เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 264
< < 169 Sec2 > >
บริเวณท่าเรือ พวกผมมาเพื่อรับเบ็นจิโร่ ทว่า ..ไรเดน อาคาสะก็โผล่มาพร้อมกับโพล่งมาแบบงงๆ
“เปลี่ยนกำหนดการณ์นะครับ พวกเราจะคุยธุระกันที่คฤหาสน์ท่านโทมิเรียแทน ด้วยเหตุฉุกเฉินที่ยากจะอธิบายให้ทราบได้”
“..แบบนี้นี่เอง”
แล้วจะให้มาทำไมฟร้ะ? ไว้ไปถามเหตุผลจากอานิม่าละกัน
****
พวกผมถูกพาตัวกลับมาที่คฤหาสน์ของโทมิเรีย และไปนั่งในห้องๆเดิม โดยที่มีเคียวยะและโทมิเรียนั่งรอก่อนอยู่แล้ว
“ขออภัยที่ให้รอนะครับ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ แต่เดิมทางเราสื่อสารกันพลาดเองด้วยแหละ” โทมิเรียมองผมแปลกๆเล็กน้อย ก่อนปั้นยิ้มให้เหมือนเดิม “เช่นนั้นก็มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ”
ผมทำตามที่โทมิเรียว่า และลงไปนั่งข้างๆเคียวยะ ตามมาด้วยอานิม่า
……
……
****
บริเวณภูเขาบนเกาะที่ยื่นออกมาจากตัวเกาะ มหามังกรวารียืนอยู่บนจุดๆนั้น เขามองดูสายน้ำและสายลมที่พัดผ่านไปตามกระแสของธรรมชาติ
“อากาศดีเนอะ”
และเหมือนจะไม่ได้มาคนเดียว ข้างหลังของมหามังกรก็คืออาวุธสงคราม ‘วิน’ เธอปรากฏตัวมาพร้อมกับสายลม เนลยอนมีท่าทางแปลกใจนิดหน่อย เพราะเขาไม่ได้นัดเธอไว้
“มีธุระอะไร”
“เปล่านี่ แค่บังเอิญอยากดูวิวสวยๆก่อนวันสุดท้ายของชีวิต”
วินกล่าวแบบติดตลกและลงไปนั่งข้างๆจุดที่เนลยอนยืนอยู่
“คนอย่างท่านมหามังกรเย็นชาเนี่ยก็มีอารมณ์สุนทรีย์เหมือนกันสินะ”
“ไม่ใช่เรื่องที่ลิงอย่างเจ้าต้องสนใจ”
“เอาอีกแล้วนา คนกำลังจะตายแล้วแท้ๆ ยังเรียกกันว่าลิงอยู่อีก-คุยกับฉันดีๆสักครั้งไม่ได้หรือไงนะ?”
วินส่งสายตาให้เนลยอน เนลยอนหลบสายตานั้นทันที
“ไม่ใช่เรื่อง”
“อ๋อเรอะ ก็แล้วแต่ถ้าเกิดไม่สนใจลูกน้องตัวเองขนาดนั้น” วินทำแก้มป๋อง “คนอุตส่าห์อยู่ช่วยแบบไม่บ่นมาตั้งหลายปี ไม่เคยเห็นหัวกันจริงๆด้วยสินะ ในฐานะลูกจ้างนายจ้างเนี่ย เลวร้ายสุดๆเลยนะจะบอกให้”
คนที่บ่นมันซะทุกครั้งที่มีงานพล่ามออกมาเช่นนี้ ..เนลยอนไม่คิดตอบโต้อะไร เพราะเขาขี้เกียจที่จะพูดคุยด้วย สำหรับเขา การพดคุยกับวิน คือการเอาตัวเองไปยุ่งกับลิงน่ารำคาญราวๆสิบตัวพร้อมกัน ไม่ว่าจะยังไง ก็เป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีเสียเท่าไหร่นัก
สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เนลยอนตออนนี้แค่อยากจะรับลมเย็นเท่านั้น อย่างที่วินว่า เขาเองก็พอมีอารมณ์สุนทรีย์อยู่บ้าง
“ทำไมถึงอยากคืนชีพเทพมังกรเหรอ?”
