เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 271
< < 174 Sec1 > >
บริเวณทะเลก่อนจะถึงอาณาจักรเนลยอนได้เกิดการต่อสู้ขนาดใหญ่ขึ้น ระหว่างกองเรือทหารเรือของเนลยอน และกองเรือของเรนที่มาพร้อมกับ–เผ่าปีศาจบนฟากฟ้า
“ตัวบ้าอะไรวะเนี่—”
ทหารเรือมากมายถูกเวทมนตร์ของเผ่าปีศาจเล่นงานจนเสียหลัก เรือหลายลำเริ่มจมจากการต่อสู้ ในขณะที่เรือฝั่งเรนนั้นยังอยู่ดี แม้จะมีกองกำลังน้อยกว่าเป็นสิบเท่า แต่ก็เปี่ยมด้วยคุณภาพ นักเวทย์ขั้นสูงเป็นอย่างต่ำไปจนถึงสูงพิเศษ นักดาบขั้นสูงเป็นอย่างต่ำไปจนถึงขั้นบรรลุ แล้วก็เผ่าปีศาจที่ทรงพลังเป็นทุนเดิม ส่งผลให้กองทัพเรือยากจะรับมือไหว
พลเรือโทแห่งกองทัพเรือ ‘คาบูโตะ’ จ้องมองผลลัพธ์จากการต่อสู้ไม่นาน ก่อนสบถออกมาด้วยน้ำลาย เขาเดินไปหน้าสุดของเรือลำใหญ่ยักษ์ ทหารเรือต่างแวกทางให้แก่เขา
“ท่านคาบูโตะ”
“ฉันจะลุยเอง ส่งสัญญาณบอกให้พวกที่อยู่ตรงหน้าหลบทางให้ฉันซะ”
“อ๊ะ ..คะ ครับ! ทุกคน ท่านคาบูโตะจะลุยเอง!”
ทหารเรือมากมายเมื่อเห็นอย่างนั้นก็พากันยิ้มร่าขึ้น และเริ่มประสานงานแจ้งให้ฝ่ายอื่นทราบกัน และเร่งเดินเรือให้เร็วที่สุด
คาบูโตะยกมือครั้งฟ้า เกิดฟ้าร้องขึ้นอย่างน่าหวาดผวา เจ้าตัวกำลังพึมพำอะไรบางอย่างขณะที่สายฟ้าก็ผ่าลงมามากขึ้น และมากขึ้น
“ท้องฟ้าเอ๋ย—จง”
ในจังหวะเดียวกับที่พูด
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เรือของคาบูโตะถูกยกขึ้นฟ้าด้วยแรงที่มหาศาล ไม่ใช่สายฟ้าที่ผ่าลงมา หรือปรากฏการณ์จากพลังของคาบูโตะ แต่เป็นทางกองเรือของคาบูโตะเองที่โดนเล่นงาน
“อึก—บัดซบเอ้ย!!”
สิ่งที่ยกเรือของคาบูโตะขึ้นมานั่นก็คือ–มังกรน้ำตัวใหญ่กว่าเรือยักษ์ราวสี่เท่า
มันมีเกร็ดที่สวยงาม มีรูปร่างที่งดงามเกินกว่ามังกรตนอื่นๆ ดูผิวเผิน ไม่น่ามีอะไรให้กลัวเลย เว้นแต่ว่ามันจะจู่โจมใครสักคน มังกรน้ำสะบัดหางใส่เรือบนฟ้า จนแยกออกจากกัน ลูกเรือหลายคนร่องลงพื้น บ้างก็พลาดโดนหางของมังกรน้ำจนสิ้นชีพ คาบูโตะลอยอยู่บนฟ้าด้วยอารมณ์ที่เดือดได้ที่ เขายกมือขึ้นฟ้าและชาร์จสายฟ้าใหม่อีกครั้ง
ทว่าสายฟ้ากลับดับไป ไม่อาจเรียกได้ คาบูโตะอ้าปากค้างและหันหน้ากลับมาทางมังกรน้ำ
“หา???”
