เกิดใหม่เป็นตัวร้ายโหลยๆแล้วทำไม? ผมจะช่วยน้องนางเอก(อวย)ของผมเอง!! - ตอนที่ 231
< < 147 > >
เทียนหลงพุ่งเข้ามา ผมพุ่งตัวออกไปเพื่อหลบหลีกการโจมตีถึงตาย ก่อนจะร่ายเวทย์สวนไป ทว่ามันก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อตัวเทียนหลงเลย หล่อนปัดเวทมนตร์ทั้งหมดของผมทิ้งด้วยแสงสว่าง ก่อนจะคาบยูจิ และบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ได้แต่มองส่งเทียนหลงที่ทยานขึ้นไปบนฟ้า ..คิดว่าตอนจบแบบนี้มันแสนน่าสมเพซ
“จะขยี้ให้แหลก..!!”
ร่างของผมทยานขึ้นฟ้าด้วยการตัดมิติซ้อนทับกันนับล้านๆครั้ง ผมทยานขึ้นฟ้าไปด้วยการผสานร่างตัวเองกับเวทย์ลมตามด้วยการตัดมิติ สิ่งที่ทำทั้งหมดทำให้ร่างกายแหลกเหลวจนไม่น่าดู แต่เรื่องนั้นก็ไม่มีทางเกิดขึ้นเพราะเปลวเพลิงสีทองมันโอบอุ้มตัวผมอยู่ตลอดเวลา ในเวลานี้ ผมพุ่งไปอย่างรวดเร็ว เร็วมาก เร็วยิ่งกว่ามังกรที่มีปีกยิ่งกว่าอีก
อึดใจเดียวผมก็ลอยอยู่ข้างหลังของเทียนหลง
‘เร็วเกินไปแล้ว! คุณสมบัติของจอมมารทำให้กลายเป็นตัวประหลาดไปแล้วสิน–’
“หุบปาก แล้วไปลงนรกซ—ะ!!!!”
ผมอัดเวทย์เพลิงสุดแรงเข้าที่ลำตัวของเทียนหลง ร่างมังกรจีนยักษ์ถึงกับลอยไปมาตามความเจ็บปวด พร้อมด้วยเสียงกรี๊ดร้อง ‘กรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร’ ประหนึ่งหมาขี้แพ้ตัวหนึ่งดีๆนี่เอง
ทว่าในจังหวะถัดไปที่ผมจะเริ่มโจมตี เทียนหลงก็ฟาดหางเข้าใส่ลำตัวผมโต้กลับ และส่งผมลงดิ่งสู่พื้นดิน
ร่างรอยอยู่กลางอากาศ ผมฝืนตัวเองบิดตัวเฉียงขึ้นไปบนฟ้าและทำเหมือนเดิม ใช้ทุกอย่างที่ใช้ได้ทำลายร่างกายตัวเองโดยรักษาตัวเองในพร้อมกันด้วยวิหคอมตะ
‘กรรรรรรรรรรรรรร!!!!’
เทียนหลงกู่ร้องสุดเสียง เร่งสปีดของตัวเอง จนสุดท้ายก็พ้นระยะโจมตีของผม—
“แม่งเอ้ย!”
ผมค่อยๆหล่นลงพื้นอย่างช้าๆ เมื่อตัวถึงพื้นแล้ว ผมก็ทำการยืนยันกับตัวเองเรียบร้อยว่าเป็นอีกครั้งที่ผมไม่อาจช่วยยูจิไว้ได้
“…หนิง?”
ไม่ใช่ว่าหนิงสู้อยู่กับเทียนหลงหรอกเหรอ?
