!!!”
ร่างถูกยกขึ้นฟ้า และโดนทุบลงพื้นด้วยกำปั้นวารี
ตึ้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เพลิงแห่งการเยียวยาของมหามังกรถูกทำลายทิ้งจนหมด ร่างกายของฟัฟนิร์เต็มไปด้วยบาดแผลที่น่าหวาดเสียว
“บอกแล้วไงว่าเปล่าประโยชน์ พวกแกในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้!!”
เนลยอนสะบัดมือหนึ่งครั้ง ยกร่างของฟัฟนิร์ขึ้นฟ้า จากนั้นก็ทำท่าจะจับทุ้มลงพื้นอีกที ทว่าจังหวะนั้น ‘อลิซ’ เพื่อนร่วมทางของแซร์อิซก็ได้พุ่งผ่านสายน้ำ และคว้าร่างของฟัฟนิร์ออกมาได้อย่างทันท่วงที
เร็ว–จากที่เมินอลิซมาตลอด เนลยอนเริ่มให้ความสนใจกับมนุษย์คนนี้
อลิซอุ้มร่างของฟัฟนิร์ไว้บนหลัง และวิ่งวนหนีไปมาตามเสา
“ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย ..ตาย ตาย ตายแหงๆ”
ซวยเหลือหลายอลิซบ่นออกมาอย่างสิ้นหวัง ฟัฟนิร์ที่แทบจะหลับทั้งเป็นบนหลังพูดด้วย
“ทำได้ไม่เลวมนุษย์ จากนี้จะยอมเรียกเจ้าว่า ต้าวอลิซ ละกันนะ”
“ท่านฟัฟนิร์ช่วยเงียบทีเถอะ!!”
“เอ๋??”
เนลยอนยื่นมือออกมาข้างหน้า ควบคุมสายน้ำไล่ตามอลิซไป–แต่ก็ยากจะถึงตัวอลิซ เพราะเธอวิ่งได้เร็วมาก จังหวะเท้าที่สมบูรณ์แบบ ผนวกไปด้วยเวทย์สายลมอ่อนๆและทักษะ [จังหวะแตะสายลม] ทำให้ยากจะตามจับอลิซได้
“โฮ!! ไม่เลวเลยนี่ต้าวอลิซ! แบบนี้แหละ แบบนี้เลย!”
ระหว่างที่โดนอุ้ม ฟัฟนิร์ก็ใช้เพลิงเผาน้ำที่ตามหลังมา และยิงกระสุนเพลิงสวนเนลยอนบ้างเป็นบางจังหวะ ทั้งจับตัวไม่ได้และตามไม่ทัน ทำให้เนลยอนเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา
“น่ารำคาญ!”
เนลยอนเริ่มที่จะบินตามบ้าง แต่จังหวะที่เริ่มออกตัว-แซร์อิซก็กระโดดมาเตะเต็มแรง
แม้จะอยู่ในร่างอาภรณ์เทพมังกร แต่ก็โดนลูกเตะสุดแรงของมหามังกรเข้าไปก็มีเซบ้างเล็กน้อย
“ชิ!”
เนลยอนกวาดมือใส่แซร์อิซ แต่ก็ถูกกระโดดหลบง่ายๆก่อนที่เจ้าตัวมหามังกรวายุจะหยิบดาบทรงคาตะนะที่อยู่ข้างหลังออกมา มันคือ ‘ดาบมังกรวายุ’ พลังเก้าส่วนที่ขาดไปของเขา
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ดาบมังกรวายุเปล่งประกาย และปล่อยลมกรรโชกออกมามหาศาล แซร์อิซเหวี่ยงดาบใส่เนลยอน เนลยอนพลิกตัวหลบ แต่ก็ไม่พ้นที่จะโดนสายลมจำนวนมหาศาลนั้นพัดเข้าให้
“ประมาทไป ประมาทไป!!”
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!! สายลมพุ่งออกจากปลายดาบ และตรงอัดเข้าร่างของเนลยอนตรงๆ
“อั้ก!!!”
