เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 270
< < 173 > >
KY HOPE ทยานขึ้นฟ้า เข้าต่อสู้กับ อาภรณ์เทพมังกรแสงและความมืด การต่อสู้ของทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยความสูสี–ไม่สิ KY HOPE ดูจะได้เปรียบกว่าในระดับหนึ่ง
ทุกจังหวะการแลกหมัดสี่ครั้ง เคียวยะข้างใน KY HOPE จะเข้าเป้าสาม กลับกัน เมอันจะเข้าเป้าเพียงแค่หนึ่ง เป็นการแลกที่เสียเปรียบ แต่เมอันก็จงใจที่จะแลกอย่างเสียเปรียบ ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเพราะถ้าไม่เอาตัวเข้าแลกตัวเองก็จะเล่นงานเคียวยะไม่ได้เลย เธออาศัยความอมตะของตัวเองในการต่อสู้ ต่อให้เธอจะสาหัสกว่าเคียวยะนับสิบเท่า แต่เธอก็ไม่มีทางแพ้ ต่างกับเคียวยะที่–ทุกๆจังหวะแลกหนึ่งครั้ง เขาจะได้รับผลกระทบสะเทือนไปทั้งร่าง
“อึก!”
ในทีแรกไม่มีปัญหาหรอก แต่พอนานๆเข้าผลลัพธ์ก็เริ่มปรากฏ
เกราะบริเวณหน้าอกเกิดรอยร้าวเล็กๆขึ้นพร้อมกับเลือดที่ซึมออกมา ร่างเกราะ KY HOPE หยุดนิ่งกระทันหัน เมอันอาศัยจังหวะนั้นอัดแสงเข้าที่หน้าท้องของเคียวยะ—ตอบโต้ไม่ทัน ร่างปลิวไปกับลำแสงของมหามังกร
ตู้ม!!!!!!! ถูกระเบิดแสงเข้าอย่างจัง
เคียวยะดิ้นออกจากลำแสงได้ก่อนที่มันจะระเบิด แต่ระเบิดย้อนหลังจากข้างหลังเขาก็กระทบเข้าที่แผ่นหลังจนเกราะหลังมีรอยแตกเล็กน้อย
“..บัดซบเอ้ย”
ความยากในการต่อสู้กับเมอัน ไม่ใช่พลังทำลายล้างที่รุนแรงระดับสะเทือนเกราะ KY HOPE ได้ง่ายๆ แต่เป็นความอมตะที่ต่อให้ทำยังไงเมอันก็ไม่มีทางแพ้—เคียวยะรู้ถึงข้อนั้นดี แต่กลับเลือกที่จะสู้กึ่งๆดูเชิงโดยที่มีแต่ตัวเองเริ่มเสียเปรียบขึ้นเรื่อยๆ
พลังกายเดิมค่อยๆถูกลดลงจากอาการบาดเจ็บขาดในและความเสียหายของตัวเกราะ ก็จริงที่เคียวยะใช้ HOPE ในการฟื้นฟูเกราะ และร่ายเวทย์ฮิลตัวเองตลอด แต่มันก็ไม่สามารถปกปิดบาดแผลทั้งหมดของเมอันได้ เพราะพลังของมหามังกรคือการเล่นกับมานาโดยตรง ในกรณีของเมอันก็คือ ‘แสงที่ไล่ตามมานา’ และ ‘ความมืดที่กลืนกินมานา’ เมื่อเอาสองอย่างนี้มารวมกัน เมอันจะมีทั้งความเร็วการโจมตี และพลังป้องกันที่น่าหวาดกลัว ทั้งสองอย่างนี้ยังประยุกต์ใช้เป็นการโจมตีได้หลากหลายทั้งยังเปี่ยมด้วยความรุนแรง ขนาดที่เกราะมนตราก็ยากจะรับตรงๆได้ไหว
‘นายท่าน’
เสียงของโครินดังขึ้นข้างหู เคียวยะพยักหน้ารับในท่านั่งคุกเข่า
‘ดีแล้วเหรอคะที่จะใช้วิธีนี้? มัน..จะไม่พลาดเอาเหรอคะ?’