จากนั้นเขาก็ถูกกัดเข้าที่ลำตัวจนขาดครึ่ง และล่วงลงน้ำพร้อมกับเรือยักษ์
ตู้ม!!!!!!!!!! แรงกระเพื่อมของเรือยักษ์ทำให้กองเรือรอบๆเคลื่อนไหวได้ลำบาก และตัวเรือที่ล่วงลงสู่พื้นก็ได้จมลงไป …มังกรน้ำเงยหัวชูคออยู่เหนือน้ำ มันกู่ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ แต่ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ก็อดจะสยองไม่ได้
“พะ พลเรือโทคาบูโตะ”
“แม้แต่ท่านคาบูโตะ”
ทหารเรือถูกย้อมไปด้วยความสิ้นหวังในชั่วพริบตาเดียว
“เปิดตัวได้เด่นจริงๆนะขอรับ”
คนๆหนึ่งกระโดดขึ้นไปบนฟ้า เหนือหัวของมังกรน้ำ และย้อมดาบเรเปียร์บนมือด้วยเปลวเพลิงมหามังกร
‘ฟัฟนิร์? ไม่สิ ผู้สืบทอดนั้นสินะ?’
มังกรน้ำพึมพำขึ้นมา—และใช้หางที่เคลือบด้วยน้ำในการปัดป้องเปลวเพลิงของผู้มาเยือน
ฟรือ น้ำและเพลิงได้เข้าปะทะกัน จนเกิดเป็นไอร้อนขึ้น ผู้มาเยือนกระโดดลงน้ำและยืนอยู่เหนือน้ำตรงหน้ามังกรน้ำ ทั้งสองเผชิญหน้ากัน
‘ไม่เลวเลย สำหรับมหามังกรเพลิงผู้ตกต่ำ’
แรงกระเพื่อมของน้ำส่งผลให้ฮูดที่ปิดบังใบหน้าของผู้มาเยือนเปิดออก เขาคือ ‘ชินดร้า’ หรือ ‘ชิน’ ผู้ถือครองหัวใจของมหามังกรเพลิงไว้ครึ่งหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่าเขาคือหนึ่งในมหามังกรผู้ยิ่งใหญ่
“เป็นเกียรติมากครับที่ได้รับคำชมจากมังกรยุคแรกเริ่มเช่นท่าน ‘ลิเวียธาน’ ”
มังกรน้ำผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคแรกเริ่มของโลก มหาบาปแห่งความริษยา ทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์แห่งจอมมาร ‘ลิเวียธาน’ คือหนึ่งในศัตรูที่เข้าถล่มอาณาจักรเนลยอนจากทางแม่น้ำ
‘ก็ตามนั้นแหละ โทษทีนะแต่ที่นี่ต่อจากนี้จะเป็นทะเลสีเลือด ถ้าไม่อยากให้ทะเลเปื้อนเลือดสกปรกของมหามังกรก็รีบๆหนีไปซะนะ ถือว่าเป็นคำเตือนจากรุ่นพี่’
“คงไม่ได้ครับ ในฐานะอัศวินที่จะยืนเคียงข้างผู้ยิ่งใหญ่แล้วจะให้หันหลังให้ศัตรูของนายเหนือหัวคงไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากเห็นทะเลเลือดด้วยครับ”
และเขาก็ยังเป็นว่าที่อัศวินของ เรเซอร์ ดราแคล์