ร่างปลิวไปตามแรงลม และถูกบดขยี้ด้วยสายลมจนเละ แน่นอนว่าไม่นานร่างกายของเนลยอนก็กลับมาเหมือนเดิมด้วยพลังแห่งมหามังกรเต็มร้อย และอาภรณ์เทพมังกร
เนลยอนลุกขึ้นมาใหม่ และกางปีกของอาภรณ์เทพมังกรออก
“ไอ้พวกชั้นต่ำ!!”
ปีกเลืองแสงขึ้น พร้อมกับประกายน้ำที่พุ่งออกไปสิบแฉก
“โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ–โอ้!!!”
สายน้ำพุ่งมาพันรอบตัวของแซร์อิซไว้ก่อนที่จะ-รัด
ตู้ม ร่างของแซร์อิซระเบิดเป็นสายเลือด อลิซที่เห็นกรี๊ดออกมาสุดเสียง ก่อนจะร้องโฮออกมาเสียงดัง
“อะไรวะเนี่ย!!!? ทำไม-ต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย!!? แง๊!!!!!!!”
“รำคาญ!!!”
จากนั้นปีกก็เลืองแสงขึ้นอีกครั้ง เป้าหมายคือหุบปากของอลิซ
“ไม่ตายง่ายๆหรอกน่า! ฮ่าๆๆๆ!!”
แซร์อิซรวบรวมเลือดเนื้อของตัวเอง และปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในร่างเปลือยเปล่าที่โชว์ของลับขนาดยักษ์ของตัวเอง บนมือกำดาบมังกรวายุไว้แน่น เจ้าตัวฟาดอัดกลางหลังของเนลยอน
เป็นอีกครั้งที่ดาบมังกรวายุทำให้เนลยอนลอยไปกับสายลมที่มหาศาล แม้จะอยู่ในร่างกายที่มีพลังเหลือเพียง 1/10 แต่ดาบบนมือนั้นเก็บพลังเก้าส่วนของแซร์อิซเอาไว้ แรงลมเพียงเก้าส่วนมีพลังพอจะซัดเนลยอนให้เละได้
ร่างของเนลยอนลากไปกับพื้นอย่างไม่น่าดู นอกจากเนลยอนแล้วแซร์อิซก็ปลิวไปกับสายลมด้วยเหมือนกันเสียอย่างนั้น เพราะไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้ควบคุมสายลมที่มาจากดาบมังกรวายุไม่ได้ ช่างโง่เขลาซะจริงๆ เนลยอนคิดในใจเช่นนี้
ไม่นานเนลยอนก็กลับมาเหมือนเดิม ส่วนแซร์อิซก็ยังโดนลมของตัวเองเป่าจนเละอยู่
“ต่อไปคือแก–”
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม!!! บอลเพลิงอัดเข้าหน้าของเนลยอนเต็มๆ แถมยังหลายลูกด้วย
“ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วนะต้าวเนลยอน เจ้าชอบประมาทอยู่เรื่อยเลย!”
เนลยอนล้มลงพื้นอีกครา แน่นอนว่าไม่นานก็ลุกขึ้นมาใหม่พร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“น่ารำคาญ”
“อย่าต่อว่าพี่สาวตัวเองเช่นนั้นเลยน่า”
แซร์อิซที่ฟื้นร่างกายกลับมาแล้วเอ่ยเตือน
“น่ากลัวๆๆๆๆๆ!!!”
อลิซเอาแต่บ่นไม่หยุด รวมถึงวิ่งไม่หยุดด้วย
“หนวกหู”
“ต้าวเนลยอน”
ฟัฟนิร์ยื่นมือออกมาให้ และยิ้มสวยๆให้
“ต้าวเนลยอนสู้พวกเราไม่ได้หรอก ยอมแพ้แล้วมากับพวกข้าเถอะนะ”
“น่ารำคาญที่สุดเลย พวกแกน่ะ!!!!!!!!”
เนลยอนกู่ร้องออกมาสุดเสียง
****
หลังจากที่ลืมตาตื่นก็พามาได้หลายวันแล้ว เจ้าพวกนั้นยังคงน่ารำคาญเหมือนเดิม
“ข้าพี่ใหญ่ เพราะข้าเก่งที่สุด”
ไอ้ลมยืนกอดอกและโพล่งออกมาขณะที่นั่งกันอยู่ในถ้ำ
“หา? ข้าชนะไม่ใช่หรือไงเล่า”
ไอ้ไฟขัดขึ้นมาอย่างหงุดหงิด ส่วนไอ้ดินเอาแต่นอนไม่หยุด ส่วนข้า ..