“รู้แล้วน่า ..ไม่มีทางพลาด ไม่มีทางแพ้หรอก–จะต้องชนะอย่างแน่นอน เพียงแต่” เคียวยะลุกขึ้นยืน และระเบิดแสงสีม่วงจากแกนกลาง “ต่อจากนี้ไปต่างหาก เส้นทางสู่ชัยชนะจะปรากฏ”
เคียวยะพุ่งไปปะทะกับเมอันอีกครั้ง—แลกการโจมตีเข้าใส่กันอย่างดุเดือด บนโลกนี้คงยากที่จะหาคนที่เข้าต่อสู้กับมหามังกรได้อย่างเท่าเทียม ดังเช่น เคียวยะ
****
เมอันต่อสู้กับเคียวยะ และทุกครั้งที่เธอต้องทำร้ายผู้มีพระคุณที่ใจดีพอจะยื่นมือมาให้เธอ เธอก็รู้สึกเจ็บปวดที่สุด ..กระนั้นก็ยังไม่หยุดต่อสู้ เพราะว่า–เธอไม่กล้าพอที่จะขัดคำสั่งของเรน
ความกลัวฝังลึกเข้าไปในห้องลึกของเมอัน เธอปารถนาเพียงวันพรุ่งนี้ที่จะปลอดภัยจากเรน นอกเหนือจากนั้นเธอไม่สนใจ ไม่สิ ต้องบอกว่าสนใจน้อยกว่า อาทิเช่นการที่เคียวยะยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเธอ แต่เธอกลับเลือกจะทำตามเรนอยู่เป็นต้น
‘แข็งแกร่ง ..พี่ชายแข็งแกร่งจริงๆด้วย’
ระหว่างที่สู้กัน เมอันก็แอบยิ้มในใจโดยไม่บอกใคร
‘ถ้าหากว่าหนูไม่ใช่มหามังกรเทียมที่เป็นอมตะ หนูคงจะแพ้ไปนานแล้ว และทั้งที่เป็นอมตะแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะพี่ชายได้อย่างเด็ดขาด จนต้องใช้วิธีเอาเปรียบร่างกายที่มีขีดจำกัดของพี่ชาย เล่นงานแต่จุดอ่อน เน้นจำนวนเข้าว่าโดยไม่สนคุณภาพ ขอแค่เข้าเป้าครั้งหรือสองครั้ง พี่ชายก็จะเริ่มขากระเพก พลังการต่อสู้จะลดลงมหาศาล—’ เมอันหรี่ตามอง ‘และสุดท้าย พี่ชายก็จะตายในที่สุด ..คุณพ่อจะชมหนู และไม่ทำโทษ หนูจะได้–ถูกปลดปล่อยโดยไม่มีอะไรติดค้าง’
เป็นอีกครั้งที่เบื้องหน้าของเมอันคือเคียวยะที่ปลิวไปกับมานาของมหามังกร และร้องออกมาด้วยความทรมาน ร่างกายพังขึ้นเรื่อยๆในทุกจังหวะปะทะ จากที่แลกกัน 3 ต่อ 1 ตอนนี้ได้กลายเป็น 2 ต่อ 1
‘..ขอโทษนะคะ’
ที่หนูขี้ขลาดเกินที่จะสู้
แสงนับร้อยบนฟ้าพุ่งลงพื้น เคียวยะวิ่งหลบทุกลำแสง แต่พลาดโดนความมืดดูดกลืนขาเข้า และเกราะมนตราก็ถูกแสงกว่าสิบปักเข้าที่ลำตัว–ไม่รอช้า เมอันเรียกลำแสงขนาดยักษ์ขึ้นบนฟ้า และมันก็พุ่งลงมาที่พื้นทันที เคียวยะดึงลำแสงที่ปักเขาไว้ทั้งหมดออก และกระโดดหลบอย่างทุลักทุเล ถูกแรงกระแทกพื้นย้อนหลังทำให้ตัวเองกลิ้งไปตามพื้นอย่างไม่น่าดู