“…”
“ฉันไม่ปากพล่อยหรอก ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องตายแล้วหายไปพร้อมกับความลับนายอยู่แล้วแหละน่า”
วินหันหน้ามอง และทำเสียง “เนอะ” พยายามให้เนลยอนเห็นตรงกัน
“ทุกสรรพสิ่งเกิดมาเพื่ออะไร”
“ไม่รู้สิ เกิดมาทำไม ใช้ชีวิตไปทำไม จุดเริ่มต้นที่ทำให้มนุษย์ต้องใช้ชีวิตมันไม่มีหรอก คิดว่านะ”
“ข้าเชื่อว่าทุกสรรพสิ่งเกิดมาพร้อมกับรากเหง้า ..หากปราศจากบิดารึมารดา ตัวตนในฐานะสิ่งมีชีวิตก็จะตัวตนที่แท้จริง ราวกับรากเหง้าทั้งหมดนั้นไม่เคยมีอยู่”
…วินเบะปากใส่
“อะไรละนั่น อย่าบอกนะว่าที่ทำทั้งหมดก็แค่–เด็กน้อยที่อยากรู้ว่าตัวเองควรทำยังไงกับชีวิตต่อ เลยคิดอะไรไม่ออกนอกจากถามพ่อ แต่เผอิญว่าพ่อตายไปตั้งแต่ยุคพระเจ้าเหาแล้ว เลยใช้วิถีมารปลุกผีเนี่ยนะ?”
“ระวังปากหน่อย เจ้าลิง”
“พูดตามตรงนะ โคตรเห่ย พอได้รู้ว่าตัวฉันถูกคาดหวังเพื่อให้เด็กน้อยอย่างนายไปถึงฝั่งฝันเนี่ย”
อนึ่ง เนลยอนเป็นต้นเรื่องในการสร้างวินขึ้นมา
เนลยอนหรี่ตามองวินอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจเฮือกโตอย่างหงุดหงิด
“…น่าเบื่อจริงๆ พอลิงอย่างเจ้าโผล่มา บรรยากฝาศก็เหม็นกลิ่นลิงไปหมด”
“หา!!!!?”
“ทั้งยังเป็นลิงที่คิดติดต่อกับศัตรูลับหลังนายเหนือหัวตัวเองอีก ช่างกล้านัก”
“เอ๋!!!!? รู้ได้ไงเนี่ย!?”
เนลยอนไม่ตอบ เพียงแค่ทำท่าจะเดินกลับ
“แล้ว? ไม่คิดจะคุยเรื่องที่ฉันลับหลังหน่อยเหรอ? บทลงโทษโหดๆอย่างทุกที ไม่มีเลยรึ?”
“..”
เนลยอนกระพริบตาหนึ่งครา ในห้องเล็กๆอันเป็นห้องประจำที่เขาอยู่นั้น วินตัวน้อยในวัยสิบขวบเศษๆได้เดินเข้ามา พร้อมกับทำท่าตะเบะให้
‘หวัดดีค่า ไม่ได้พบกันนานนะคะ ท่านมหามังกรวารี! จากนี้ฉันจะรับหน้าที่เป็นลูกมือให้โดยตรงตามคำแนะนำของท่านฮิโรโตะ”
วินในวัยสิบสามขวบเปิดประตูเข้ามาในห้องของเนลยอนอีกครั้ง
‘เนลยอนนนนน งานหนักไปเปล่า?’
ราวกับภาพเดิมๆในที่เดิมๆที่แตกต่างกันไปตามกาลเวลา วินในวัยที่โตขึ้นเรื่อยๆได้เปิดประตูห้องเข้ามาทักทายเขา และเดินออกไป และเข้ามาใหม่ และเดินออกไป
บางครั้งบางคราว เนลยอนก็เฝ้ารอการพลัดเปลี่ยนของวินออย่างใจจดใจจ่อ และรู้ตัวอีกที วินก็ปีนหน้าต่างมาอยู่ข้างๆเขา
‘เนลยอน งานคราวนี้อะไรเหรอ?’
รู้ตัวอีกทีก็–
..