“ไร้สาระ”
“เจ้าอ่อนแอที่สุดก็เป็นน้องเล็กสุดสินะ”
คึก!
“หนวกหูเว้ย!”
“อะไรเล่า จู่ๆก็”
ข้าทนไม่ไหวที่โดนกล่าวหาว่าอ่อนแอที่สุดจึงก้มหัวนอนตามไอ้ดินไป ปล่อยให้สองตัวนั้นทะเลาะกันไปต่ออย่างไร้สาระ
ข้าเกิดมาได้อย่างไรกัน แล้วมาที่แห่งนี้ มายังโลกใบนี้เพื่อเหตุผลอันใด
ไม่เข้าใจเลย ..แต่ที่รู้ๆ พวกที่เกิดมาเหมือนกับข้ามันช่างน่ารำคาญ อาจจะด้วยเพราะความเหนื่อยล้าจากการฟังเจ้าพวกนั้นบ่นไม่หยุด ข้าจึงผล็อยหลับไป
…..
….
เมื่อลืมตาตื่นอีกคราในเช้าวันถัดมา ตรงหน้าของข้าก็คือ ไอ้ไฟ ไอ้ลม แล้วก็ไอ้ดินที่นั่งยองมองมาที่ใบหน้าของข้ายามหลับ
“อะไร?”
“เจ้าตอนหลับนี่น่ารักดีนะ ต่างกับตอนตื่นแล้วมาโวยวายเป็นไหนๆ”
ไอ้ไฟพูดขึ้น ก่อนจะยื่นแอปเปิ้ลบนมือมาให้
“หิวรึยัง?”
“…”
น่าละอายใจ แต่ข้ารับสิ่งนั้นมาและรีบยัดเข้าปากทันที
“เจริญอาหารดีนี่ เอ้า มีอีกเยอะเลยนะ” ไอ้ไฟหัวเราะพึมพำ “ข้าในฐานะพี่สาวมีหน้าที่ดูแลเจ้า ควรดีใจนะ เจ้าน้ำ ที่เจ้านั้นอยู่แต่บ้านไม่ต้องทำอะไรก็ไม่ของกินมาถวายถึงที่แล้ว”
“หนวกหู”
“เจ้าน้ำ พวกข้าคุยกันแล้วน่ะนะ ข้าคือพี่ใหญ่ ไฟคือพี่สอง ดินคือพี่สาว ส่วนเจ้าที่สู้ใครไม่ยักจะได้คือน้องเล็กสุด” ไอ้ลมพูดอธิบาย
ตัดสินกันได้กลวงชะมัด
“อิ่มเปล่า?” ไอ้ดินทักขึ้น
ข้า ..ส่ายหัวตอบ
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไปหาของกินกันเถอะ เจ้าน้ำเองก็มาด้วยสิ ข้าในฐานะพี่ใหญ่ ..หมายถึงพี่คนที่สองจะคอยสองให้เอง”
“อ่า”
****
สายน้ำเข้าปะทะกับสายลม การปะทะกันนั้นสูสีเป็นอย่างมาก ทว่าสายน้ำก็พ่ายแพ้เมื่อเปลวเพลิงได้เข้ามายุ่ง
หลายต่อหลายครั้งแล้วที่เนลยอนเริ่มจะเสียเปรียน เขาถูกสะกัดทั้งหมดได้โดยดาบมังกรวายุ และไม่พ้นที่จะโดนรุมด้วยสายลมและเปลวเพลิงของมหามังกรผู้เป็นพี่ของตัวเอง
ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วที่เนลยอนนั้นสู้ไม่ค่อยเก่งเสียเท่าไหร่ จึงอ่อนแอที่สุดในหมู่มหามังกร ถึงคู่ต่อสู้จะเป็นมหามังกรที่ถูกลดพลังไปอย่างมาก แต่ทักษะการต่อสู้ก็ต่างกันมากอยู่ดี ยิ่งมีดาบมังกรวายุมาช่วยเสริม รวมถึงมีอลิซที่วิ่งเร็วมากมาช่วยฟัฟนิร์กับแซร์อิซบางจังหวะ ทำให้เนลยอนทำอะไรไม่ค่อยจะได้ในหลายๆจังหวะ
เขารู้ดีว่าฟัฟนิร์สูญเสียแก่นแท้ไปถึงครึ่งหนึ่ง ถ้าหากเล่นงานฟัฟนิร์จนตายได้ ฟัฟนิร์จะตายทันทีเลย แต่ก็ทำไม่ได้สักที เพราะมีแซร์อิซมาขวางตลอด
ทำไมกันเล่า ..ทำไม
“ทำไมต้องมาขวางกันด้วย!!?”