ภาพลักษณ์ที่ทรงพลังของ KY HOPE ถูกลบหายไปในเวลาเพียงไม่นาน เกราะส่วนแขนขวาแตกจนเผยให้เห็นผิวกายที่เปื้อนไปด้วยเลือด ตรงลำตัวเองก็ด้วย หน้ากากเหล็กเผยให้เห็นดวงตาข้างซ้ายจากชุดเกราะที่ทลายจากการจู่โจมที่รุนแรงถึงตาย
เคียวยะหายใจฮอบอยู่ตรงหน้า และยังคงควบคุม HOPE ให้ส่องแสงตลอดเวลาต่อไปไหวอยู่
“…”
HOPE เหมือนกับการเต้นของหัวใจ ทันทีที่มันดับก็หมายความว่าชีวิตของเคียวยะได้ดับไปพร้อมกันหมด
ยังไม่ตาย
เมอันรู้สึกโล่งอก พอรู้ว่าเป้าหมายที่ต้องฆ่าให้ตายยังมีชีวิตรอด
‘อย่ารีบตายเลยนะคะ พี่ชาย ..ช่วยมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วย’ เมอันพุ่งเข้าใส่– ‘ตราบนานเท่านาน’
แสงสีม่วงทยานสวนเมอัน—ปีกของอาภรณ์เทพมังกรถูกเหวี่ยงขึ้นฟ้า และโดนอัดด้วยลำแสงสีม่วง แต่บาดแผลทั้งหมดก็ได้รับการรักษาในพริบตาเดียว และโต้กลับเคียวยะด้วยความมืด ความเร็วที่ตกลงของ KY HOPE ทำให้พลาดท่าโดนดูดเข้าจังๆ
“ย๊ากกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
เคียวยะกู่ร้องออกมา พร้อมกับแสงสีม่วงที่พุ่งออกทั่วทั้งร่าง–ความมืดถูกดูดกลืน เคียวยะพุ่งมาด้วยพลังที่มากล้นชั่วขณะ เมอันตอบโต้ด้วยโล่แห่งความมืด ก่อนเรียกดาบแห่งแสงออกมาฟันเข้าที่ไหล่จนถึงเอวของเคียวยะ
ชุดเกราะแตกเป็นแนวเดียวกับการฟัน มีรอยแยกเล็กๆขึ้นที่บนเกราะ–เกราะ KY HOPE เปล่งไอร้อนออกมา
‘ทำงานเกินกว่าที่ไหวแล้ว จังหวะนี้แหละ’
อาการชะงักชั่วขณะของชุดเกราะจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับความเสียหายมากเกินไป–เมอันเอามือแทรกที่รอยแยก และทำการ–ระเบิดแสงกึ่งๆข้างในชุดเกราะ
ตู้ม!!!!!!!!!! ร่างของเคียวยะกระตุกอย่างน่าอนาถ ชุดเกราะมีรอยพุพังขึ้นมากกว่าเก่า
….
“..อา”
เคียวยะผละตัวออกจากมือของเมอัน และทำการเตะเข้าที่หน้าท้องพร้อมกับ
“[ชาร์จ]-[ONE]”
ขีดสีม่วงที่เลืองแสงอยู่ 4 ขีด ถูกลบหายไปอีก 1 ขีด พร้อมกับแสงสีม่วงเจิดจ้าขึ้นที่ฝ่าเท้า–แรงดีดระดับระเบิดภูเขาอัดเข้าที่ร่างของเมอันจังๆ ด้วยแรงดีดนี้ส่งผลให้ทั้งเคียวยะ และเมอัน แยกออกจากกัน
เมอันปลิวไปกับแรงกระแทก หน้าท้อง–ลำตัวถูกลบหายไปพร้อมกับแรงกระแทก แต่ก็เรียกกลับมาได้ในทันที ปีกแห่งแสงและความมืดสยายขึ้น ส่งเมอันขึ้นไปบนฟ้า และมองหาร่างของเคียวยะที่ไม่ไกลกันมาก