เมื่อเดินไปเรื่อยๆผมก็พบเข้ากับหนิงที่นอนอยู่กับพื้นในสภาพที่หมดซึ่งเรี่ยวแรง เธอสังเกตุเห็นผมจึงยิ้มให้อย่างอ่อนล้า
“ขอโทษนะ ฉันแพ้เทียนหลง”
“เหรอ”
ผมไม่ได้ถามหรือพูดอะไรไปมากกว่านี้ทั้งนั้น ทำเพียงลงไปนั่งข้างๆหนิงก่อนจะจุดกองไฟ ตั้งแคมป์แล้วก็เอาอานิม่าออกมาจากกระเป๋าเวทมนตร์
โชคดีที่เธอไม่ได้ขาดอากาศหายใจตาย สมกับเป็นเทพเลย
****
หลังจากที่นั่งอยู่เฉยๆพักใหญ่ๆ หนิงก็เริ่มจะพูดคุยกับผม และเล่าการต่อสู้ระหว่างเธอกับเทียนหลงให้ฟัง หนิงบอกว่าเธอตั้งใจจะโค่นเทียนหลงแล้วก็ไปช่วยผมต่อ เลยฝืนตัวเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็โดนเทียนหลงก่อกวนโดยพูดถึงเรื่องยูจิจนเสียสมาธิ และทำพลาด สุดท้ายก็โดนเทียนหลงส่งลงไปนอนกองกับพื้น และเป็นเหตุผลที่ทำให้เทียนหลงมาเล่นงานผมรวมถึงพายูจิหนีได้อีกด้วย
พอหนิงได้รู้เรื่องทางฝั่งผมบ้าง เธอก็กล่าวขอโทษออกมาและนั่งก้มหน้ากอดเข่าอยู่อย่างนั้นมานานแสนนานแล้ว ไม่หลับเสียที
“ว่าแต่..ร่างอาภรณ์เทพมังกรสินะ”
‘อาภรณ์เทพมังกร’ คือการสร้างผิวหนังมังกรออกมาเป็นเกราะที่ทรงพลัง และเรียกเอาอาวุธชิ้นหนึ่งออกมาเป็นสื่อกลางพลัง ดูที่รูปลักษณ์ มันเหมือนกับการสวมใส่ชุดเกราะนักรบที่บริเวณหน้าท้องถึงหัวเป็นร่างเนื้อปกติ แต่ที่เหลือก็ถูกปกคลุมด้วยชุดเกราะที่มีดีไซน์แสนสวย ขาดไม่ได้อีกก็คือปีกหรืออะไรก็ได้ที่ทำให้บินด้วย ก่อนตามมาด้วยอาวุธเท่ๆสักชิ้น อย่างที่ไลท์โนเวลสมัยก่อนมีกันเยอะๆ และสิ่งนี้นี่แหละที่หนิงตั้งใจจะทำและพลาดไป
ด้านความสามารถ มันเหมือนการเอาร่างมังกรมายัดอยู่ในชุดเกราะและอาวุธ ทำให้สู้ได้สะดวกขึ้นในขณะเดียวกันพลังทำลายล้างรึอื่นๆก็ไม่ได้ดรอปลงเลย แล้วก็ยังไม่แน่นอน ยางทีร่างๆนี้อาจจะยกระดับพลังของมหามังกรขึ้นก็เป็นได้ เหตุผลที่ยังไม่กล้ายืนยันก็เป็นเพราะยังไม่เคยมีมหามังกรของแท้ที่ไม่ใช่มหามังกรเทียมสวมใส่อาภรณ์เทพมังกรมาก่อนเลย
ความเป็นไปได้ที่อาภรณ์เทพมังกรเป็นแค่สื่อกลางในการใช้พลังเสมือนมหามังกรของพวกมหามังกรเทียมก็มีอยู่ มหามังกรจริงๆอาจจะไม่สามารถสวมใส่ได้ก็เป็นได้
ด้วยข้อมูลที่น้อยนิด จึงไม่แปลกอะไรที่หนิงจะพลาด
แน่นอนถ้าสำเร็จก็ดีไป เหมือนกับการเสี่ยงดวงนั่นแหละนะ
ผมเองก็ไม่คิดจะตำหนิหนิงหรอก แทนที่จะตำหนิหาวิธีแนะนำให้สำเร็จดีกว่า แต่ทางนี้เองก็ไม่มีข้อมูลอะไรด้วยสิ
ระหว่างที่ผมกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นเอง ข้างๆตัวผม– ‘อานิม่า’ ก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เธอหันซ้ายหันขวามองผมและหนิง ก่อนจะพยายามมองหาคนๆหนึ่งต่อ แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เธอนิ่งไปสักพัก ขมิบปากเข้าหากันและถอนหายใจออกมา ดูลำบากใจ เหมือนพยายามจะยอมรับความจริงบางอย่างที่ยากจะทำใจอยู่
คงจะเป็นการตายของเวฟนั่นแหละ..
อานิม่าในร่างของน้องสาวเวฟค่อยๆละลายอย่างน่าสยอง ไม่นานก็เปลี่ยนรูปกลายเป็นร่างของอานิม่าตัวจริง
สิ่งแรกที่เด่นสะดุดตาเลยคือเลือนผมสีทองที่ล่องลอยอยู่ตามท้องฟ้า แล้วก็ดวงตาสีทองที่ดูสง่างาม ผิวสีขาวราวหิมะ เป็นคนที่ดูตัวเล็กแต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนกับเด็ก เป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กเฉยๆ สูงเพียง 150 ซ.ม. นอกจากนั้นก็คือชุดของทวยเทพที่เผยเนื้อหนังเป็นจำนวนมาก
อานิม่าที่กลับร่างเดิมแล้วชำเลืองมองผมด้วยแววตาที่ดูเบื่อหน่าย พอมองดูดีๆแล้ว คนๆนี้ดูฉลาดเป็นกรดเลยละ
“…….”