“ปล่อยไปเจ้าก็ตายเอาสิ!”
“ข้าแค่อยากจะรู้ว่าตัวเองเกิดมาเพื่ออะไร? อยากจะเข้าใจว่าชีวิตนี้มันคืออะไรกันแน่!? ถ้าเพื่อสิ่งนั้นต่อให้ตายก็ไม่เป็นอะไร เพราะคิดอย่างนั้นข้าจึง-ริเริ่มทุกอย่างแท้ๆ แต่มันก็เป็นเพราะพวกเจ้าทุกทีที่มาขวางข้า น่ารำคาญเป็นบ้า ทำแต่เรื่องบ้าๆไร้สาระกันไม่รู้จักหยุด”
เนลยอนบินหลบสายลมและเปลวเพลิง เขากัดฟันกรามแน่น ในอกนั้นเต็มไปด้วยความสับสน ..ใช่ กำลังหลงทางอยู่ เพราะไม่เข้าใจอะไรเลย
“ไม่มีพี่สาวพี่ชายดีๆที่ไหนยอมให้น้องตัวเองตายหรอกนะ”
แม้จะบอกว่าอยากตายด้วยตัวเองนั้นเหรอ?
เรื่องของวินไหลเข้ามาในหัวของเนลยอน ลิงตัวนั้นเรียกเขาว่าผู้เปรียบเสมือนพ่อ เป็นเวลานานที่ได้พูดคุยกับลิงผู้ที่แบกรับภาระในฐานะพี่สาวเอาไว้ และบางที ..ไม่
“หนวกหู”
ทั้งลมกรรโชกและเปลวเพลิงถูกพัดไปพร้อมกับสายน้ำ ดาบมังกรวายุหลุดจากมือของแซร์อิซและถูกควบคุบไว้โดยฟองน้ำขนาดยักษ์
จังหวะสวนกลับเพียงพริบตาเดียวทำให้สถานการณ์ทุกอย่างพลิก
“ข้าไม่อาจเชื่ออะไรได้ทั้งนั้น”
****
ถูกสอนโดยไอ้ไฟ และไอ้ลมหลายๆอย่าง ส่วนไอ้ดินก็มาชวนเล่นอะไรแปลกๆด้วยกันบ่อยๆ ทั้งบินไปตามท้องฟ้า หรือออกล่าสัตว์ก็ทำด้วยกันบ่อยๆ
รู้ตัวอีกทีก็เริ่มไหลตาม ไอ้ไฟไอ้น้ำไอ้ดิน บอกตามตรงว่าน่าหงุดหงิด ..แต่ก็อาจจะไม่เลว
ยามค่ำคืนวันหนึ่ง ข้าได้ยินเสียงร้องไห้ที่น่ารำคาญจากที่ไหนสักแห่ง จึงบินออกไป และพบกับมนุษย์ตนหนึ่ง เพื่อไม่ให้มนุษย์ตนนั้นแตกตื่นข้าจึงจำแลงกายเป็นมนุษย์เช่นเดียวกันออกไป
“ใคร?”
“..พี่สาว? ..พี่ชาย?”
คงเพราะรูปลักษณ์ของข้าในร่างนี้ที่ชายก็ไม่ใช่ หญิงก็ไม่ใช่ ทำให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้และเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“มาทำอะไรที่นี่”
“หนู..หลงทาง”
“โง่จริงๆ”
….