เจอแล้ว เคียวยะอยู่ในสภาพที่เละกว่าเก่า เขาเองก็เงยหน้ามองหาเมอันอยู่พอดี ทำให้สบตากัน
“..เข้ามาสิ ไอ้เด็กเวร”
เมอันตอบรับคำท้า และพุ่งเข้าใส่ เคียวยะวิ่งเข้าใส่อย่างยากลำบาก และปะทะกันอีกครั้ง—ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
****
จาก 2 ต่อ 1 กลายเป็น 1 ต่อ 1 และจาก 1 ต่อ 1 กลายเป็น 0 ต่อ 3
เคียวยะ และ KY HOPE ในตอนนี้ไม่สามารถโต้กลับอะไรได้ ทำได้เพียงหลีกเลี่ยงความเสียหายให้มากที่สุด เป็นเพียงกระสอบทรายของเมอัน ทุกจังหวะแลกสามครั้ง เคียวยะจะแพ้และได้รับความเสียหายใหญ่ยักษ์อัดเข้าที่ร่าง คล้ายว่ากำลังถูกบดด้วยเครื่องบดยักษ์ ..ชุดเกราะสีดำ ถูกย้อมไปด้วยเลือด แกนกลาง HOPE เริ่มจะเลืองแสงน้อยลง
กระนั้น–เคียวยะก็ไม่ยอมแพ้
เข้าต่อสู้ และแพ้ เข้าต่อสู้ และแพ้ เข้าต่อสู้ และ–แพ้
รู้ตัวอีกทีก็ใกล้ ‘ความตาย’ เข้าไปทุกที
“พี่ชาย”
ห่างกันสามเมตร แต่สำหรับเคียวยะในตอนนี้ มันเหมือนห่างกับสิบเมตร ไม่ใช่แค่ชุดเกราะที่เละ ร่างกายก็ถูกขยี้ด้วยพลังที่มากโขจนไม่สมบูรณ์ สติเริ่มเลืองลาง ..มานาที่ใช้จ่ายในการใช้ HOPE ก็ถูกถลุงโดยเวทมนตร์รักษาจนเกือบจะหมด
“..อีกนิดเดียว ..อีกแค่นิดเดียว” เคียวยะเดินเข้ามา “จะช่วยได้แล้ว”
ในจังหวะที่กำลังจะมาถึงเมอัน–และเมอันกำลังจะตอบโต้ด้วยแสง เคียวยะก็ได้ล้มลงในท่าคุกเข่า
เลือดไหลออกจากร่างกาย ท่วมพื้น ทำให้พื้นเต็มไปด้วยเลือด ..ตามมาด้วยแสงสีม่วงที่ดับไปอย่างกระทันหัน
……
…..
เมอันยืนจ้องร่างที่แสงได้ดับไปตรงหน้า และหลั่งน้ำตาออกมา
“..พี่ชายน่าจะมาเร็วกว่านี้สักหนึ่งพันปี ..เพราะหนูในตอนนี้มันเกินเยียวยาแล้ว”
โซ่ที่ตรวนอยู่ทั้งร่างของเธอมันไม่มีทางถูกปลดออกได้ เวลานับพันๆปีที่เผชิญไม่มีทางถูกลบได้โดยความอบอุ่นชั่วพริบตา แต่เมอันก็แอบคิดมาตลอดการต่อสู้ ว่าแสนสีม่วงจาก HOPE ที่ดูชั่วร้ายเหมือนกับเคียวยะนี้มันช่าง ‘อบอุ่น’
ถ้าหากเธอได้พบกับแสงนี้ตั้งแต่พันปีก่อนละก็ ..เรื่องราวคงต่างไปจากนี้
เมอันเดินเข้าไปใกล้ๆร่างที่หยุดนิ่งของเคียวยะ และโอบกอดร่างนั้นเอาไว้
ความจริงที่ว่ามีใครสักคนยื่นมือมาให้เธอ มันช่างน่ายินดี เสียจนอยากจะร้องไห้ออกมา ไม่สิ ก็กำลังร้องไห้อยู่นี่นา
“เธอน่ะเหมือนกับฉัน..”
“..พี่ชาย?”