“…….”
“…….”
“…….”
“…….”
“…….”
“…….”
จะไม่พูดอะไรจริงดิ?
อานิม่า? อ๊ะ เหมือนตัวจะสั่นรัวๆเลย พลันใดนั้นหล่อนก็—เปลี่ยนร่างไปเป็นเบลลามีเฉยเลย
ผมสีดำออกม่วงสุดสวยงามนั่นผมไม่มีวันเดิม เหมือนกับเบลลามีของแท้เลย ทว่า ผมผู้เป็นแฝนพันธ์แท้เบลลามีย่อมรู้ดีว่าของจริงกับของปลอมต่างกันตรงไหน
“กลิ่นต่างกันเกินไปแล้ว กลิ่นของเบลลามีน่ะนะ ฟังไว้นะ เธอน่ะ–”
“พอเลยๆ”
จู่ๆหนิงก็เงยหน้าขึ้นมาพูดขัดผมไม่ให้พูดไปมากกว่านี้ อานิม่าที่ก่อนหน้านี้ตังสั่นไม่หยุด พออยู่ร่างเบลลามีแล้วก็ดูสงบขึ้นมามาก
“ก่อนอื่น ต้องยินดีที่ได้พบหรือเปล่า?”
อึก เสียงเหมือนแฮะ–เจ็บใจชะมัด อยากจับผิดชะมัด
สีหน้าเจ็บใจของผมน่าจะออกหน้าอย่างชัดเจน ทำให้อานิม่าเอ่ยถาม
“ไม่พอใจอะไรเรารึเปล่า?”
“ไม่หรอกครับ ..จะว่าไป ทำไมต้องแปลงร่างเป็นคนอื่นด้วยละ”
ว่าไงดี แอบย้อนแย้งแฮะ เป็นเทพแห่งจิตวิญญาณ แต่ดันเปลี่ยนร่างเป็นคนนู้นคนนี้ได้เนี่ย
“เราขี้อายน่ะ ถ้าให้พูดในร่างจริงไม่ไหวหรอก”
ขี้อายนี่เอง เพราะแบบนี้เลยไม่โผล่หัวมาในเนื้อเรื่องหลักเลยสินะ? ไม่มั้ง
“เพราะโลกภายนอกนั้นน่ากลัว มีแต่ผู้คนเลวๆชั่วๆ ไร้ซึ่งความปลอดภัย การเปลี่ยนร่างเป็นคนอื่นนั้นเปรียบเสมือนการที่เราออกจากบ้านพร้อมกับดาบและโล่ แค่นั้นไม่พอการแปลงร่างที่หลากหลายนี้ก็เปรียบเสมือนการเลือกอาวุธในการเผชิญโลกภายนอก ไม่ว่าจะ หอก โซ่ มีด ทวน เรามีหมด”
ว่าแล้วอานิม่าก็เปลี่ยนร่างเป็นเรเซลบ้าง อันนารึแองเจลิน่าบ้าง สุดยอดเลยแฮะ
“เหมือนว่าป่าอาถรรพ์จะทำให้คุณเป็นบ้านะ ท่านเทพ”
“ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ เราเริ่มกลัวโลกภายนอกก็ตั้งแต่ที่เริ่มอาศัยอยู่ป่าอาถรรพ์นี่แหละ”
“ไม่ใช่ว่าเหตุผลที่ใช้ร่างน้องสาวเวฟในการเข้าหาเจ้าตัว เป็นเพราะเขินอายน่ะ?”
“…ไม่ทั้งหมด แต่ก็มีส่วนค่ะ”
แบบนี้นี่เอง ว่าไงดี สุดยอด
“ชะ ช่วยแปลงเป็นยูจิทีสิ!”
“เดี่ยวสิ หล่อน”
“เข้าใจแล้ว—ครับ”
พอเปลี่ยนเป็นยูจิแล้วก็พูดครับด้วยแฮะ เหลือจะเชื่อ สุดยอด ว่าแต่ว่า ตอนเป็นเบลลามีวิธีพูดก็เหมือนเบลลามีเลยด้วยสิ สวมบทบาทดีจริงๆนะ
“..”
“คุณหนิง ..เอ่อ..ว่าไงดีละ” อานิม่า-ยูจิยิ้มออกมา “รัก..นะครับ
“มะ ไม่หลงกลตัวปลอมหรอกนะ”
หนิงทำเชิดหันหน้าไปทางอื่น-ดูยังไงก็ติดกับเข้าเต็มๆอีกแบบนี้
“ดูเหมือนจะชอบนะครับ คงเพราะไม่ได้พบกับคนที่ตัวเองรักนานสินะครับ น่าสงสารจริงๆ”
อานิม่าหันมามองหน้าผม ก่อนจะแปลงร่างเป็นเบลลามีต่อ
“..รักนะ”
“หงะ!! นี่หล่อน อย่ามาเลียนแบบเทพธิดาของฉันนะโว้ย!”