….
ไม่นานเด็กนี่ก็ร้องไห้อีกรอบ พร้อมกันนั้นเปลวไฟส่องขึ้น เป็นเพลิงที่มาจากคบเพลิง เสียงเท้าวิ่งของมนุษย์ดังขึ้นหลายจังหวะ ข้าเห็นดังนั้นจึงเดินออกจากเด็กผู้โง่เขลา มาแอบที่หลังต้นไม้ ข้าเฝ้ามองการมาของมนุษย์กลุ่มใหญ่
“จะ เจอแล้ว!”
“พ่อ!!”
สองพ่อลูกวิ่งเข้าหากัน และโอบกอดกันทันที ตัวลูกเอาแต่ร้องโวยวาย ตัวพ่อก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด ข้าแอบมองภาพที่เห็นอยู่พักใหญ่ๆจนทั้งหมดพากันเดินกลับบ้าน และหายไปจากทิวทัศน์ตรงหน้า
พ่อ? บิดา?
จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังไม่รู้ว่าข้าเกิดมาเพื่ออะไร จุดประสงค์ของการที่ข้าได้ลืมตาตื่นดูโลกคืออะไร .บางทีผู้ให้กำเนิดข้าอาจจะรู้ก็ได้
แม้จะยืนคิดอยู่นาน แต่ข้าก็ได้สรุปว่าควรจะกลับถ้ำก่อน
แต่ ..ข้าจำทางกลับไม่ได้ เหมือนว่าข้าจะหลงทางเหมือนเด็กโง่นั่นเข้าให้แล้ว
ข้ายืนอยู่ที่แห่งนั้น ไม่รู้ทางไปต่อแล้ว จู่ๆก็รู้สึกกลัวขึ้นมาภายในอก
“….”
แต่เพียงไม่นาน
“เจอแล้วๆ!”
เสียงร้องของไอ้ไฟดังขึ้น เจ้านั่นบินลงพื้น และจ้องมาที่ข้า ก่อนที่จะตามมาด้วยไอ้ลม และไอ้ดินที่บินตามกันมา เหมือนกับเด็กโง่นั่น ข้าที่หลงทางก็ถูกเจ้าพวกนี้ตามมาพากลับ
บางทีข้าอาจจะรู้อยู่แก่ใจแล้วก็ได้ ..แต่ข้าไม่ได้เข้าใจอะไรเลย
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ข้าปารถนาที่จะพบบิดา เสียจนหลงลืมเจ้าพวกนั้น
วันหนึ่ง มีคนๆหนึ่งเดินเข้ามา เจ้านั่นบอกว่ามันชื่อ ‘ออร่า’ เจ้านั่นได้อธิบายให้ข้าฟังถึงต้นกำเนิดที่แท้จริง บอกว่าแท้จริงแล้วพวกข้าเกิดมาจากวิญญาณที่กระจัดกระจายขอ ‘เทพมังกร’ เมื่ออดีตกาล และได้รับหน้าที่ต่อในฐานะจุดศูนย์กลางแห่งมานา แล้วก็ ..จักต้องเป็นตัวตายตัวแทนให้แก่การเกิดใหม่ของเทพมังกรอีกด้วย
ออร่าบอกข้ามาเช่นนั้น ข้าคิดว่าเรื่องที่พูดทั้งหมดมันช่างน่าสงสัย แต่ว่าทุกการพูดราวกับมลสะกิดที่กรั่นออกมาจากการมองทะลุเข้าไปในจิตใจของข้าอย่างไรอย่างนั้น
เจ้านั่นรู้ว่าข้อต้องการอะไร ..ข้าจึงได้ออกอาละวาด และทำให้โลก ณ เวลานั้นจมลงสู่ความมืดมิด
ข้ารู้ดีว่าสิ่งที่ทำมันช่างเลวร้าย แต่ ..ข้าอยากจะได้คำตอบ คำตอบว่าทำไมข้าจึงต้องมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ มาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว อีกแค่ก้าวเดียวคำตอบก็จะปรากฏ แต่ว่าทำไมกันนะ
ทั้งเรื่องของเจ้าลิง ทั้งเรื่องของเจ้าพวกที่ตามตอแยข้าไม่หยุด เมื่อได้พบกับเจ้าพวกนั้นคำตอบมันก็–เอ๊ะ?