ชินตั้งท่าด่า ตามมาด้วยสมาธิที่มหาศาล และเปลวเพลิงที่ผุดขึ้นรอบตัวเป็นวงแหวน
****
คนสองคนได้เข้าต่อสู้กันโดยไร้ซึ่งความจริงจัง แต่ทุกการกระทำนั้นมีค่าพอจะใช้ฆ่าอีกฝ่ายได้ เป็นความย้อนแย้งที่แสนแปลกประหลาด ณ การต่อสู้ของผู้ครอบครองพลังระดับ–ที่ย้างก้าวเข้าสู่เขตุแดนของทวยเทพ
สองผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ สองตัวตนที่ผิดแปลก มนุษย์ทดลอง และข้อผิดพลาดของโลก จะอย่างไรก็แล้วแต่ ทั้งสองล้วนเป็นตัวตนที่น่ามหัศจรรย์ ทั้งคู่เข้ากับวิญญาณระดับเทพได้มากที่สุดในรอบประวัติศาสตร์หลายร้อยหลายพันปี จะมีเพียงหนึ่งคน แต่ในคราวนี้มีถึงสองคน จากจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกัน
ระบบ ‘วิญญาณระดับเทพ’ คือระบบที่ถูกสร้างขึ้นโดยจอมมาร วิญญาณระดับเทพคือการรวมตัวกันของวิญญาณที่ถือครองพลังที่ใกล้เคียงกับทวยเทพ โดยที่ไม่ใช่ทวยเทพ กล่าวคือ–ใกล้เคียงกับข้อผิดพลาดของโลก ดังเช่นที่จอมมารนั้นเป็น และที่อยู่ตรงหน้านี้เองก็เป็นการต่อสู้ของผู้ถือครองพลังที่ใกล้เคียงกับจอมมาร การต่อสู้ระหว่าง ‘ผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ’
****
เป็นการต่อสู้ที่ไร้ซึ่งความจริงใจ หรือสนุกสนาน ราวกับบทละครที่แสนน่าเบื่อที่ถูกเขียนขึ้นตามมพล็อตนิยม
เริ่มจาก วินเข้ามาเล่นงานผม ผมสวนกลับ วินใช้จังหวะนั้นซ่อนแผนเล่นงานผม ผมโต้กลับ จากนั้นก็ทำวนไปมา สลับบ้างแล้วแต่จะสะดวก ทำเอารู้สึกเบื่อ และคิดขึ้นมาได้ว่า..นี่น่ะเหรอ การต่อสู้ของผู้ใช้วิญญาณระดับเทพ? นี่น่ะเหรอคือการสู้กับวิน คนที่ผมเคยคิดว่าน่าสนุกที่จะลองประมือด้วย
ไม่ใช่ว่าเพราะวินนั้นเป็นมนุษย์ทดลอง พลังที่ได้มาก็แค่ของจอมปลอม ทำให้ผมเบื่อน่ะเหรอ? เหมือนจะไม่ใช่ หรืออาจจะใช่ก็ไม่รู้ ตัวผมในตอนนี้–รู้สึกหน่ายใจจนขี้เกียจจะคิดอะไรทั้งนั้น
วิธีที่สู้กับวิน กลยุทธิ์ที่ต้องใช้ ผมโยนมันทิ้งทั้งหมด สู้แบบขอไปที วินมาซ้าย ปัดซ้าย วินมาขวา ปัดขวา ไม่ได้คิดวางแผนไปไกลกว่านั้นหลายขั้นตอนเหมือนทุกที
ผมเวลานี้–-ขี้เกียจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เป็นอะไรไป!”