แสงที่ดับไปไม่ได้หมายถึงหัวใจที่สิ้นลง เคียวยะโอบร่างของเมอันตอบกลับ
“คิดมาตลอดว่าถ้ามีใครสักคนยื่นมือมาให้ละก็ ..ฉันคงจะไม่เป็นแบบนี้ คงไม่กลายเป็นขยะไร้ค่าที่ใครๆก็รังเกียจ คงไม่ใช่คนปากเสียที่น่าหมันไส้ ถ้าเจอเจ้าพวกนั้นเร็วกว่านี้ละก็ ..เคยคิดแบบนั้นมาตลอด แต่–มันไม่ใช่” เคียวยะหายใจฮอบ และกำลังฝืนตัวเองอย่างหนัก “ไม่สำคัญว่าจะตอนไหน ไม่เกี่ยวกันว่าจะถลำลึกไปแค่ไหน ฉันน่ะคิดแค่ว่า—แค่ได้จับมือนั้นไว้ ไม่ว่าจะตอนไหน ฉันก็จะจับไว้ให้ได้”
เคียวยะแสยะยิ้มที่มุมปาก
“แต่ฉันก็ได้รู้มาจากไอ้บ้าตัวหนึ่งมาน่ะนะ ..ว่าเวลาแบบนี้น่ะ—ต้องซัดให้คว่ำสักรอบ ถึงจะฟังกัน!!!!”
ปรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เคียวยะกอดร่างของเมอันแน่น พร้อมกับแสงสีม่วงที่พวยพุ่งออกมาจากแกนกลาง เมอันตกใจ พยายามจะดิ้นให้หลุดแต่ว่า–
“[ชาร์จ]-[TREE]”
ขีดสีม่วงสามขีดสุดท้ายถูกลบหายไปจนหมด ร่างกายของเคียวยะเปี่ยมไปด้วยประกายแสงสีม่วงที่แสนบ้าคลั่ง
เมอันพยายามจะขัดขืน แต่มานาของเธอถูกกลืนกินโดย HOPE
“กะ โกงความตายเหรอคะ?”
“ยังเร็วไปร้อยปีที่ความตายจะจับฉันได้ มันก็แค่นั้น”
เมอันได้ยินก็ทำหน้างงๆออกมา ก่อนจะชำเลืองมอง HOPE จอมตะกละ
แสงสีม่วงกำลังชำระล้างพลังมหามังกร ..เคียวยะตั้งใจจะกลืนกินพลังนั้นของเมอัน ทำให้เมอันหมดสภาพการต่อสู้
[ชาร์จ] คือการเร่งขีดจำกัดส่วนหนึ่งของเกราะมนตรา และที่เคียวยะทำก็คือการเล่นแกนกลางของ HOPE ให้กลืนกินทุกสรรพสิ่ง ทดแทนมานาที่หมดไปแล้วของตัวเอง HOPE จะกลืนกินทุกอย่างรอบตัว โดยเฉพาะกับมานาชั้นยอดอย่างมหามังกร
สร้างปรากฏกาณณ์การกินแบบตะกละของ HOPE พร้อมกับสร้างจังหวะทำให้เมอันขยับไปไหนไม่ได้พร้อมๆกัน
เมอัน แพ้แล้ว แพ้ไปพร้อมกับเคียวยะ หมายความว่าต่อจากนี้เธอจะโดนคุณพ่อทำร้ายอย่างรุนแรง เหมือนกับภาพจำมากมายในอดีต ที่เธอต้องทำต่อจากนี้คือการแอบรวบรวมมานาไประเบิดตัวเองให้ตายไปพรัอมกับเคียวยะ คือทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ทว่า ..แสงสีม่วงที่โอบอุ้มร่างของเมอันเอาไว้มันช่างอบอุ่น ไม่ได้รู้สึกร้อนจนผิวไหม้เลยสักนิด
เพียงชั่วขณะเดียว เหมือนกับมานาที่ถูกกลืนกิน …ความกลัวเองก็ถูกทลายลงช้าๆ จนสุดท้าย
เมอันก็กลายเป็นผู้แพ้ในที่สุด
****
เศษซากจากการต่อสู้อันยิ่งใหญ่นั้นเกลื่อนไปเต็มพื้น และในจุดที่ลึกที่สุดของเศษซากก็มีคนสองคนนั่งอยู่ข้างๆกัน
เคียวยะ และ เมอัน ทั้งสองอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้ โดยเฉพาะ เคียวยะ
“ฉันชนะแล้ว”
ชนะ? ไม่ใช่ว่าแพ้ทั้งคู่เหรอ? ในทีแรกเมอันเผลอคิดอย่างนั้น ก่อนที่มันจะเลืองหายไป พอคิดๆดูแล้ว เป้าหมายของเคียวยะคือการช่วยเธอ โดยการทำลายความกลัวของเรน ..แล้วก็ทำสำเร็จแล้ว
เมอันแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เธอในตอนนี้รู้สึกว่า ..ต่อให้ไม่ต้องได้รับคำชมจากคุณพ่อ ก็คงจะถูกปลดปล่อยได้อย่างผ่อนคลาย กล่าวได้ว่าความกลัวนั้นไม่มีอีกแล้ว หรืออาจจะมองว่าความกลัวนั้นยังคงฝังอยู่รากลึกอยู่ก็เป็นได้ ก็แค่–ความอบอุ่นที่ได้รับในตอนนี้ มันมากพอที่จะต่อกรกับความกลัวในจิตใจ
เพราะอย่างนั้น ..ผลลัพธ์ของการต่อสู้ก็คือ–
“แพ้แล้วค่ะ”
“..ไม่คิดจะไปให้เรนมันจิกหัวใช้อีกแล้วใช่มั้ย?”