****
“ข้าไม่อาจเชื่ออะไรได้ทั้งนั้น!”
สายน้ำพัดทุกสิ่งทุกอย่างจนปลิว เสาที่คอยค้ำจุนใต้ดินเอาไว้ทำท่าจะพัง และในไม่ช้าผืนดินก็จะถล่มลงมา เนลยอนในเวลานี้ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากอยากจะลบทุกอย่างให้หายไปพร้อมกับสายน้ำของเขา
“ระ รีบหนีกันเถอะ!!”
อลิซทำท่าจะหนีกันก่อน ไม่นั้นได้โดนซากหินทับจนขยับไม่ได้เป็นแน่ ทว่าฟัฟนิร์กลับลงจากหลังของอลิซ และเดินตรงไปหาเนลยอน ..
“พวกข้าจะไม่โกหกเจ้าเป็นอันขาด และจะไม่หันหลังให้เจ้าด้วย”
เปลวเพลิงพวยพุ่งออกจากร่างของฟัฟนิร์ สิ่งนั้นหลอมรวมเข้าหากัน
“ข้าเชื่อว่าพวกข้าพิสูจน์มาให้เห็นมากพอแล้วด้วย เจ้าเองก็คงจะเข้าใจดีถึงใจจริงนี้”
หัวใจครึ่งสุดท้ายของฟัฟนิร์ส่องแสงขึ้นก่อนที่ประกายเพลิงจะผุดขึ้น และระเบิดออก และปรากฏให้เห็นอาภรณ์แห่งเปลวเพลิงมหามังกร
ขา แขน และลำคอยาวไปถึงไหล่ทั้งสองข้างถูกปกคลุมด้วยเกร็ดมังกรเพลิง ยกเว้นบริเวณเอวยาวไปถึงหน้าอกที่เปิดกว้าง บนหัวมีวงแหวนอันเป็นสัญลักษณ์แห่งอาภรณ์เทพ รอบลำคอไปจนถึงข้อเท้าของฟัฟนิร์โอบไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรง แล้วก็ปีกสีแดงที่ส่องประกายเช่นเดียวกับปีกของเนลยอนตรงหน้า
อาภรณ์เทพมังกรของฟัฟนิร์ช่างงดงาม และทรงพลัง
“ไม่ต้องห่วงไปต้าวเนลยอน ข้าเอาไม่ถึงตายหรอก”
ฟัฟนิร์แสยะยิ้มออกมา จากนั้นก็ยื่นมือขึ้นฟ้า เปลวเพลิงปะทุขึ้นบนอากาศอย่างบ้าคลั่ง เนลยอนหน้าซีดและรีบสวนกลับด้วยสายน้ำ–ทว่า ทั้งหมดก็ถูกพัดปลิวไปพร้อมกับสายลมแห่งแซร์อิซ เพียงการตวัดดาบครั้งเดียวของดาบมังกรวายุ
“พวกชั้นต่ำ!!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ สภาพดูไม่ได้เลยนะน้องข้า!”
ฟัฟนิร์ก้าวขาขวามาข้างหน้า จากนั้นก็ทำการเรียกดาบยักษ์ที่เต็มไปด้วยเพลิงออกมา
“สุดแรงเกิด”
ความฝันสูงสุดกำลังถูกทำลาย อีกเพียงแค่ก้าวเดียวแท้ๆ ..เนลยอนรู้สึกกลัวขึ้นมา หวาดกลัวในพลังของฟัฟนิร์ หวาดกลัวในเรื่องราวต่อจากนี้
“–อึก!! อย่านะ อย่า!!”
มหามังกรเพลิงในอาภรณ์ที่แสนสง่า ใช้แขนขวาในการตวัดดาบหนึ่งครั้ง
“[กิก้าอิมแพ็ค]”
วงแหวนครอบคลุมทั้งร่างของเนลยอน จากนั้นเมื่อเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า ก็พบเข้ากับเปลวเพลิงที่ทยานลงพื้น
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!