วินกระโดดถีบ ผมใช้ตัดมิติหลบขาคู่นั้น ก่อนเตะสวนเข้าหน้าท้องของวินจังๆ แต่นั่นก็ทำอะไรวินไม่ได้เลยสักนิด เธอสวนหมัดกลับในจังหวะที่โดนกระแทกที่หน้าท้อง—ส่งผมลงไปกลิ้งกับพื้นราวห้าตลบได้
ในตอนนี้ไม่ได้ใช้ [ตัดมิติถลายขีดจำกัด] ไม่ได้ใช้ [พรของจอมมาร] แล้วก็ ‘เรลันดาฟ’ ที่สะพายไว้บนหลังเองก็ยังไม่ได้เปิดใช้งาน จึงอาจไม่แปลกที่ผมเป็นรองวินอยู่มาก
พลังกายโดยพื้นฐานต่างกันมาก เพราะเธอคือมนุษย์ทดลองที่ผ่านการฝึกฝนผนวกด้วยร่างกายที่ได้รับการดัดแปลงมาหลายต่อหลายครั้ง ส่วนผมก็แค่ไอ้เด็กที่เริ่มฝึกฝนจริงๆจังๆตอนสิบสองขวบ
ยากจะสูสีโดยปราศจากปัจจัยภายนอก กระนั้นผมก็ไม่ได้ลงมือทำอะไรมากไปกว่าการรับมือทุกจังหวะไปตามสถานการณ์ อย่างที่บอก ผมขี้เกียจเกินจะทำอะไรที่เปลืองพลังงาน
“—อึก”
พลาดซะแล้ว ติดกับดักวิชาไสยศาสตร์ รู้ตัวอีกทีก็โดนหมัดขวาสุดทรงพลังขยี้เข้าที่เบ้าหน้า แต่วินไม่ได้ดันให้ผมปลิว เธอขยี้ผมลงพื้นอย่างจัง ก่อนจะใช้ขากระทืบซ้ำ—ตึ้ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เสียงระเบิดกระแทกนั่นทำให้หูชาไปชั่วขณะหนึ่ง
ผมหลุดออกได้ทันท่วงที แต่ก็ไม่พ้นที่จะบาดเจ็บสาหัส
ร่างกายเปล่าๆนี้ แค่โดนกระแทกด้วยแรงช้างอย่างวินสักสองสามครั้งก็ตายได้เลยแท้ๆ ..ทั้งอย่างนั้น ทำไมกันนะ
ผมเช็ดเลือดที่มุมปาก และเดินเข้าหาวินต่ออย่างไม่เกรงกลัว
“ฮึย!”
“ฮึบ! ช้าไป ช้าไป ช้าไป!!”
หมัดแย็ปสี่ครั้ง รัวเข้าหน้าของผม
เกือบตาย แต่ได้วิหคอมตะช่วยเอาไว้ ร่างที่ถูกโอบด้วยเพลิงสีทองของผมลุกขึ้นมาสู้ต่อโดยทิ้งอาการบาดเจ็บเจียงตายก่อนหน้านี้ไว้ข้างหลัง วินมองมาที่ผม ก่อนหัวเราะเจื่อนๆออกมา
“กำลังเล่นอะไรอยู่เหรอ?”
เล่น? เรียกว่าเล่นได้หรือเปล่านะ?
ผมหยุดเดิน ปิดวิหคอมตะ และหรี่ตามองวินที่ยืนอยู่ตรงหน้า พวกเราสองคนหยุดโจมตีใส่กันชั่วขณะหนึ่ง
“ทำไมไม่เอาจริงซะทีล่ะ?”
“ทำไม ..ถ้าเอาจริง เธอคงจะตายไม่ใช่รึไง”
ได้ยินอย่างนั้นวินก็หัวเราะลั่นขึ้นมา ดูท่าจะปล่อยมุขเด็ดออกมาซะแล้ว แต่แปลกแฮะที่ผมไม่ยักจะขำตามเลย
มีอะไรตลกกัน ผมเผลอส่งสีหน้าแบบนั้นไป วินเลยหยุดหัวเราะกระทันหันด้วยท่าทางดูเงียบสงบ
“ถ้านายไม่ชนะ มันก็ไม่มีความหมายจริงมั้ย?”