“หนู ..ไม่อยากทำตามที่คุณพ่อสั่งอีกต่อไปแล้ว”
เคียวยะได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา ก่อนจะฝืนตัวเองลุกขึ้นยืน
“..ใครสักคนที่ยื่นมือมาให้”
“…”
“ใครสักคนที่ว่าก็คือฉัน”
เคียวยะยื่นมือไปให้
“ไม่ขัดข้องอะไรนะ?”
“..อือ ..ขอโทษด้วยนะคะ พี่ชาย”
เมอันลุกขึ้นยืน และตอบรับมือคำเชิญของเคียวยะ
“แล้วก็ขอโทษอีกครั้งด้วยนะคะ ที่หนูคงจะอยู่กับพี่ชายต่อจากนี้ไม่ได้ ..เพราะหนูจะถูกคุณพ่อสังเวย และหายไปค่ะ”
…..
…..
อะไรฟร้ะนั่น? คนอุตส่าห์สู้ถวายชีวิต
เคียวยะหัวเราะขึ้นจมูก ทำท่าหยักไหล่ เกือบจะแหกปากแต่ก็ไม่มีแรง เลยนั่งแบบสงบนิ่งแทน
“เสียเวลาฟรีสินะ”
แถมยังเข้าทางแผนเรนเต็มๆด้วย ทำให้เคียวยะที่พัฒนาขึ้นจนเป็นปัญหาได้หมดสภาพอย่างนี้ ตัวมหามังกรเทียมที่สู้จนคุ้มแล้วก็จะโดนสังเวยเพื่อแผนต่อไปต่อ
“ขอโทษด้วยนะคะ”
เคียวยะแบมือดูมือของตัวเองที่สั่นไม่หยุดจากการต่อสู้ เขาเคลื่อนมือไปสัมผัสหน้าอกของตัวเอง และถอนหายใจเฮือกออกมา
“ฉันสู้ต่อไม่ได้แล้ว คงจะช่วยอะไรไม่ได้–แต่ที่อยากรู้ตอนนี้คือ ..ถ้าฉันมีพลังพอจะลุกขึ้นไปขัดขวางเรนได้ แล้วแกเองก็ได้พลังกลับคืนมา ยังจะเลือกขวางฉันเหมือนเดิม? หรือว่าจะร่วมมือกับฉันเพื่อโค่นเรน”
“…”
เมอันจับหัวใจของตัวเอง พลางยิ้มออกมาราวกับพระอาทิตย์
“หนูอยากมีชีวิตต่อไป พร้อมกับพี่เคียวยะ”
เคียวยะปล่อยเนื้อปล่อยตัว พิงกับซากหิน
“ไหนๆก็จะตายแบบน่าสมเพซแล้ว ทางนี้จะยอมฟังที่พูดและตอบกลับบ้างในบางครั้งละกัน”
ว่าง่ายๆก็เดี่ยวอยู่คุยเป็นเพื่อนไปจนจบเอง
“ค่ะ ..พี่ชาย”
“อะไรอีก”
“ขอบคุณจริงๆนะคะ สำหรับทุกอย่าง”
เคียวยะเบิกตาโพงกว้าง กระพริบตาอยู่สองจังหวะก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“..ให้ตายสิ ..เสียเวลาเปล่าจริงๆ”