…
ลมหนาวได้พัดผ่านหน้าของวิน เส้นผมของวินปลิวไปตามสายลมเช่นเดียวกันผมของเนลยอน
“โตขนาดนี้แล้วนี่เอง”
?? วินส่งสายตาที่มีแต่เครื่องหมายคำถามมา ทางเนลยอนก็เบิกตาโพงกว้างทันทีที่พึ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรไป
“สบายดีเปล่าเนี่ย?”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
“นี่ เนลยอน”
“อะไร”
วินโพล่งขึ้นทั้งรอยยิ้ม
“เหมือนว่าตอนนี้ฉันจะเจอคนรักเข้าให้แล้วน่ะ”
คนๆนั้นก็คือ เรเซอร์ ดราแคล์
“…”
วินมีท่าทางที่เขินอาย เธอบิดตัวไปมาด้วยรอยยิ้มของสาวน้อยน่ารัก ก่อนจะค่อยๆเอามือมาประกบกันบริเวณปาก ส่งสายตาล่อกแล่กไปมาอย่างผิดธรรมชาติ
“ว่าไงดี ..ถึงจะบอกว่าลับหลัง แต่ที่ทำก็ไม่ได้ตั้งใจจะทรยศหักหลังอะไรหรอกนะ ถึงจะมีขอยืมแรงอีกฝ่ายจัดการเรื่องส่วนตัวบ้าง แต่ถ้ามันเป็นงาน ฉันก็จะทำเต็มที่เพื่อนาย ตามวัตถุประสงค์แรกที่ฉันได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างที่ควรได้ แล้วก็” วินโค้งศรีษะให้ “ขอโทษนะที่ทำเรื่องแบบนี้ใส่นาย ถ้ายกโทษให้กันได้จะช่วยได้มากเลยละ แล้วก็ๆ”
วินโค้งศรีษะซ้ำให้อีกครั้ง
“ขอบคุณที่ดูแลมาตลอดนะ น่าเสียดายที่ฉันไม่ทันจะเรียนจบ แต่ก็-ถือซะว่านี่เป็นการจบการศึกษาการใช้ชีวิตก็ได้มั้ง? ว่าไปนั่น ฮ่าๆๆๆ”
“น่ารำคาญ เรื่องที่พูดมามันเกี่ยวอะไรกับข้า”
“เกี่ยวอะไร? ก็อาจไม่เกี่ยวหรอก แต่นาย ..อืม นั่นสินะ นายมีสถานะที่ใกล้เคียงกับ ‘พ่อ’ ฉันสุดๆเลยไม่ใช่รึไง? กับคนที่เป็นพ่อ ยังไงๆฉันก็อยากจะพูดขอบคุณก่อนที่จะหายไปอยู่แล้ว”
พ่อ? หา?
“ตอนฉันเข้าเรียนวันแรกที่เขาปฐมนิเทศกัน นายก็มาไม่ใช่เหรอ ตอนที่–ใช่ นายเคยเล่นเป็นพ่อให้ฉันด้วย ถึงจะไม่เต็มใจจนทำให้คนที่โรงเรียนคิดว่าพ่อกับฉันมีปัญหากันอย่างหนักก็เหอะ นอกจากนั้นก็-เรื่องดีๆว่าตามตรงน้อยจัด แต่ คนที่ใกล้เคียงกับพ่อที่สุดก็เป็นนาย” วินหัวเราะ และยิ้มให้ในจังหวะสุดท้าย “ฉันมองนายเป็นพ่อนะ เนลยอน ถึงจะดูเป็นความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานและดูไม่ดีซะเยอะก็เถอะ ทั้งส่งฉันไปทำภารกิจเสี่ยงตายเอา ส่งฉันไปทำเรื่องน่ากลัวอะไรต่างๆนานาเอย”
…
“และเพราะอย่างนั้นแหละ จากที่ฟังมาทั้งหมด นายเองก็คงจะใจอ่อนพอจะยอมทำตามคำขอเอาแต่ใจนิดหน่อยของฉัน”
“สุดท้ายพยายามโน้วน้าวใจข้าให้ทำตามที่เจ้าต้องการ จู่ๆก็ใช้วิธีที่ดูฉลาดขึ้นม–”
“หลังจากที่ฉันตายไปแล้ว ช่วยฝังหลุมศพฉันไว้บนนี้ทีสิ”
วินเดินเข้าไปใกล้เนลยอน และย่อตัวลงเล็กน้อยให้อยู่ในระยะสายตาเดียวกับเนลยอน
“ยิ่งกว่าใครๆ ฉันอยากให้นายเป็นคนที่จบเรื่องราวของฉัน เหมือนอย่างที่นายเป็นคนเริ่มต้นเรื่องราวของฉัน”
เนลยอนจ้องหน้าของวินที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มไม่ต่างจากทุกที และหรี่ตาลงก่อนหันไปมองทางที่ลมพัดไป นั่นคือทะเล และก็ได้คำตอบทันที
“..”
เนลยอนเปิดปาก มอบคำตอบ—
****
3 ….
วันถัดมา เวลาเช้าตรู่ของอาณาจักรเนลยอนได้มีหิมะโปรยลงมาอย่างงดงาม ทว่าจู่ๆหิมะก็พลันดับไปพร้อบกับ ..หัวใจสีทองที่ลอยอยู่บนฟ้า ทุกสายตาจับจ้องไปที่หัวใจนั่น ผู้คนต่างหยุดวิถีชีวิตของตัวเอง และจับจ้องไปที่สิ่งๆนั้น
2 ….
ไม่นาน
….1
ราวกับจังหวะการจุดพลุ การระเบิดก็เกิดขึ้นภายในอาณาจักร และตัวเลขผู้เสียชีวิตก็ถูกนับ 1 ขึ้นมา