..ผมต้องชนะวิน ฆ่าเธอ แล้วก็ไปช่วยน้องสาววิน จากนั้นก็ไปสมทบเป็นกำลังพลให้ฝ่ายอื่น นั่นคือหน้าที่ของผม ทั้งฝ่ายคนของอาณาจักร และวินที่ฝากฝังหลาอย่างให้ผม ต่างคาดหวังเช่นนี้
“..ฉันอยากให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป”
“ดีใจจัง”
“แต่มันเป็นไปไม่ได้ ฉันรู้ดีแต่ก็ยังลังเลอยู่ ยากที่จะปริดชีพเธอทิ้งหลังจากที่เป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนาน”
วินทำแก้มป๋อง และส่งเสียงโวยวาย
“ตอนนี้เองก็ยังเป็น ‘แฟนสาว’ อยู่ต่างหาก”
“นั่นสินะ ..ก็อย่างที่ว่าไป ให้ฆ่าแฟนสาวตัวเองเนี่ยมันเป็นไปได้ที่ไหน”
ถ้าทำอย่างนั้น–มันก็พิสูจน์อะไรไม่ได้เลยสิว่าผมจะช่วยเบลลามีได้ โดยไม่ฆ่าเธอในฐานะจอมมารน่ะ ขนาดปัญหาเล็กๆตรงหน้า ผมยังจบโดยไม่ต้องฆ่าไม่ได้เลย
ผมกำลังขี้เกียจ ไม่ใช่ ผมกำลังคิดจนแทบจะเป็นบ้าอยู่ต่างหาก บทสรุป บทสรุปของคำตอบ …ผม ..
“ฉันน่ะคิดว่าการตายมันไม่ได้แย่นะ บางทีชีวิตมันก็โหดร้ายเกินไป แต่ว่าการที่รู้สึกอย่างนั้นมันยิ่งโหดร้ายเข้าไปใหญ่ ..ยังไงฉันก็ไม่อยากจะให้คนใกล้ตัวของตัวเองต้องตายไปพร้อมกับความรู้สึกแบบนั้น ถึงได้ยอมตกลงเป็นแฟนปลอมๆกับเธอ ทำเรื่องกึ่งนอกใจคนรักของตัวเอง แต่ก็ยังคิดอยู่ดีว่าแค่นั้นมันพอแล้วเหรอ? สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ มันใช่การได้คบกับฉันที่ไหนกัน”
“….”
มองเข้าไปในจิตใต้สำนึกของวิน สิ่งที่สำคัญกับเธอมาโดยตลอด ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดบนโลก
“คือน้องสาวไม่ใช่หรือไง คนที่เธออยากจะอยู่ด้วยที่สุดในวันสุดท้าย ไม่ใช่แฟนหนุ่มหรือว่าใครอื่น แต่เป็นคนที่เธอทุ่มทุกอย่างเพื่อปกป้องต่างหาก”
ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของวิน เพราะผมเองก็มีพี่สาวคนสำคัญอยู่ วินคงจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกับพี่สาวของผม ผมเลยซาบซึ้งบุญคุณแทนน้องสาวเธอไปแล้ว ..ห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกร่วมไปด้วยไม่ได้ เพราะผมมันอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้จนน่าสมเพซ
“ชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือความตายของเธอ หรือไม่ก็น้องสาว เรื่องราวมันจะจบลงอย่างนั้น มันคือสัจธรรมของโลก เหมือนกับคนที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะทำให้ได้คือ ..อย่างน้อยๆก็อยากให้คนที่อยู่กับเธอในวันสุดท้าย ไม่ใช่ฉัน–แต่เป็นน้องสาวที่รักคนนั้นต่างหาก เพราะอย่างนั้น”
มณีอัคคีเลืองแสงขึ้นมา เปลวเพลิงปะทุขึ้นที่พื้น พร้อมกับเรลันดาฟที่เลืองแสงภายใต้ผ้าคลุม
“ถ้าจะยืดฉากจบของเธอไปอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร”
ผ้าคลุมบินหลุดจากเรลันดาฟ ผมควงเรลันดาฟมาจากข้างหลัง กระแทกที่พื้นข้างหน้า ในจังหวะเดียวกันพื้นก็ปะทุด้วยภูเขาไฟยักษ์ ผมกู่ร้องออกมาพร้อมกับมานาที่พวยพุ่งขึ้น ณ ที่แห่งนี้
“[อาณาจักรแห่งเปลวเพลิง]”
ได้ปรากฏขึ้น ณ อาณาจักรแห่งสายน้ำ