เพราะวิธีพูดและเสียงที่เหมือนกันจนน่าใจหาย ผมเลยฟิวส์ขาด
ด้วยความโมโหผมใช้ตัดมิติทำลายการแปลงร่างของอานิม่า ไม่กี่ฉับหล่อนก็กลับมาร่างดั้งเดิมของตัวเอง
“…..ยะ”
“ยะ?”
“..ยะ..ยะ.อย่ามองนะ”
อานิม่านอนปิดหน้าตัวเอง ในท่าเสมือนผู้ร้ายที่โดนตำรวจจับ
นี่มัน โรคเข้าสังคมไม่ได้ขั้นหนักเลยไม่ใช่รึไง? ป่าอาถรรพ์ทำร้ายท่านเทพผู้สูงส่งได้ขนาดนี้เลยสินะ
“โลกภายนอกน่ากลัว โหดร้ายที่สุด ฉันแค่อยากจะเยียวยาจิตใจทุกคนที่ต้องพรากจากคนที่รักเป็นเวลานานเองก็เท่านั้น ถึงคนหนึ่งเขาจะไม่มองไม่พอยังเกือบจะโดนเกลียดอีก แต่ก็อยากจะช่วยแท้ๆ โลกนี้มีแต่คนใจร้ายจริงๆด้วย ..พี่ชาย..คิดถึงจัง”
“ยัยนี่แอบด่าฉัน”
“แอบร้ายแฮะ อานิม่า ว่าแต่รู้ได้ไงละนั่นเรื่องที่ผู้ชายเขาไม่เล่นด้วย แล้วหนิงก็ละเมอเพ้อเจ้อไปเรื่อย”
“เห้ย”
อานิม่ายังคงนอนท่าผู้ร้ายอยู่ แล้วก็
“…….”
“…….”
“…….”
ไม่ตอบอะไรกลับมาเลย
“เปลี่ยนร่างเป็นฉันแล้วค่อยพูดก็ได้”
อานิม่าทำตามที่บอก เธอเปลี่ยนร่างเป็นผมก่อนอธิบาย
“ฉันน่ะนะ สามารถมองเห็นรูปร่างของจิตวิญญาณในหัวคนได้ละ ตัวตนที่เห็นก็เกิดจากการมองเห็นจิตวิญญาณแล้วเลียนแบบนั่นแหละนะ น่ะนะ อืม สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือฉันจะกลายเป็นตัวตนที่อยากเป็นได้อ่ะนะ ภายใต้จิตวิญญาณของคนอื่นที่มองมาที่ตัวตนที่ฉันแปลงกาย ฉันไม่สามารถมองเรเซอร์ภายใต้จิตวิญญาณของเรเซอร์แล้วแปลงร่างได้หรอกนะ อืม”
สรุปก็คือขั้นตอนการเปลี่ยนรางคือ มอง A > แปลงเป็น B ตามที่ A เข้าใจ กล่าวคือไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ แต่ลักษณะนิสัยก็จะเปลี่ยนไป–ตามที่ A คิดว่า B เป็นอีก
นี่มัน..ค่อนข้างน่ากลัวแฮะ
“แล้วก็นะ อืม ว่าไงดีละ สุดยอดเลยนะ อืม แบบว่า ไม่เลว แต่ก็ใช้ยาก บางทีก็สร้างปัญหา แต่ก็นะ อืม มันเปรียบเสมือน”
“วิธีพูดฉันมันน่ารำคาญขนาดนั้นเลยเหรอ หนิง”
“..”
หนิงไม่ตอบอะไร ..อย่างที่เห็น มันสามารถทำให้มิตรภาพแตกหักเอาได้ง่ายๆเลยแหละ เพราะมันไม่ใช่กระจกสะท้อนตัวเอง แต่มันเป็น–ความเห็นคนอื่นที่มีต่อตัวเอง
อานิม่า ยัยนี่–อันตราย ในหลายๆควาหมายเลยแหละ
และนี่ก็คือการพบปะครั้งแรก(?)ระหว่างผมกับ เทพแห่งจิตวิญญาณ ‘อานิม่า’
ป.ล.ตอนนี้ผมลงเรทหน่อยนะครับ ตอนของวันที่ 23 ก็จะมีเหมือนเดิมนะ แล้วก็ตอนถัดไปก็จะเป็นการจบ Arc แล้วนะครับทุกคน เรื่องกำลังจะเข้าสู่ช่วงที่ผมอยากจะเขียนที่สุดแล้ว